จะทำอย่างไรดีคะ หากรู้ว่ากำลังหลง ในกามตัณหา อยากจะขจัดมันไป แต่ทำไม่ได้เสียที

หลาย ๆ วิธีที่ช่วย ๆ กันแนะนำ เป็นวิธีที่ดีนะครับ เป็นวิธีที่ถูกทุกอันเลย ขอให้สู่กันต่อ จนชนะให้ใด้ขาดนะครับ แล้วจะรู้ว่าจิตเบิกบานที่ปราศจากกามราคะว่ามีความสุขไปอีกแบบ

 

แล้วการสำเร็จความใคร่นี่ เป็นบาปรึเปล่าคะ ??

 

ครั้งหลวงพ่อยังอยู่ก็เจอคำถามทำนองนี้

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อตอบว่า เครียดนักก็แต่งงานซะก็ได้

 

จะทำอย่างไรดีคะ หากรู้ว่ากำลังหลง ในกามตัณหา อยากจะขจัดมันไป แต่ทำไม่ได้

ให้พิจารณาดูเป็นส่วน ๆ ครับ แล้วดูว่าส่วนไหนที่เราไม่ชอบก็ให้เพ่งที่ส่วนนั้นมาก ๆ จะทำให้ดับราคะได้ แต่ต้องทำบ่อย ๆ จนเกิดความเคยชินนะครับ

 

เอาแบบว่า...พูดกันง่าย ๆ เลยนะ..ลองทำดู สำหรับท่านหญิง..ทั้งหลาย (ลองเอาความคิดไม่ติดตำราของเราไปใช้บ้างดูนะ..สำหรับข้อนี้)...ยังไม่ต้องถึงอสุภะ ก็ได้....แค่...... ทำตัวให้ไม่สวย... ไม่ต้องแต่งหน้า... ผมเผ้าหวีพอประมาณ (ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านเสริมสวย)... ใช้เสื้อผ้าธรรมดา ๆ... แค่นี้ก็พอแล้วในขั้นแรก...ทำง่าย แต่ได้ผล สองด้าน... ด้านแรก คือ ตัวเรา (ลดสักกายะ) ด้านสอง คือ ตัวเขา (ดอกไม้ เมื่อไม่หอม ย่อมหาคนดมได้ยาก)... ลองดูนะอาจเป็นประโยชน์...ผมคิดได้แค่นี้แหละ

 

ขออนุโมทนา สำหรับทุกท่านๆเลยนะคะ ก็พยายามฝึกอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ ใกล้จะเรียนจบแล้ว ช่วงปิดเทอม ตั้งใจจะบวชซักเดือนนึงค่ะ ขอให้ทุกท่านอนุโมทนาด้วยนะคะ ความจริงเพิ่งเริ่มสนใจการปฏิบัติเมื่อไม่นานมานี้ ( ต้นปี ) ก็เจอบททดสอบนี้เลยค่ะ จะพยายามต่อไปค่ะ ขอบคุณทุกท่านค่ะ

 

ลองเอาผม ขน เล็บ ฟันออกก่อน ต่อจากนั้นลอกเอาหนังออกปั๊ปชั้นใต้ผิวหนังจะมีไขมันหนาหรือบางก็ขึ้นกลับตำแหน่งของร่างกายและอ้วนผอม จะเห็นเส้นเลือดดำที่อยู่ผิวๆได้ชัดเจน ใต้ไปหน่อยจะประกอบด้วยกล้ามเนื้อมัดต่างๆซึ่งเกาะกับกระดูกอยู่ เส้นเลือดแดงและเส้นประสาท รวมทั้งเส้นเลือดดำใหญ่ก็จะอยู่ใกล้ๆกล้ามเนื้อแขนขานี่แหละ เอาออกหมด ก็เหลือแต่กระดูกด๊อกแด๊กหาความสวยงามไม่ได้ เปิดผ่านช่องท้องเข้าไปก็เห็นแต่ลำใส้คดไปมาเปิดผ่านเข้าไปจะพบสิ่งที่คล้ายอุจจาระเหลวๆอยู่ด้านใน เอากระโหลกออกไปก็เหลือแต่ก้อนสมองเหมือนก้อนเต้าหู้มีเส้นเลือดเส้นเล็กๆวิ่งอยู่รอบๆและด้านใน ถ้าสิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมายังมีชีวิตก็อาจยังพอดูได้เพราะเป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าไม่มีชีวิตก็คงมีแต่ช้ำเลือดช้ำหนองปูด อืด บวมไม่เป็นรูปเป็นร่างให้พอคาดเดา เริ่มมีกลิ่นเน่าโชยคุ้ง เป็นอาหารของหนอน ชอนไชไปทั่ว ถูกเผาน่าจะดูดีสุดแต่จะเหลือแค่กองเถ้าถ่าน ลมพัดมาที ฟู่......ไม่เหลืออะไรเลย
ไม่มีใครไม่หลงไหลติดใจในรสกามหรอกครับ คุ้นเคยกับมันมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว เกิดกี่ทีๆก็ทำมันแต่อย่างนี้แหละ ไม่เห็นมีใครไม่อยาก แต่การจะออกจากกามนี่สิยากและน่าสรรเสริญ เอาใจช่วยนะครับ
......ติดกามก็ติดเกิด

