เล่าประสบการณ์เรื่องศีล&ปฏิบัติธรรม ทั้งเรื่องจริงและโดนหลอก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บุญทรงพระเครื่อง, 19 มิถุนายน 2015.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ลูกหลานโหลนเหลน ทั้งหลาย ความเดิม ตอนที่แล้ว มาจบลงตอน ที่เล่าว่า เคยไปกราบ หลวงพ่อ แช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าน หลายๆวัด นี่ ก็คงห่าง จาก วัดบ้านเดิม ผม ๑๐ กว่าโลบ้าง เกือบ ๒๐โลบ้าง บางวัดอาจไม่ถึง ๑๐ โล นี่ พรรษาที่ ๒ นะครับ แต่ จะขอย้อนไปพูด เรื่อง พรรษา ๑ ก่อนนะครับ ผมมาคิดดู ยังไงๆ ก็ต้องพูด ในห้องอภิญญา เดี๋ยวมันไม่เหมาะ สมกับคำว่า ห้องอภิญา ครับ ขอเล่าเลยแล้วกัน เผื่อมันจะมีประโยชน์ ต่อหลายๆท่านที่เข้ามาอ่านน่ะครับ


    เมื่อตอนนั้น หลวงพี่ อ.ติ๊ก หน้าตาคล้ายฝรั่งตาน้ำข้าว ท่านคงมีเชื้อสาย ลูกครึ่ง นะครับ ท่านมาจาก วัดท่าซุง ๒ องค์ในสมัยนั้นครับ มีพี่มนู อีกองค์ ทั้ง ๒ องค์ ในสมัยนัน้ บวชเป็นพระ ตอนหลังพี่มนู สึกออกไป ส่วน อ.ติ๊กนี่ บวชมรณะ แถววัด ปราฯบุรี ต้นสายปลายเหตุ ผมไม่รู้ และผมไปไม่ทันพี่มนู หรอก พรรษานี้ ทันพี่ อ.ติ๊ก ชื่อจริงผมไม่รู้ และค่อยจะสนใจ ชื่อของผู้อื่นเท่าใด ท่าไม่จำเป็น ที่จะต้องรู้จักชื่อ พรรษานี้ ท่านสอน มโนมยิทธิ ให้ ซึ่งก็นำมาจาก หลวงพ่อ วัดท่าซุง ซึ่งพรรษานี้ ปฏิบัติ เอาอย่างจริงจัง ถ้าไม่เล่า ไม่ได้ วันนี้ จึงเล่าย้อนหลัง ถ้าไม่เล่า มันขาด เรื่องแห่งความเป็นจริงครับ ข้อนี้เป็นเรื่องของพวกนักปฏิบัต พึง สังวร สำรวมระวังให้จงหนักครับ
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นทั้ง เรื่อง กฎแห่งกรรม เรื่องอภิญาโดยตรง เป็นเรื่อง ทั้งเรื่องจริง และโดนหรอก ทั้ง โดนหรอกว่า ได้มรรคผล นิพพาน อยู่ทีนี้ครับ ผมปฏิบัติ เอาอย่างจริงจัง สัก ๑๕ วันได้ เริ่มทำสมาธิก็ สมาธิดิ่งลงแห่งความสงบ รวดเร็วมาก มีอยู่วันหนึ่ง ในสมาธิ บอกมาว่าบอกไม่ให้ผมพูดกับใครๆ นอกจากคนๆนี้ ไม่บอกชื่อนะครับ แล้วผมก็ ทำตานัน้ ที่บอกมาในสมาธิ เร่งรีบ ทำความเพียร อย่างใจจดใจจ่อ ต้องการได้มรรคผล ในการปฏิบัติ ต้องการความพ้นทุกข์ ดับไม่มีเชื้อ ให้สมกับคำที่เรา บวชมา เป็นนักบวช อยู่ต่อมาวันหนึ่ง ในสมาธินั้น บอกว่า ผมจบกิจในพระศาสนาแล้ว หมดแล้วซึ่ง ความพ้นทุกข์ดับไม่มีเชื้อ


    สมาธิเกิด ทิพยจักษุญาณ ถอยหลังไปว่า เราได้เกิดมาเป็นอย่างนี้ๆ มีภาพแบบเป็นเงาๆ ไม่ชัดเจนเท่าใดนักครับ ระลึกชาติได้ กี่ชาติ จำไม่ได้แล้ว ครับ จิตช่วงนัน้สงบสงัดมาก ดิ่งลงสมาธิ อย่างแนบแน่น แล้วในสมาธิบอกห้ามไปเล่าให้ผู้ใดฟัง ต่อมาเลยไปได้ กลางพรรษ เห็นจะได้ ในเวลานั้น ผมก็คิดไตร่ตรองดู เหตุผล ว่าความเป็นมาอย่างไร แล้วมาคิดไม่ตก เลยไปหาพ่อครูทัน รุจิเข อาจารย์ผม ซึ่งเป็นฆราวาส ผมก็เล่าให้ฟัง ตั้งแต่ต้น จนจบ แล้วพูดต่อว่า คือสมมุติ แต่ไม่ใช่ เรื่องจริง ผมบอกว่า ถ้าเรา มีผู้มาบากว่า เราจบกิจ แต่เราสงสัย ต่อมา ทำให้น้ำอสุจิเครื่อน เพราะเราเข้าใจผิด เราจะสังฆาทิเสศหรือไม่ ท่านตอบดังนี้ ไม่ เป็นคือไม่ขาดจากความเป็นพระ ถ้ายังไม่ทำไม่เป็น ถ้าตั้งใจทำให้น้ำอสุจิเครื่อนเป็น สังฆาทิเศส แต่ไม่ขาด จากความเป็นพระ
