บุคคลที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ(OCD)อาการหนัก แล้วไปเหยียบพระพุทธรูปกับพระเครื่อง ครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 6 สิงหาคม 2014.

  1. โลโป

    โลโป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +1,714
    รูปไม่เที่ยง รูปเป็นทุกข์ รูปเป็นอนัตตา แม้รูปที่เป็นกายเนื้อของเจ้าชายสิทธัตถะก็ไม่หนีไปจากกฏนี้ เจ้าชายสิทธัตถะเป็นพระพุทธเจ้าเพราะตรัสรู้ธรรม แม้รูปกายที่เป็นกายเนื้อของเจ้าสิทธัตถะเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะไม่ใช่รูปกายของพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปในโลกนี้เป็นรูปสมมติของเจ้าชายสิทธัตถะไม่ใช่รูปที่เป็นกายเนื้อของเจ้าชายสิทธัตถะ ไม่ใช่รูปกายของพระพุทธเจ้า
     
  2. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ถ้าว่ากันเรื่องสมมุติ
    ถามว่า มีใครเคยเห็นพระพุทธเจ้าองค์จริงๆ
    หน้าตาท่านเป็นอย่างไร
    ไม่มีหรอก เพราะผ่านมาหลายพันปี ตายเกิดกี่รอบแล้ว
    ที่มีเป็นรูปบ้าง สร้าบเป็นพระประธานบ้าง ก็สมมติกันขึ้นมาเป็นตัวแทนไว้กราบไหว้
    ไม่มีใครสนใจว่าองค์จริงหน้าตาจะเหมือนไม่เหมือนหรอกครับ
    เพราะพระพุทธรูปจริงๆแล้วคือตัวแทนของพุทธะ
    ตัวแทนของผู้พ้นทุกข์ ผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
    ไม่ได้ระบุว่าเป็ยพระพุทธเจ้าองค์ไหน
    เป็นพระพุทธเจ้าทุกองค์ก็ได้
    เป็นพระพุทธเจ้าองค์เดียวก็ใช่
    ไม่มีผิด เพราะเป็นเพียงสมมติเท่านั้น
    จะให้มีผม ไม่มีผม ห่มขาวห่มเหลือง อยู่ที่มุมมองแต่ละบุคคล
    กราบไหว้ ก็กราบไหว้เพราะความเคารพในคุณความดี
    เหมือนที่กราบไหว้รูปพ่อรูปแม่ หรือรูปในหลวงนั่นแล
    มีประโยชน์เพียงทางใจ นอกนั้นตัวเองต้องปฏิบัติเอง
     
  3. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    1. บาป หรือไม่อยู่ที่เจตนาครับ
    การกระทำที่ปรากฏออกมาได้ ก็ต้องอาศัยเจตนาที่เกิดขึ้นภายในจิตเป็นเหตุ พระพุทธองค์จึงตรัสต่อไปว่า “เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ เจตะยิตวา กัมมัง กะโรติ กาเยนะ วาจายะ มะนะสา”
    แปลว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนาคือตัวกรรม สัตว์ที่กระทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี ย่อมมีการปรุงแต่งคือนึกคิดก่อนแล้วจึงทำ 
    สรุป คุณต้องถามเขาว่าตอนที่เหยียบนั้น มีสติไหม การที่เอาเท้ายกแล้วเหยียบนั้นรู้ตัวไหม ว่ากำลังยกเท้า ว่ากำลังเหยียบ นอกจากนี้ต่อให้มีสติ รู้ตัวว่าเหยียบนั้น ควบคุมร่างกายได้ไหม อาการที่เกิดขึ้นคล้ายกับผีอำไหม นั่นคือบังคับร่างกายไม่ได้ แต่มีสติรู้ตัวตลอด
    เพราะบาปหรือไม่ อยู่ที่จิตอย่างเดียว เหมือนกับที่คุณ tsukino2012 ส่วนที่คุณ Saber ยกเรื่องมานั้น ผมว่าหลงประเด็นคำถาม

