ปิดรับบริจาค ใหญ่ที่สุดในโลก1เดียวในสยามสมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลือง 22X32 เมตร จ.เพชรบุรี

สาธุ ๆ อนุโมทามิ....ขออนุโมทนาในกุศลเจนาอันเป็นมหากุศลครั้งนี้ด้วยจ้า...ขออำนาจแห่งบุญกุศลในการครั้งนี้จงดลบันดาลให้คุณโยม เมย์ + พี่ใหญ่ ขอจงได้ประสบสิ่งอันพึ่งปรารถนาจงทุก ๆ ประการ ตราบเท่าเข้าสู่พระนินพานเถิด...

 

สาธุ ๆ อนุโมทามิ....ขอขอบใจที่โมทนาบุญร่วมกันมาโดยตลอด...ยินดีเป็นอย่างยื่งที่ร่วมโมทนาบุญ...การโมทนาบุญนี้เป็นความดี ในพรหมวิหารธรรม เป็นคุณธรรมแห่งพรหม...และยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนในด้านของกำลังใจเป็นอย่างยื่ง...การที่ได้ทำอะไรไปแล้วมีคนโมทนาด้วยนั้น ย่อมเป็นที่ปลื้มใจแก่ ผู้ได้รับโมทนาเป็นอย่างยื่งที่เดียว..ขออำนาจแห่งบุญนี้จงรักษาคุณโยมและครอบครัวให้มีความสุขความเจริญตราลเท่าเข้าสู่พระนิพพานเถิด..

 

เต็มสูตรหลวงพ่อฤาษัลิงดำวัดท่าซุงเพื่อความคล้องตัวในด้านการเงินและการงาน

คาถาเงินล้าน



<CENTER><TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#111111 cellPadding=0 bgColor=#ccffcc><TBODY><TR bgColor=#ccff99><TD class=webbody bgColor=#33cc33 height=20></TD><TD class=webbody bgColor=#33cc33 height=20>นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ</TD><TD bgColor=#33cc33 height=20>(ท่อง 3 จบ)</TD><TD bgColor=#33cc33 height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=webbody height=20></TD><TD class=webbody height=20></TD><TD height=20></TD><TD height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>

​

</TD><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>พระพุทธัง ประสิทธิโชคลาภ </TD><TD bgColor=#ccffcc height=20>

​

</TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>

​

</TD><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>พระธัมมัง ประสิทธิโชคลาภ </TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>

​

</TD><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>พระสังฆัง ประสิทธิโชคลาภ</TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD height=20></TD><TD class=webbody height=20>สัมปะจิตฉามิ</TD><TD height=20>( คาถาสนองกลับ )</TD><TD height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD bgColor=#99ff66 height=20></TD><TD class=webbody bgColor=#99ff66 height=20>นาสังสิโม พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ ,</TD><TD class=webbody bgColor=#99ff66 height=20>(คาถาปัดอุปสรรค)</TD><TD bgColor=#99ff66 height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD height=20></TD><TD class=webbody height=20>พรหมมา จะ มหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุ เม,</TD><TD height=20>

(คาถาเงินแสน)​

​

</TD><TD height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>มะหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม,</TD><TD bgColor=#ccffcc height=20>

(คาถาลาภไม่ขาดสาย)​

​

</TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD bgColor=#00ae00 height=20></TD><TD class=webbody bgColor=#00ae00 height=20>มิเตพาหุหะติ</TD><TD bgColor=#00ae00 height=20>

(คาถาเงินล้าน)​

​

</TD><TD bgColor=#00ae00 height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD height=20></TD><TD class=webbody height=20>พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ ,วิระทะโย วิระโคนายัง</TD><TD height=40 rowSpan=2>

(คาถาวิระทะโย)​

​

</TD><TD height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD height=20></TD><TD class=webbody height=20>วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ </TD><TD height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD><TD class=webbody bgColor=#ccffcc height=20>มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม</TD><TD bgColor=#ccffcc height=20>

(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)​

​

</TD><TD bgColor=#ccffcc height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD height=20></TD><TD class=webbody height=20>สัมปะติจฉามิ </TD><TD height=20>

(คาถาเร่งลาภให้ได้ผลเร็ว)​

​

</TD><TD height=20></TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD bgColor=#99ff66 height=20></TD><TD class=webbody bgColor=#99ff66 height=20>เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ </TD><TD bgColor=#99ff66 height=20>( คาถามหาลาภ </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด )
พระราชพรหมยาน
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


