เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. atitap

    atitap เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +2,012
    ยังไม่ได้รับครับ เพราะขอเพิ่มตอนร่วมทำบุญกับพี่ธวัชชัยครับ
     
  2. penicillin2

    penicillin2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +898
    สวัสดีครับทุกๆท่าน วันนี้ผมได้ถวายปัจจัยแด่หลวงปู่ห้วย ตามเลขบัญชีที่พี่ numtip ลงไว้ให้เป็นจำนวนเงิน 1000 บาท ขอทุกท่านโมทนาร่วมบุญกันครับ
     
  3. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    ...มนุษย์ทั้งหลายมีความทุกข์เกิดขึ้น
    ครอบงำอยู่ตลอดเวลาก็จริง เกลียดความทุกข์อยู่ตลอด
    เวลาก็จริง แต่ทำไมมนุษย์ทั้งหลาย
    ยังมัวแสวงหาทุกข์ร้อนใส่ตัวอยู่ตลอด
    เวลา แล้วทำไมเราต้องมามัวนั่งแสวงหา
    ทุกข์ใส่ตัว อยู่อีกเล่า!

    -เจ้าชายสิทธัตถะ-
    (สยามรฏฺฐเตปิฏกํ ปาลี. ปาสราสิสุตฺต โอปทฺทมวคฺค อุปริ. ม. มู. ม. 12/316/316)

    ............

    ชอบภาพนี้ นำมาให้ทรรศนา

    ถามพี่ศนิวาร ถามง่ายๆ
    หากพี่บวชเป็นพระ พี่จะเคารพพระธรรมวินัย หรือมติมหาเถร! หากเนื้อหามีความขัดแย้งกันอยู่?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2015
  4. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143


    ใน facebook ดูดวงที่ผมเข้าไปเป็นสมาชิกอยู่
    มีคนรำพึงรำพัน ว่าทำความดีแล้วไม่ค่อยมีใครเห็น

    ผมได้รับฝากให้ดูแลห้องราศีพิจิก ก็เลยตอบสมาชิกท่านนั้นไปว่า

    [​IMG]

    คนทำดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทน "ลาภ"
    คนทำดีเพื่อหวังตำแหน่ง "ยศ"
    คนทำดีเพื่อหวังคำชม "สรรเสริญ"
    ลาภ ยศ สรรเสริญ นี่แหละครับ ที่เป็นตัวผลักดันให้เกิดธุรกิจ คนที่เข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากลาภ ยศ สรรเสริญได้ คือผู้ที่จะครองธุรกิจ

    คนดี จะทำดีเป็นปรกติ เพียงหวังว่าความดีหรือสิ่งดีที่ได้ทำไปนั้น จะเกิดผลดีให้แก่ผู้รับ
    มีใครเห็นด้วยกับความดีที่คุณได้ทำไปแล้วนั้นหรือไม่ ก็ดูจากยอดอนุโมทนาครับ สูงกว่าของผมอีก....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2015
  5. บานชื่น

    บานชื่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,539
    ค่าพลัง:
    +18,459
    โอนแล้ว 300บาท "ร่วมสร้างพระฯกับพี่ธวัชชัย"
     
  6. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    .......

    บ่น...


    ผมดูดวงตัวเอง ว่าดาวเสาร์มาทับลัคน์ที่ราศีพิจิก จะทำให้ตัวเองลำบาก ดวงที่กำลังจะได้ตำแหน่งก็จะแห้ว.... แต่หลังวันเกิดมันจะดีขึ้น คือสิ้นเดือนนี้

    ผมไม่กลัวลำบาก เพราะการเลี้ยงลมหายใจมาจนป่านฉะนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว ให้ลำบากแค่ไหนก็คงไม่ถึงกับหมดลมหายใจ พอจะรับมือได้

    วิธีดูง่ายๆว่าทำไมถึงรู้ตัวเองว่าจะลำบาก ก็ดูว่าดาวเสาร์ที่จรมาทับลัคน์นั้น ได้ตำแหน่งอะไรในทักษา นับอายุแล้วปีนี้ตก"กาลี" ก็คือ กาลีทับลัคน์ แบบนี้ไม่ดีแน่

    แต่หลังวันเกิดจะกลายเป็นมนตรี ที่หมายถึงผู้ใหญ่ ผู้อุปถัมภ์ และจรราศีพิจิกนั้นได้ตำแหน่งราชาโชค ย่อมจะดี แม้ความหมายของเสาร์คือความเหนื่อยยาก แต่เราไม่ใช่คนกลัวเหนื่อย ยิ่งเหนื่อยยิ่งดีกับคนราศีพิจิก เพราะเหนื่อยแล้วจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าเหนื่อย


    บริษัทฯได้งานใหม่มา เป็นโปรเจคขนาดใหญ่ มีการประชุมภายในอยากให้ผมไปรับงานนี้ไปคุมงานนี้
    แต่ก็มีคนในแอบส่งข่าว ว่ามีการเตะตัดขากัน... ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ผมทำงานให้อยู่ และเป็นงานที่ไม่มีใครทำได้ดีกว่าผม

    วันนี้ผมเตรียมตัวจะไปดูพื้นที่ หัวหน้าที่ผมทำงานให้ก็เรียกไปคุย คุยให้ดูดีว่าเค้าสนับสนุนให้ทางบริษัทฯเลือกตัวผมไปรับงานนี้ เพื่อความก้าวหน้าของตัวผมเอง....

    ....ผมทำหน้าไม่ถูก จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องก็ร้องไม่ได้ เจอคนพูดโกหกหน้าตายแล้วคิดว่าเรารู้ไม่ทัน จะขำก็จะเสียมารยาท จะเศร้าก็ไม่คุ้นตัวเอง ตีหน้าไม่ถูกเลย.... นึกถึงคำพูดของพี่ไพรัช ว่า "คุณทิพย์...คุณคิดอะไรอยู่หน้าคุณมันฟ้อง..."

    เรื่องการเมือง การพูดเอาดีเข้าตัวผมรับได้นะ ผมเชื่อในเรื่องของวาสนา
    ผมมีความสามารถพิเศษคือความอดทน ผมทนได้จนหลายคนสงสัย
    จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าผมเก่งที่ทนได้ แต่ผมเข้าใจธรรมชาติของแต่ละคน

    ปรกติผมหน้าตาย ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ง่ายๆ แต่วันนี้ผมทำไม่ได้... ผมตีหน้าไม่ถูก ไปไม่ถูก เล่าให้ใครฟังไม่ได้ด้วย ผมอยากให้ใครคิดว่าผมโง่ในการอ่านคน หลอกใช้ง่าย เพราะการรู้ทันคนอื่นแล้วแสดงออก มันจะทำให้เราโดนแกล้ง

    ...เล่าให้ฟัง เผื่อใครจะเคยโดนแบบผม .....หัวเราะไม่ออกจริงๆ!
     
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    ใครเล่นfacebook ช่วยอุปถัมภ์มูลนิธิบ้านนกขมิ้นกันหน่อย เค้าขาดสภาพคล่อง เดี๋ยวต้องปิดมูลนิธิไปซะก่อน......
     
  8. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    ..เรื่องธรรมเหนือตลอด เราตายก็ตามธรรมเหนืออยู่แล้ว เอ้าตายไปๆ เรื่องธรรมไม่ตาย เป็นของจริง ของดี ของเลิศ เลิศเลอตลอดไป ของเลวมันก็เลวอย่างนี้เรื่อยไป โอ๊ยมันทุเรศนะไม่ทราบเป็นยังไง ทุเรศจริงๆ ไปเห็นความเลวร้ายของพระ ออกหน้าออกตาในแนวรบ ข้าศึกศัตรูทั้งหลาย เขารบข้าศึกศัตรูทั้งหลายจะมาเป็นภัยต่อชาติบ้านเมืองของเขา..

    ..แล้วมันก็อดคิดไม่ได้ ที่พวกกองทัพเทวทัต เทวทัตครั้งนั้นต่อสู้พระพุทธเจ้า เทวทัตครั้งนี้ต่อสู้กับศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า อันเดียวกันนั้นแหละ พิจารณาซิ อันนั้นก็ทราบเหตุทราบผลมาโดยลำดับลำดา ทางนี้ก็เป็นเทวทัตขั้นนี้มา แล้วทีนี้มีผู้ใหญ่ผู้น้อยนะนี่ก็ดี แล้ววินิจฉัยกันยังไง ไต่สวนกันยังไง เช่นอย่างตั้งมหาเถรสมาคมขึ้นมา เพราะเป็นจุดรวมของผู้อยู่ใต้ปกครองทั้งหลายจะได้รับอุบายวิธีการต่างๆ ที่ถูกต้องดีงามจาก มส. คือมหาเถรสมาคมนี้ไปปฏิบัติ แต่นี้มันไปทำกันอย่างนั้น มหาเถรสมาคมทำอะไรอยู่ เป็นยังไง ได้เอามาวินิจฉัยใคร่ครวญยังไงบ้างหรือเปล่า หรือมันไปหาตั้งแต่พวกมหาโจรเข้ามาเป็นพรรคเป็นพวก มหาเถรสมาคมก็เลยกลายเป็นมหาโจรไปด้วยกันอย่างนั้นเหรอ มันอดคิดไม่ได้นะ..

