"พระพุทธเจ้า"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย xeforce, 9 มีนาคม 2015.

  1. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2015
  2. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  3. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    ภิกษุ ท. !
    สิ่งใด ไม่ใช่ของเธอ, สิ่งนั้น จงละมันเสีย

    สิ่งนั้น อันเธอละเสียแล้ว
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่เธอ.

    ภิกษุ ท. ! อะไรเล่า ที่ไม่ใช่ของเธอ ?
    ภิกษุ ท. !
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั้น อันเธอละเสียแล้ว
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่เธอ

    ภิกษุ ท. !
    เปรียบเหมือน อะไร ๆ ในแคว้นนี้
    ที่เป็นหญ้า เป็นไม้ เป็นกิ่งไม้ เป็นใบไม้ ที่คนเขา
    ขนไปทิ้ง หรือ เผาเสีย หรือทำตามปัจจัย
    พวกเธอรู้สึกอย่างนี้บ้างหรือไม่ว่า
    คนเขาขนเราไป หรือเผาเรา หรือ
    ทำแก่เราตามปัจจัยของเขา ?

    “ไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า !”

    เพราะเหตุไรเล่า ?

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !

    เพราะเหตุว่า ความรู้สึกว่า
    ตัวตน (อตฺตา) ของตน (อตฺตนิยา) ของข้าพระองค์ไม่มีในสิ่งเหล่านั้นพระเจ้าข้า !”

    ภิกษุ ท. !
    ฉันใดก็ฉันนั้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่ของเธอ
    เธอจงละมันเสียสิ่งเหล่านั้น อันเธอละเสียแล้ว
    จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่เธอ แล.



    ......................
    สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๑/๒๑๙.
     
  4. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  5. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    เยื่อมเลยครับ พระพุทธเจ้าของเราเป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
    คำสอนของพระองค์จึงประเสริฐที่สุด แทงตลอดทั่วโลกธาตุ ไม่มีผิดพลาดเลย
     
  6. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    สมัยหนึ่ง
    พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี
    ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้ว

    ตรัสถามว่า :
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น
    ไหนจะมากกว่ากัน?

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า :
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบ
    ที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มีประมาณน้อย ที่บนต้นมากกว่า พระเจ้าข้า.

    พ. อย่างนั้นเหมือนกันภิกษุทั้งหลาย
    สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมาก
    ก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก
    เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์
    มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย
    ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง
    ความตรัสรู้ นิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว
    เราได้บอกแล้วว่า นี้ทุกข์ ... นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก
    เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น
    ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ...
    นิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ
    เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า
    นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.


    ............................
     
  7. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]
     
  8. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    มิคชาละ!
    รูปทั้งหลายที่จะพึงรูแจ้งดวยจักษุ
    อันเป็นรูปที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก
    เป็นที่เขาไปตั้งอาศัยอยู่แหงความใคร่
    เป็นที่ตั้งแห่งความกําหนัด มีอยู่.


    ถ้าภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ
    ไม่สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร้.
    เมื่อเธอนั้น ไมเพลิดเพลินไม พร่ำสรรเสริญ
    ไมสยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นอยู่, นันทิย่อมดับ.


    มิคชาละ!
    เรากล่าววา “ความดับแห่ง
    ทุกข์ย่อมมี เพราะความดับแห่งนันทิ (ความเพลิน)” ดังนี้.



    (ในกรณีแห่ง เสียงที่ จะพึงรู้ แจ้งด้วยหู ก็ดี
    ในกรณีแห่ง กลิ่นที่ จะพึงรู ้แจ้งด้วยจมูก ก็ดี
    ในกรณีแห่ง รสที่ จะพึงรู้แจ้งด้วยลิ้น ก็ดี
    ในกรณีแหง โผฏฐัพพะที่ จะพึงรู ้แจ้งด้วยผิวกาย ก็ดี
    และในกรณีแห่ง ธรรมารมณ์ที่ จะพึงรู ้แจ้งด้วยใจ ก็ดี
    ก็ได้ตรัสไวโดยนัยอย่างเดียวกันกับในกรณีแหงรูปที่จะพึงรู้
    แจ้งด้วยจักษุ ทุกประการ ต่างกันแต่ชื่อเท่านั้น).