หลวงปู่ปานวัดบ้างนมโค </CENTER><CENTER> </CENTER>ในปัจจุบันนี้ ภาวะทางเศรษฐกิจย่ำแย่ ตามบริษัท ห้างร้านต่างๆ ต่างคน ต่างก็บ่นพึมพำ ชาวบ้าน หรือก็หนักใจ พูดกันตาม ความเป็นจริงแล้ว พระไม่อยากให้ชาวบ้านเดือดร้อน ไม่อยากให้ชาวบ้านจน ถ้าชาวบ้านจนเมื่อไรพระอดอยากเมื่อนั้นแล้ว ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ ในที่สุด พระจำเป็นจะต้องทำหน้าที่อย่างเดียวคือ นั่งแช่ง นอนแช่ง ให้ชาวบ้านรวย นอนไปก็ว่า เรื่อย ไป เวลานี้ มีคำสั่งให้ทำอยู่สองอย่าง คือ ถ้าว่างก็ให้ว่าคาถาบทนี้ไปด้วย เพื่อช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านเขา ให้มีกินมีใช้ ยุชาว บ้านเขาปลอดภัย ยุให้ชาวบ้านเขารวย พระเราก็จะพลอยมีกินมีใช้ไปด้วย ถ้าพระองค์ไหนแช่งให้ชาวบ้านเขาจนละซวยอด กินแน่ๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องจน ก็ทำให้นึกถึง คาถาวิระทะโย คาถาบทนี้ มีความสำคัญมาก พวกเราทุกคนควรจะทำ ทำให้ได้พื้นฐาน ไว้ก่อน คาถาบทนี้ ถ้าทำขึ้นน้อยๆ ถ้าเงินมันขาดมือ มันจะชดใช้กันทัน ถ้าหากทำขึ้นเต็มอัตรา เงินจะเหลือใช้ แต่ต้องทำ เป็นสมาธินะ การทำสมาธินี่ ไม่ต้องนั่งก็ได้ ถ้าว่างตอนไหน ก็นึกว่า มันเรื่อยไปขายของอยู่ ทำงานอยู่พอว่างนิดก็ว่าไปเดิน ไปนึกขึ้นได้ว่าไป คาถาวิระทะโยนี้ ถ้าใครมีความจำเป็น มากจริงๆ ถ้าทำถึง อุปจารสมาธิ ตอนนี้ เงินไม่ขาดตัวแน่ ถ้ามี - ความจำเป็นมากจริงมักจะหาได้ทัน ถ้าเข้าถึงปฐมญานตอนนี้ละขังตัวไม่ใช่พอใช้นะเหลือใช้แต่ต้องทำได้ตั้งแต่ปฐมญาน ขึ้นไปนะ
คาถาบท นี้ มีคนใช้ได้ผลมาเยอะแล้ว คนที่ใช้ได้ผลคนแรกสุด ก็คือ นายห้างขายยาตราใบโพธิ์ ที่ว่า เป็นคนแรกเพราะ อะไรเพราะตอนนั้น หลวงพ่อปาน ท่านไปเรียนมาจาก ครูผึ้ง ซึ่งอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียนมาแล้วก็มีนายห้างขาย ยาตราใบโพธิ์สนใจ จึงขอเรียนจากหลวงพ่อปาน และทำได้ผลเป็นคนแรก
สำหรับประวัติของครูผึ้ง สมัยนั้น แปลกดีมาก ครูผึ้งคนนี้ มีคติว่า ร้อยบาท ใครเขาจะแต่งงานไปบอกแก แกให้ หนึ่งร้อย งานโกนจุก หนึ่งร้อย บวชพระ หนึ่งร้อย แกมีคติแบบนี้ ใครไปบอกบุญแก แกขอทำบุญด้วยร้อยบาทอย่าลืมนะว่าสมัยนั้น เงินครึ่งสตางค์ หนึ่งสตางค์มีค่ามาก เงินร้อยบาทสมัยนั้นมันมากกว่าเงินเดือนของร้อยตรีอันดับหนึ่ง ถ้าใครมีเงินร้อยบาท ละก็ เริ่มรวยแล้ว แต่แกทำบุญครั้งละร้อยบาท ก็เป็นที่น่าแปลกใจเหมือนกัน
หลวงพ่อปาน ท่านไปพบเข้า คุยกันรู้เรื่อง แต่ว่า ท่านพบของท่าน อย่างไรก็ไม่ทราบนะ วันนั้น หลวงพ่อปาน ท่านจำวัดอยู่ ฉันนั่งข้างนอก ตอนเย็นมีคนใส่เสื้อราชปะแต็น นุ่งผ้าม่วง สวมถุงเท้า ใส่รองเท้าแบบ ชั้นดีเลย ถือไม้เลี่ยม เดินเข้ามาหา หลวงพ่อปาน
มาถึงก็ถามว่า "หลวงพ่อปานอยู่ไหม?"
ไอ้เราก็บอกว่า "อยู่ แต่ว่ากำลังจำวัด"
แกก็บอกว่า "ฮึ จำวัดอย่างไร ก็สั่งให้ฉันมาพบ ไปตามฉันมาที่นี่"
แล้วกัน หลวงพ่อปาน ท่านนอนอยู่กับเรา หาว่า ท่านไปตามมาได้ เราก็แปลกใจ แต่ก็บอกแก ให้รออยู่ข้างนอกก่อน จะเข้า ไปดูให้ พอเข้าไปก็เห็นหลวงพ่อ ท่านเตรียมตัวออกมาแล้ว เลยถามท่าน
"หลวงพ่อครับ เขาบอกว่า หลวงพ่อไปตามเขามาหาหรือ ?
หลวงพ่อปานบอก "ฮือ แกไม่ต้องรู้หรอก"
เอาอีกแล้ว ท่านบอกแกไม่ต้องรู้หรอกเป็นความลับ เออแปลกดี พอออกมาเจอกันแล้วท่านก็คุยถึงเรื่องประวัติ คุยไปคุยมา ครูผึ้งก็บอกว่า "คาถาบทนี้เป็นของพระธุดงค์ พระธุดงค์ท่านบอกว่า คาถาบทนี้เป็น คาถาของพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่าน มาปักกลดอยู่หลังบ้าน 7 วัน ฉันก็เอาของไปถวายท่านทั้ง 7 วัน"
ตามปกติครูผึ้ง ท่านรักษาศีลอยู่แล้วก่อนที่พระธุดงค์จะไป ท่าได้ให้คาถาบทนี้ และบอกว่า "ตอนเช้าทุกวัน ควรใส่บาตรทุก วัน ก่อนจะใส่บาตรก็ให้ว่าคาถาบทนี้หนึ่งจบ แล้ววิธีใส่บาตรมีอยู่ 2 อย่างถ้าไม่มีพระจะมาให้ใช้ข้าวสารตักแทนก็ได้ แต่ว่า เดี๋ยวนี้เราใช้สตางค์ใส่บาตรแทนก็ได้ เงินนั้นให้ใช้เป็นค่าอาหาร มากน้อยตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องไปรอพระมา ถ้าเห็นว่า มันมากพอสมควร ก็เอาไปถวายพระ บอกท่านว่า เป็นค่าอาหาร แล้วท่านจะนำไปใช้เป็นค่าอาหาร หรือเอาไปใช้ก่อสร้าง ก็ เป็นเรื่องของท่านเท่านั้นก็พอ
แล้วท่านก็บอกอีกว่า "ก่อนปลูกผัก ปลูกต้นไม้ หว่านข้าว ตำข้าว ก็ว่าคาถาบทนี้ หนึ่งจบ ตามวิธีการของท่าน เวลาบูชาพระ กลางคืนให้ว่า 3 จบ หรือ 5 จบ หรือ 7 จบก็ได้นอกจากนั้นก็ควรจะเจริญเป็นสมาธิ แต่บูชาพระกับว่าตอนใส่บาตรท่านบอก ว่า มีสภาพเป็นเบี้ยต่อไส้ หมายความว่า ถ้าจะหมดตัวจริง ๆ ก็จะหาได้ทัน
ฉันเคยโดนมาบ่อย ๆ ในระยะต้น ๆ โดนเองจึงรู้ แต่พอจวนตัว ก็จะมีมา ทุกครั้งไป ถ้าภาวนาให้จิตเป็น ฌาน จะมีผลมาก แล้วท่านก็เล่าความเป็นมาให้ฟัง
หลวงพ่อปานท่านถามว่า "เดิมทีเดียวน่ะ ท่านมีฐานะอย่างไร?"
ครูผึ้งบอกว่า "ผมอันดับหนึ่งครับ"
พอท่านพูดอย่างนั้น เราหูผึ่งเลย คิดว่าท่านเป็นมหาเศรษฐี
ท่านบอกว่า "อันดับหนึ่งน่ะไม่ใช่เศรษฐี ฉันจนอันดับหนึ่งต่างหาก"
คิดผิดถนัด ท่านบอกอีกว่า "กางเกงไม่ขาด ผมไม่เคยนุ่ง กับเขาเลย มันหาไม่ได้จริง ๆ ครับ กางเกง ที่ดีที่สุด มันมีอยู่ตัว เดียว เก็บไว้ใช้เวลาไปทำบุญที่วัด กลับมาก็ต้องรีบเก็บ นอกจากนั้น กลีบมันแย่งกันขึ้นเลย รอยขาดแย่งกันโผล่"