    ..ทางพระก็หน้าด้านแบบพระ ฆราวาสก็หน้าด้านแบบฆราวาส เป็นมหาโจรด้วยกันได้ทั้งคู่เสมอกันเลย คือพวกนี้เอง นี้ยังไม่ได้เกษียณ สมัครเข้าไปแล้ว จะเข้าไปเป็นแกนนำอยู่ในมหาเถรสมาคม นี่ทราบแล้วนะนี่ เราคอยฟังอยู่เวลานี้ จะไปแกนนำในมหาเถรสมาคม ถ้าไปเป็นแกนนำในมหาเถรสมาคมแล้วก็เรียกว่า มหาเถรสมาคมนี้คือกองทัพใหญ่ของมหาโจรปล้นชาติปล้นศาสนา จะว่ายังไงถ้าไม่พูดอย่างนั้น จะเกิดขึ้นที่จุดนี้ ถ้าไม่ให้ไอ้นี้ออก มหาเถรสมาคมจะเป็นกองเดียวกัน จะต้องถูกฟัดกันเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน นั่น เอาพูดอย่างนั้นซิ..

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์ ณ วัดป่าบ้านตาด
    วันที่ ๓๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ (เมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา)

    [​IMG]

    …..มหาเถรสมาคมนี้นะ พระสงฆ์ไทยเราได้สาปแช่งตำหนิแล้ว ขับออกจากคณะภิกษุสงฆ์ไทย มอบให้เป็นโรงงานใหญ่มหาโจรปล้นศาสนา โดยมีสมเด็จ..(ตําแหน่ง สมณศักดิ์).. เป็นหัวหน้าใหญ่เป็นมหาโจรอยู่ในมหาเถรสมาคมนั้นแล้ว หลวงตาบัวได้พูดออกมาแล้วคำนี้ เพราะฉะนั้นว่ามหาเถรสมาคมนั้นๆ นี้ๆ เราจึงฟังไม่มีความหมายอะไรเลย เราพูดตรงๆ อย่างนี้ เพราะพวกนี้ทำความเจ็บแสบแก่ศาสนามากมาย ทำลายศาสนาได้มากที่สุด มีสมเด็จเสียด้วยนะเป็นมหาโจรอยู่ในวงศาสนาเวลานี้ พูดให้ชัดๆ เอ้า โต้มาหลวงตาขึ้นเวทีแล้วไม่มีถอยใคร จะเอาตั้งแต่ความสัตย์ความจริงออกพูดเท่านั้น ความจอมปลอมหลอกๆ ลวงๆ อย่าเอามาพูด อย่าเอามาหลอก เราหลอกไม่เป็น ธรรมพระพุทธเจ้าไม่เคยหลอกใคร พูดอย่างตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก อันนี้ทำความเสียหายมากมายมานานแล้วมหาเถรสมาคม

    นี่ละมหาเถรสมาคมนี้เป็นมหาโจร ทราบทั่วกันแล้วบรรดาพระสงฆ์ไทยไม่มีใครยอมรับ มีแต่พวกมหาโจรนี้ยอมรับกันเท่านั้นเอง เราพูดในขั้นนี้ก่อน ให้พากันเข้าใจตามนี้ นี้เราพูดตามหลักความจริง เอาความจริงมาพูด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจอมปลอมหลอกลวงต้มตุ๋นมาตลอด พวกนี้ไม่มีความจริง มีแต่สิ่งทำลายๆ ใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นมหาโจรใหญ่

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
    เทศน์ ณ วัดป่าบ้านตาด (เมื่อ 10 ปีที่แล้ว)

    .............

    ใครอาจจะเพิกเฉยต่อพระลิขิตของสมเด็จฯในพระบรมโกศ แต่ผมไม่!
     
  9. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ในช่วงชีวิตของเรา เราได้เคยมีพระสมเด็จฯที่ดีมากๆ บริสุทธิ์มากๆให้กราบไหว้
    แม้ใครไม่ทันได้เห็นได้กราบได้ไหว้โดยใกล้ชิดแล้ว ก็ขอให้นึกไปว่าบารมีของพระองค์ท่าน แผ่ไพศาลคลุมหัวให้ร่มเย็นจนสิ้นขันธ์ของพระองค์ท่านฯ

    แต่ถ้าพูดเอาขลัง ใครที่ไม่รู้จักสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ถือว่านิยมขลังเพียงแค่นักเดินถนน ยังไม่ขึ้นห้าง ไม่เคยเห็นของห้างของมีระดับ


    [​IMG]
    สมเด็จพระมหาธีราจารย์
    (นิยม ฐานิสฺสโร ป.ธ.9)

    อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง


    ใครมีบุญหนักก็จะได้ตะกรุดที่ท่านฯจารให้ ตะกรุดดอกนี้เป็นสมบัติเลอค่าหาประมาณมิได้
    มิใช่แค่เพียงท่านเป็นพระราชาคณะฯ แต่เรื่องเวทย์วิทยาท่านก็สืบสายวิชามาโดยตรง

    นึกถึงท่านฯก็เพราะเมื่อคืนดูรายการข่าว ว่าวัดชนะสงครามก็เคยโดนระเบิดเมื่อครั้งสมเด็จฯท่านมาสอบคดีวัดดังเหมือนกัน...

    วัดไหนฯมาอ่านบทความของคุณPat Hemasuk ที่เขียนไว้ในเฟสบุ๊คส่วนตัวกัน
    จำไว้ว่าวันหน้า เนื้อหาบทความต่างๆเหล่านี้จะหนังสือของคนตายที่บันทึกไว้ เหมือนพระลิขิตที่มีใครนำมาปัดฝุ่นให้พิจารณาหาเหตุ... วีรบุรุษกับทรราชย์ ประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสิน

    ความว่า

    Pat Hemasuk2 กุมภาพันธ์ · · .

    วันนี้ผมเขียนยาวที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมาบนเฟสบุค วันนี้ผมจะเขียนเรื่องคดีธรรมกายในมุมที่ผมสัมผัสและพบเจอ ผมเลยต้องเตือนก่อนอ่าน

    คืนนี้ผมนั่งอ่านเรื่องกรณีวัดธรรมกายที่ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ประยุทธ์ ปยุตฺโต ได้เขียนเอาไว้อีกรอบเพื่อเก็บรายละเอียดในข้ออธิกรณ์ แล้วคิดถึงสมเด็จอุปัชฌายาจารย์ของผม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงครามเมื่อครั้งยังเป็นคณะใหญ่หนกลาง สมเด็จท่านมีความเที่ยงตรง ผิดก็ว่าผิดถูกก็ว่าถูก ไม่เอนเอียงตามเสียงของมหาเถรรูปอื่นทั้งสิ้น สิ่งที่ผมคิดถึงคือเมื่อย้อนหลังไปเมื่อ 14 ปีก่อนที่สมเด็จท่านต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกรณีธรรมกาย เวลานั้นผมก็ยังวิ่งเข้าวิ่งออกวัดชนะสงครามอยู่ไม่ต่างกับเวลานี้ แม้ผมจะยุ่งอย่างไรก็ต้องพาพ่อของผมเข้าวัดชนะอยู่ดีเมื่อท่านออกปาก เพราะท่านจะเข้าไปคุยเฮฮากับท่านเจ้าคุณสองสามรูปที่เป็นเพื่อนสมัยบวชด้วยกันตอนวัยหนุ่ม แล้วก็ต้องไปกราบสมเด็จพระมหาธีราจารย์ที่เมตตาทุกคนในบ้านของผมตั้งแต่ทวดลงมาตั้งแต่สมัยที่สมเด็จท่านเป็นพระมหาเปรียญหนุ่มยังไม่เป็นท่านเจ้าคุณ

    เรื่องนี้ขึ้นมายุ่งกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ตรงที่มีคดีธรรมกายที่โดนโยนขึ้นมาจนถึงมือของสมเด็จท่านแบบที่ท่านก็คาดไม่ถึง โดยที่ทั้ง เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ต่างก็เอนเอียงเข้าข้างธรรมกายไม่รับคดีขึ้นฟ้อง และดึงเรื่องแบบสุดความสามารถ จนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาที่ดูแลกรมศาสนาในเวลานั้นก็รวบรัดว่าเรื่องนี้ต้องถึงมหาเถรสมาคมเสียแล้ว และต่อมาเรื่องนี้ก็ตกลงมาถึงมือสมเด็จอุปัชฌายาจารย์ของผมจนได้

    เรื่องนี้ผมจะปูพื้นเรื่องก่อน เพื่อให้คนไม่รู้ได้รู้ เพราะในอนาคตถ้าหมดคนรุ่นผมไปแล้วหลักฐานปฐมภูมิจะหมดไป ต่อไปคนรุ่นหลังต้องไปอ่านจากคนที่ตายแล้วเขียนให้อ่าน ในเวลานั้นมีคดีฟ้องของ คุณมานพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา และคุณสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ได้ฟ้อง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีละเมิดพระธรรมวินัย และละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ ซึ่คดีนั้นมีการใช้เท็กนิกลากเรื่องดองเรื่องอย่างสุดฝีมือจากทางวัดพระธรรมกาย เริ่มจากเจ้าคณะปกครองมีอำนาจในการพิจารณาได้ปัดสำนวนฟ้องทิ้งไปด้วยเหตุที่ว่าผู้ฟ้องไม่ได้กรอกแบบฟอร์มช่องหนึ่งที่แจ้งว่าตัวเองว่าศาสนาอะไร