    ............................
    - สฬา.สํ. ๑๘/๔๕/๖๙.
     
  9. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  10. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    อานนท์ !
    เราได้กล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือ ว่า
    “ความเป็นต่างๆ ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่น
    จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ย่อมมี”.

    อานนท์ ! ข้อนั้น จักได้มาแต่ไหนเล่า ?
    สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยปรุงแล้ว
    มีความชำารุดไปเป็นธรรมดา,
    สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย ดังนี้, ข้อนั้น
    ย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้.


    อานนท์ !
    เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอ
    ทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป
    มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
    จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
    ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ.

    อานนท์ !
    ภิกษุ มีตนเป็นประทีป มีตนเป็น
    สรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ, มีธรรมเป็นประทีป
    มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะนั้น
    เป็นอย่างไรเล่า?

    อานนท์ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    พิจารณ เห็นกายในกายเนืองๆ อยู่
    พิจารณ เห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายเนืองๆ อยู่
    พิจารณ เห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่
    พิจารณ เห็นธรรมในธรรมทั้งหลายเนืองๆ อยู่
    มีความเพียรเผากิเลส
    มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
    มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.


    อานนท์ !
    ภิกษุ อย่างนี้แล
    ชื่อว่ามีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
    ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ;
    มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
    ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่.

    อานนท์ !
    ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเรา
    ก็ดี ใครก็ตาม จักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
    ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ; มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ
    ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ.

    อานนท์ !
    ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา,
    ภิกษุพวกนั้น จักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุดแล.


    ...................
    มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๑๖/๗๓๖.
     
  11. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  12. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    ภิกษุทั้งหลาย ! คำที่เรากล่าวแล้วว่า
    “ภ.ทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นอาสวะ เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง” ดังนี้นั้น
    เราอาศัยอะไรกล่าวเล่า ?

    ภ.ทั้งหลาย !
    ในกรณีนี้ ภ. สงัดจากกาม
    สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌานอันมี
    วิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก
    แล้วแลอยู่.

    ในปฐมฌานนั้นมีธรรม
    คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ;
    เธอนั้นตามเห็นซึ่งธรรมเหล่านั้น
    โดยความเป็นของไม่เที่ยง
    โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร
    เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ
    เป็นดังผู้อื่น เป็นของแตกสลาย
    เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน.

    เธอดำรงจิตด้วยธรรมเหล่านั้น
    แล้วจึงน้อมจิตไปสู่อมตธาตุด้วยการ
    กำหนดว่า “นั่นสงบระงับ นั่นประณีต :
    นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็น
    ความดับ เป็นนิพพาน” ดังนี้.

    เธอดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณ
    มีปฐมฌานเป็นบาทนั้น
    ย่อมถึง ความสิ้นไปแห่งอาสวะ;
    ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ก็เป็น โอปปาติกะ อนาคามี
    ผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้น
    เป็นธรรมดา เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์มีในเบื้องต่ำ
    ห้าประการและเพราะอำนาจแห่ง ธัมมราคะ ธัมมนันทิ
    นั้น ๆ นั่นเอง.


    ......................................