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ไอ้ทีไปถาม ตอนหลังนี้ เพราะกำลัง สมาธิ มันเริ่ม คลายตัวลง และพิจรณา เหตุผล ที่เป็นจริง จึงไปปรึกษาท่าน เพราะเราเคารพท่าน และท่านเป็นผู้มีความรู้สูง และข้อสำคัญ พระดังๆ ในการปฏิบัติ ยังไปสนธนาธรรมกับท่าน บางทีบางครั้ง ต้องเชิญท่านไปทำพิธิต่างๆ และให้ท่านร่วม อธิษฐานจิต วัถุมงคลเลยครับ บางที ท่านนั่ง เป็น ๓-๔ ชั่วโมง ในการอธิฐานจิต พระยงสู้ไม่ได้เลย ในสาบตาผมๆ ว่าดีกว่านักบวชหลายๆท่านครับ อีกครับ เพราะท่านทรงไว้ ซึ่งคุณธรรม ที่ผมเห็น ตี ๔ ท่านจะ นั่ง เพ่งกสิน เพ่งไฟในเทียน เป็นเวลานานๆชั่วโมง เวลามีคนมาหาท่านๆ จะรับรักษาดูให้ และรักษา ผู้โดนคุณไสยต่างๆ และหายมาพอสมควร ใครบอกบุญ ท่านก็ทำเป็นปรกติ และท่านจะถือศิล ๘ วันพระตลอด และท่านจะไปสนธนาธรรม กับหลวงพ่อนิ่ม วัดเขาน้อยล่าง เป็นประจำครับ คุยเรื่องในการปฏิบัติ เรื่องขององค์ ฌาณ ต่างๆ ได้อย่างคล่องแค่ว
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    และท่าน ทำหน้าที่เป่ายันต์เกราะเพชร มาก่อนผมเจอ หลวงพ่อฤาษี พ.ศ.๑๙ อีกครับ เมื่อก่อน ท่านจะป่ายันต์เกราะเพชร คือ ๒ วัน ถ้ามีหรือตรง คือ วันเสาร์ ๕ กับ วันพฤหัส ๙ นี่เป็นแบบนี้ครับ ผมได้รับยันต์ เกราะเพชร มาจากท่านพ่อครูทันก่อน ที่จะมารับยันต์เกราะเพชร จากหลวงพ่ออีกครับ นี่ก็ว่าย่อๆก่อนครับพอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวมีเวลาจะเข้ามาครับ ไปห้องอื่นๆบ้างครับ
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสกดีครับ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ความเดิม ตอนที่แล้วมาจบลงตอนที่ไปหาพ่อครูทัน รุจิเรข จริยาท่านคล้ายพระโพธิสัตว์ จะเป็นหรือไม่เป็นผมไม่ได้ถามท่านครับ แต่ผมเห็นท่านช่วยคน และรับรักษา โรคบางอย่างให้คนๆที่หาท่าน และ ข่วยบำรุงดูแล พระศาสนาได้ ดีกว่านักบวช หลายๆท่านอีกครับ องค์ความรู้ของท่าน มากด้วย ความรู้นาๆนับประการ มาว่าต่อครับ หลังจากผม กับมาที่สำนักสงฆ์แล้ว ก้ได้ เจริญสมาธิกรรมฐานเป็นปรกติ ตามเคย คืนวันหนึ่ง ทำสมาธิ ลงดิ่งสงบดีแล้ว ก้เกิดการ ผุดขึ้นมาในจิต บอกมาว่า มึง ขาดจากการเป็นภิกษุแล้ว มึงไม่ใช่พระอีกต่อไป เพราะว่ามึง ได้ไปบอกกับฆราวาส เรื่องราวต่าง ๆ ตอนนั้นจิตผม เกิดการหว้าวุ่นใจ จากจิตที่สงบสงัด กายเป็นกังวล และกระวนกระวายใจไปหมด


    พยายาม นำจิตตนเอง ทำอารมย์ ให้สงบ แต่ก็สงบเป็นครั้งๆไป แต่พอจิตสงบมากๆ มันก้ผดขึ้นมาในจิต บอกมึงไม่ใช้พระ ก็สลับกันไปมาอย่างนี้ ทั้งพรรษา และจนกลายเป็น โรคประสาท แบบอ่อนๆ ว่างั้นเถอะ และโรคความกลัว บางทีมันกลัวจนไม่มีเหตุและผล เอาเสียเลยครับ และก็โรคหัวใจครับ นี่ผลพวงมาจาก กรรมที่ผมทำ เพียงไม่กี่เดือน ที่ไปว่า เพื่อนกันตอน บวชพระว่าเขาขาดจากพระแล้ว ซึ่ง เขาเวลาบวช พระ จิตเขาไม่อยู่พร้อมที่จะเป็นนักบวช เพราะอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ บ้าง หัวเราะคนเดียวบ้าง พูดคนเดียวบ้างอะไรทำนองเนี้ยครับ และได หยิบเอาข้าวของต่างๆของนักบวช ในสมัยนั้นน่ะครับ ผมก็คงเอาไปเล่า ในห้องกฎแห่งกรรม แล้วไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2015
