โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

en371008014th บางละมุง
en371008028th ลาดพร้าว
en371008031th พลับพลาไชย

 

สวัสดียามสายครับป๋า วันนี้มีของดีอะไรมาบ้างน้องๆบ้างครับ

 

สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท ช่วงนี้ไม่ค่อยมีของเข้ามาครับ หาตามใบสั่งยังไม่ค่อยจะเจอเลยครับ

 

en371028711th ปลวกแดง

 

มีเเบ่งสักลูกไหมครับ ท่านพี่

 

ในpmเลยครับ

 

วันนี้ไปกราบทำบุญกับหลวงปู่สนั่นมาครับ พอดีตอนนี้หลวงปู่สนั่นท่านกำลังสร้างฐานพระประธาน ที่ศาลาบ้านบางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ อยู่ครับ..
ได้มีโอกาสสนทนากับหลวงปู่สนั่นถึงเรื่องเก่าๆ สมัยที่ท่านอยู่กับหลวงปู่พิศดูหลวงปู่สนั่นเมตตาเล่าให้ฟังว่า..
สมัยที่อยู่กับหลวงปู่พิศดู หลวงปู่พิศดูท่านเป็นพระที่จิตใจเด็ดเดี่ยวในเรื่องปฏิบัติมาก เริ่มจากเดินบิณฑบาตรแล้ว กลับมาพอฉันข้าวเสร็จท่านก็ลงเดินจงกรมทันที เวลาที่หลวงปู่พิศดูเดินจงกรมท่านจะไม่ให้ใครมารบกวน หากมีใครเดินผ่านมาทางนั้น ก็จะถูกหลวงปู่พิศดูดุ และไล่ไม่ให้ผ่าน นอกจากหลวงปู่สนั่นเท่านั้นที่ผ่านได้องค์เดียว หากหลวงปู่สนั่นเดินผ่านมา หลวงปู่พิศดูจะกวักมือเรียกให้มาคุยกันแทบทุกครั้ง
หลวงปู่สนั่นเล่าให้ฟังว่า ทางจงกรมของหลวงปู่พิศดูนั้น จะเป็นทางลึกเป็นล่องจนถึงหน้าแข้ง ก็ลองคิดดูว่า ต้องเพียรเดินเท่าไหร่กัน ถึงแผ่นดินที่เรียบๆจะลึกลงไปได้ขนาดนั้น ซึ่งที่วัดป่าคลองกุ้ง ทางจงกรมที่หลวงปู่พิศดูใช้เดินจะมีอยู่ 2 ทาง ซึ่งแต่ละทางแผ่นดินก็จะยุบลงไปจนถึงหน้าแข้งเหมือนกัน แต่ว่า ทางจงกรมที่หลวงปู่พิศดูใช้เดินที่วัดเทพธารทอง จะลึกกว่าที่วัดป่าคลองกุ้ง คือลึกเกือบถึงหัวเข่าเลยทีเดียว..
ถ้าดูกันตามอุปนิสัยของหลวงปู่พิศดู ท่านเป็นพระที่ไม่ค่อยคลุกคลีกับหมู่ ชอบปลีกวิเวกไปปฏิบัติองค์เดียว ท่านดูเหมือนพระที่ดุ แต่จริงๆเมตตามาก
อีกเรื่องหนึ่ง หลวงปู่สนั่นได้เล่าให้ฟังอีกว่า ตอนที่หลวงปู่พิศดูออกธุดงค์ไปทางโป่งน้ำร้อน หรือตามแถบชายแดนเขมร ท่านมักจะถูกลองของด้วยผู้เรืองอาคม และนักเลงไสยศาสตร์ มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีนักเลงไสยศาสตร์นำตลับขี้ผึ้งผี มาส่งให้หลวงปู่พิศดู พอหลวงปู่ท่านจับปั๊บ ท่านก็รู้ทันที ว่านี่เป็นขี้ผึ้งผี เขานำมาลองของกับท่าน หลวงปู่พิศดูท่านก็โยนลงพื้น แล้วก็เอาเท้ากระทืบๆๆๆ... จนตลับสีผึ้งแตกเละไปหมด จนนักเลงไสยศาสตร์ก็เลยรู้ว่า พระองค์นี้แน่จริงๆ..
หลวงปู่พิศดูท่านโดนลองของประเภทคุณไสยมามากมายหลายครั้ง แต่ว่าก็ไม่มีใครทำอะไรท่านได้ ท่านสามารถแก้ทาง และรอดพ้นจากภัยมืดตรงนี้มาได้ทุกครั้ง.. หลวงปู่สนั่นก็เคยถามหลวงปู่พิศดูว่า แล้วไม่กลัวหรือ ทั้งคุณไสย ทั้งนักเลง หลวงปู่พิศดูตอบว่า
" ไม่กลัวหรอก แม้แต่เสือ ช้าง เราก็ไม่กลัว คนที่ไม่กลัวตายจะไปกลัวอะไร.."
สาธุ.. กราบ กราบ กราบ หลวงปู่พิศดู และหลวงปู่สนั่น ครูบาอาจารย์ที่เคารพสูงสุดทั้ง 2 ท่านครับ