    ถาม : เนื่องจากว่าเขารักองค์นี้มากเลยค่ะ เขาก็เลยให้ช่างไปซ่อม ทีนี้ช่างบอกซ่อมไม่ไหวแล้ว ต้องทุบท่านทีนี้ไม่ทราบว่า...?
    (อ่านประโยคคำถามดีๆ น่ะ ครับ คนมีสติรักองค์พระมาก ตั้งใจทุบพระ เพื่อให้ป่นแล้วสร้างใหม่ ถ้าแบบนี้ สติครบถ้วน แต่ที่ทุบเพราะโง่เขลาเบาปัญญา)


    2. ถ้ามีจิตคิดปรามาสผิดไหม
    ถาม 
    การที่จิตคิดปรามาสพระอริยเจ้าขึ้นมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ?
    จะถือว่าจะเป็นกรรมหรือไม่คะ?
    แล้วพอคิดแล้วก็บอกตัวเองว่าจะไม่คิดอย่างนี้อีก?
    แบบนี้จะบรรเทาวิบากกรรมได้ไหมคะ


    ตอบ
    กรณีของการคิดโพล่งขึ้นมาลอยๆ
    หลายคนสงสัยว่าเป็นกรรมหรือเปล่า
    ต้องตอบว่าเป็นครับ

    ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าจิตนั้นมีธรรมชาติสั่งสมนิสัย
    คือทำอะไรบ่อยๆ ก็สร้างแนวโน้ม
    ที่จะคิด พูด ทำอย่างนั้นๆอยู่เสมอ เมื่อมีเหตุมากระทบ
    ว่าตามตำรา เจตนาเป็นเจตสิกที่เกิดขึ้นกับจิตทุกดวง
    (แม้ในฝันท่านก็ว่ามีเจตนา แต่น้อยเหมือนน้ำมันฉาบกระทะ
    คือมีก็ไม่ใช่ (เพราะน้อยเกินเอามาใช้จริง)
    ไม่มีก็ไม่เชิง (เพราะมีกลิ่น มีมันติดอยู่)
    ฉะนั้น แม้คิดโดยเหมือนไม่รู้ตัว
    ก็จัดเป็นเจตนา เมื่อเป็นเจตนาก็ต้องเป็นกรรม
    แต่อาจไม่ใช่ อาจิณณกรรม
    เพราะบางทีเราคิดแบบลอยๆแล้วเลิก
    ไม่ได้ย้ำคิด ย้ำทำ อันนี้ผลที่ได้รับก็น้อยลงตามส่วน
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอเผลอคิดไม่ดีแวบเดียว
    แล้วสำนึกได้เดี๋ยวนั้น ตัวสำนึกจัดเป็นมหากุศลจิต
    ยิ่งถ้าเจตนาจะไม่คิด ไม่ทำอีก
    ก็กลายเป็นเกราะคุ้มภัยจากกรรมและวิบากชนิดนั้นๆไปเลย 
    ที่มา...ดังตฤณวิสัชนา ฉบับเปิดกรุ - ฉบับที่ ๙๕

    3. ถ้าไม่มีเจตนาในการเหยียบไม่บาปก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโทษน่ะครับ
    ลองอ่านบทความนี้ก่อน
    http://palungjit.org/threads/พระอริยสงฆ์ต่างยุคกัน-สอนเหมือนกัน.535565/
    การที่เอาเท้าเหยียบนั้น ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณเป็นเทวดาที่อาศัยในองค์พระ