 

อ่านจากทุกท่านแล้วได้กำลังใจขึ้นมาก ผมกำลังสู้กับมันเช่นกัน ที่สำคัญให้สติรู้ทัน ขออนุโมทนาในอุบายธรรมที่แต่ละท่านแสดงไว้

 

ขอบคุณคุณหาธรรมมากๆเลยค่ะ ทำให้เข้าใจเรื่องฌานมากขึ้น ตัวเราปฏิบัติพอเข้าใจแค่พื้นฐานนิดหน่อย แต่เท่าที่รู้สึกด้วยตัวเองความต้องการทางกามไม่ได้เกิดขึ้นจากกายเลยมันเริ่มจากจิตมาก่อนเมื่อจิตต้องการกายจึงตอบสนอง ตอนนี้กำลังฝึกเรื่องกำหนดลมหายใจอยู่ ท่านพุทธทาส ท่านสอนไว้ว่าให้หัดกำหนดจิตตามลมหายใจเพราะเราบังคับกายไม่ได้แต่เราสามารถบังคับลมหายใจได้ ถ้าเราฝึกจิตจนบังคับลมหายใจได้ก็สามมารถบังคับกายได้และสามารถบังคับจิตได้เช่นกัน รายละเอียดคงต้องไปหาอ่านจากคำสอนของท่านพุทธทาสเพิ่มเติมนะคะ

 

อนุโมทนาครับ ทุกท่านเมตตาน้องเค้าดีจัง เป็นกำลังใจให้ชนะกามนะครับ มันยากกกส์มา ผมก็ยังไม่ชนะเลย ก็ได้แต่ตามดูจิต พอจะเผลอก็บอกจิตว่า อย่าดีกว่านะจ๊ะ

 

เอาวิธีนี้ไปลองทำดูนะครับ ยิ่งได้ปฏิบัติตอนบวชได้ยิ่งวิเวกดี คืออย่างนี้ครับ

ให้เรามองดูให้ชัดว่าเราจะเอากามราคะเป็นที่พึ่งที่อาศัยเป็นวิหารธรรม เป็นสรณะจริงไหม
ผมแนะนำให้ท่องคาถานี้นะครับ

กามราคะสรณังคัจฉามิ
ทุติยัมปิ กามราคะสะระณังคัจฉามิ
ตติยัมปิ กามราคะสะระณังคัจฉามิ

แล้วสลับกับ

พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังคังสะระณังคัจฉามิ
ทุติยัมปิพุทธังสะระณังคัจฉามิ ทุติยัมปิธัมมังสะระณังคัจฉามิ ทุติยัมปิสังคังสะระณังคัจฉามิ
ตติยัมปิพุทธังสะระณังคัจฉามิ ตติยัมปิธัมมังสะระณังคัจฉามิ ตติยัมปิสังคังสะระณังคัจฉามิ

เมื่อเกิดความคิดทางกามราคะขึ้นมาก็ให้นึกถึงคาถาบทนี้ แล้วจิตจะอ่อนลงได้เอง ลองดูนะครับ
เจริญในธรรม

 

อุปมาโทษของกามตามที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้มีอยู่ 10 ประการ<O</O