    เวลานั้น เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ต่างก็โดนสังคมโห่ฮาป่าในมุขอรหันต์โอ่งในนิทานแบบสุดๆ คุณมานพ นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา เขียนหนังสือ หลักการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ให้พระสงฆ์ได้เล่าเรียน และคุณสมพร ก็เป็น ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ แต่ทั้ง เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ก็เล่นทริกดึงเรื่องและปัดคดีให้ตกด้วยการแจ้งว่า โจทย์ทั้งสองไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นพุทธศาสนิกชน จะมาฟ้องพระไม่ได้ จนทั้งสองท่านต้องเอาหลักฐานว่าเคยบวชเรียนมาแล้วมาแสดงว่าเป็นพุทธแท้ๆ ถึงจะยอมเดินเรื่องต่อให้

    พอเรื่องเดินต่อไปก็มีทริกอีกมุขหนึ่งขึ้นมาว่าโจทย์ทั้งสองเป็นฆารวาสจะมาฟ้องพระไม่ได้ เจ้าคณะจังหวัดก็ไม่รับพิจารณาเรื่องนี้ โจทย์ไม่มีทางเลือกเลยไปฟ้องต่อเจ้าคณะภาคเสียเลย แต่เจ้าคณะภาคตัดสินว่าฆราวาสไม่มีสิทธิ์ฟ้องเหมือนกันจนเรื่องถึงรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาทำเรื่องให้มหาเถรสมาคมพิจารณาเสียเลย คราวนี้มหาเถรสมาคมบอกว่าทำไมจะฟ้องไม่ได้ "อย่างนี้จะพระเหี้ยอย่างไรชาวบ้านก็ต้องทนหรืออย่างไร" คำนี้ผมเอามาจากท่านสมเด็จพระมหาธีราจารย์ นั่งตบเข่าเล่าให้พ่อผมฟังเมื่อ 14ปีที่แล้วแล้วผมนั่งอยู่ด้วยได้แต่อมยิ้มอยู่ข้างเสากุฎิ ตามปกติสมเด็จท่านท่านจะพูดจาระวังคำพูด แต่กับคนใกล้ชิดแบบพ่อของผมท่านปลดเบรคพูดแบบสบายปากได้

    พอมหาเถรสมาคมมีมติว่าฆราวาสฟ้องได้ แล้วสั่งการให้เจ้าคณะภาคสั่งการให้เจ้าคณะจังหวัดรับฟ้องตามขั้นตอน แต่เจ้าคณะจังหวัดก็แจ้งไปยังเจ้าคณะภาคว่ามติของเจ้าคณะภาคที่ว่าฆราวาสฟ้องไม่ได้ มันมีมาก่อนมติมหาเถรสมาคม จะยังถือมติเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็รู้ว่าทั้งเจ้าคณะภาคและเจ้าคณะจังหวัดเตะบอลดึงเกมส์แบบรู้กันทั้งคู่นั่นแหละ ทางกระทรวงศึกษาเลยต้องเอาเรื่องเข้ามหาเถระใหม่อีกรอบว่าเจ้าคณะทั้งสองไม่ทำตามมติมหาเถรสมาคมสั่งการ เรื่องเลย ทางมหาเถรสมาคเลยสั่งการไปยังเจ้าคณะภาคอีกรอบ คราวนี้เจ้าคณะภาคบอกว่าจะรีบทำตามมติเร่งรัดคดี แต่ก็ดึงเรื่องไปเรื่อยๆอีกรอบจนมหาเถรฯ แต่งตั้งให้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เจ้าคณะหนใหญ่กลาง เข้ามากำกับดูแลด้วย โดยสมเด็จท่านให้ส่งรายงานมาทั้งหมด แต่ทางเจ้าคณะภาคก็ดึงเรื่องขอเวลาเขียนอีกเป็นเดือนๆ แล้วส่งมาแบบเขียนใส่ตั๋วรถเมล์สั้นๆ เท่านั้น คราวนี้สมเด็จท่านด่าเปิงกลับไปเพราะนิสัยของท่านตรงเป็นไม้บรรทัด แล้วสั่งให้ส่งรายงานแบบเต็มยศมาโดยด่วน พอรายงานมาถึงมือสมเด็จท่านก็บอกว่าแบบนี้ชัดเจนว่าเจ้าคณะภาคขัดคำสั่งมหาเถรสมาคมแบบชัดเจนท่านจะว่าอย่างไร

    เรื่องนี้ผมขออ้างคำพูดของท่านอาจารย์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ท่านบอกว่าเจ้าคณะภาคพูดกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ว่าตกนรกทั้งเป็น โดยเขียนว่า "ถ้าอย่างนั้นผมก็ตกนรกทั้งเป็น ตกนรกทั้งเป็นหมายความว่าอย่างไร คือไปรับเงินเขา เอ๊ย! รับลาภสักการะเขามาแล้ว ถ้ามาเปลี่ยนมติเสียเดี๋ยวก็จะมาตกนรกหรืออย่างไร อันนี้ก็ไม่ทราบนะฮะ ถ้าพูดอย่างนั้น" ท่านอาจารย์เสถียรพงษ์ เขียนว่าเจ้าคณะภาคพูดกับสมเด็จแบบนี้ สมเด็จท่านก็ไม่ยอมอะไรผิดว่าผิด อะไรถูกว่าถูก นิคหกรรมฆราวาสฟ้องได้อยู่แล้วไม่มีข้อห้ามอะไรสักอย่างตามที่อ้างปัดให้คดีตกกันเลยสักอย่าง

    คราวนี้เจ้าคณภาคและเจ้าคณะจังหวัดวิ่งไปพึงบารมีของสมเด็จวัดสะเกศให้มาเป็นตัวช่วยเพราะอย่างที่รู้กันว่าวัดสะเกศแบ็กอัพสายนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยสมเด็จวัดสะเกศบอกว่าต้องส่งให้กฤษฎีกาตีความว่าฟ้องได้หรือไม่ แต่สมเด็จวัดชนะท่านก็ซัดเข้าไปดอกใหญ่ในที่ประชุมมหาเถระแบบไม่ไว้หน้าว่า เรื่องของพระส่งไปให้บ้านเมืองพิจารณาได้อย่างไร เคยส่งไปแล้วก็โดนตีกลับมาทุกครั้งว่าเรื่องของพระก็ให้มหาเถรฯจัดการกันเอง คนนอกวัดไม่อยากยุ่งด้วยเพราะเรื่องแบบนี้มันมีพระวินัยมากำกับด้วย คนไม่ใช่พระจะมาชี้เรื่องพระวินัยได้อย่างไร

    เรื่องนี้สมเด็จวัดสะเกศเจออัดเข้าจังๆกลางที่ประชุมมหาเถรสมาคมถึงกับถอยกรูด ไม่แบ็กอัพวัดธรรมกายให้ตามที่คาดกันเอาไว้ เพราะรู้ว่าสมเด็จวัดชนะสงครามตรงเป็นไม้บรรทัดและไม่เคยมีเรื่องให้ใครขุดมานินทาให้เป็นจุดอ่อนได้ และดันเรื่องเข้ามหาเถรสมาคมทันที แต่ก็โดนดึงเรื่องต่อไปอีกหลังจากฝั่งสนับสนุนวัดธรรมกายเริ่มตั้งขบวนกันติดและมีการล็อปบี้กรรมการบางรูปของมหาเถรสมาคมกันสำเร็จ โดยให้เลื่อนการพิจารณาออกไป โดยอ้างว่ากรรมการฯ บางรูปอ่านเอกสารไม่จบ เรื่องก็ดึงกันไปเรื่อยๆ อีกนานข้ามปี

    จนในที่สุดสมเด็จพระสังฆราชทรงทนไม่ไหว ได้มีพระลิขิตออกมาว่า“การโกงสมบัติผู้อื่น ตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป คือประมาณไม่ถึง ๓๐๐ บาทในปัจจุบัน ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ฐานผิดพระธรรมวินัย พ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึก หรือไม่ก็ตาม ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยทันที” พอมีพระลิขิตออกมาเหมือนวงแตก มหาเถรฯ ให้ติดตามว่าวัดธรรมกายจะมีปฎิกิริยาอย่างไรกับพระลิขิต แต่วัดธรรมกายก็ยังเฉย

    พระสังฆราชก็ได้ทรงออกพระลิขิตอีกฉบับเป็นฉบับที่สอง ได้ทรงลิขิตว่า “ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำทรงสอน โดยกล่าวว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไป กลายเป็นสอง มีความเข้าใจ ความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธ-ศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยก ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการทำที่ถูกต้อง คือต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัด ทันที” แม้จะทรงออกพระลิขิตออกมาสองฉบับแล้วมหาเถรฯก็ยังเฉยๆ ไม่มีมติออกมา

    ทรงทนไม่ไหวกับคณะกรรมการมหาเถรฯ มีพระลิขิตออกมาเป็นฉบับที่สามว่า “ไม่คิดให้มีโทษ เพราะคิดในแง่ยกประโยชน์ ให้ ว่าในขั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนาถือเอาสมบัติ ของวัดเป็นของตนจริงๆ แต่เมื่อถึงอย่างไรก็ ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็น พระ ให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้ง ว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูก จัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระ ปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำ ความเศร้าหมองเสื่อมเสีย ให้เกิดแก่สงฆ์ใน พระพุทธศาสนา”