ข้อมูลคุณทุเรียนทอด

 

สู้ๆครับป๋า เดี๋ยวก็เข้าครับ
สวัสดียามสายครัผม

 

สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท

 

" สมัยก่อนผมเคยอ่านหนังสือคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และมีบางตอนที่หลวงพ่อท่านบอกถึงการอธิษฐานวัตถุมงคลของหลวงพ่อปานและของทาง วัดว่า ท่านอัญเชิญพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยะสงฆ์ทั้งหมดมาทำของนั้นให้มีความศักดิ์สิทธิ์...

แรกๆที่ผมเข้าไปกราบหลวงปู่พิศดูผมเคยสงสัย และถามเรื่องนี้กับหลวงปู่ท่านว่า วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นเวลาที่หลวงปู่อธิษฐานจิต พระพุทธเจ้าท่านมาช่วยทำให้หรือเปล่าครับ หลวงปู่ก็ตอบว่า " มา... พระพุทธเจ้าท่านมาทุกครั้ง.... เวลาใครเอาของมาถวายเรา เราจะน้อมเอาของนั้นไปถวายกับพระพุทธเจ้า ท่านรับ ของนั้นก็เป็นของท่าน วัตถุมงคลก็เหมือนกัน "

ด้วยเหตุนี้ผมถึงกับคลายความสงสัยและได้รับความกระจ่างแจ้งในอีกหลายประการ ว่า..ไม่ว่าใครก็ตามที่จะนำของมาถวายให้กับองค์หลวงปู่ด้วยใจบริสุทธิ์ ก็ได้บุญต่อหนึ่ง พอถวายของนั้นแด่หลวงปู่ท่านซึ่งเป็นพระอริยะสงฆ์ก็ได้บุญอีกต่อ หนึ่ง(พิเศษ) เมื่อท่านได้รับของนั้นแล้วยังน้อมขึ้นไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็ให้บุญเราอีกต่อหนึ่ง(พิเศษ) พอหลวงปู่ท่านแจกของที่เราถวายเป็นทางต่อไปอีกเราก็ได้บุญอีกต่อหนึ่งอีก แถมของที่องค์หลวงปู่ท่านแจกเป็นทานต่อให้นั้นกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์เป็น มงคลสูงสุดด้วย อันนี้ได้บุญมหาศาลครับ..