    (ในกรณีแห่งการสิ้นอาสวะ เพราะอาศัย ทุติยฌาน บ้างเพราะอาศัย
    ตติยฌาน บ้าง เพราะอาศัย จตุตถฌาน บ้าง ก็มีคำอธิบายที่ตรัสไว้
    โดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งปฐมฌานข้างบนนี้ทุกตัวอักษรทั้ง
    ในส่วนอุปไมยและส่วนอุปมา ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌานเท่านั้น)
    (ในกรณีแห่งการสิ้นอาสวะ เพราะอาศัยวิญญาณัญจายตนะบ้าง เพราะอาศัย
    อากิญจัญญายตนะบ้าง ก็มีคำอธิบายที่ตรัสไว้โดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่ง
    อากาสานัญจายตนะข้างบนนี้ทุกตัวอักษร
    ทั้งในส่วนอุปไมยและส่วนอุปมา ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌานเท่านั้น).

    ...................................

    ภิกษุ ทั้งหลาย !
    ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้แล เป็นอันกล่าวได้ว่า
    สัญญาสมาบัติมีประมาณเท่าใด อัญญาปฏิเวธ
    (การแทงตลอดอรหัตตผล) ก็มีประมาณเท่านั้น

    ...............
    นวก. อํ. ๒๓/๔๓๘-๔๔๔/๒๔๐.
     
  13. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    เห็นรูปแล้วสติหลงลืม
    ทำในใจซึ่งรูปนิมิตว่าน่ารัก
    มีจิตกำหนัดแก่กล้าแล้ว เสวยอารมณ์นั้นอยู่
    ความสยบมัวเมาย่อมครอบงำบุคคลนั้น.
    เวทนาอันเกิดจากรูปเป็นอเนกประการ ย่อมเจริญแก่เขานั้น.
    อภิชฌาและวิหิงสาย่อมเข้าไปกลุ้มรุมจิตของเขา.
    เมื่อสะสมทุกข์อยู่อย่างนี้
    ท่านกล่าวว่า ยังไกลจากนิพพาน.


    บุคคลนั้นไม่กำหนัดในรูปทั้งหลาย
    เห็นรูปแล้ว มีสติเฉพาะ
    มีจิตไม่กำหนัดเสวยอารมณ์อยู่
    ความสยบมัวเมาย่อมไม่ครอบงำบุคคลนั้น.
    เมื่อเขาเห็นอยู่ซึ่งรูปตามที่เป็นจริง
    เสวยเวทนาอยู่ทุกข์ก็สิ้นไป ๆ
    ไม่เพิ่มพูนขึ้น เขามีสติประพฤติอยู่ด้วยอาการอย่างนี้,
    เมื่อไม่สะสมทุกข์อยู่อย่างนี้
    ท่านกล่าวว่าอยู่ใกล้ต่อนิพพาน.
     
  14. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    ราธะ !
    ความพอใจอันใด ราคะอันใด
    นันทิอันใด ตัณหาอันใด
    มีอยู่ในรูป ในเวทนา ในสัญญา
    ในสังขาร และในวิญญาณ
    เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในสิ่งนั้น ๆ
    เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า “สัตว์” ดังนี้

    ราธะ !
    เปรียบเหมือนพวกกุมารน้อยๆ หรือ
    กุมารีน้อยๆ เล่นเรือนน้อยๆ ที่ทำด้วยดินอยู่
    ตราบใดเขายังมีราคะ มีฉันทะ มีความรัก มีความกระหาย
    มีความเร่าร้อน และมีตัณหา ในเรือนน้อยที่ทำด้วยดินเหล่านั้น
    ตราบนั้น พวกเด็กน้อยนั้นๆ ย่อมอาลัยเรือนน้อย
    ที่ทำด้วยดินเหล่านั้น ย่อมอยากเล่น ย่อมอยากมีเรือนน้อย
    ที่ทำด้วยดินเหล่านั้น ย่อมยึดถือเรือนน้อยที่ทำด้วยดิน
    เหล่านั้น ว่าเป็นของเรา ดังนี้.