ท่านเล่าให้ฟังอีกเยอะ สนุก ความจริงอายุของท่านตั้ง 99 ปี แล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงดีมาก ต่อมาเมื่อ ได้คาถาบทนี้ มา แล้ว ด้วยความจนบีบบังคับ ท่านก็เริ่มทำสมาธิ ตอนเริ่มทำเป็นสมาธิ พอจิตเริ่ม เข้าถึงอุปจารสมาธิ ซึ่งจะสังเกตได้ตามนี้
ถ้าสภาพเดิม มันมืดอยู่ พอจิตเข้าถึงอุปจารสมาธิ ก็จะมีสภาพ เกิดแสงสว่างขึ้นบ้าง หรือ ไม่อย่างนั้น ก็จะปรากฏ แสงสีขึ้น เห็นเป็นภาพพระหรือภาพอะไรก็แวบ ๆ อันนี้แหละ คือ อุปจารสมาธิ
นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เงินมันเริ่มขังตัว การหากินคล่องขึ้น บางที ถ้าต้องการอะไร ที่มันเกินวิสัย ที่จะหาได้ แต่ว่ามัน อยากได้ เพียงไม่กี่วันหรอก อย่างดีก็ 3 -4 วัน จะมีสตางค์ พอหาซื้อของ อย่างนั้นได้ และต่อมา เมื่อทำเป็นฌาน เงินก็เริ่ม มากขึ้น
ท่านเล่าว่า "มีวิธีการปฏิบัติ เพื่อเจริญ อีกอย่างหนึ่ง แต่ว่าห้ามพูดนะถ้ารู้ว่าเงินเกิน เวลาที่เราบูชา พระด้วยคาถาบทนี้ กี่จบ เวลาที่จะเก็บสตางค์ ให้ถือสตางค์ไว้ แล้วยื่นลงไปในที่สำหรับเก็บ มือมันกำสตางค์อยู่แล้วว่า คาถาบทนี้เท่านั้นจบ ว่า เสร็จแล้วปล่อยมือออกเป็นอันว่าใช้ได้
ทีนี้เวลาที่จะนำสตางค์ไปใช้ท่านให้หยิบสตางค์อันนั้น แต่ว่าห้ามนับเงิน แล้วว่าคาถาตามจำนวนที่เราบูชาพระดึงเอาเงิน นั้นออกมา ถ้าเกินกว่าจำนวนที่เราต้องการ เวลาที่เราจะเก็บเราก็ว่า คาถาแบบนี้เหมือนกัน ถ้าทำแบบนี้ ท่าบอกว่า เงินจะ ขาดที่นั้นไม่ได้เลย
ถ้าบางครั้ง ปริมาณเงินที่เราเก็บไว้ สมมุติว่า เป็นเงิน 1,000 บาท มันเป็นปึกเราดึงมาทั้งปึก (1,000 บาท) แต่ปรากฏว่า เงินมันมีอีก ห้ามนำไปพูดกับคนอื่น ถ้าพูดเงินจะหด ท่านห้ามอวด
อันนี้นายห้างประยงค์เคยไปเล่าให้ฟังเหมือนกันท่านทำได้ผลตามนี้ ท่านบอกว่า ท่านเบิกเงินมาจากธนาคารเดือนละหมื่น แต่รายนี้รับรอง กลับถึงบ้าน ยังไม่ใช้เงิน ต้องนำเงินเข้าตู้เซฟก่อนว่า คาถาบทนี้ ตามแบบ เช้าตื่นขึ้นมา ก็ว่าตามแบบอีก เงินทุกปึกจะต้องเกินเสมอ เกินทุกปึก หนึ่งร้อยบ้าง สองร้อยบ้าง เกินอยู่ตลอดเวลา ลองคิดดูซิมีธนาคารที่ไหนบ้าง เขานับ เงินเกิน ท่านยืนยันว่า ไม่มีธนาคารไหน เขานับเกินหรอก
แต่ทว่าตามปกติ ถ้าท่านทำแบบนี้ จะต้องมีเงินเกิน นายห้างประยงค์คนนี้ ก็ทำเป็นฌานเหมือนกัน เลยถาม นายห้างประ - ยงค์ว่า ท่านทำอย่างไร ท่านบอกว่า หลังจากที่ได้คาถาบทนี้จากหลวงพ่อปาน ซึ่งตอนนั้นท่าน เพิ่งกลับมาจาก นครศรีธรรม ราช หลวงพ่อปานท่านไปแวะ ที่วัดสระเกศ คณะที่ 11 ก็มีคนนำอาหาร ไปถวายท่าน เวลาท่านฉันข้าว ท่านก็เล่าความเป็น มาของคาถาบทนี้ให้ฟัง คนทุกคนฟังแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจ มีแต่ นายห้างประยงค์คนเดียว ซึ่งอยู่ตอนหลัง มีความสนใจ พอ หลวงพ่อปานท่านว่า คาถาบทนี้ไป แกก็จดตาม
เมื่อฉันเสร็จให้พรเสร็จ ญาติโยมทั้งหลายก็ลากลับ แต่นายห้างประยงค์ยังไม่ยอมกลับ ท่านเข้าไปหากราบๆ หลวงพ่อปาน แล้วขออนุญาตนำคาถาบทนี้ไปทำ ความจริงที่หลวงพ่อท่านพูดน่ะ ท่านจะดูว่า มีใครสนใจไหมในเมื่อคนอื่นไม่สนใจ มีแต่ นายห้างประยงค์สนใจคนเดียวท่านก็เลยบอกว่า "เออดีแล้ว ไอ้ลูกคนหัวปี"