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มาเล่าถึง ตอน พระอ.ติ๊ก ฝึกมโนมยิทธิให้ มโนมยิทธิ ก็คือ มีฤทธิทางใจ นั่นเอง คือ วิชสาม บวกอภิญญา วิชชาสามจริงๆผู้ที่ฝึกได้ ไปไหนไม่ได้ เห็นได้ คุยได้ แต่ถอดจิตไม่ได้ ที่ถอดจิตไปได้ พูดคุย กับพระผีต่างๆได้ คุยเทวดา พรหมได้ ไปพระนิพพานได้ นี่ เขาเรียก มโมยิทธิ บวกภิญญา ที่ฝึกกันคือ มโนครึ่งกำลัง พูดย่อเอาครับ ไปด้วยกำลัง ของฌาณ ๔ หยาบ พูดตามหลวงพ่อท่าน จริงเราไม่รู้หรอกว่า ฌาณ ๔ หยาบหรือละเอียด มารู้ทีหลัง เมื่ออ่านหนังสือของท่านแล้ว จึงรู้ ไอ้ที่ทำได้ งูปลาๆ ก็ยังไม่รู้จริง คือพอพูดกับคนที่ได้ รู้บ้างเท่านั้นเองครับ
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มโนครึ่งกำลัง นี้ เมื่อไปได้แล้ว จะมีความรู้สึก ว่า จิตตน ขึ้นไปที่นั่นที่นี่ สมมุตินะครับ ว่าตอนนี้ ไปถึง สวรรค์ชั้นดาวดึง ครูผู้ฝึก จะถามว่า มีความรู้สึกว่าเห็นอะไรบ้าง ถ้าจิตไป มันจะเห็นภาพ บ้างไม่เห็นบ้าง อยู่ที่จิตเรา ว่า สอาด จากกิเลสขนาดไหน ถ้าไม่เห็นเลย แต่มีความรู้สึกว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านให้เราเอาอารมย์แรก ที่สำผัสได้ แต่อย่าสงสัย ถ้าสงสัยคือ มันเป็น นิวรณ์ ความลังเลสงสัย จะทำให้จิตเฝือ เมื่อเฝือแล้ว จะเป็นอุปาทานได้ ต้องเชื่อแบบอย่างโง่ๆ ท่านว่าอย่างนั้น ครับ ถ้าเรามีความมั่นคง ครูจะสอนพาไปในที่ต่างๆ ไปพรหม ไปพระนิพพาน แล้วแต่ครูจะสอนไปไหน ครับ ถ้าบางคน อารมย์ ใส จะเห็นเป็นภาพ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง การเห็นนี้ไม่ใช่เห็นแบบลูกตาเห็น จะเห็ในจิต ครับ คือตาใน ถ้าเห็นชัดจริงๆ จะเหมือน ลูกตาเห็นครับ
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ตอนทำใหม่ๆจึงต้องพึ่งครู ผูสอน เมื่อทำจนชำนิชำนาญแล้ว เราทำของเราไปเองครับ ขอพูดแบบเป็นกันเองว่า คนที่จะไป พรหม พระนิพานได้นั้น ตอนนั้นจิต ของทุกๆต้องสอาด เข้าถึง ความเป็นพระโสดบัน หรือพระสกิทาคามี พระอนาคามี หรือจิตเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ในนะจิต ขณะนั้น นะครับ ไอ้เมื่อก่อน มันศึกษามาน้อย และไม่ค่อยเข้าใจ นึกว่า ตัวเองเฝือไปบ้าง ตัวเองบ้าบ้าง อะไรทำนองเนี้ย เลยปล่อยทิ้ง อย่าลืมว่า คนที่ทำจิตให้เข้าถึง ความพระอริยในขณะนั้นนะครับ เมื่อออกจากสมาธิแล้ว อีกเรื่องหนึ่งจะทรงอารมย์ได้ขนาดไหน ถ้าเรามันทรงอารมย์ได้ ตลอด เราก็เป็นจริงๆ คนเราส่วนใหญ่ อารมย์มันหลง นึกว่าตัวเอง เป็นพระอริยเจ้าจริงๆ เลยทำให้ พังหมดครับ มันเป็นแค่ขณะนั้นเท่านั้น มันไม่ได้ทรงอารมย์ กาลตลอดสมัย ท่าทรงอารมย์ได้ตลอดกาล นั่นนั่นเข้าถึงแน่นอนครับ นี่มันทรงได้ ชั่วขณะจิตหนึ่งเท่านั้นครับ คนเรามันจะหลงตรงเนี้ยครับ