ตอนอยู่กับองค์หลวงปู่ผมก็มีโอกาสถามอะไรท่านหลายอย่าง ตามประสาคนอยากรู้ ก็เคยถามหลวงปู่ถึงพุทธคุณของวัตถุมงคลของท่านว่า สามารถป้องกันอะไรได้บ้าง ท่านเมตตาตอบว่า " กันอันตรายทุกอย่าง " แล้วกันนิวเคลียร์ได้ไหมครับ " ได้..ของพระพุทธเจ้าท่านมาทำให้ ใช้ได้ทุกอย่างตามอธิษฐาน ",, และวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่นั้นตามที่ผมทราบมา เวลาท่านอธิษฐานจิตท่านแทบจะไม่เคยใช้สายสิญจน์ ท่านเคยบอกว่า " เราอธิษฐานครอบคลุมไปทั่วทั้งเขตวัด " และ ท่านจะน้อมอัญเชิญบารมีพระทั้งหมดโดยตั้งจิตเพียงนึกถึงแบบฉับพลัน หลวงปู่จิตท่านไวมาก เพียงแค่นึกถึงพระท่านก็มาทันที และโดยเฉพาะพระมหาอุปคุต(พระอาจารย์ใหญ่)นั้น หลวงปู่ท่านจะอัญเชิญทุกครั้ง ท่านเคยบอกว่า " ท่านพ่ออุปคุตนี้ แค่เราคิดถึงท่านท่านก็มาแล้ว " ก็น่าแปลก เคยมีคนนำวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่ไปตรวจกระแส เขาบอกว่า มีพลังสูงมากๆ และมีกระแสของพระอุปคุตอยู่ด้วย ฯลฯ พุทธคุณของท่านเด่นไปในทางฤทธิ์ล้วนๆ ใช้ได้ทุกอย่าง ดีทุกอย่าง ฯลฯ เพราะเรื่องฤทธิ์นั้นย่อมครอบคลุมถึงในทุกๆทางอยู่แล้ว...

สมัยที่ลูกศิษย์เขาร่วมกันทำล็อกเก็ตองค์หลวงปู่อยู่รุ่นหนึ่ง ผมเองก็เคยนำล็อกเก็ตชุดนั้นใส่ในกระเป๋าสะพาย ขึ้นไปกราบขอเมตตาหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ ช่วยอธิษฐานให้ พอหลวงปู่สังข์มองที่กระเป๋า ท่านก็บอกว่ามีแต่ของดีๆทั้งนั้น แล้วท่านก็จับที่กระเป๋ากำหนดจิตจะเสกให้ สักแป๊บหนึ่ง ท่านก็บอกว่า " โอ้..นี่กันปรมณูได้เลยนะนี่ ปรมณูยิงมานี่ไม่แตก ฯลฯ.. เต็มพิกัดแล้วนะนี่ ... ของดี ของครูบาอาจารย์ ท่านเป็นเสาหลัก... ดีโลด ดีโลด.. "
ที่ผมต้องเว้นวรรค....นั้น เพราะเป็นช่วงที่หลวงปู่สังข์ท่านนิ่ง(สแกน) แล้วจึงค่อยบอกข้อความดังกล่าวกับเรา วันนั้นเหมือนกับว่าหลวงปู่สังข์ท่านแทบไม่ได้เสกให้เราเลย เพียงแต่แตะกระเป๋าแล้วก็บอกให้เราทราบเป็นระยะๆเท่านั้น ว่าของนั้นดีอยู่แล้วครับ ฯลฯ