    คราวนี้มีแรงกระเพื่อมจากอีกฝั่งที่เชียร์ธรรมกายอีกว่าเป็นพระลิขิตปลอม ทั้งที่สำนักงานเลขาพระสังฆราชก็ออกมายืนยันว่าทรงลิขิตไว้ตามนั้นจริง จึงทรงออกพระลิขิตอีกฉบับเป็นฉบับที่สี่ว่า “ในกรณีเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย เราได้ทำหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชสมบูรณ์ตามอำนาจแล้ว จึงไม่มีอะไรจะพูดอีกขณะนี้ ขออนุโมทนาทุกท่านที่สนใจห่วงใยพระพุทธศาสนา แสดงความเป็นคนดี ด้วยมีกตัญญูกตเวทิตาธรรม” ทันที่ที่ออกพระลิขิตฉบับสุดท้ายออกมา ถึงกับมีคำขู่จากกลุ่มสนับสนุนวัดธรรมกายในทางรุนแรงจนถึงขั้นปองร้ายพระสังฆราช จนที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งตำรวจมาอารักขาสมเด็จพระสังฆราช และเร่งให้ดำเนินทุกวิถีทางเพื่อสนองพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยด่วน

    นามสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาในเวลานั้น ได้เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม แล้วแจ้งว่าเรื่องนี้จะนำคดีเข้าศาลในคดีอาญาทางโลก และจะตั้งพระให้เป็นโจทย์ในคดีกฏนิคหกรรมส่งให้ดำเนินการทางสงฆ์ โดยเร่งให้ ธัมมชโย โอนที่ดินและทรัพย์ส่วนนี้กลับเข้าวัด แต่ก็ได้รับคำตอบจากวัดธรรมกายว่าให้การพิจารณาของมหาเถรสมาคมจบก่อนว่าผิดจริงถึงจะโอนให้ และต่อมามหาเถรสมาคมก็เตะถ่วงเอาเรื่องอื่นๆเข้าประชุมแทนที่จะรีบพิจารณาเรื่องที่ นายมาณพ พลไพรินทร์ และนายสมพร เทพสิทธา ฟ้องในคดีกฏนิคหกรรม คราวนี้ประชาชนออกมาต่อต้านมหาเถรฯกันทุกภาคส่วนสนับสนุนพระลิขิตของพระสังฆราชและกดดันให้มหาเถรสมาคมออกมาดำเนินการจัดการวัดธรรมกายตามพระลิขิต

    ในขั้นสอบสวนทางโลก ธัมมชโย เข้ามอบตัวและประกันตัวไป ส่วนมหาเถรฯยังเตะถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ จนตำรวจได้ส่งสำนวนฟ้องให้อัยการดำเนินการต่อ และต่อมาสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ได้กดดันกลางที่ประชุมมหาเถรสมาคม และได้สั่งให้เจ้าคณะภาคสั่งให้อายัดเงินฝากของวัดธรรมกาย แต่ทางวัดธรรมกายสู้และแจ้งว่าอธิกรณ์ถึงที่สุดตามที่เจ้าคณะภาคและเจ้าคณะจังหวัดไม่รับฟ้องเมื่อหลายปีก่อนไปแล้ว จึงไม่ทำตามที่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ สั่งการลงมาถึงเจ้าคณะภาคทุกประการ และเพื่อลดความกดดัน ธัมมชโย ได้ลาออกจากเจ้าอาวาสแล้วให้ ทัตตชีโว ขึ้นแทน แล้วก็ใช้วิธีดึงคดีไปเรื่อยๆโดยแจ้งว่าป่วย จนกระทั่งหาทางออกได้แบบไม่เจ็บตัวโดยโอนที่ดินและทรัพย์สินกลับคืนวัดแล้วอัยการสั่งไม่ฟ้องโดยให้เหตุผลว่า "สำหรับในด้านทรัพย์สินนั้น ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 กับพวก ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959 ล้านบาทคืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวกจึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของพระสังฆราชครบถ้วนทุกประการแล้วอัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดีนี้" และมหาเถรสมาคมก็ถือโอกาสทองรีบปิดคดีเช่นกันโดยไม่สอบสวนคดีกฏนิคหกรรมต่อเหมือนทุกอย่างรีเซตตัวเองจบไปแล้ว โดยไม่คำนึงถึงพระลิขิตที่ทรงพิจารณาให้ ธัมมชโย สิ้นสภาพความเป็นพระไปก่อนหน้านั้น

    คืนนี้ผมเขียนอะไรยาวมาก แต่อยากจะเขียนเรื่องให้อ่านกันว่าทั้งสองปูชนียาจารย์ของผม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวร ที่ทรงเมตตาสั่งสอนผมยังเด็กจนวัยรุ่น และ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ที่เป็นอุปัชฌายาจารย์ของผม ได้ต่อสู้เพื่อพระศาสนาอย่างไรในกรณีคดีธรรมกาย


    ...............

    ผมมองว่าการเพิกเฉยหรือเข้าไปมีส่วนสนับสนุนลัทธิบิดเบือนพระธรรมวินัย เป็นผู้มีส่วนในการบ่อนเบียนพระศาสนาไม่ต่างกัน

    เพราะผมไม่ได้เข้าวัดแค่ไปเอาวัตถุมงคล...ต้องขออภัย!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    หลวงพ่อฤษีลิงดำ เคยเกือบจะได้วางศิลาฤกษ์วัดดัง ได้แค่เกือบคือเจ้าภาพนิมนต์ไปวาง แต่มีใครไม่ให้วาง ท่านจึงได้มีเรื่องมาสอนลูกศิษย์

    ความว่า...(คำว่า"ผม" หมายถึงองค์หลวงพ่อฯ)

    ผมจำเดือนไม่ได้ เพราะไม่ได้บันทึก ดูเหมือนว่าจะเป็นระยะตอนต้น ๆ ปี เมื่อปี พ.ศ. 2517 ปีนั้นเราก็เริ่มจะทำพระอุโบสถ อ้อใช่แล้วครับต้นปี เพราะว่าอากาศยังหนาว ๆ นิด ๆ เห็นจะเป็นเดือนกุมภา หรืออะไร มกรา จำไม่ได้ อาจารย์วรณี สุนทรเวช กับคณะของท่านมาที่วัดนี้บ่อย ๆ ในการมาวัดนี้ของท่านก็ถูกคณาจารย์เดิมโกรธ เช่นเดียวกับสาวกของ เอ้อ อีตาปริพาชก ตาพราหมณ์คนนั้นแหละ เป็นอันว่าเรื่องนี้ผมก็ขอยกไว้ที่อาจารย์โกรธ ผมไม่เห็น เป็นแต่เพียงท่านเล่ากันให้ฟัง

    ที่นี้เรื่องมาชนกับผมเองบ้าง คือว่าอาจารย์วรณี นี่ถวายที่ไว้แก่พระชุดหนึ่งที่คลองสามรังสิต จะเป็นเนื้อที่กี่ไร่นี่ผมจำไม่ได้ เนื้อที่มาก และก็กำลังจะสร้างพระอุโบสถ เอาช่างเขียนแปลนเสร็จ เอาช่างไปแล้ววางผังขุดหลุมจะเทรากฐานกำลังจะตอกเข็มแล้วก็มีความประสงค์จะวางศิลาฤกษ์

    สำหรับวัดนี้นอกจากอาจารย์วรณีจะให้ที่แล้ว ยังออกเงินให้ในการก่อสร้างทั้งหมด ทะนุบำรุงวัดนั้นทั้งหมด ที่หมดไปแล้วจำไม่ได้เนื้อที่ เพราะว่าคิดว่าจะเกินกว่าร้อยไร่แล้วก็ยังจะให้ เมื่อก่อสร้างแล้วก็ยังไม่พอ ยังจะให้เงินเป็นมูลนิธิสำหรับวัดนั้นอีกซัก ประมาณ สิบล้านหรือสิบล้านเศษผมจำไม่ได้ ก็สิบล้านน่ะสิบล้านแน่ แต่ว่าจะเศษเท่าไรนี่ผมจำไม่ได้

    ทีนี้การจะวางศิลาฤกษ์ของท่าน ไม่ทราบว่าท่านมีความรู้สึกยังไง จะนิมนต์ผมไปในฐานะเป็นผู้วางศิลาฤกษ์ ทีนี้ความจริงพระที่วัดนั้นก็เคยมาหาผม ท่านทำท่าเหมือนว่าจะเป็นบัณฑิต ตามที่ทราบมาว่าเป็นนิสิตเกษตร สำเร็จปริญญาจากเกษตรฯ เวลาท่านมาหาท่านบอกว่าท่านต้องการอภิญญา แต่ผมเองเรื่องอภิญญาสมาบัตินี่ ใครอย่ามายุ่งกับผม ผมไม่เอาด้วย ผมไม่ได้เห็นชอบด้วย ผมก็คุยให้ท่านฟังว่า ท่านต้องการอภิญญาก็ปฏิบัติตามนั้น ตามแบบฉบับ หรือว่าแบบปกติ ท่านทำท่าเหมือนว่าจะเลื่อมใส แต่คนอย่างผมนี่ใครจะเลื่อมใสหรือไม่เลื่อมใสผมก็ไม่สนใจ ถามมาผมก็บอกไปเป็นอันว่าเมื่อถึงเวลาที่จะวางศิลาฤกษ์ ผมก็ไม่ทราบเหตุมาก่อน แต่ไปได้ทราบทีหลัง เขาบอกว่ามีข่าวไปที่นั่นว่า ผมกับเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศคือเวลานั้นได้แก่ พลอากาศตรีหม่อมราชวงศ์เสริม สุขสวัสดิ์ เวลานี้ท่านเป็นพลอากาศโทเป็นเจ้ากรมสื่อสารทหาร จะยกกำลังไปยึดวัดเอามาเป็นวัดของตน