คำว่า ลูกคนหัวปี ก็หมายความว่า คาถาบทนี้มีคนสนใจเป็นคนแรกและก็คนเดียว ท่านบอกว่าให้เอาไปลองทำ แล้วท่านก็ บอกรายละเอียดในการทำให้ฟัง แล้วก็สั่งว่า "ถ้าเอ็งทำสองปีไม่มีผล หลวงพ่อจะไม่สอนใครเลย" ตอนนั้น ท่านให้นายห้าง ประยงค์ทดลองทำก่อน ที่ไหนได้ ผลปรากฏพอครบ 2 ปี นายห้าง ประยงค์ก็ไปวัด ไปเล่าให้ฟัง บอกว่า
"เมื่อก่อนนี้ครับ ก่อนที่ผมจะได้คาถาบทนี้ไป ถ้าเดือนไหน ห้างผมขายของได้กำไรถึงสองร้อยบาท (สองร้อยบาทเป็นกำไร สุทธินะ) เดือนนั้นสองผัวเมียนอนไม่หลับ ดีใจ"
ก็เลยถามท่านว่า "เวลานี้ละ เป็นอย่างไรบ้าง?"
ท่านบอกว่า "แหม หมื่นหนึ่งยังเฉย ๆ เลยครับ"
ต่อมาหลวงพ่อปานก็ให้นายห้างประยงค์ออกสตางค์สร้างวัดเขาสะพานนาค นายห้างประยงค์ถามว่า
"จะเอาเงินเท่าไหรจึงจะพอครับ"
ท่านบอก "ทำไปเรื่อย ๆ มีเงินเป็นทุนสำรองไว้ประมาณ 2 หมื่นบาท"
หลวงพ่อปานสั่งว่า "ถ้าเอ็งจะเอาเงินไหน ไปเป็นทุนสำรอง เอ็งเอาเงินนั้นมาให้พ่อก่อนนะ"
แล้วนายห้างประยงค์ ก็เอาเงินมาให้หลวงพ่อปาน แทนที่หลวงพ่อปาน ท่านจะเอาไว้ ท่านก็เอาเงินจำนวนนี้ มาเสกด้วยคา ถาวิระทะโยอีก 7 คืน และท่านก็สั่งให้เงินนั้นกลับไป
ท่านสั่งว่า ถ้าเวลาที่พ่อสั่งก็เอามาให้ เอ็งเอาเงินกองนี้นะ ห้ามเอากองอื่น"
เวลาที่ท่านสั่งให้เอาเงินมาเขาก็เอาเงินกองนั้นแหละมาให้หยิบเข้าหยิบออกอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งสร้างวัดเขาสะพานนาค เสร็จ เงินยังเหลือ 2 หมื่น
แหม...คนแบบนี้ซวยจัด ที่ว่าซวยเพราะอะไรรู้ไหม ก็ซวยตรง...ที่ไม่รู้จักคำว่าจนไงล่ะ เงินหมดไม่เป็น
ต่อมาเราก็ย่องไปถามท่านว่า "มันเป็นอย่างไร"
นายห้างประยงค์บอกว่า "หลวงพ่อปานท่านสั่งไว้ว่าก่อนจะหยิบก็ต้องว่าคาถาบทนี้เท่านั้น เวลาเก็บก็ต้องว่าจำนวนเท่ากัน"
ท่านทำตาม หลวงพ่อปาน ทั้งหมด ตอนเช้าตื่นขึ้นมา ท่านจะต้องทำเป็นสมาธิก่อน แล้วจึงใส่บาตร ก่อนไป ห้างก็สวดมนต์ ด้วยคาถาบทนี้ ยามว่างตอนนั่งรถไปทำงานท่านก็ว่า คาถาบทนี้ไป เมื่อจิตมันว่างมันก็เข้า ฌาน พอตอนเย็นกลับบ้าน อาบ น้ำเสร็จ รับประทานอาหารเสร็จ ทำสมาธิพักหนึ่งก่อน และก่อนจะนอน ถ้าไม่ปวดเมื่อยท่านก็นั่งสมาธิ ถ้าปวดเมื่อย ก็นอน ว่า จนหลับไป
นายห้างประยงค์บอกว่า ตั้งแต่จิตเริ่มเข้าอุปจารสมาธิ จะเห็น พระพุทธเจ้าบ้าง พระสงฆ์บ้าง นับตั้งแต่ ตอนนั้น เป็นต้นมา เงินค้างเรื่อยมา ก็มีวาระแรก ที่เงินค้างมากเกินไป สองคนผัวเมียเกือบทะเลาะกัน ต่างคนต่างหาว่าเอาเงินไปซุกไว้
เมียบอกว่า "ทำไมคุณเอาเงินมาไว้แล้วไม่บอกฉัน" นายห้างประยงค์บอก "ฉันไม่เคยเก็บเงิน เธอเป็นคนเก็บ เธอเป็นคน เอามาไว้ แล้วทำไมจึงไม่จำ"
ไล่ไปไล่มานึกถึงผลของคาถาบทนี้ ได้คิดว่าน่ากลัวจะเป็นผลของการทำคาถาบทนี้แน่ ๆ เพราะหลวงพ่อ ปานท่านสั่งว่า ถ้า ผลมันเกิดขึ้นมาแล้วอย่าโวยวาย ต่างคนต่างนึกขึ้นมาได้ก็เลยเงียบ
จำไว้นะทุกคน ที่ได้คาถาบทนี้ไปแล้ว ควรท่องคาถานี้ให้ชิน แล้วก็ทำเป็นสมาธิเหมือนๆ กับที่เราทำนี่แหละ ผลมันเท่ากัน ผลที่เราพึงจะได้รับก็คือ จิตเป็นสมาธิ และก็สตางค์ขังตัว คือ ไม่ขาดมือ
หมายเหตุ คาถาวิระทะโยนี้ เป็นคาถาเริ่มแรกดั้งเดิม หรือคาถาที่หลวงพ่อปาน ท่านนำมาเผยแพร่แล้วต่อมา หลวงพ่อพระราชพรหมยานก็ได้มาต่อเติมให้เป็นคาถาเงินล้านในปัจจุบัน จึงถือว่า เป็นที่มาหรือเป็นส่วนหนึ่ง ของคาถาเงินล้านนั่นเอง ดังนั้นถ้าจะภาวนา ก็ให้ใช้คาถาเงินล้านได้เลย มีในหนังสือท้ายบท

คัดมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

http://www.palungjit.org/million.htm​

 

บุญ...เป็นชื่อของความสุข...ทำบุญแล้วมีความสุข...คนนั้นชื่อว่าทำบุญเป็น...จึงสุขเย็น

บุญ...เป็นชื่อของความสุข...ทำบุญแล้วมีความทุกข์...คนนั้นชื่อว่าทำบุญไม่เป็น...จึงทุกข์ใจ

อัน...บุญใหญ่อยู่ที่ใจมิใช้ทรัพย์
มิได้นับที่ทรัพย์สินหรือสิ่งของ
ใจสุขมาก..บุญก็มาก ตามคันรอง
ศรัทธาปอง สติป้อง ประครองใจ..

 

ร่วมทำบุญด้วย 55.55 บาท ค่ะ โอนผ่าน scbeasy จะเข้าบัญชีปลายทางประมาณวันอังคารที่ 11 ค่ะ

 

สาธุ ๆ อนุโมทามิ...ขออนุมทนาบุญกับคุณโยมชมพูอุษมัน ที่ได้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกุศลในการร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐม 22 เมตรเนือโลหะทองเหลือง ณ.วัดลำตะเคียน จ.เพชรบุรี มา ณ.โอกาศนี้ เป็นอย่างยื่ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย...ขออำนวยอวยพรให้ คุณโยมชมพูอุษมันและครอบครัวจงได้ประสพแต่ความสุขความเจริญ ในพระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทุก ๆ ประการเถิด..สาธุ เจริญพร..ฯ

 

ล้มแล้วลุกปลุกจิตยืนหยัดสู่.....

ใครลบหลู่ดูหมิ่นกรรมของเขา...

เราไม่ต่อกรรมด้วยเฉย ๆ เรา...

เรื่องของเขาช่างเถิด....เกิดเพราะกรรม.....

ดีอยู่ที่คิด...ผิดอยู่ที่ทำ...กรรมอยู่ที่ก่อ...พออยู่ที่หยุด...หลุดอยู่ที่ปล่อย...ทำบ่อย ๆ เดียวก็หมดไปเอง.....

ถ้าฉันล้มลง 1 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 1 ครั้ง.....

ถ้าฉันล้มลง 10 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 10 ครั้ง...

ถ้าฉันล้มลง 100 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 100 ครั้ง...

ถ้าฉันล้มลง 1,000 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 1,000 ครั้ง....

ถ้าฉันล้มลง 10,000 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 10,000 ครั้ง...

ถ้าฉันล้มลง 100,000 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 100,000 ครั้ง...

ถ้าฉันล้มลง 1,000,000 ครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้น 1,000,000 ครั้ง....

ฉันสัญญาว่า...ถ้าฉันยังมีลมหายใจอยู่...ฉันจะไม่ย่อมแพ้ต่อโชคชะตา...ฉันจะทำทุกอย่างด้วยจิตวิญญาณ....เพื่อพระพุทธศาสนา ของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จองค์ปฐมบรมครู เป็นปฐมต้น...มีสมเด็จพระมหาสมณะโคดมบรมศาสดาเป็น ปริโยสาน....เพื่อประโยชน์แก่โลกและหมู่สัตว์อันหาประมาณมิได้....ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน....

 

ร่วมทำบุญ จำนวน100 บาท

เวลาที่สั่งทำรายการ:18/01/2013 14:00วั
นที่ทำการโอนเงิน:18/1/2013
หมายเลขอ้างอิง:29340736772013118
บัญชีที่โอน :KTB
ผู้รับโอน :TMB: MONKNUTANON S A/C No.:2352133512
จำนวนเงินที่โอน:THB 100.00
ค่าธรรมเนียม:THB 25.00

 

สาธุ ๆ อนุโมทามิ...ขออนุโมทนาบุญในกุศลเจตนาร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐม ในโอกาศนี้...ขอท่านเจ้าของทาน และผู้มีส่วนร่วมทั้งหมดจงได้สุขสมหวังดังปรารถนาในสิ่งอันพึ่งประสงส์จงทุก ๆ ประการเถิด...สาธุ ๆ

 

...ประกาศ....

ปิดโครงการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ขนาด ๒๒ เมตร

...................

เรื่อง...ยุติโครงการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ขนาด ๒๒ เมตร

ณ. วัดลำตะเคียน ตำบลลำตะเคียน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

.........................................................


ตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ เป็นต้นไป

วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗

เวลา ๑๙.๓๑ น.


หมายเหตุ....

เนื่องจากสถานที่ก่อสร้างนั้น ( เป็นเขตป่าชุมชน อยู่ในการดูแลของกรมป่าไม้จังหวัดเพชรบุรี )

จึงไม่อาจสามารถดำเนินโครงการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมดังกล่าวได้ในสถานที่แห่งนี้ ( วัดลำตะเคียน ฯ )

ไม่พร้อมเรื่องสถานที่ ในการก่อสร้าง

และ

ขาดสภาพคล้องเงินทุนสนับสนุนโครงการ

ตามที่ได้แจ้งประกาศประชาสัมพันธ์ไว้แล้วนั้น

เมื่อ

01-02-2012,

เวลา 04:44 AM

...........................


ปิดรับเงินบริจาค

ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) TMB


TMB BANK PUBLIC COMPANY LIMITED

สาขาเซ็นทรัลผลาซา แจ้งวัฒนะ

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์

บัญชีเลขที่ 235-2-13351-2

ชื่อบัญชี นาย พระณัฐนนท์ สิรินันโท


MONK NUTANON SIRINUNTO

......................................

และ

ปิดรับเงินบริจาค..

บัญชีเงินบริจาคเป็นค่าพาหนะ อื่น ๆ ( ส่วนตัวไม่เกี่ยวกับบัญชีเงินโครงการสร้างพระ ฯ )



เมื่ิอ 21-05-2012,

เวลา 08:14 AM

บัญชีออมทรัพย์


ธนาคารไทยพานิชณ์


สาขาบางบัวทอง


ชื่อบัญชี พระณัฐนนท์ สิรินันโท


เลขที่ 352-242895-2


ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท (พสุธา)


080-617-3648 / 085-312-6855

e:mail: pranatnon19@windowslive.com

..............................................


รายละเอียดในส่วนต่าง ๆ

ที่เกี่ยวด้วยการยุติโครงการ

จะนำมาชึแจ้งในรายละเอียดอีกครั้ง

หลังจากรวบร่วมขอมูลต่าง ๆ

เรียบร้อยแล้ว...

..........................


....ความรู้สึก...