พลังบริสุทธิคุณ กับความเมตตาที่หาที่สุดมิได้
หากใครเป็นลูกศิษย์ที่เคยไปกราบองค์หลวงปู่พิศดูบ่อยๆ ก็จะรู้สึกได้ว่าจริต ปฏิปทาขององค์หลวงปู่ท่านไม่ค่อยซ้ำแบบขององค์ใดและไม่ขึ้นตรงกับสายของใคร ด้วยทุกอย่างเป็นแบบฉบับของตัวท่านเอง ท่านค่อนข้างจะใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไร อยู่ง่าย ฉันง่ายๆ เพียงผักลวกจิ้มน้ำปลากับข้าวเปล่า หรือพลิกดองน้ำปลา กะปิ หัวกระเทียม คลุกข้าว..ฯลฯ และวันหนึ่งๆท่านฉันอาหารเพียงไม่ักี่คำ ทำให้ร่างกายท่านผ่ายผอม จนแพทย์ที่เป็นลูกศิษย์ต้องขออาราธนาให้ท่านฉันอาหารล่วงเวลาเพื่อให้ร่าง กายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ แต่หากมีลูกศิษย์นำอาหารดีๆมาถวาย ท่านก็จะรับไว้ทุกอย่าง เพื่อให้เขาสบายใจ แต่พอเขากลับไปท่านก็จะให้เป็นทานต่อ ท่านมักจะปฏิเสธอาหารรสประณีต บางครั้งอาหารบูดหรือขึ้นราแล้วท่านก็ฉันได้ ท่านบอกว่าท่านเป็นปกติอย่างนี้มาตั้งแต่เริ่มบวชแล้ว อาหารดีๆท่านมักจะไม่ค่อยรับเอง จะให้ผู้อื่นรับแทน หรือให้เอาไปแบ่งกันให้ทั่วถึง เวลามีคนมาขอให้่ท่านช่วยนั่นช่วยนี่ ท่านก็จะช่วยทุกคนโดยไม่เคยปฏิเสธ แต่บางครั้งอาจจะมีลีลา ดุๆ บ้าง เพื่อทดสอบกำลังใจว่าเขาศรัทธา หรือตั้งมั่นมากแค่ไหน แต่ก็จะช่วยทุกคนด้วยการสวดมนต์แผ่เมตตาให้โดยไม่เลือกที่รักที่ชัง ทุกคนที่มาท่านเมตตาเสมอกันหมด

องค์หลวงปู่นอกจากจะเป็นพระผู้มีเมตตาจิตสูงเป็นอนันต์แล้ว ท่านเป็นพระที่มีขันติ= ความอดทน สูงส่งมากๆด้วย มีครูบาอาจารย์ที่เคยจำพรรษาอยู่กับท่านสมัยที่อยู่วัดทรายงาม เช่น หลวงปู่สวาท วัดอ่าวหมู เมตตาเล่าให้ผมฟังว่า.. สมัยก่อนตอนอยู่วัดทรายงามเราเคยสังเกตุดูหลวงปู่พิศดู รู้สึกว่าท่านจิตใจเด็ดเดี่ยวมากอย่างไม่เคยเห็นใครทำได้อย่างท่าน เราจึงนับถือท่านเป็นเหมือนครูบาอาจารย์อีกองค์หนึ่งเลย เวลาทำอะไรท่านจะไม่เคยขอร้องใคร เวลาหิวก็ไม่เคยถามว่ามีอะไรฉัน บ้าง บางครั้งยามอาพาธท่านก็จะไม่ไปหาหมอเลย แต่จะใช้ธรรมโอสถเพื่อรักษาตัวท่านเองเสมอ แม้แต่เวลาท่านอาพาธหนักๆเคยเป็นไข้ป่าตอนไปบำเพ็ญอยู่บนเขาผู้เดียว ท่านก็ไม่เคยบอกหรือขอร้องผู้ใดช่วย จนมีชาวบ้านสังหรณ์ใจก็เลยพากันขึ้นไปดูท่านบนเขา พบว่าท่านนอนอาพาธอยู่ในกลดผู้เดียว เพราะสมัยนั้นไข้ป่ามันแรงมากจริงๆ เลยต้องขออาราธนานำท่านลงมารักษาตัวที่วัด ถึงแม้กระนั้นท่านก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร เป็นได้เดี๋ยวก็หายเองได้ ถ้ามันไม่หายก็ให้มัน(สังขาร) ตายไปตามธรรมชาติ แต่ชาวบ้านก็ทนเห็นท่านอยู่ตามลำพังไม่ได้ ก็ขอร้องจนท่านใจอ่อนยอมให้นำลงมารักษาตัว