    ราธะ !
    แต่เมื่อใดแล พวกกุมารน้อยๆ หรือ
    กุมารีน้อยๆ เหล่านั้น ปราศจากราคะแล้ว ปราศจากฉันทะ
    แล้ว ปราศจากความรักแล้ว ปราศจากความเร่าร้อนแล้ว
    ปราศจากตัณหาแล้วในเรือนน้อยที่ทำด้วยดินเหล่านั้น,

    ในกาลนั้น พวกเขาย่อมทำเรือนน้อยๆ ที่ทำด้วยดินเหล่านั้น
    ให้กระจัดกระจายเรี่ยรายเกลื่อนกล่นไป กระทำให้จบ
    การเล่นเสีย ด้วยมือและเท้าทั้งหลาย อุปมานี้ฉันใด

    ราธะ !
    อุปไมยก็ฉันนั้น คือ แม้พวกเธอ
    ทั้งหลายจงเรี่ยรายกระจายออก ซึ่งรูป เวทนา สัญญา
    สังขาร และวิญญาณ จงขจัดเสียให้ถูกวิธี
    จงทำให้แหลกลาญ โดยถูกวิธี
    จงทำให้จบการเล่นให้ถูกวิธี
    จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหาเถิด.

    ราธะ !
    เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหานั้น คือ นิพพาน ดังนี้ แล.


    ....................
    ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๒/๓๖๗-๘.
     
  15. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  16. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  17. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    ดูก่อนวัจฉะ
    ก็เราพูดเช่นนี้ว่า
    ผู้ใดสาดน้ำล้างภาชนะ หรือน้ำล้างขันไป
    แม้ที่สัตว์ซึ่งอาศัยในบ่อน้ำคลำ หรือในบ่อโสโครกข้างประตูบ้าน
    ด้วยตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่นั้น
    จงยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้

    ดูกก่อนวัจฉะ
    เรากล่าวกรรมซึ่งมีการลาดน้ำล้างภาชนะนั้นเป็นเหตุ
    "ว่าเป็นที่มาแห่งบุญ"
     
  18. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]



    วัจฉะ !
    ภิกษุผู้สาวกของเรา บรรลุเจโตวิมุตติ
    ปัญญาวิมุตติ อันไม่มีอาสวะ เพราะความสิ้นไปแห่ง
    อาสวะทั้งหลาย ได้กระทำให้แจ้งแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง
    เอง ในทิฏฐธรรมนี้ มีอยู่ไม่ใช่ร้อยเดียว ไม่ใช่สองร้อย
    ไม่ใช่สามร้อย ไม่ใช่สี่ร้อย ไม่ใช่ห้าร้อย มีอยู่มากกว่า
    มาก โดยแท้.

    วัจฉะ !
    ภิกษุณีผู้สาวิกาของเรา บรรลุเจโตวิมุตติ
    ปัญญาวิมุตติ อันไม่มีอาสวะ เพราะความสิ้นไปแห่ง
    อาสวะทั้งหลาย ได้กระทำให้แจ้งแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
    ในทิฏฐธรรมนี้ มีอยู่ไม่ใช่ร้อยเดียว ไม่ใช่สองร้อย ไม่ใช่
    สามร้อย ไม่ใช่สี่ร้อย ไม่ใช่ห้าร้อย มีอยู่มากกว่ามาก
    โดยแท้.

    วัจฉะ !
    อุบาสก ผู้สาวกของเรา พวกเป็น
    คฤหัสถ์นุ่งขาว อยู่ประพฤติกับผู้ประพฤติพรหมจรรย์,
    เป็น โอปปาติกสัตว์ (พระอนาคามี) มีปกติปรินิพพาน
    ในภพที่ไปเกิดนั้น ไม่เวียนกลับจากภพนั้นเป็นธรรมดา,
    เพราะความสิ้นไปแห่งสัญโญชน์มีส่วนในเบื้องต่ำห้าอย่าง
    ก็ มีอยู่ไม่ใช่ร้อยเดียว ฯลฯ ไม่ใช่ห้าร้อย มีอยู่มากกว่ามาก
    โดยแท้.