    นี่ต้องคิด ข่าวนี้ต้องคิด ทำเหมือนกะว่ามันทำง่าย ๆ เจ้าของเขาก็มี ไอ้ที่ดินเขาก็มีโฉนด พระก็มีปกครอง ผมจะย่องไปยึดวัดของเขานี่ข่าวล่วงหน้าไปก่อน ก็ไม่ทราบว่าข่าวไปจากไหน แต่เนื้อแท้จริง ๆ ท่านเจ้าภาพนิมนต์ผมไปวางศิลาฤกษ์ไอ้เรื่องนี้สนุกคุณ พวกคุณฟังกันแล้วก็ ทำกำลังใจให้ดีนะ ลองคิดว่า ถ้าถูกเขาแบบนั้นบ้างคุณจะวางใจแบบไหน นี่ไม่ใช่พราหมณ์หวงลูกศิษย์เฉย ๆ แ ต่ เ ป็ น พ ร า ห ม ณ์ ห ว ง ส ม บั ติ ด้วย

    เมื่อเวลาไปถึงตอนเช้า ผมก็แปลกใจที่มีนิสิตนักศึกษาของเกษตรเป็นกลุ่มใหญ่ยืนอยู่หน้าทาง มีวิทยุติดต่อกัน ผมน่ะอยู่ไกลฟังไม่รู้เรื่อง ผมก็เดินเรื่อยเข้าไปตามเรื่อง มีคนนำ แต่ทีนี้คนที่อยู่ใกล้ ๆ กับพวกนิสิตนักศึกษาเกษตรเขามาเล่าให้ฟังว่า ผมกับเจ้ากรมสื่อสารทหาร กับคณะเดินลงไปเข้าเขต เขาวิทยุถามกันไปว่า เวลานี้พระมหาวีระมาแล้ว จะอนุญาต.. ยอมให้เข้าหรือไม่ยอมให้เข้า ไอ้ความจริงผมไม่รู้เรื่องกับเขาเลย เขายอมหรือไม่ยอมก็ไม่รู้ มันเรื่องอะไร ผมก็ไม่รู้ แต่ว่า(เขา)คงได้รับคำตอบมาจากทางโน้นบอกว่า ยอมให้เข้า เมื่อยอมให้เข้าไปแล้ว ยอมหรือไม่ยอมก็ไม่มีใครเข้ามาห้ามผม ผมก็เดินไปตามคนเขานำ เมื่อเข้าไปถึงข้างในแล้วก็มีอาการแปลก แต่ผมก็มองดูเฉย ๆ เหมือนกับว่าไม่มีใครเขาสนใจ



    เจ้าภาพเองเนี่ยให้เงินตั้งสิบล้านเป็นมูลนิธิแล้วบริจาคที่อีกนับราคาหลายล้าน และให้เงินอีกหลายล้านในการก่อสร้าง กำลังจะตอกเข็ม ทั้งพระ ทั้งเจ้าหน้าที่ในนั้นก็ไม่ได้สนใจ นี่ผมก็แปลก ไปเกือบจะหาที่นั่งจะไม่ได้

    เวลานั้นเจ้าคุณวัดปากน้ำภาษีเจริญปัจจุบัน (ปัจจุบัน สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วง วรปุญฺโญ ) เจ้าคุณเจ้าอาวาส และพระที่นั่นก็มาจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ แล้วท่านเป็นเจ้าอาวาสด้วย กำลังเป็นเจ้าคณะตรวจการภาควัดภาษีเจริญด้วย เป็นเจ้าคณะตรวจการภาคสาม แล้วก็ตอนที่ผมไป ย้ายไปอยู่ภาคสิบห้าแล้ว ท่านมานั่งสวดมนต์อันดับแรก ที่พวกเราเข้าไปกันเกือบจะหาที่นั่งไม่ได้เป็นอันดับแรก ในระยะต่อมา ท่านเจ้าคุณ ท่านก็บอก “นิมนต์ ท่านมหานิมนต์นั่งที่นี่สิขอรับ มาสวดมนต์ด้วยกัน”


    ท่านก็ขยับที่ให้ในฐานะที่ผมอาวุโสมากกว่าท่าน ผมก็เรียนกะท่านว่า “ เขาไม่ได้นิมนต์ผมมาสวดมนต์ ก็ไม่จำเป็นหรอกครับ ” ผมก็นั่งตามที่ที่เขาจัดให้

    ต่อจากนั้นไปเรื่องมันก็เกิด โอละพ่อกันขึ้น เป็นอันว่าพระที่ ที่เจ้าภาพยกที่ให้ ตั้งท่า ตั้งทางพิเศษ บอกว่าขอให้มาทำเงื่อนไขกันก่อน อันดับแรก เขาเชิญพวกเดียวกันมาประชุมต่อหน้าเจ้าคุณ แล้วก็เธอเชิญท่านเจ้าภาพ ท่านเจ้าของที่ผู้ให้เงินในการก่อสร้างนับล้าน และก็จะให้เงินเป็นมูลนิธิอีกสิบล้าน คืออาจารย์วรณี สุนทรเวช เข้าไปร่วมประชุมกันต่อหน้าแขกทั้งหมด

    อันดับแรกเขาก็ยื่นเงื่อนไขว่า “ ขอให้พระองค์นี้ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้พูดกับท่านเจ้าคุณใหญ่ หรือว่าอาจารย์วรณี สุนทรเวช ผมก็แปลกใจว่า เอ๊ะ สำนักนี้เขาสอนพระกรรมฐานกันนี่ ทำไมอยากเป็นเจ้าอาวาส เป็นหรือไม่เป็นมันก็เป็นอยู่แล้ว อาจารย์วรณี สุนทรเวช ก็บอกไม่เป็นไร “ ถ้าท่านต้องการเป็นเจ้าอาวาสก็สุดแล้วแต่ท่านเจ้าคุณใหญ่ ”

    อีกองค์หนึ่งบอกว่า “ ถ้าอย่างนั้นเมื่อตกลงแล้วก็ต้องให้อาตมาเป็นรองเจ้าอาวาส

    นี่ยื่นเงือนไขกันแปลก ๆ ความจริงอาการอย่างนี้ พระในพระพุทธศาสนาเขาไม่ทำกัน ผมก็นั่งดู อาจารย์วรณี สุนทรเวช ท่านก็ไม่คัดค้าน บอกว่า “ ตามใจ วัดนี้ฉันถวายพระพุทธศาสนา ก็สุดแล้วแต่ท่านเจ้าคุณใหญ่”

    ถ้าหากว่าผมฟังไม่ผิดนะ นั่งไกล

    แล้วต่อไปก็มีการวางเงื่อนไขอีกว่า การวางศิลาฤกษ์วันนี้ ต้องไม่ใช่มหาวีระวาง ขอให้ท่านเจ้าคุณใหญ่เป็นคนวางศิลาฤกษ์ ตอนนี้รู้สึกว่าคณะของท่านเจ้าภาพ จะหน้าไม่ดี แต่ผมก็บอกไปว่า การวางศิลาฤกษ์ไม่สำคัญ มาวันนี้ ท่านเจ้าภาพนิมนต์มา แต่ถ้าว่า ถ้าไม่ให้วางก็ไม่เป็นไรหรอก ผมก็ไม่อยากวาง ไอ้วางศิลาฤกษ์ เอาหินไปวาง ๆ ผมไม่เห็นมันมีประโยชน์ ไม่เห็นมันมีอะไร

    แต่ขณะนั้น คนที่ฟัง ๆ กัน เขารู้สึกว่า เขาสงสารผม แต่ผมไม่เคยสงสารตัวผมเองเลย เพราะว่าไอ้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ผมโดนมาหนักกว่านั้น แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า

    ท่านเจริญพระกรรมฐานกันยังไงทำไมถึงแบกกิเลสต้องการลาภต้องการยศกัน

    นี่ผมนั่งปลงธรรมสังเวชของผมคนเดียว แต่ว่าคนอื่นนั่นน่ะเขาสงสารผม เขาคงจะสงสารในฐานะที่ผมนี่ถูกนิมนต์ไปให้วางศิลาฤกษ์ แต่ว่าทางวัดนั้น ไม่ต้องการให้ผมวางศิลาฤกษ์ ไอ้คนอื่นเขาสงสารผม ผมกลับไปสงสารพระที่วัดนั้น และท่านเจ้าคุณวัด.. เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพราะว่าท่านในฐานะเป็นผู้ใหญ่ท่านคงจะอายมาก