หรือการปฏิบัติภาวนาของท่าน ก็จะนอนแต่น้อย ฉันแต่น้อย บางครั้งท่านจะเดินจงกรมทั้งวันตั้งแต่เช้า บ่ายกลางแดดร้อน จนถึงวลาพลบค่ำ บางทีไม่ได้แตะต้องอาหารเลยก็มี การฝึกบำเพ็ญตนแบบนี้ หลวงพ่อเกษม เขมโกเคยบอกว่า เป็นการฝึกแบบอุกฤษฏ์(สูงสุด, เยี่ยม, วิเศษ)โดยใช้ชีวิตเข้าแลก ซึ่งเมื่อสำเร็จ เป็นเหตุปัจจัยให้ได้ถึงความเป็นทิพยญาณและอภิญญาสมาบัติชั้นสูง น้อยมากที่นักปฏิบัติจะเลือกบำเพ็ญตามแนวนี้

นั่นเองท่านจึงมีพลังจิตตานุภาพที่กล้าแข็งเป็นที่ยอมรับของครูบาอาจารย์สาย ขลังทั้งหลาย เช่น หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส , หลวงปู่ใย วัดมะขาม , หลวงปู่กาหลง วัดเขาแหลม..ฯลฯ ก็ยังเคยเอาของมาให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตให้หลายครั้ง ซึ่งนอกเนือจากเป็นผู้มีพลังจิตแก่กล้าแล้ว ก็คงมีปัจจัยอื่นๆอีกด้วย จึงเป็นที่ยอมรับของครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน ซึ่งครูบาอาจารย์บางท่านจะเรียกองค์หลวงปู่พิศดูว่า อาจารย์ใหญ่ หรือ ท่านผู้เฒ่า

"........ แต่ที่นี้ยังมีอีกบางอย่าง ถึงวิสัยของพระอริยะที่ท่านมีความปราถนามาตั้งแต่อดีต ซึ่งผมจะขอกล่าวเฉพาะ ท่านที่เคยตั้งความปราถนาซึ่ง ที่จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยเฉพาะ เราเรียกท่านเหล่านั้นว่า ปัจเจกภูมิ.. ซึ่งเรา-ท่านควรเปิดใจถึงตรงจุดนี้ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องอจินไตย ยากจะพิสูจน์ หากไม่มีครูบาอาจารย์ท่านรับรองไว้แล้ว เราไม่กล้าที่จะกล่าวคำเหล่านี้ได้เลยครับ..

ที่ผมได้นำเอาคำว่า พระอรหันต์ ปัจเจกภูมิ มาไว้ด้วยกันนั้น หาใช่ว่าจะนำมารวมกันหรือมีเจตนาอื่นไม่ เพียงแต่ องค์หลวงปู่ท่านเมตตาเคยบอกเรื่องนี้แก่ลูกศิษย์ของท่าน ถึงความปราถนาในอดีตขององค์ท่านว่า ท่านเคยปราถนาซึ่งความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก่อน และได้บำเพ็ญซึ่งปัจเจกภูมิมายาวนาน ตราบจนกระทั่งบารมีท่านใกล้เต็ม ตราบปัจจุบันชาติ ท่านเห็นความเบื่อหน่ายในโลก ไม่อยากเกิดต่อไปอีก จึงได้ถอนความปรารภนาซึ่ง พระปัจเจกภูมิ เข้าสู่ความเป็นพระอรหันต์ ในชาติปัจจุบัน องค์หลวงปู่ท่านบอกอย่างชัดเจนว่า เราเรียกความปรารถนาตรงจุดนั้นว่า ปัจเจกภูมิ(เดิม)

พ่อ แม่ครูอาจารย์องค์อดีต ที่ท่านเคยตั้งความปรารถนาซึ่งพระปัจเจกภูมิมาแต่เดิมนั้นก็มีอยู่หลายองค์ เช่น หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, ท่านเจ้าคุณนรรัตน ธมฺมวิตกฺโก , หลวงปู่สี วัดไผ่เงินโชตนาราม เป็นต้น (ขอบคุณ คุณทุเรียนทอด เจ้าของข้อเขียนนี้เป็นอย่างยิ่ง)

 

สวัสดียามสายครับป๋า

 

สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท

 

สวัสดียามสายครับป๋า วันนี้ครึ้มแต่เช้าเลยครับทางโน้นฝนตกมั้ยครับป๋า

 