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มโนมยิทธิ นี่วิธีการฝึก มีหลายวิธีการ วิธีของหลวงพ่อ วัดปากน้ำนั้นก้ ถ้าฝึก นำจิตออกไปได้ มันก็คือ มโนมยิทธินั่นเอง ท่านบอกเหมือนกัน แต่วิธีการทำนั้น มันแยกแยะ ออกไป เท่านั้นเองครับ เรื่องของฌาณ ๔ หยาบกับ ฌาณ ๔ ละเอียด ละเอียดนี่ ผมพอรู้งูๆปลา จากที่ผมทิ้งมันไปแล้ว เดี๋ยวมาว่าต่อครับ มีคนมาหาครับ
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน วันนี้ก็มาว่ากันต่อ เพราะว่า เมื่อวานความเดิม ตอนที่แล้ว มาจบลง เรื่องของ ฌาณ ๔ หยาบ กับ ฌาณ ๔ ละเอียด คืออย่างนี้ ของคนอื่นเป็นอย่างไร ผมไม่รู้ แต่ของผมเป็นอย่างนี้ครับ มโมยิทธิ ที่เขาฝึกกัน เป็นมโนครึ่งกำลัง มีความรู้สึก บ้างเห็นภาพบ้าง ไม่เห็นบ้าง บางคนเมื่อเห็นภาพช้ดเจนแจ่มใสแล้ว ที่ไปในสถานที่ต่างๆได้นั้น เป็นฌาณ ๔ หยาบ เพราะว่า ใจมันยังมีความรู้สึก ที่กายอยู่ และอีก ใจหนึ่ง มีความรู้สึก ที่จิตเราเคลื่อนออกไป ในสถานที่ต่างๆ เช่นไปสวรรค์ได้ พรหมได้ พระนิพพานได้ ไป นรกได้ ไปเห็นเปรต อสูรกายได้ ไปในโลกต่างๆ ได้ อันนี้ ถ้าฝึกคล่อ่งนะครับ แต่ว่า จิตเรา ยัง รู้อยู่ได้ ๒ ที่ แต่ถ้าจิตเราฝึกจนคล่องแล้ว ไปได้ด้วย ฌาณ ๔ ละเอียด


    คือไปหมด ทั้งตัวเราเลย ตัวเราคือตัวในนั่นเองครับ กายหยาบ ที่เรา อาศัยอยู่นี้ มันเป็นเรือนร่างที่เรา อาสัยอยู่ชั่วคราวครับ บ้านพังเมื่อไหร่ ตัวเราก็ไปเกิดที่อื่นเมื่อนั้น มาว่า ถึง ฌาณ ๔ ละเอียด คนที่ทำคล่อง จริงๆ ท่านย่อมรู้ครับ ว่ามันเป็นอย่างไร ผมพอจะนึกออก น่ะครับ ถึงเราทำไม่ได้ หรือแค่รู้งูๆปลาๆ ก็พอเดาออก ถ้าทำคล่องแล้ว จะไปโลกไหน มาไหน ได้คล่องแค่ว คือ กายเนื้อนี้ ไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่า กายกับจิต แยกกันโดยเด็ดขาด นั่นเองครับ
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มาเล่าตอนที่ผม ออกไป เมื่อปลายปี ๒๘ หลวงพ่อ ท่านบอกข่าวไปว่า ท่านจะสอน มโนมยิทธิ เต็มกำลัง พูดผิดขออภัยนะครับ วันเดือนปี อาจจำคาดเคลื่อนได้ เอาเนื้อความพอครับ เมื่อผมกลับไปเยี่ยม แม่ น้องๆที่นครปฐม ผมคิดนอนคิดไปว่า เอ่ มันเป็นยังไงน้อ มโนมยิทธิ เต็มกำลัง และออกไปแบบไหน วันนั้นผมก็คิด แต่เรื่องนี้ครับ คิดมาคิดไป ก็ไปเปิด วิทยุ ฟังธรรมมะ และ ฟัง รายการ พระสวดมนต์ ของวัดหลวงพ่อ สนอง กตปุญโญ วัดจำชื่อไม่ได้ อยู่ จ.อ่างทอง เป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อ สังวาลย์ วัดทุ่งสามัคคีธรรม


    ฟังไปด้วยความเพิดเพิน จนกระทั่ง จิตมันหลุด ออกไป ตอนไหน ออกไปยังไง ไปเมิ่อไหร่ไม่รู้เลยครับ มันเร็วมาก เมื่ออกไปแล้ว มันเหาะตีลังกาไปแบบเฮ่งเจีย ยังไงยังงั้นเลยครับ ตัวเบา เหมือนนุ่น ตอนที่เหาะไปนั้น มันเหมือน ตอนที่ พระอาทิตย์ตกดินไม่นาน สลัวๆๆๆ ไม่ชัดมาก เหมือนตอนกลางวันครับ ความรู้สึก ที่กายนั้น มันไม่มีเลย มันรู้ศึกว่า ตัวเราจริงๆคือ ตัวเราที่ออกไป ร่างมันไม่ไหวติง แล้ว มันก็บอกว่า กูจะเหาะไปไหนหว่า แค่นั้นแหละ มันมีความรู้ศึก ที่ตัวกายเนื้อทันทีครับ