    แล้วผมก็ไปสงสารเจ้าภาพว่า เจ้าภาพทุ่มเทเนื้อที่ไป ผมเข้าใจว่าถึงร้อยไร่น่ะครับ ผมจำไม่ได้ เนื้อที่มากจริง ๆ แล้วก็ทุ่มเทงานก่อสร้างเข้าไปเป็นล้านแล้ว แต่ทว่าพระที่ให้ไปอยู่ที่นั่น กลับเป็นฝ่ายยื่นโนติ๊ส จะเอาอย่างนั้น จะเอาอย่างนี้ พอท่านบอกว่าต้องยอมให้องค์นั้นเป็นเจ้าอาวาส และต้องยอมให้องค์นี้เป็นรองเจ้าอาวาส อันนี้ผมอายชาวบ้านเขาเกือบตาย เพราะว่าชาวบ้านที่นั่งอยู่ที่นั้นนับร้อย
    ผมรู้สึกอายจริง ๆ ขอรับ ไม่ได้อายชาวบ้านเขาในฐานะที่ผมไม่ได้วางศิลาฤกษ์ อันนี้ไม่เกี่ยว ผมไม่มีความรู้สึก อายเขา ไม่คิดเลยว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างนั้น

    และก็อายแทนท่านเจ้าคุณใหญ่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่ลูกศิษย์ของท่าน สามารถยื่นโนติ๊สกับท่านแบบนั้น และก็อายแทนท่านเจ้าภาพผู้บริจาคทรัพย์ ว่าท่านบริจาคทรัพย์เนื้อที่มาก ราคานับล้าน และก็บริจาคทรัพย์ในการก่อสร้างไปแล้วนับล้าน กำลังจะสร้างพระอุโบสถอีกราคานับล้าน นายช่างก็วางผังแล้ว กำลังจะตอกเข็ม มาเกิดยุ่งกันตอนนี้ แม้แต่ข้าวพวกเราก็เกือบจะไม่มีกินกัน นี่สมมติว่าเป็นกำลังใจของท่าน ถ้าไปโดนเข้าแบบนี้ ท่านจะนึกโกรธใครสักคนมั๊ย

    นี่เอาเรื่องจริง ๆ กันมาพูดนะ ท่านทั้งหลายที่กำลังศึกษาอยู่เวลานี้ก็เหมือนกัน ต้องเตรียมตัวเตรียมใจในอาการอย่างนี้ไว้ด้วย ว่าการที่เราถูกเชิญไปในที่ต่าง ๆ นี่เราต้องระมัดระวังไว้ ว่าดีไม่ดี งานที่เขามอบหมายให้เราน่ะ มันอาจจะกลายเป็นประเภทผม แต่ผมโดนมาซะเยอะ มันช่ำ โดนมาจนหนังชา ชาจนถึงที่สุด จนเวลานี่ไม่ชาแล้ว มันหมดความรู้สึก เมื่ออาการอย่างนี้ปรากฏ ผมก็สงสาร แทนที่ผมจะอาย แต่ผมไม่อายใครเลย ท่านรู้สึกมั๊ยว่า ผมหน้าด้านมาก

    ใจของผมเวลานั้น มันสบาย ๆ ชอบกล ไม่มีความรู้สึกอะไร แต่กลับไปสงสารคนอื่น คนอื่นเขาสงสารผม คงจะสงสารในฐานะที่เสียหน้าที่เขาไม่ยอมให้วางศิลาฤกษ์ แต่ท่านเจ้าภาพก็พยายาม กระทั่งสุดท้ายก็ให้เอา ไปพรมน้ำมนต์แล้วก็โปรยข้าวตอก ดอกไม้ ผมสงสารท่านเจ้าภาพ แล้วก็ไปสงสารพระชุดนั้น สงสารท่านเจ้าคุณใหญ่วัดปากน้ำภาษีเจริญ มามองดูหน้าท่านแล้ว รู้สึกว่าท่านสลดมาก เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านคาดไม่ถึง ว่าลูกศิษย์ของท่านจะทำอย่างนั้น ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ว่าท่านจะมีความรู้สึกอย่างผมหรือไม่นี่ผมไม่ทราบ นี่ผมคิดเอาเอง

    แล้วผลงานต่อไป ที่มันจะพึงเกิดขึ้นกับพระประเภทนั้น นั่นก็คือ เจ้าภาพจะทำการสร้างโบสถ์ราคาเป็นล้าน ช่างก็ไปแล้ว เข็มเขิมไปแล้วเสร็จ งานสร้างโบสถ์หลังนั้นถูกงด คือไม่มีการสร้างต่อไป เจ้าภาพท่านตัดสินใจว่า ส่วนใดที่เสีย เสียแล้วเสียไป แต่ของใหม่ไม่ให้ ก็คือบอกเลิกการก่อสร้างพระอุโบสถกับช่างแล้วในการต่อมาทราบว่าเงินมูลนิธิสิบล้าน ที่ท่านจะให้ ท่านก็ถอดใจไม่ยอมให้เสียเลย เอาเงินจำนวนนี้ไปก่อสร้างถาวรวัตถุใหม่ที่อื่น คือ เป็นศาลาการเปรียญที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ กับวัดอะไรอีกวัดหนึ่ง ที่เจ้าคุณวิเชียรไปเป็นเจ้าอาวาส เป็นอันว่าพระคณะนั้นที่มีความมุ่งมาด อยากจะได้ทรัพย์สินประมาณสักสิบล้านบาทมูลนิธิ ก็ไม่ได้

    แต่ก่อนที่ไม่ได้นั่นน่ะ มันมีอย่างนี้อีก คือท่านเจ้าภาพมาบอกให้ผมฟัง บอกว่า พระวัดนั้นนั่นแหละ ที่เป็นวัดของท่านสร้างให้ เมื่อท่านถอน อ้า เมื่อท่าน เรียกว่า ในระยะแรกที่เป็นการตกลงว่าใครต้องเป็นเจ้าอาวาสกันมาแล้ว หลังจากนั้นงานเสร็จผ่านไป ก็มาขออนุญาต เงินที่เขาฝากไว้ที่ธนาคารใด ธนาคารหนึ่ง จะขอย้ายจากธนาคารนี้ไปธนาคารโน้น อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจ ว่า ทำไมจะต้องการแบบนั้น มาทราบจากเจ้าหน้าที่ธนาคารคนหนึ่งบอกว่า ถ้าย้ายเงินจากธนาคารนี้ไปธนาคารโน้น มันได้อะไรค่าคอมมิชชั่น ค่ารางวัลอะไรก็ไม่ทราบ ได้เงินเป็นกรณีพิเศษ ก็อย่างนั้น ผมก็ไม่รู้

    เป็นอันว่าเงินสิบล้าน ท่านเจ้าภาพก็ไม่ให้ ในการก่อสร้างต่อไปท่านเจ้าภาพท่านก็ไม่สร้าง แล้วเจ้าภาพก็ตัดญาติขาดมิตร กับพระคณะนั้นทั้งหมด ส่วนที่เสียไปแล้วกี่ล้าน บอกให้ผ่านไป แต่เรื่องใหม่ไม่มี นี่ไอ้เรื่องอย่างนี้นี่เราพูดกันถึงเรื่องของโทสะ ผมคิดว่าถ้าท่านทั้งหลายไปโดนเข้าแบบผม ดีไม่ดีท่านจะมานึกคิดว่า ที่เขานิมนต์เรามานี่งานวางศิลาฤกษ์ ถ้าเรามาเราก็จะอาย และก็จะเสียกำลังใจ ดีไม่ดี จะไปโกรธเขา

    ถ้าหากอาการอย่างนั้นปรากฏล่ะก็ ทำใจให้สบาย แล้วก็จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ว่าอาการอย่างที่ผมพูดมานี่ แล้วก็อาการอีกตั้งหลายอย่าง ท่านทั้งหลายที่ยังมีชีวิตจะต้องผ่านไปอีกมาก จะต้องประสพพบเห็น และอาจจะได้กะตัวเองของท่าน ถ้าอาการอย่างนั้นปรากฏ ถ้ามีใครเขามานิมนต์ไปก็ดี เชิญไปในกิจการงานอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ขอให้ไปตามหน้าที่ของพระ ทำใจให้สบาย ๆ คิดว่างานนี้เขาให้เราทำ เราก็ทำ ถ้าไปแล้วเขาไม่ให้เราทำ เราก็ไม่ทำ อย่าทำกำลังใจให้มันเสีย อย่าไปโกรธคนนั้น อย่าไปคิดว่าคนนี้ ถ้าไปโดนอาการอย่างนั้นขึ้น ก็อย่าไปคิดว่าเขาหักหน้าเรา ความจริงหน้าเราใครหักไม่ได้ หักไม่ลงหรอก มันแข็ง มีกระดูก

    เราก็ควรจะปรารภพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า โลกนี้มันไม่เที่ยง คนก็ไม่เที่ยง วัตถุก็ไม่เที่ยง อารมณ์ก็ไม่เที่ยง ถ้าอาการอย่างนั้นเกิดขึ้นกับเรา เราก็ควรจะเกิดสังเวชใจ สงสารเขา ว่า เขาผู้นั้นไม่น่าจะเสียสัจจะ เขาผู้นั้นไม่น่าจะทิ้งจริยาของพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา ก็การอยากเป็นเจ้าอาวาส การอยากเป็นรองเจ้าอาวาส นี่มันเป็นเรื่องของความโลภในยศ มันไม่ใช่ของดี

    แล้วอีกประการหนึ่ง การไปยืนหยัด บังคับให้การสร้างพระอุโบสถเป็นไปไม่ได้ นี่เป็นการทำลายทรัพย์สินของพระพุทธเจ้า ทำลายศรัทธา เราควรจะสงสารเขา ว่าเขาทำตัวผิด ไม่ใช่สงสารเรา และก็ควรจะสงสาร ท่านเจ้าของทรัพย์ว่า พระถมเถไป กรรมอะไรของท่านหนอ ที่ไปเจอะเอาพระจันไร แบบนี้เข้า