อาตมภาพ ในฐานะประธานโครงการสร้างพระ ฯ

ขออนุโมทนาขอบใจ และ ขอบตุณ

ในศรัทธาของท่านทั้งหลายที่มีศรัทธา

ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราด้วยศรัทธา

และมีความมั่นใจ ,เชื่อใจ ,จริงใจ และ บริสุทธิ์ใจ

ในความเป็นพระสมณะสักยะบุตรของพระพุทธองค์ ของอาตมา

จนเป็นเหตุนำมาซึ่งกำลังใจ และ ศรัทธาในการทนุบำรุงพระศาสนา

ด้วการนำพาคณะศรัทธาทั้งหลายในการสร้างพระ และ การบุญอื่น ๆ เพื่อบูชาความดี

ของพระผู้มรพระภาคเจ้า และ เหล่าพระสาวกของพระพุทธองค์

ให้วิวัฒนาถาวรสืบไป ตราบเท่า ๕,๐๐๐ พระวัสสา

ดังที่เคยปฏิบัตมาแล้วนั้น

ดังที่ทราบ....ฯลฯ

...............................


...ที่นี้ไม่มีที่ให้เราสร้างความดี..เราก็พร้อมที่จะไปสร้างความดีในที่อื่น ๆ

ที่มีวาสนาต่อกัน บุญอยู่ในทุก ๆ ที่ ที่มีผู้มีจิตศรัทธา

เราจะไม่หยุดสร้างความดีเพียงแค่ มีอุปสรรคเพียงเท่านี้

...ตายเรายังไม่กลัว..???

...แล้วเราจะมากลัวอะไร..???

...เพียงแค่อุปสรรค...???

...ระยะทางพิสูตรม้า กาลเวลาพิสูตรคน...???

...ถนนมีไว้ให้ก้าวเดิน...อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟัน...???

...อยู่เพื่อตัวเองอยู่แค่สิ้นลม...อยู่เพื่อประเทศชาติ และ สังคมอยู่เลยตาย...???


..........................................................

 

ขออัญเชิญ

เพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด

เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43

ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2514

เมื่อ พ.ศ. 2512 ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติเพื่อประเทศชาติ ออกมาเป็นกลอน 5 บท

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดให้พิมพ์บทกลอนนี้ลงในกระดาษการ์ดแผ่น

เล็ก ๆ พระราชทานแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติ

เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี ต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้

กราบบังคมทูลพระกรุณาขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่ทำนองเพลงในคำ

กลอน "ความฝันอันสูงสุด" ใน พ.ศ. 2514

ขับร้องโดย ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

.................


ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ

ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว

ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ

ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด

จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง

จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร

ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา

ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา

ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง

หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส

ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด

ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่

เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน

คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ

ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


ขอถวยพระพร...

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยื่งยืนนาน..

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

อาตมภาพ พระณัฐนนท์ สิรินันโท

วัดบางอ้อยช้าง

อ.บางกรวย

จ.นนทบุรี

ขอถวยพระพร ฯ

 

ชี้แจ้งมูลเหตุ

ของการยุติโครงการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ฯ

...................................................

" กงเกวียน  กำเกวียน "
..............................

กงเกวียน  กำเกวียน  เวียนวนหมุน
 ดั่งบาป,บุญ  หนุนนำ  กรรมเคลื่อนไหว
 สัจธรรม  สังวร  สอนเวไนย
 ทำอะไร  มักบันดล  ผลนั้นมา

                      บางสิ่งอาจ  ไม่ชัดเจน  เห็นยามนี้
                      แต่คงชี้  ดี,ร้าย  เมื่อภายหน้า
                      คือกฎเกณฑ์  วัฏฏะ  กติกา
                    ย่อมตรึงตรา  ติดตัว  ทั้งชั่ว,ดี

    ตัดความโลภ  โกรธ,หลง  ปลงให้ตก
    ขุมนรก  สวรรค์รู้  อยู่ถ้วนถี่
    อย่าระเริง  เหิมท้า  อเวจี
    ทางชีวี  ควรสะอาด  ปราศราคิน

                      ยามชีพวาย  กายวอด  มอดแม้เถ้า
                      ใช่จะเอา  ไปได้  ในทรัพย์สิน
                      เหลือประวัติ  ให้คน  ได้ยลยิน
                    สร้างมลทิน  กันไย  โปรดไตร่ตรอง

      อันหัวโขน  สวมเห็น  เป็นมนุษย์
      เพียงสมมุติ  ยกเรา  แทนเจ้าของ
      แท้จริงนั่น  ภาพแสร้ง  แกล้งจำลอง
      เลิกลำพอง  งวยงง  จงละลด

                        ธรรมดา  นรชาติ  มิอาจพ้น 
                           รวยหรือจน  สุดท้าย  ล้วนตายหมด
                       ไม่เลือกเพศ  ผิวพรรณ  แบ่งชั้นยศ
                    ต่างต้องชด  ใช้กรรม  ที่ทำไว้

                        ( สุนทรวิทย์ )

..............................................................................


บุญมีจริง..บาปมีจริง..สวรรรค์มีจริง..???

นรกมีจริง....ทำดีได้ดี...ทำชั่วได้ชั่ว..???


...................................................


ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ .......???

ท่านหมู่มารผลาญผจญทั้งหลายทุกท่าน ที่เปิดโอกาศให้ข้าพเจ้าได้ สร้างบารมีให้แก่กล้าควรแก่การบรรลุธรรมในภายหน้า

ด้วยการที่ท่านหมู่มารทั้งหลาย ค่อยขัดขว้างการสร้างบุญสร้างบารมีของข้าพเจ้า อยู่เสมอ ๆ นั้นก็เป็นการแสดงให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่า ข้าพเจ้ามีดีมากกว่า พวกท่านอยู่มากมายหลายประการ

จนพวกท่านหมู่มารทั้งหลายพร้อมเหล่าบริวาร อดรนทนไม่ไหว " ขะหมีขะหมัน กระสันที่จะทำลายทำร้าย ขัดขว้างการบำเพ็ญบารมีของข้าพเจ้าอยู่เสมอมา "

( นั้นก็เพราะความอิจฉาริษยา ที่มีอยู้กมลสันดานของพวกท่านมันมีอยู่มาก จนมิอาจที่จะกักเก็บ อดกลั้นเอาไว้แต่ในใจ มิได้

จึงต้องออกมาขัดขวาง ทำลายทำร้าย ใสร้ายป้ายสี ข้าพเจ้า อยู่เสมอ...