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ต่อมา ผมก้เข้าใจแล้วว่า อ๋อ มโนเต็มกำลัง มันเป็นแบบนี้นี่เอง ไปหมดตัวในเลย พูดง่ายๆก็คือ ฌาฯ ๔ เต็มกำลังครับ มาอ่านหนังสือ หลวงพ่อ ฤาษีทีหลัง จึงเข้าใจเพิ่มอีกครับ และวันฝึกจริงๆ เปล่าผมไม่ได้ หรอกครับ เต้นพับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พระและฆราวาส ต้องมาจับยึด กันหลายคนหลายองค์เลย ทำเต้นเหมือนตอนปลุกพระครับ ผมก้เสียใจ ตนเอง ที่ทำไม่ได้ ก็เมื่อฟังเทป หลวงพ่อเสร็จ ก็เข้าห้อว วันนั้น มันคิดเรื่อยเปื่อยไป นานเท่านาน จนกระทั่ง ไป ที่ห้องน้ำ หลังกุฏิ ๑๐ หลัง มีห้องน้ำเสีย อยู่ห้องหนึ่ง มียุงเต็มเลย ก้เลย คิดว่า ในเมื่อทำไม่ได้ก็ปล่อยให้ยุง มันกัดกิน ให้ตายไปเสียเลยจะดีกว่า จะมีชีวิตไปทำไมกัน


    เมื่อคิดได้ในขณะนั้นแล้ว ก็ปิดประตูห้องน้ำ ขังตัวเอง ในนั้น ยุงนี้กัดกินตัวผม มองดูให้ดำไปหมด ทั้งห้องน้ำ นับเป็นหมื่นแสนๆตัวเลย พอได้สติขึ้นมา เอ่ ถ้ากูตายตอนนี้ มีหวังไปนรก แหงๆเลย จิตมันเป็นอกุศล ทรมารตัวเอง คิดได้ดังนั้น ก็เลย เดินมาที่ห้องพักเข้าจะไปนอน พอดี มีเสียงเทป หลวงพ่อ ตอนตี ๔ นี่เรา คิดไม่ดี ทั้งคืนเลยหรือ ถึงตี ๔ เมื่อมาห้องนอนเข้าที่นอน คือนอนตะแคงตัวนอน จิตมันพลีย ร่างกายเพลีย ทันใดนั้น ตัวผม มัน เริ่มมีอาการหมุน ผมคิดในใจ ตายเป็นตายจะยังไงก็ช่างมัน ไม่สนใจมันแล้ว ทันใดนั้น ตัวผม ก็หลุด ออกไป อยู่ ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นป่า ตอนไปนั้น มันก็มืด แบบ สลัวๆ เหมือนกำลัง จะมืด โพล้เพล้ๆๆๆนั่นเองครับ ตัวผมมันเริ่มลอยขึ้นๆๆๆ เพราะว่า ความกลัว มันจึง ร้องออกมาว่า ท่านพ่อท่านแม่ ช่วยด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอยู่พักหนึ่ง ความรู้สึก จึงมีความรู้สึก ที่ตัวเนื้อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2015
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ไปทำธุระต่อ เดี๋ยวมีโอกาศจะเข้ามา พิมพ์ ให้ท่านทั้งหลายได้ อ่านกันครับ และท่านที่ สนใจ ในการปฏิบัติ เผื่อมันจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ หรือใครอาจเป็นแบบผมบ้างครับ สวัสัดีครับ
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน พอดีเมื่อวานไปธุระมา เลยไม่ได้เข้ามาพิมพ์ ให้ท่านได้อ่านกัน กับมา เกือบมืด มันเพลีย เลยไม่เข้าเน็ต ความเดิมตอนที่แล้ว ยังคง พูดถึงเรื่องของฌาณ ๔ หยาบและ ฌาณ ๔ ละเอียด ไม่ทราบว่า พ่อแม่พี่น้อง มีอาการเป็นกันอย่างไร ก็มาพูดคุย มาแชร์ กันบ้างก็ได้ นะครับ เอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ตามความเป็นจริง จำผิดถูกบ้างก็ไม่ว่ากันครับ เรื่องของการปฏิบัติ อาจแยกแยะ ไปต่างๆ ความละเอียด อ่อน นั้น คนที่ทำได้จริงๆ ที่ท่านเข้าใจกัน ก็น้อยคน ที่จะมาอธิบบายให้ฟังกัน ยิ่งพวกที่ท่านได้ อย่างคล่องแค่ลว พวกนี้ไม่ค่อย สนใจใครอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ ก็จะพวก ที่ไม่ค่อยจะได้ หรือ ได้แบบงูๆปลาๆ แบบผม ถ้าพูดผิดมากกว่าถูก พวกที่ได้ ชัดเจนแจ่มใส ท่านไม่ค่อย แสดงตน