    นี่เป็นอันว่าทำให้ใจท่านเศร้าหมอง แต่ต่อมาผมก็พยายาม ประโลมให้ใจท่านสบาย และก็ควรจะสงสารท่านผู้ใหญ่ ท่านที่เป็นผู้ปกครอง ที่ลูกศิษย์ของท่าน หักหน้าท่าน ไม่ใช่หักหน้าเรา ทำเอาท่านเสียกำลังใจจนเห็นชัด

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท และพระโยคาวจรทั้งหลาย ตอนนี้องค์สมเด็จพระจอมไตร เล่าเรื่องความโกรธ ผมเลยเอาเรื่องของความโกรธมาพูดว่า พระพุทธเจ้าถูกความว่า พระพุทธเจ้าก็ไม่โกรธ ไอ้ความจริงผมไม่ใช่พระพุทธเจ้า วันนั้นไม่ทราบว่ากำลังใจมายังไง มันเฉย ๆ ปกติ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย เมื่อเขาค้าน ผมก็ดีใจ บอกไม่ต้องทำงาน แต่อีตอนที่เขาไปยื้อแย่งตำแหน่งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส กันนี่สิ ผมอายแทนเหลือเกิน ในฐานะที่เป็นพระเหมือนกัน และก็สงสารท่านเจ้าภาพ ว่า ท่านลงทุนขนาดนั้น ยังไม่มีคนรักท่าน มีคนทำลายท่าน สงสารท่านเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสด้วย เป็นพระราชาคณะด้วย เป็นเจ้าคณะตรวจการภาคด้วย แต่ลูกศิษย์ของท่านไปทำอย่างนั้น น่าสงสารมาก…..

    เอาล่ะต่อจากนี้ไป ขอบรรดาท่านทั้งหลาย จงพยายามรักษากำลังใจ เตรียมตัวเตรียมใจไว้อย่างนี้ ว่าถูกใครเขาขัดคอขัดใจ ที่ไม่ประกอบด้วยเหตุผล ก็อย่าทำกำลังใจของตนให้มันขึ้น ๆ ลง ๆ วางใจเป็นอุเบกขา ที่เรียกว่า สังขารุเปกขาญาณ จิตใจของท่านจะมีความสุข เพราะถ้าเราโกรธ ใจเราทุกข์ ใจเราเร่าร้อน ถ้าเราไม่โกรธ ใจสบาย………
     
  11. pakatu

    pakatu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +679
    "ร่วมสร้างพระฯ กับพี่ธวัชชัย"

    โอนยอด 500 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    จำได้เลา ๆ ว่าพระอานนท์พุทธอุปัฏฐาก พุทธอนุชาทูลถามว่า
    เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานไปแล้วจะให้ยึดถือสิ่งใด ผู้ใดแทน
    พระพุทธองค์ตอบชัดเป๊ะแบบไม่มีตัวเลือกคือ

    "เมื่อสิ้นพระตถาคตแล้วให้ยึดถือพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้งตัวแทนเราตถาคต"

    ดังนั้นผมไม่เชื่อตามมหาเถนทั้งหลายที่ไม่ยึดพระธรรมวินัย
    ผมเชื่อตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่ตัดสินตามพระวินัย ที่เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์

    พระวินัยว่าไว้แบบไหน ก็เท่ากับพระพุทธองค์มีพระดำรัสเอง
    สมเด็จพระสังฆราชในพระโกศ จึงเท่ากับอัญเชิญพุทธดำรัสมาตัดสินคดี
    ผู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ทำตามพระวินัยก็เท่ากับไม่เชื่อฟังในพระดำรัสของพระพุทธองค์ เรายังควรกราบไหว้ได้อยู่หรือ
     
  13. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    นึกว่าโดนอุ้มไปแล้ว....
    แต่ตอบแบบนี้จะไม่ได้เป็น"เจ้าคุณฯ..."
     
  14. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    พอดีเด็กสอบเสร็จต้องพาไปทัศนศึกษา กลับมาต้องทำเกรดส่งรายงานผลการเรียน เลยห่างหายไปพักหนึ่ง ไม่ได้โดนอุ้มไปไหน

    ส่วนเจ้าคุณอะไรนั่นไม่เป็นหรอก ที่แคบกลัวไม่มีที่จอดรถหรู กลัวไม่มีที่เก็บเงิน
    กลัวขนหน้าแข้งหมดยิ่งมีน้อยอยู่ด้วย กลัวได้ไปร่วมขบวนแห่เหยียบดอกดาวร่วง กลัวป่ากลายเป็นรีสอตปฏิบัติ ทำ และสำคัญที่สุดคือ หน้าไม่หนา หน้ายังมียางอยู่

    แถมท้าย

    โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต
    ปญฺญโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา

    (ที.ม.๑๐/๑๔๑/๑๗๘)

    คำแปล : ดูกรอานนท์ ธรรมแลวินัยใด ที่เราได้แสดงแล้ว และบัญญัติแล้ว
    แก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไป
     
  15. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ผิดกฎหมายทำลายวินัย : เหตุให้สงฆ์ไทยเสื่อม

    โดย สามารถ มังสัง / 9 มีนาคม 2558 14:32 น.

    กฎหมายคือกติกาสังคมซึ่งมนุษย์ปุถุชนผู้มีหน้าที่ และความรับผิดชอบทางด้านนิติบัญญัติได้ตราขึ้นมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการปกครองประเทศให้เกิดความสงบเรียบร้อย และความยุติธรรมโดยเสมอภาคกัน โดยมีกระบวนการรักษากฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายรองรับ

    วินัยสงฆ์คือกติกาสงฆ์ซึ่งพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาแห่งพุทธศาสนาได้ทรงบัญญัติขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือให้สงฆ์ใช้ปกครองนักบวชในพุทธศาสนา ทั้งในฝ่ายภิกษุ และภิกษุณี รวมไปถึงสามเณรและสามเณรีด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสันติสุขในหมู่สงฆ์ และป้องกันอันตรายอันอาจเกิดขึ้นแก่สงฆ์จากการคิดผิดปฏิบัติของผู้ใดผู้หนึ่งในพระธรรมวินัยของพระองค์ และเป็นเหตุให้พระสัทธรรมคือสั่งสอนของพระองค์ต้องอันตรธานสูญหายไป หรือตั้งอยู่ไม่ได้นาน ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่พระกิมพิละ ผู้ทูลถามพระองค์ว่า เมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วอะไรจะเป็นเหตุให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นานว่า “ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในพระธรรมวินัยนี้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในการศึกษา ไม่เคารพยำเกรงกันและกันนี้แลกิมพิละ เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว”

    โดยนัยแห่งพุทธพจน์ดังกล่าวข้างต้น เป็นการแสดงเหตุปัจจัยที่ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรมว่า เกิดจากปัจจัยภายในคือพุทธบริษัทสี่คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกานี้เอง

    ภิกษุหมายถึง นักบวชเพศชาย ถือพระวินัย 227 สิกขาบท

    ภิกษุณีหมายถึง นักบวชเพศหญิง ถือพระวินัย 311 สิกขาบท

    อุบาสกหมายถึง ผู้ชาย ผู้เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ถือศีล 8 ข้อ

    อุบาสิกาหมายถึง ผู้หญิง ผู้เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ถือศีล 8 ข้อ

    พระวินัยสงฆ์มีทั้งที่เป็นข้อห้าม และเป็นข้ออนุญาต ข้อห้ามจะมีบทลงโทษเมื่อมีการล่วงละเมิด ส่วนข้ออนุญาตทำตามก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าทำจะต้องเป็นไปตามที่อนุญาต

    โทษสำหรับที่ว่าละเมิดพระวินัยแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ

    1. โทษหนักขาดจากความเป็นภิกษุ และภิกษุณีเปรียบได้กับโทษประหารชีวิต

    2. โทษปานกลางต้องอยู่กรรมเปรียบได้กับโทษจำคุก

    3. โทษอย่างเบามีตั้งแต่ต้องสละวัตถุอันเป็นเหตุให้ต้องอาบัติก่อนแสดงอาบัติได้แก่ นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ ทุกกฎ

    ในการลงโทษทางพระวินัย พระพุทธองค์ได้ทรงขั้นตอน และวิธีการไว้ดังนี้

    1. ทรงแต่งตั้งพระธรรม และวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์พุทธปรินิพพานแล้ว ดังปรากฏในพุทธพจน์ที่ตรัสแก่พระอานนท์ที่ว่า “ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยอันใดที่เราตถาคตแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว ธรรมและวินัยอันนั้นจัดเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไปแล้ว”

    โดยนัยนี้บุคคลใดล่วงละเมิดพระธรรมวินัย บุคคลนั้นได้ชื่อว่าไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดาซึ่งเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมคำสอนตั้งอยู่ไม่ได้นานตามนัยที่พระพุทธองค์ตรัสแก่พระกิมพิละที่ว่า “ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาในพระธรรมวินัยนี้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา ในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในการศึกษา เคารพยำเกรงกันและกันนี้แลกิมพิละ เป็นเหตุ เป็นปัจจัยที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว”