อันนี้มันก็เป็นการ บ่งบอกเป็นใน ๆ ให้ข้าพเจ้ารู้ว่า บารมีของเราไกล้จะถึงที่สุดแล้ว พวกเหล่ามารทั้งหลาย จึงไม่อาจที่จะอยู่เฉย ๆ แล้วเฝ้าดู หรือ รอค่อให้ข้าพเจ้า ได้สร้างบารมีธรรม จนกระทั้งเสร็จสมบูรณ์ เป็นบารมีอันแก่กล้าควรแก่การ บรรลุธรรม

เฉกเช่น พระบรมศาสดา ได้ถูกพยามาร และ เหล่าบริวาร เข้าขัดขวาง มิอาจจะย่อมรับความตรัสู้ธรรมของพระพุทธองคฺมิได้ ด้วยความอิจฉาริษยา กระทำบาปหยาบช้า ด้วยประการต่าง ๆ แต่ก็มิอาจกระทำให้ความเป็นพระสัพพัญญู ของพระพุทธองค์ ให้ฉิบหายลงมิได้แม้นฉันใด...???

ด้วยอำนาจแห่งความสัจนี้ แม้หมู่มารทั้งหลายทั้งปวง ทั่วสากลภิภพจรดแดนพระนิพพาน จงพายแพ้แก่พระพุทธบารมีธรรม พระสัพพัญญุตญาณ แห่งองค์สมเด็จพระบรมครูพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ อันมีพระบรมครูสมเด็จองค์ปฐมเป็นปฐมต้น มี สมเด็จพระมหาสมณะโคดมเป็นปริโยสาน

ของจงดลบันดาลประทานพร ให้ข้าพเจ้าจงมีชัยเหนือแก่หมู้มารผู้มีใจบาปหยาบช้า ผู้ลามก ผู้ไม่มีดวงตาแห่งธรรม เป็นผู้มืดบอดด้วยอำนาจ แห่งราคะ โทษะ และโมหะ

" ขอหมู่มารทั้งหลายจงอย่าได้ช่องทำลาย "

การสร้างบารมีของข้าพเจ้า เพื่อเกื้อกูลแก่พระโพธิญาณในอนาคตกาลนับแต่กาลบัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู้พระนิพพาน จงทุก ๆ ประการ

..............................................................

มูลเหตุ ของการประกาศโครงการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม

และ จนอวสาน ยุติการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ฯ

ณวัดลำตะเคียน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

เมื่อประมาณ วันที่ 7 มกราคม 2555 เป็นต้นมา
จนมาถึง การยุติโครงการ ดังกล่าว

.......................

1...ทางวัดลำตะเคียน " นำโดยพระณัฐพงศ์ ผู้ดุแลรักษาวัดลำตะเคียน " ได้สมอ้างว่า วัดมีเนื้อที่ ให้สร้างพระ ประมาณ 200 ไร ซึ้งเป็น เนื้อที่ของทางวัด สามารถ ดำเนินการสร้างพระได้ ( แท้จริงแล้วเป็นที่ของกรมป่าไม้ เป็นเขตป่าชุมชน มิใช้ที่ของทางวัดดังที่กล่าวอ้างเอาไว้ จึงเป็นเหตุห้นำมาสู่การยุติโครงการดังกล่าว )

2..ทางวัดลำตะเคียนมีความประสงส์ ให้ทางคณะทำงาน นำโครงการสร้างพระ ไป ดำเนินการก่อสร้าง ณ.ที่ วัดลำตะเคียน ทางคณะ จึง เดินทางไปที่วัด และ ตรวจสอบ สถานที่เพื่อ ดำเนินงาน

3..โดยการแนะนำ จาก พระอาจารย์สมบูรณ์ ( วัดเขากลิ้ง ) จ.เพชรบุรี

4...ได้มีการเข้าพบ เจ้าคณะตำบลวัดห้วยกว้างจริง เพื่อขอดำเนินการก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ดังกล่าว พร้อมกับผู้ดูแลวัดลำตะเคียน ( พระณัฐพงศ์ ปัจจุบัน เป็นรักษาการวัด ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

5...ได้รับการอนุญาติ ยิมยอม ( จากผู้ดูแแลวัด คือ พระณัฐพงศ์ ) และ ( เจ้าอาวาสวัดห้วยกว้างจริง เจ้าคณะตำบลห้วยกว้งจริง ในการสร้างพระ และ ได้มีการ บันทึกภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐาน

6...ได้ข้อทำการเปิดบัญชี ธ.นคาร TMB สาขาเซ็นทรันแจ้งวัฒน ปากเกร็ด 1 บัญชี เพื่อให้ศรัทธาที่ประสงส์ ร่วมบุญสร้างพระ โอนเงินเข้าบัญชี เพื่อสมทบทุน ( ปัจจุบันทำการปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ) และ ทำการแจ้วงคามไว้เป็นหลักฐานในการปิดบัญชีแล้วมีภาพถ่ายเป็นหลักฐาน

7.มีการดำเนินการ ว่าจ้างช่างสร้างพระ ปั้นหุ้นจำรอง ขนาด 9 นิ้ว และ 30 นิ้ว เพื่อ เป็นแบบในการ ก่อสร้าง พระแต่ยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจาก ขาด ทุนทรัพย์สนับสนุน

8.ได้มีการดำเนินการ ให้เจ้าหน้าที่รางวัด ของกรมป่าไม้ กรมที่ดิน จับพิดกัด เพื่อขอทราบพื้นที่ ใช้งาน จริง เพื่อ ว่างแบบในการดำเนินการก่อสร้าง จัดทำเป็นโมเดว แบบจำรอง ( ยังมิได้ดำเนินการ เนื้อง จาก ทราบว่าเป็นเขตป่าชุมชน ) จึงชะรอการดำเนิดงาน

9...ได้ดำเนินการ ขอใช้พื้นที่ ของเขตป่าไม่ชุมชนแล้วมที่แจ้ง แต่ ยังไม่เรียนร้อย จึงเดินทางกลับเพราะหมดเงินทุน มาจำพรรษา ณ.วัดที่อยู่เดิม ( วัดบางอ้อยช้าง เจ้าคณะอำเภอ บางกรวย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี )

10...เตรียมสำภาระ พร้อมหมู่ขณะ เพื่อ เข้าจำพรรษา ณ.วัดลำตะเคียน จ.เพชบุรี
เดินทางด้วยรถตู้ พร้อมญาติโยมติดตาม อีกหลายท่าน

11..เมื่อไปถึง ทางวัดไม่ได้มีที่พักอาศัย ดังที่กล่าวแจ้ง และ รับปากไว้...จึงทำการพักอาศัย อยู่ ที่วัดลำตะเคียน สิ้นระยะเวลา ประมาณ ครึ่งเดือน 15/ 20 วัน เพื่อ ดำเนินการ ทำหนังสือถึงกรมป่าไม้ เพื่อขอใช้พื้อนที่ ในการสร้างพระ แต่ยังไม่สำเร็จจึงเดินทางกลับก่อนเพื่อให้ทางวักดำเนินการขอใชพื้นที่