    4. ตกนรกไหม?
    ซึ่งตอนหลังเขาหายแล้ว แต่อยากทราบว่าบาปมากๆเลยไหม จะตกนรกไหม ปล.เขาเป็นคนดีมากๆครับ เสื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทำบุญแทบทุกรูปแบบ 
    จากประโยคนี้ ไม่น่าตกนรกแล้ว
    และก็เคยเล่นกับพ่อแรงแต่ขอขมาทคุณพ่อเรียบร้อยแล้ว และรักกันไม่มีไร
    กลับไปอ่านบทความหัวข้อที่ 3 เลย หนีเศษกรรมไม่พ้นน่ะครับ ความดีคือความดี ความชั่วคือความชั่ว มันลบล้างกันไม่ได้ เปรียบความดีเหมือนน้ำ ความชั่วเหมือนเกลือ ถ้าคุณเคยทำความชั่วมาก่อน แต่เลิกทำแล้ว หันมาทำความดีอย่างมหาศาล ก็เปรียบเหมือนเกลือ 1 ช้อน ในน้ำ 1 แท็งค์ ถามว่าเค็มไหมก็คงไม่เค็ม แต่เกลือนั้นยังมีอยู่ ซึ่งอาการไม่เค็มนี้ เขาเปรียบเหมือนการให้ผลของกรรม ก็คือบุญส่งผลให้มีความสุข(ไม่เค็ม) บาปตามให้ผลไม่ทัน

    คุณถามแล้ว ผมถามคืนบ้าง
    1. คุณเองนั้นใช่ไหม ที่เหยียบพระ หลักฐานตามนี้
    http://palungjit.org/threads/อยากคุยกับพญายมราช-มีทางไหนบ้างครับ.509077/?langid=34
    2. ผมเดาน่ะ ตอนที่คุณเหยียบนี้ คุณมีสติครบถ้วนใช่ไหม

    เรื่องตกนรก ผมยังยืนได้ คุณสร้างความดีและสำนึกความชั่วนานแล้ว อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2014
  4. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    สนสวรรค์สนนรกด้วยหรือ เพราะไม่ยอมมองมันตรงๆ มันเลยโขกสับอยู่อย่างนี้ได้

    ตกนรกก็ช่าง แน่จริงก็ลองคิดขึ้นมาอีกที มองมันเข้าไปให้ตรงๆ ดูว่ามันเป็นอะไร ใช่เราหรือไม่ มันก็สักแต่ของภายนอก ไม่ใช่เราไปได้เลย

    ยิ่งกลัวปาบยิ่งเป็นของหวานอันโอชะของมัน ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นตอนที่มันเกิด แค่มองมันเข้าไปให้ตรงๆ
     
  5. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358

    1.การโกหกมันบาปอ่ะสิครับ งั้นผมก็คงไม่ขอตอบคำถามนี้ดีกว่า อิอิ

    2.มีเจตนารู้ว่าทำอะไรครับผม แต่หยุดตัวเองไม่ได้ครับ มันเป็นอาการทางสมองและ
    สารเคมีในสมองจากที่คุณหมอบอก

    ปล.แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้บอกนะว่าเป็นใคร แต่ผมและคนที่ผมพูดถึงนั้นชอบทำบุญทุกรูปแบบ ไม่ว่าโอกาสอันใดก็ตามไม่ว่าจะโอนทางธนาคาร กฐิน สร้างนู่นนู่ งานวัด ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2014
  6. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ยังไงต้องขอบคุณคุณ pongio มากเลยนะครับ รู้สึกว่ามีกำลังใจและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นจากการอ่านโพสทั้งหมดของคุณ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็คงต้องผ่านไป

    และขอขอบคุณทุกๆคนด้วยนะครับที่ให้ความรู้ต่างๆมากมาย

    คงต้อง อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย เหมือนที่คุณ pongio บอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. กลางทาง

    กลางทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2013
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +702
    ถ้าใครเคยไปไหว้พระที่วัดบางนมโคก็จะเห็นคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งเมื่อสวดถึงวิระทะโย วิระโคนายัง...วิระอิทธิโยและจะมีวงเล็บว่าให้สวดอย่างสม่ำเสมอกันต่อเนื่องกันประมาณนี้ ซึ่งในส่วนตัวผมมักจะสวดคาถาเงินล้านก็จะมีส่วนที่เป็นวิระทะโยเหมือนกัน ปัญหาก็คือถ้าผมสวดแบบปกติไปเรื่อยๆพอถึงช่วงวิระทาสีลมหายใจจะหมดพอดีจำเป็นต้องหายใจเข้าไปใหม่ อ้าวทีนี้ก็ไม่สม่ำเสมอแล้วซิเอาไงดี ไปเล่าให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งฟังแกเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีพอดี แกก็หัวเราะบอกว่าลมหายใจหมดก็ให้มันหมดไปก็หายใจเข้ามาใหม่ซิไม่ต้องไปสนใจแล้วก็บอกว่าผมนี่ยังไปไม่ถึงไหนเลยนี่ ผมก็บอกว่าใช่ยังอยู่แถวๆที่เดิมเลย จากนั้นมาก็สวดแบบไม่สนใจอะไรแล้ววิระทะโยถึงวิระอิทธิโยจะมีวิระทั้งหมด6ตัวผมผ่ากลางเลยแล้วก็รู้ด้วยว่าผ่ากลางแล้วไม่ยอมกลัวไม่ยอมกังวล ใจที่เคยกังวลมันก็หายไป(อาจมีบ้างช่วงแรกยังกังวล) ซึ่งพอดีอ่านที่คุณกฮก็เห็นว่าจริงถ้าไปยึดสิ่งที่เรากลัว มันเล่นงานเราจริง ถ้าเราไม่ยอมกลัวขนาดตกนรกก็ตกไปซิ ก็คงไม่ค่อยจะมีอะไรให้เราต้องกลัวแล้วมั้ง
     
  8. โลโป

    โลโป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +1,714
    พระธรรมและวินัยคือตัวแทนของพุทธะ ไม่ใช่พระพุทธรูป
     
  9. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ถูกต้องครับ
    ตัวอย่างดังกล่าว ผู้ที่กราบไหว้พระพุทธรูปก็เป็นความเชื่อความศรัทธาของเขา
    ขนาดพระหลายๆรูปก็ยังกราบไหว้พระพุทธรูป
    แต่เหตุผลของการกราบไหว้นั้นมีแต่ต่างกัน
    สมณะทั้งหลายกราบเพื่อระลึกถึงคุณความดีของพุทธองค์
    แต่สิ่งที่ควรปฏิบัติคือคำสอนของพุทธองค์ คือพระธรรมนั่นแหละไม่ผิด
    การปฏิบัติตามพระธรรม มีมรรค 8 เป็นหลัก
    ศีล สมาธิ ปัญญา
    แม้เราจะไม่ยึดติดในสมมติรูปเคารพ ก็ไม่ควรไปเหยียบย่ำลบหลู่ความเชื่อของผู้อื่น
    เพื่อทำให้เขาเหล่านั้นเกิดความทุกข์ใจ เพราะเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นอย่างหนึ่ง ผิดศีล
     