1. กามเปรียบเหมือนสุนัขหิวแทะท่อนกระดูกเปื้อนเลือด คือ ยิ่งแทะ ยิ่งเหนื่อย อร่อยแต่ไม่เต็มอิ่ม เหมือนความสุขทางเนื้อหนัง ไม่เคยอิ่มจริงๆสักที สุขแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วก็หิวกามอีก<O</O

2. กามเปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่แร้งหรือเหยี่ยวคาบบินมา คือ ต้องถูกแย่งชิงโดยนกกาตัวอื่น ต้องต่อสู้ปกป้องตลอดเวลา มีทรัพย์มากก็กลัวโจรแย่งชิง มีคนรักก็ต้องคอยหึงหวง ยิ่งสวย ยิ่งหล่อก็ยิ่งมีคนอยากแย่งชิง<O</O

3. กามเปรียบเหมือนคนถือคบเพลิงที่ทำด้วยหญ้าลุกโพลงเดินทวนลมไป คือ ถือได้ไม่นานก็ต้องทิ้งไป มิฉะนั้นจะไหม้มือ แถมถูกควันไฟรมเอาตลอดเวลาที่ถือ เหมือนยศถาบรรดาศักดิ์ มีไว้ก็เหนื่อยในการรักษา กลัวคนเลื่อยจากเก้าอี้ ต้องเอาใจเจ้านาย เอาใจประชาชน แต่สุดท้ายก็ต้องสละทิ้งหมด <O</O

4. กามเปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิงอันร้อนแรง คือ ที่ใดมีรัก ที่นั้นก็มีทุกข์ ใจเหมือนไฟเผาผลาญตลอดเวลา รักมากก็ทุกข์มาก <O</O

5. กามเปรียบเหมือนความฝัน คือ เห็นแต่ความสุข แต่ไม่เคยพบจริงๆ เหมือนชีวิตคู่ที่วาดหวังจะมีความสุขข้างเดียว แต่พอพบความจริง กลับเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยลำบากในการครองเรือน <O</O

6. กามเปรียบเหมือนสมบัติที่ยืมเขามา คือ กามไม่อยู่กับเราตลอด มันแปรปรวนไปเป็นธรรมดา หมดบุญก็ครอบครองไม่ได้ <O</O

7. กามเปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีผลดกอยู่ในป่า คือ ใครผ่านไปมาก็เข้ามาเด็ดผลหักกิ่งตามใจชอบ ใครเป็นเจ้าของก็ต้องลำบากในการระวังรักษา

8. กามเปรียบเหมือนเขียงสับเนื้อ คือ ชีวิตคฤหัสถ์ต้องถูกโขกสับตลอดเวลา ลำบากในการหาทรัพย์ กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ <O</O

9. กามเปรียบเหมือนหอกและหลาว คือ ไปเกี่ยวข้องต้องประสบทุกข์สาหัส ใจเหมือนโดนทิ่มแทง ทุกข์เพราะรัก ทุกข์เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ล้วนเจ็บปวดสาหัส <O</O

10. กามเปรียบเหมือนหัวงูพิษ คือ กามมีภัยมาก ไม่ระวังอาจถูกฉกกัดถึงตายได้ กามนำภัยมาสู่ตน เช่น ติดเอดส์ นำไปสู่อบาย เป็นต้น <O</O
<O</O


กาม ตรงข้ามกับ การประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งมีอานิสงค์ดังนี้<O</O

1. ทำให้ปลอดโปร่งใจ ไม่ต้องกังวล หรือระแวง
2. ทำให้เป็นอิสระเหมือนนกในอากาศ
3. ทำให้มีเวลามากในการทำความดี
4. ทำให้เป็นที่สรรเสริญของบัณฑิตทั้งหลาย
5. ทำให้ศีล สมาธิ ปัญญา เจริญรุดหน้าไม่ถอยกลับ
6. ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย

<O</O

 

ตั้งใจว่าแต่นี้ไปไม่ยอมแพ้และอ่อนข้อให้กามราคะแม้แต่ครั้งเดียว

ชอบมากเลยค่ะ โมทนาสาธุ...ก้อยจะเอาไปใช้

 

ยากครับ ทำยังไม่ได้เลย เหอๆ

หาอะไรยึดแทนแล้วกัน อิอิ

 

ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ_/|\_