ตกเมื่อคืนครับ วันนี้ก็ครึ้มๆอยู่ครับ

 

"ทำความชั่วต้องได้รับผลเป็นทุกข์จริงๆ ทำดีต้องได้ผลดีจริงๆ จะได้เมื่อไรไม่สำคัญ ขอให้ทำไว้เสมอ เพราะทำดีย่อมเป็นกรรมดีเสมอ ปลูกอะไรย่อมได้ผลอย่างนั้น แต่อาจงามต่างกัน คนทำดีอาจมีผลต่างกัน ผลที่เกิดอาจผิดกันได้ อย่าคำนึงนัก ขอให้ทำดีไปเรื่อยๆ เรื่องบุญเรื่องบาปอยู่ที่การกระทำ เราจะได้ความดีจากการปฏิบัติดี เพราะการปฏิบัติดี ย่อมจะต้องได้ผลดีเป็นธรรมดา"....ท่านพ่อลี ธมฺมธโร

​

 

กราบนมัสการท่านพ่อครับผม สวัสดียามเที่ยงครับป๋า

 

สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท

 

ลูกกระดอนสะท้อนกลับ(หลวงปู่พิศดู) ถ้ามีของเข้ามาจะมาแจ้งข่าวให้ทราบครับ

​

 

เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักองค์หลวงปู่
เมื่อประมาณเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2542 ได้เกิดฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ กิ่งอ.เขาคิชฌกูฏ และอำเภอใกล้เคียง ติดต่อกันนานหลายวัน ทำให้เขาคิชฌกูฏที่มีลักษณะเป็นดินทรายปนหิน พังถล่มลงมา ทั้งท่อนไม้ ต้นไม้ นับพันนับหมื่นท่อนได้หักโค่นลงมาอย่างถอนรากถอนโคน และไหลโหมกระหน่ำลงมาตามลำธารธรรมชาติสายต่างๆ จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ เหตุการณ์หนึ่งของชาวจันทบุรี
โดยก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเพียง 7 วันนั้นเอง องค์หลวงปู่ท่านก็ได้บอกเตือนชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดถึงภัยธรรมชาติอันจะเกิดขึ้นอีกเพียงไม่กี่วัน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจกับคำเตือนนั้นเท่าที่ควร ถึงแม้จะมีลูกศิษย์บางคนไปช่วยประกาศเตือนชาวบ้านนั้นทราบอีกแรงก็ตาม ท่านก็ได้แต่ปลงธรรมสังเวช แต่ท่านก็ยังรับรองสถานที่ๆปลอดภัยที่สุดให้กับผู้ที่เชื่อในองค์ท่านว่า " ที่อื่นเราไม่รับรองนะ แต่ที่วัดเทพฯนี่ปลอดภัยแน่นอน " พอผ่านไปได้เพียง 7 วันเขาคิชฌกูฏก็เกิดพังถล่มลงมา ทำให้ท่อนไม้ท่อนซุงดังกล่าวที่ไหลลงมาตามกระแสน้ำป่าอย่างบ้าคลั่งด้วยกำลังมหาศาล ยากยิ่งที่สิ่งใดจะมาต้านทานไว้ได้..!!! แต่ด้วยเดชะบุญ มหาบารมีธรรม บวกกับกำลังฤทธิ์ขององค์หลวงปู่พิศดู กระแสทะเลซุงที่กำลังโหมกระหน่ำลงมาผ่านพื้นที่ของวัดนั้น ปรากฏเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ เพราะได้มีท่อนซุงขนาดใหญ่จำนวนหลายท่อนได้ไหลลงมาเรียงซ้อนกันเป็นกำแพงตามแนวขอบเขตริมฝั่งคลองของวัด ทำให้กระแสน้ำที่ไหลมาได้ปะทะกับท่อนซุงอย่างจัง ทำให้กระแสน้ำนั้นได้หักเหเหลี่ยนทิศทางไป จึงเกิดเป็นคลองสายที่สองขึ้นขนาบกับคลองสายเก่าที่มีอยู่แต่เดิม วัดของท่านจึงรอดพ้นมหาภัยด้วยปาฏิหาริย์ ทั้งๆที่มีกุฏิริมน้ำตั้งขวางทางอยู่ แต่ก็กลับหาอันตรายได้ไม่ แต่เป็นที่น่าเวทนา ที่กระแสน้ำป่าทะเลซุงนั้นได้ไหลลงไปตามลำคลอง พัดถล่มทำให้อาคารสถานีตำรวจเก่าเกิดความเสียหายราบเห็นหน้ากลอง ถนนและการคมนาคนถูกตัดขาดสิ้นเชิง (แต่ทราบมาว่าไม่มีรายงานถึงผู้เสียชีวิต..) ข่าวการรอดพ้นจากภัยธรรมชาติของวัดเทพธารทอง ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คน รวมทั้งสื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์หลายฉบับก็ต่างประโคมข่าวปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ องค์หลวงปู่พิศดู และวัดเทพธารทอง จึงเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปนับตั้งแต่บัดนั้นเอง เคยได้ถามองค์หลวงปู่ว่า เหตุการณ์ตอนนั้นองค์หลวงปู่ทำอย่างไร ท่านก็ตอบว่า " เราก็นอนก่ายเกกสวดมนต์อยู่ที่กุฏิเฉยๆ " และยังบอกอีกว่า " เราก็เลยดังเพราะซุง "
ซึ่งในช่วงระยะนั้นนั่นเอง องค์หลวงปู่จึงได้แจกพระกสิณที่ท่านตั้งใจสร้างไว้ ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ และผู้ที่มากราบ พระกสิณจึงเริ่มเป็นที่รู้จักกันบ้าง ลูกศิษย์รุ่นเก่าที่ได้รับแจกต่างทราบกันดี และเป็นที่หวงแหนกันมาก เพราะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจมากครับ..