    วัจฉะ !
    อุบาสก ผู้สาวกของเรา พวกเป็น
    คฤหัสถ์นุ่งขาว ยังบริโภคกาม เป็นผู้ ทำตามคำสอน
    เป็นผู้ สนองโอวาท มีความสงสัยอันข้ามได้แล้ว ไม่ต้อง
    กล่าวด้วยความสงสัยว่า นี่อะไร ๆ เป็นผู้ปราศจากความ
    ครั่นคร้าม ไม่ใช่ผู้ต้องเชื่อตามคำของผู้อื่น อยู่ประพฤติ
    พรหมจรรย์ในศาสนาของพระศาสดา ก็ มีอยู่ไม่ใช่ร้อยเดียว
    ฯลฯ ไม่ใช่ห้าร้อย มีอยู่มากกว่ามาก โดยแท้.

    วัจฉะ !
    อุบาสิกา ผู้สาวิกาของเรา พวกเป็น
    หญิงคฤหัสถ์นุ่งขาว อยู่ประพฤติกับผู้ประพฤติพรหมจรรย์
    เป็น โอปปาติกสัตว์ (พระอนาคามี) มีปกติปรินิพพานใน
    ภพที่ไปเกิดนั้น ไม่เวียนกลับจากภพนั้นเป็นธรรมดา,
    เพราะความสิ้นไปแห่งสัญโญชน์ มีส่วนในเบื้องต่ำห้าอย่าง
    ก็ มีอยู่ไม่ใช่ร้อยเดียว ฯลฯ ไม่ใช่ห้าร้อย มีอยู่โดยมาก
    กว่ามากเป็นแท้.

    วัจฉะ !
    อุบาสิกา ผู้สาวิกาของเรา พวกเป็น
    หญิงคฤหัสถ์นุ่งขาว ยังบริโภคกาม เป็นผู้ทำตามคำสอน
    เป็นผู้ สนองโอวาท มีความสงสัยอันข้ามได้แล้ว ไม่ต้อง
    กล่าวด้วยความสงสัยว่านี่อะไร ๆ เป็นผู้ปราศจากความ
    ครั่นคร้าม ไม่ต้องเชื่อตามคำของผู้อื่น อยู่ประพฤติ
    พรหมจรรย์ในศาสนาของพระศาสดา ก็มีอยู่ไม่ใช่ร้อยเดียว
    ฯลฯ ไม่ใช่ห้าร้อย มีอยู่โดยมากกว่ามากเป็นแท้.



    ..................

    ม. ม. ๑๓/๒๕๑ - ๒๕๓/๒๕๕- ๒๕๖.
     
  19. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
  20. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    [​IMG]


    ภิกษุทั้งหลาย !
    ถูกละๆ พวกเธอทราบธรรม
    ที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว
    น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ
    ผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่
    เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ
    โดยกาลนานนี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔
    ไม่มากกว่าเลย.

    พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของมารดาตลอด
    กาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้นผู้ประสบ
    มรณกรรมของมารดา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบ
    สิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นั่นแหละ
    มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย.

    พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดา... ของ
    พี่ชายน้องชาย... พี่สาวน้องสาว... ของบุตร... ของธิดา...
    ได้ประสบความเสื่อมแห่งญาติ... ได้ประสบความเสื่อม
    แห่งโภคะ... ได้ประสบความเสื่อมเพราะโรค ตลอดกาลนาน

    น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบความ
    เสื่อม เพราะโรค คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบ
    สิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นั่นแหละ
    มากกว่า ส่วนน้ำาในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?

    เพราะว่า สงสารนี้กำาหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลาย
    ไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น
    มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ท่องเที่ยวไปมาอยู่
    ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ.

    ภิกษุทั้งหลาย !
    ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียว
    เพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลาย
    กำาหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.



    ................................
    นิทาน. สํ. ๑๖/๒๑๔/๔๒๖.
     

แชร์หน้านี้

Loading...