  10. โลโป

    โลโป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +1,714

    ผู้ที่ยึดติดรูป มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี ผู้ที่ไม่ยึดติดรูป มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี
    ความศรัทธามีทั้งคุณและโทษ
    หากศรัทธาโดยมีความเห็นถูกต้องเป็นบุญ
    หากศรัทธาโดยมีความเห็นผิดเป็นบาป
    ผู้ที่ติดในรูปสมมติคือผู้ยังไม่เห็นโทษของความเห็นผิด
    เมื่อรูปแตกดับ ถูกทำลายใจแทบแตกสลายตามรูปนั้นไป
    ความยึดติดในรูปจึงเป็นเครื่องจองจำสัตว์โลกให้มีทุกข์ตลอดสิ้นกาลนาน
    ธรรมย่อมขัดกับอธรรม หากพูดเรื่องธรรมที่แท้จริงแล้วย่อมมีผู้ทุกข์ใจ
    ธรรมจะไม่หมุนไปตามโลก ธรรมย่อมขัดแย้งกับโลก
    เช่นผู้มีธรรมท่านละเว้นการพรากชีวิตผู้อื่น
    กับผู้ที่ยังมีมืออันเปื้อนเลือดยังฆ่าสัตว์อยู่
    หากผู้มีธรรมบอกว่าอย่าฆ่าสัตว์เลยมันบาป มันจะตกนรก
    ผู้ไม่มีธรรมก็จะเกิดความทุกข์ใจทันที
    เอาแค่ศีลข้อเดียวขัดแย้งกันเสียแล้ว มีศีลห้าข้อขัดแย้งกันห้าข้อ
    มีศีล ๒๒๗ ก็ขัดแย้งกัน ๒๒๗ ข้อ ศีลคือเบื้องต้นที่จะใช้จำแนกสัตว์
     
  11. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ตามนั้นครับ
    คนยึดติดสมมติและแทบดับดิ้นเพราะสมมติ
    ก็เป็นเรื่องของภูมิจิตภูมิธรรมของเขา
    เราก็เตือนได้เท่านั้น แต่คนทั่วไป ขาดการฝึกปฏิบัติ เตือนไปอาจไม่เข้าใจ
    บุคคลที่ปฏิบัติแล้ว ไม่จำเป็นต้องเตือน
    ส่วนผู้ปฏิบัติผิด เตือนไม่ได้ผล และอาจเกิดโทษ
     
  12. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ผมรู้ตัวครับว่ายกขึ้นมา
    เป็นคนหยิบพระรู้ตัว
    แต่ผมพยายามห้ามตัวเองแบบสุดตัวแต่ห้ามตัวเองไม่ได้ครับ
    ยิ่งห้ามมันยิ่งอยากทำครับ พอทำเสร็จรู้สึกไม่สบายใจทันที ลูบแล้วลูบอีก ซึ่งพยายามห้ามแล้วแต่หยุดไม่ได้ หลังจากนั้นไปหาหมอหมอให้ยามากิน กว่าจะหายก็นานเอาเรื่อง พอหายก็ขอขมาบ่อยมากๆ ตอนนี้ก็พยายามทำบุญให้น้ำไม่มีรสเค็มครับ ที่ตั้งกระทู้นี้เพราะเครียดครับ กลัวบาปหนาตกนรกอเวจี แต่แต่ละคนโพสแต่เรื่องอื่นๆไม่ค่อยเกี่ยวเลย ผมแค่อยากรู้สิ่งที่ผมทำมันบาปสุดๆเลยใช่ไหม ถึงนรกอเวจีไหมครับ
     