​

#คาถาวันโลกดับ
" ทิตะทิรา ทันมันฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส จะถิโท คะหะตะเน "
-ใช้สวดยามที่โลกมีภัยสงคราม และภัยอันตรายต่างๆตามพุทธทำนาย หรือสวดบ่อยๆก็ได้ตามต้องการ หากถึงเวลาเมื่อภัยมาถึงจริงๆให้หมั่นสวดสาธยายไว้เสมอ ผู้นั้นจะอยู่เย็นเป็นสุข และอยู่รอดปลอดภัยทุกประการ
(ที่ชื่อว่าคาถาวันโลกดับนั้นเป็นการเปรียบเทียบ ว่าถึงขนาดโลกดับถ้าสวดคาถานี้ก็จะยังอยู่รอดปลอดภัยได้)

#คาถาหลวงพ่อโอภาสีอาศรมบางมด
" อิติสุคโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง "
-คาถานี้เวลาเราไปที่ไหน ผู้ใดสวดคาถานี้แล้วเทพเทวดา พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระภูมิเทวดา ณ ที่นั้นๆจะดูแลรักษาเรา
อีกทั้งยังเป็นบทขอขมากรรมต่อพระแม่ธรณี พระแม่คงคา และภูมิเทวดาอารักษ์ทั้งหลายหากเราได้กระทำการอันใดที่อาจเป็นการล่วงเกินต่อท่านด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการก็ดีอีกด้วย
#คาถาพญายมราช
" ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุคโตจุติ จิตะเมตะ นิพพานัง สุคโตจุติ "
-คาถานี้เป็นคาถาพญายมราช ผู้ใดสวดไว้จะไม่ตายก่อนอายุขัย อีกทั้งยังป้องกันสรรพอันตราย จากคุณไสย ภูตผีปีศาจ และอมนุษย์ทั้งหลายด้วย
สวดก่อนออกชายคาบ้านทุกเช้าค่ำดีนักแล.

 

แจ้งได้รับพระแล้วครับ สวยมาก มีพระธาตุเสด็จด้วยครับ 3 องค์
ขอบคุณครับ