เราๆท่านๆที่ อ่านเขียน ผิดถูกประการใด เพื่อใฝ่หาในทางดี ก็ควรมาแชร์พูดคุยกันครับ ผมเองก็ยังเป็นผู้ศึกอยู่ ก็เห็น พักพวก คนในหลายๆสำนัก ต่างมีความเห็นไม่ตรงกันมากมาย ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ว่า เราถ้ายังไม่ค่อย รู้จริงๆ ควร วางใจเป็นกลาง เพราะการปฏิบัติ มีหลายรูปแบบ นับไม่ถ้วน คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีใครเอาไปได้หมด เอาแค่หัวข้อเดียว ก็สามารถนำไปปฏิบัติได้แล้วครับ ถ้าผู้ใด ต้องการรู้ให้มากขึ้นไป ก็นำไปศึกษาหาข้อมูล และนำไปปพิฤปฏิบัติ ให้เกิดการเห็นจริง ไม่มากก็น้อย ตามกำลัง สติปัญญา ของเรา


    ถ้าเรียนอย่างเดียว มันจะเกิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทำให้คล้านคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ ผมเอง แม้ พอรู้บ้าง มันยังทำให้เกิดการสงสัย เคลือบแคลง มันจะไปปิดบัง ปัญญาของเรา ให้ ถดถอย มีความเห็นผิด ผมเอง ก็บอกตรงๆ เป็นนะครับไม่ใช่ว่า ไม่เป็น แต่เราก็ต้องใช้ปัญญา ชองเรามั่นไตร่ตรอง หาเหตุและผล มาหักล้าง ให้ได้ ของทุกอย่าง เมื่อรู้แล้ว มันก็จะมีของที่เราไม่รู้ มาให้เราได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆจนไม่มีที่จุดจบ ของแท้ กับไม่แท้ มันก้เดินมาควบคู่กัน แต่ว่า ใครจะฉลาด รู้เท่าทันมันต่างหากครับ ถ้ารู้และตามไม่ทันมัน มันก็ควบคุมเรา ถ้าเรารู้ทันมัน เราก็จะเป็นผู้ควบคุมมัน นี่ มันก็ไม่ใช่ว่า จะทำไม่ได้ ต้องค่อยๆไป วันหนึ่ง ผมคิดว่า เราต้องเป็นผู้ชนะ สักวันครับ ถ้าเราไม่ละทิ้ง ความเพียร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2015
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    วันนี้ผมพูดตรงๆเลยนะครับ บางเรื่องบางอย่างมันก้เป็นเรื่องกฎของกรรมเหมือนกัน และเรื่องของการปฏิบัตเพื่อมรรคเพื่อผล มันก็ต้องมี อุปสรรคมากมายนานับประการ ที่จะผ่านพ้นไปได้นั้น มันก็ไม่ง่าย และก็คงไม่ยาก เช่นเดียวกัน เรื่องของ ฌาณ ๔ หยาบ ฌาณ ๔ ละเอียดนี้ ผมว่า เมื่อเรา ฝึกฝนจนชำนาญ ทำให้คล่อง ปัญญา มันจะเกิด จากสมาธิ โดยไม่ต้อง ให้ใครมาบอก ผมหมายถึงคน ทุกๆท่าน จะต้อง มีครูอาจารย์ มาสอนทางสมาธิ ถ้าได้ ทิพยจักษุญาณ ถ้าเป็น สุขวิปัสโก อันนี้ จะเสียเปรียบ พวก วิชชาสาม พวกอภิญญา พวกท่านที่ได้ ปฏิสัมภิทาญาณ สุกขวิปีสโก ประเภท หลับตาคำช้าง


    พวกได้ ทิยพจักขุญาณ ท่านสามารถ ไปถ่ามพระ เทวดา หรือพรหม ที่ท่านเคารพ หรือพระโพธิสัตว์ การปฏิบัติ จะทำอย่างไร ใช้กรรมฐานในข้อใด มา ใช้ หรือทรงอารมย์ หรือ จะทำแบบไหน ถ้าต้องการมีหู ทิพย์ ตาทิพย์ มีญาณ หยั่งรู้ต่างๆ ทุกอย่างถ้าเราไม่ใช่ พระอริยเจ้า ย่อมโดนหรอก กันได้ อาจะเป็นมาร หรือ พรหม เทวดาองค์ใดองค์ หนึ่ง เพื่อมาพิสูตร ได้ทั้งนั้นครับ แล้วเรื่อง ของ นิมิตต่างๆ ท่านก็บอกไว้แล้ว นิมิต จำเป็นต้องละ นิมิต จำเป็นต้องรักษา มาพูด ถึงเรื่องผมหลังจาก ที่เคยได้ เคยเห็น หรือไปได้ ครึ่งกำลัง ถ้าเราทำคล่อง มันก็จะ เป็นฌาณ ๔ ละเอียด ไปโดยปริยาย คือออกไปด้วย กายเราแท้ๆไปหมด ตัวในทั้งตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2015