  13. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนามธรรมเท่าไหร่ แต่ก็ยกตัวอย่างคนขับรถละกันคับ
    อย่างคนขับรถหากคนขับเผลอหลับไปหรือเมา แล้วไปชนคนตายแต่ทีนี้
    เจตนาของเขาคือขับกลับบ้าน ไม่ได้มีเจตนาจะชนคนตายเลย
    ถือว่าบาปใหมก็ต้องบาปครับ เพราะไม่สามารถควบคุมรถไว้ได้
    โดยขาดสติยับยั้งชั่งใจที่พอ จะดำเนินงานไปได้ ทั้งทางโลกทางธรรมถือว่าผิด
    ที่นี้หากน้อมมาสู่สังขาร สติก็คอยยับยั้งร่างกายว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ
    ความคิดแน่นอนอยู่แล้วคับ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปต้องมีทั้งคิดดีและคิดชั่ว
    แต่ใครจะสามารถ รักษาสติไว้ให้ดำเนินงานไปได้เท่าไหน แต่อาการที่คิดไม่หยุด
    จนไม่สามราถควบคุมได้ ก็แน่นอนครับ คือสติยังไม่พอ ดำเนินงาน
    ก็ต้องฝึกสติครับ ที่นี้ขอพิมพ์เรื่องปรามาสกับการที่เราหลับในหรือควบคุมรถไว้ไม่อยู่
    แล้วรถไปชนพระพุทธรูปจนพังยับนี่เป็นปรามาสใหม มันก็คนละเรื่องกันครับ
    พระพุทธรูปหากชำรุดเราก็เอาไปซ้อมได้ ไปทำความสะอาดได้
    แล้วก็ไม่ได้มีผลกระทบกระเทือนอะไรๆเลยกับพระพุทธเจ้า แล้วจะตกนรกจากการปรามาสใหม
    ก็ไม่ได้ตกเพราะไม่ได้ไปทำอะไรพระพุทธเจ้า แต่มันผิดตรงที่ สติยับยั้งในการกระทำต่างๆ
    อย่างผมขับรถไปชนป้ายโฆษณาทะลุป้ายไปเลย โดนภาพดาราหัวขาด จะปรับข้อหาผมฆ่าดาราตายหรอ
    มันก็ไม่ได้ ก็แค่โดนข้อหา ทำข้าวของเสียหายหรือเมาแล้วขับ หลับในแล้วขับ หรือดูfast7มาแล้วเพี้ยน
    ก็แก้ตัวด้วยการตั้งสติดีๆ แล้วก็ไม่ไปเหยียบอีกก็เท่านั้น พระพุทธรูป เราเอาไว้ระลึกถึงพระคุณเฉยๆ
    เหมือนของดูต่างหน้าก็เท่านั้น ไม่ได้ให้เอาพระพุทธรูป มาเป็น พระพุทธเจ้า
     
  14. M_Y

    M_Y เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +220
    คุณเจ้าของกระทู้คะ....ลองทำความเข้าใจกับตัวเองสิคะ ว่าเหตุที่เราทำอย่างนั้นเพราะอะไร เอาความจริงที่เกิดขึ้นแล้วมาทำความเข้าใจใหม่ ว่าจริงๆแล้วคุณไม่ได้เจตนาหรอก
    แต่เป็นเพราะอาการของโรค ที่ควบคุมไม่ได้ต่างหาก ทำความเข้าใจกับตัวเองอย่างมีสตินะคะ พอเข้าใจแล้ว คุณจะปล่อยวางความกลัวนี้ได้เอง แล้วต้องไม่กลับไปทำผิดซ้ำอีก แล้วกำลังใจ ในการสร้างความดี ก็จะกลับมาเต็มเปี่ยมได้อีก
    การที่จิตกลัวเพราะจิตยังไม่เข้าใจ.. ส่วนเรื่องบาป อยู่ที่เจตนา เจตนาดูที่ มีความตั้งใจ ความพอใจ ความยินดี ที่จะทำไหม (ก่อนทำ กำลังทำ หลังทำ)มีความยินดีพอใจไหม ถ้าไม่ก็คงบาปไม่มาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤษภาคม 2015
  15. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    เป็นโรค (Obsessive-Compulsive Disorder : OCD) ครับ อาการคร่าวๆคือ อยู่ๆก็อยากทำสิ่งไม่ดีกับสิ่งที่เราคิดว่าดีงาม ที่เรานับถือ โดยเกิดจากอาการทางสมองที่หลั่งสารไม่เท่ากัน (พูดกันทางการแพทย์) ทางความรุ้สึกก็หยุดไม่ได้ครับ ทั้งที่อยากหยุดจะตายหรือจำใจทำไป ประมาณนั้น แบบนี้ว่าบาปไหมล่ะครับ แต่ตอนนี้พ่อกับแม่เริ่มเข้าใจและรู้แล้ว เขาบอกไม่บาป และถึงบาปก็เป็นแค่เศษกรรม เรายังมีเวลาอีกเยอะทั้งชีวิตไว้ทำบุญครับ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...