    2. พระพุทธองค์ได้ทรงกำหนดลักษณะของการล่วงละเมิดพระวินัย หรือที่เรียกว่า อธิกรณ์มี 4 ประการคือ

    2.1 วิวาทาธิกรณ์ได้แก่ การวิวาทกันเกี่ยวกับพระวินัย

    2.2 อนุวาทาธิกรณ์ได้แก่ การโจทย์ฟ้องกันด้วยศีลวิบัติ ความเสียหายเกี่ยวกับศีล อาจารวิบัติ (ความเสียหายเกี่ยวกับความประพฤติ) ทิฏฐิวิบัติความเสียหายเกี่ยวกับความเห็น และอาชีวาวิบัติ (ความเสียหายเกี่ยวกับการเลี้ยงชีพ)

    2.3 อาปัตตาธิกรณ์ได้แก่ การต้องอาบัติต่างๆ

    2.4 กิจจาธิกรณ์ได้แก่ กิจกรรมที่สงฆ์จะต้องทำเป็นสังฆกรรม

    3. พร้อมกับการกำหนดลักษณะความผิด 4 ประการตามข้อ 2 พระพุทธองค์ได้ทรงกำหนดแนวการระงับอธิกรณ์หรือแนวทางการพิจารณาความเพื่อสะสางความผิดที่เกิดขึ้นทั้ง 4 ลักษณะข้างต้นหรือที่เรียกว่า อธิกรณสมถะคือการระงับอธิกรณ์หรือการพิจารณาคดีความให้สงฆ์ดำเนินการ โดยแต่งตั้งวินัยธรขึ้นมาชำระความผิดที่เกิดขึ้น 7 ประการคือ

    3.1 สัมมุขาวินัยได้แก่ การระงับต่อหน้าหมายถึงการเรียกผู้ล่วงละเมิดพระวินัยข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อมารับทราบข้อหา และสอบถามเพื่อเอาความมาพิจารณา

    3.2 สติวินัยคือการระงับด้วยยกฟ้องหรือให้พ้นผิดด้วยเหตุว่าเป็นผู้มีสติถึงพร้อม ซึ่งใช้กับกรณีที่พระอรหันต์ถูกฟ้องว่ากระทำผิด

    3.3 อมูฬหวินัยคือการยกฟ้องหรือไม่มีความผิดเนื่องจากเป็นบ้า

    3.4 ปฏิญญาตกรณะคือการลงโทษตามคำรับสารภาพของผู้ที่ถูกฟ้องว่ากระทำผิด

    3.5 เยภุยยสิกาคือการระงับด้วยเสียงข้างมากอันได้แก่ การลงคะแนนโดยใช้เสียงข้างมาก

    3.6 ตัสสปาปิยสิกาได้แก่การตัดสินลงโทษตามหลักฐาน และพยานแวดล้อม

    3.7 ติณวัตถารกวินัยได้แก่การระงับหรือตัดสินความโดยการประนีประนอมให้เลิกแล้วต่อกัน

    อธิกรณ์แต่ละอย่างอาจใช้แนวทางระงับหรือดำเนินการชำระความด้วยการระงับหลายประการได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของการล่วงละเมิด

    นอกจากยึดแนวทางแก้ปัญหาการปกครองสงฆ์ โดยยึดพระวินัยแบบสงฆ์ไทยนิกายเถรวาทยังมีการนำคณะสงฆ์กฎหมายมาใช้ในการปกครองสงฆ์ควบคู่ไปกับพระวินัยด้วย และในขณะที่กฎหมายที่ใช้ปกครองสงฆ์ไทยคือ พ.ร.บ.สงฆ์ 2505

    แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้วงการสงฆ์ไทยกำลังสับสนกับการนำ พ.ร.บ.สงฆ์มาใช้ดังที่เกิดขึ้นในกรณีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าต้องปาราชิก และได้มีพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ. 2542 ว่ามีความผิดเกิดขึ้นแล้ว แต่ต่อมาได้มีการฟ้องร้องต่อศาลและมีการถอนฟ้องด้วยอ้างว่าได้คืนทรัพย์สินที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปาราชิกแล้ว และในยุคต่อมาได้ยึดแนวทางที่เจ้าคณะว่าไม่เป็นปาราชิกมาเป็นแนวทางถือปฏิบัติ

    ในขณะเดียวกัน ได้มีฝ่ายที่ยึดพระวินัยเป็นหลักได้ออกมาต่อต้านด้วยอ้างว่ามติดังกล่าวขัดพระวินัย จึงน่าจะขัด พ.ร.บ.มาตรา 15

    อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากอธิกรณ์ 4 กรณีของพระธัมมชโยน่าจะเข้าข่ายอนุวาทาธิกรณ์ ดังนั้นการที่พระลิขิตได้ระบุโทษจึงเป็นไปตามการระงับด้วยตัสสปาปิยสิกาคือระบุโทษน่าจะถูกต้องตามพระวินัยแล้ว
     
  16. ไชย

    ไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +1,013
    เมื่อหลายปีก่อนวัดดัง มีคดีดัง มีนายหน้า จัดหาคนไปวัด มีข้าวกิน มีเงินให้วันละหลายร้อย มาวันนี้ดังได้อีก สงสัยหนังเรื่องนี้มีหลายภาค
     
  17. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    อะไรคือมูลเหตุแห่งการเสื่อมสูญของพุทธศาสนาในอินเดีย
    ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมหายาน
    วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

    1. คณะสงฆ์อ่อนแอเสื่อมโทรมลง
    2. ศาสนาฮินดูต่อต้านบีบคั้น
    3. ชนชาติมุสลิมเข้ารุกรานและทำลาย

    ท่านกรุณา กุศลาศัย ได้กล่าวถึงสาเหตุการเสื่อมสูญของพระพุทธศาสนาในอินเดียไว้ดังนี้
    1.การแยกตนไปดำรงชีวิตต่างหากของสงฆ์
    2. การวางตนไม่แทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางสังคมของพุทธศาสนา
    3. ความตกต่ำทางภูมิปัญญาของสงฆ์
    4. การปรากฏของลัทธิตันตระ
    5. ชาวพุทธถูกรุกรานประหัตประหาร


    ปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้สูญสิ้นไปจากประเทศอินเดีย เพราะสิ่งที่พระพุทธศาสนาสร้างขึ้นแล้วในประเทศอินเดีย ก็ยังคงอยู่ในประเทศอินเดีย ในรูปศิลปะ โบราณคดี วัฒนธรรมต่างๆ ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนในด้านหลักธรรมก็เป็นเครื่องปรับปรุงขัดเกลา และเป็นแบบอย่างที่ทำให้ศาสนาฮินดูซึ่งเจริญ มาถึงปัจจุบันกลายรูปไปในทางที่ประณีตขึ้น เช่น เลิกการบูชายัญ มีหลักศีลธรรมเด่นชัดขึ้น มีหลักปรัชญาที่ลึกซึ้งขึ้นด้วยวิธีดึงเอามาจากพระพุทธศาสนาเท่าที่เป็นประโยชน์แก่ตน ดังนี้ เป็นต้น
    (พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต), พระพุทธศาสนาในอาเซีย, โรงพิมพ์ธรรมสภา, 2540 (364)

    อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ อะไรคือมูลเหตุแห่งการเสื่อมสูญของพุทธศาสนาในอินเดีย -วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิ

    ......................

    ที่ประเทศไทย
    1. คณะสงฆ์อ่อนแอเสื่อมโทรมลง
    2. ศาสนานายทุนต่อต้านบีบคั้น
    3. ชนชาตินักการเมืองเข้ารุกรานและทำลาย
    แค่นี้ก็แย่แล้ว...

    .......................

    มีใครเห็นเวปพระพุทธศาสนาเข้ามาแสดงจุดยืนบ้างครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2015
  18. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 441199-24d1d.jpg
      441199-24d1d.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.7 KB
      เปิดดู:
      229
    • export_89.jpg
      export_89.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.4 KB
      เปิดดู:
      613
  19. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    [​IMG]

    เอ๊ะนั่นใคร ไกลน้อง มองบ่ชัด
    มิถนัด ชัดเห็น เป็นผู้ใด๋
    แม่เนื้อผ่อง น้องนั้น หันเบิ่งใคร
    ท่าทางไกล ไม่ชัด ถนัดตา..............(สมาคมรักสาวลาวแห่งประเทศไทย)

    แซว..

    เบิ่งพี่ทิพย์รูปหล่อ อ๋ออยู่นั้น
    คนขยัน วรรณาน่าผ่องใส
    หากพี่ทิพย์ เขี่ยภรรยาหย่าห่างไกล
    น้องปันใจ ชวนพี่ยา มาเวียงจันทร์............(สมาคมแอบรักสาวลาวแห่งประเทศไทย)
     
  20. New Collector

    New Collector เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +801
    แซว..

    เบิ่งพี่ทิพย์รูปหล่อ อ๋ออยู่นั้น
    คนขยัน วรรณาน่าผ่องใส
    หากพี่ทิพย์ เขี่ยภรรยาหย่าห่างไกล
    น้องปันใจ ชวนพี่ยา มาเวียงจันทร์............(สมาคมแอบรักสาวลาวแห่งประเทศไทย)[/QUOTE]

    แน่ใจเรอะหนุ่มทิพย์ เอาแน่นะ5555555
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...