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    หลังจากที่ผมออกไปแบบเต็มกำลัง ไปด้วยฌาณ ๔ ละเอียด ไปหมดตัวเลย กายเนื้อไม่รู้สึก ผมออกไปได้อีก ประมาณ รวมแล้ว ก็ ๔-๕ ครั้ง ครั้งหลัง มันหลุดออกไปทางหัว แล้ว ทะลุ หมุนแบบสว่านเจาะ ไม้ มันทะลุ ภุเขาใหญ่น้อยไปเร็วมาก แต่ว่ามันเหนื่อย พอรู้สึกตัว มันกลับมาที่ตัวเราตัวเนื้อ มันยังหอบอยู่เลย ผมคิดเอานะว่า กำลัง วิปัสนาของเรามันอ่อน ออกไปถึงได้เหนื่อย แล้วกับมา มีอยู่อีกครั้งหนึ่ง มันกำลัง จะเคลื่อนออกจากร่าง มันจะขยับเหมือน ถ่ายหนังแบบภาพเชิงซ้อน แบบนั้นเลย มันขยับเฉยๆ แต่ไม่ออกไป คือเกือบไป แต่ไม่ไป นี่แค่พอรู้ ส่วนที่ท่านทำได้ ต้องให้ผู้ได้จริงๆมาเล่า ถึงจะถูก ถ้าให้คนที่ ทำไม่ได้ เล่าไป มันก้ผิด มากกว่าถูกครับ
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มีโอกาศ จะเข้ามาใหม่ วันนี้ พูดไปมา วกไปเวียนมาอย่างนี้ บางท่านอาจจะไม่เข้าใจ พูดง่ายๆ ที่เคยได้ฟังจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ท่านเทศว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ถ้าบุคคลใด ภาวนา ทุกๆวัน จะภาวนาว่า เช่นไรก็ได้ ให้จิตของเรา ว่างจากกิเลส หรือนิวรณ์ ให้จิตของเรา สงบจาก กิเลส ชั่วจิต สงบ ขณะจิตหนึ่งเท่านั้น ชั่วงูแลบลิ้น ไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู ตถาคต กว่าวว่า เรากว่าวว่า บุคคลๆคนนั้น จิตไม่ว่าจากฌาณเลย นี่พระตถาคตตรัสเอง ต้องทำทุกวันนะครับ นี่ไม่ใช้ผมพูด แต่ผมเอาคำสอนของท่านมาครับสวัสดีครับ
     
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับพ่อแม่พี่ๆน้อง ลุงป้าน้าอา ลูกหลานโหลนเหลน วันนี้ ก็ไม่อยากพูดมาก ขอข้ามไปเลยครับ ความเดิม ตอนที่แล้ว มาคุยกันเรื่อง นอกชงนอกชานอะไรประเภท เนี้ยครับ นี่ก็แค่พอรู้งูๆปลาๆ ยังไม่ถึงกะรู้ ถ้ารู้จริงๆ เขาไม่ค่อยพูดมาก ไอ้ผมประเภท ชอบอวด ก็เลย เอามา คุยโขมง โฉงเฉง พอเป็นกะสายยาดอง เผื่อว่า ท่านบางคน เป็นแบบผมบ้าง หรือเป็นกำลังใจ ให้ท่านบางคน ที่มีใจ ถดถอยไปแล้ว มีนะครับไม่ใช่ว่า ไม่มีเยอะเสียด้วย ที่เห็นมา อย่าพึ่ง ถ้อถอยห่างออกไป จงทำความดี หนี ความชั่วไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยว จิตใจของเรา มีความแก่กล้าพอ มันจะเข้มแข็ง ของมันขึ้นมาเองครับ บารมีแปลว่ากำลังใจ นี่ครูบาอาจารย์ท่านพูดมา แต่ผมก็ว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงๆนะครับ เพราะอะไร รู้ไหม ก้ถ้าไม่ใช่กำลังใจ แล้ว มันจะอะไรเสียอีกเล่า พอใจเราขี้เกียจ ถ้อถอยขึ้นมา มันไม่อยากทำ อยากได้อะไร อีกแล้ว ทุกๆเรื่องน่ะแหละ เรื่องใจตัวเดียวสำเร็จที่ใจ จะสู้หรือไม่สู้ ก็อยู่ที่กำลังใจอีกนั่นแหละ จะให้ไปพูดว่าไม่ใช่ ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ


    เอ่ผมนี้พูดเลยเถิดไปไกลแล้ว มาว่ากันต่อไปนะครับ เมื่อผม สึกออกไปแล้ว ทุกอย่าง ยัง เห็นชัดเจนแจ่มใส นั่งนอนยืนเดิน มันเห็นตลอด นั่งขี้ ก้เห็น นั่งเล่นก็เห็น ภาพพระ จะให้อยู่ในอก ในหัว ในตัว ใหญ่เล็ก มันเห็นตลอด เอ่ กูบ้าหรือเปล่าวะ ขี้มันก็เห็น เห็นภาพพระนิพพาน ใสเหมือนแก้ว คล้ายๆโบสถ ไอ้เราก็ กูบ้าแล้ว ไม่เอาแล้ว ทิ้งเลย ไม่ภาวนา มันแล้ว ไม่สวดมนต์ไหว้พระ นี่เขาเรียก คนกลัวดี ผมนี่ทิ้งไปจริงๆ ก็น่าจะประมาณ สัก ๓ เดือนกว่าๆ เห็นจะได้ ต่อจากนั้น มันก็ไม่เห็นอีกเลย นึกยังไง ก็ไม่เห็น อีก ใจก็ไม่ค่อยจะสบาย เพราะความอยากเห็น มันก็เลยเป็นอุปกิเลส ตัวร้ายเลยนะเนี่ย
     
  19. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ตอนนี้ ทุกวันนี้ ก้ยังไม่มีวี่แววอะไรเลย คือทุกวันนี้ ก็เลย คิดว่าก็ได้ก็ได้ ไม่ได้ ก้อย่าไปสนใจเลย ทำให้ใจเราทุกข์เปล่าๆ ก็ภาวนาบ้าง พิจรณาบ้าง ตามโอกาศ ที่คิดได้ จะนั่นนอนเดิน หรือยืน ผม ก็ นึกได้เมื่อไหร่ ก็คิดถึง มันเมื่อนั้นเรื่อง ภาวนาพิจรณา นึกถึง ความตายบ้าง พิจรณา เกิดแก่ เจ็บตาย ตามวาระของมัน ไปเข้าห้องน้ำ ก็พิจรณา ขี้บ้าง มันสกปรก เป็นทุกข์ เวลากินข้าวนึกได้ก็พิจรณา มันเรื่อยไป ได้ไม่ได้ ก็ช่างแม่มัน ทำมันทุกๆวัน นึกได้เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น ผมไม่ค่อยนั่งเหมือนเมื่อก่อนหรอก นอนลูกเดียว


    พยายาม ทำให้มันเห็นทุกข์ แต่มันก็เห็นด้วย สัญญา มันไม่เห็นด้วยปัญญาสักที พอปวดมากๆ ก้เอ่อ ก็นึกถึง ตั้งแต่หัวยันตีน ตีนยันหัว ไม่มีส่วนไหนเลย ที่ไม่เจ็บปวดทรมาร แล้วไปลงถึง ความตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง แค่นี้ก่อนนะครับ มีเวลาจะเข้ามาใหม่ครับ สวัสดี
     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({) สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกๆท่าน วันนี้ก็มาต่อ ห้องอภิญญานี่ ก็ไม่ได้เข้า มา ๒-๓ วันแล้วครับ ความเดิมตอนที่แล้ว มาจบลงตอน ที่ว่า คิดถึง ความตายบ้าง พิจะรณากายบ้าง มองดู ความทุกข์จาก อริยสัจ ๔ บ้าง แล้วแต่ บางที ก็คิด สิ่งต่างๆรอบข้าง หลังจาก ที่ผมสึกออกไปแล้ว ต้องไปทำนาทำไร่ แบบเดิมอีกครับ แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ ทำบุญ กุศล ไปเรื่อยๆ ในวัดต่างๆ ที่ถึงโอกาศทำ ก็ทำ ในเมื่อเรารู้แล้ว ว่าจะต้องทำแบบไหน แล้วไปทำงานในสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่มีคำว่า ทิ้งงาน จะเป็นงาน หนักเบา ทำมันทุกๆเรื่อง ที่มันเป็นเงิน นำมาเลี้ยงชีพ ให้กับครอบครัว


    พ่อแม่น้องๆ เรื่องละเอียด ก็ต้องห้อง วิทยาศาสตร์ ห้องนี้ จะกระโดดข้ามตอนไปเยอะครับ เวลาทำงาน การปฏิบัติ ย่อมมีน้อยมาก เวลาเราต้องการ หลบมุม ในการปฏิบัติ เราก็ หาที่ สัปปายะ ตามปะสา เราอย่างต่อเนื่อง มีทั้งสุขและทุกข์ ปะปนกันไป เวลาเข้าวัด ก็จะ รักษา ศิล ๘ มันก็จะอดข้าวไปโดยอัตโนมัต ไม่หิวข้าว ถ้าไมรักษาศิล ๘ กับมารักษาศิล ๕ นี่มันคอยจะบกพล่อง อยู่เรื่อย เรื่องกิน เรื่องหิวนี่ มันกินได้ ตลอดครับ แต่พอ ต้องการศิล ๘ ปุ๊บ มันก็ไม่หิว อะไรเลย ตัวนี้เป็นข้อวิรัชจริงๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...