12..ทางวัด นำโดย พระณัฐพงศ์ รักษาการวัด ปัจจุบัน ได้ รับปาก ในการดำเนินการข้อใช้พื่อที่ ของกรมป่าให้เรียบร้อย้สียก่อน ให้แจ้งมาให้ทราบ แล้ว คณะทำงานจะขึ้นไปดำเนินการก่อสร้างงานดังที่ได้แจ้งไว้

13...พระณัฐพงศ์ กล่าวอ้างว่า จะประชุมกรรมการวัด กรรมการหมู้บ้าน เพื่อชี้แจ้ง และ ลงมติในการดำเนินการ ดังกล่าว และ กล่าวอ้างว่า ตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้านเก่า ไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่เคยเห็น ใครจะมาประชุม ( จวบจนกระทั้ง คณะทำงานเดินทาง กลับ เพราะสถานที่ ยังไม่พร้อม )

14...และในระหว่งรอการดำเนินการขอใช้พื้นที่ ของกรมป่าไม้ ซึ้งเป็นเขตป่าชุมชน ศรัทธาทั้งหลาย ได้ ทำการส่งวัตถุมงคล , แผ่นทอง ,พระบรมสาริกธาตุ ,พระธาตุ และ ยังจตุปัจจัย อีกหลายจำนวน ที่ ส่งไป ที่ วัดลำตะเคียน จ้าหน้าซองในนาม พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท
ซึ้งทั้งหมดทางวัด ( พระณัฐพงศ์ ผู้ดูแลวัด เป็น ผู้ เก็บรักษา ไว้ทั้งหมด )

15..ในระห่วางที่ รอทางวัดลำตะเคียน ดำเนินการขอใช้พื่้นที่ป่า ชุมชน ได้เข้าทำการศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ และ เข้าศึกษา หลักสูตรประกาศนียการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ( .ป.บส รุ่นที่ 11 วัดพิชัยญาติการาม ฯ ) และ ( เข้าศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการเทศนา รุ่นที่ 2 วัดประยุรวงศาสวาส ฯ ) เพื่อ เพิ่มเติมความรู้ เอาไวป้องกันพวกมารนอกศาสนาหาเรื่อง ...

16..และแล้วเหตุการที่คาดคิดไว้ก้เกิดขึ้นจนได้ ...ด้วยว่ามีผู้แอบอ้างว่าเป็นกรรมของวัดลำตะเคียน จ.เพชรบุรี ( อ้างว่าเป็นหลายชายของพระสลัด และ เป็นผู้ที่กว้าางขวดอยู่ในพื้นที่นั้น ....ชื่อ ชาย ) ได้โทรมาสอบถามเื่องสร้างพระอยู่หลายครั้ง และสุกท้ายได้ ไปแจ้งความที่ สภ แก่งกระจาน เพชรบุรี ในข้อหา หลอกล่วงแอบอ้างชื่อวัดหากิน ..

17...แต่ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ไม่รับแจ้ง เหตุ เพราะ ทางโครงการมีหลักฐาน แสดงความบริสุทธิ์ อยู่ครบถ้วน...เพราะเจ้าหน้าที่ ติดต่อมาสอบถามลายละเอียดของโครงการโดยละเอียด จนแน่ใจในหลลักฐานที่มี จึงข้ออให้ ทางโครงการ ตกลงเจรจากับผู้ที่อ้างตนว่าเป็นกรรมการวัด เป็นหลาน พระสลัด ผู้รักษาวัดลำตะเคียน

18..ผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นหลานชาย ของพระณัฐพงศ์ ผู้ดูแลวัด ( ได้โทรมาเจรจาเป็นเชิงขมขู่ ให้กลัวด้วยวาจา น้ำเสียงที่กวนประสาทน่าดู เหมือนกันว่าให้ ยเลิกโครงการสร้างพระ ไม่งันจะแจ้งความดำเนินคดี ฐานหลอกล่วง และ แอบอ้างชื่อวัด เอาไปแสวงหาประโยชน์ ใส่ตัว และ ยังกล่าวอีกว่า ตัวเองมีผู้ใหญ่รู้จักหลายคน และ ประมาณว่า เป็นผู้มีบารมี ในท้องที่ นั้น ( ถ่อยคำรักษณะนี้ ตีความได้ว่า ข่มขู่ให้หวาดกลัว หรือ หวาดระแวงต่อมาณะภัย ทั้งทางด้าน ชีวิตและทรัพย์สิน) ใช้หรือไหม...

19..ทางโครงการ นำโดยอาตมภาพ พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท ประทานดำเนินโครงการสร้างพระ จึงนัดวันกับผู้กล่าวหา เพื่อขี้นไป ข้อเจจราขอเสนอในการพิจจารนา โครงการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ว่าจะดำเนินการต่อ หรือ เห็นสมควรอย่างไร ที่วัดห้วยกวางจริง เจ้าคณตำบล พระครูประจักร ปัจจักโข

http://www.wathuay.net/site/

20.. และในวันที่ 14 ธันวาคม 2556 ...อาตมาภาพ พร้อมที่มี ศรัทธาที่เคยไปร่วมบุญเมื่อกันอยู่เสมอ ๆ ได้เดินทางขึ้้นไป เพื่อ เจรจาหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดย ได้ เดินทางไปรับ พระอาจรย์สมบูรณ์ วัดเขากลิ้ง ผู้ ชี้แนะให้รู็จักกับวัดลำตะเคียน เรียกว่า มาเปิด แล้วก็มาปิด โครงกาารนั้นเอง

21...เมื่อมาถึงเพชรบุรี แวะวัดเขากลิ้งก่อนเป็นที่แรก เพื่อรับ พระรูป สำคัญ นั้ยก็ คือ พระอาจารยสมบูรณ์ ผู้ เป็นสะพานเชื่อมต่อไปหา วัดลำตะเคียน ที่เกิดปัญหา เพราะความ อคติของคนกลุ่มเดียว ที่ไร เหตุผล

22...เดินทางต่อไป ยัง สภ.แก่งกระจาน เพื่อเข้าพบ ร.ต.ท จักรกษฤ ขาวเงิน ผู้รับแจ้ง นำไปเป็นพยาน และ ป้องกันอันธพาลที่ อาจแอบแฝงอมา ในคราบของผู้ดี

23..ได้เข้าพบเจ้าคณะตำบลวัดห้วยกวางจริง พระครูประจักร เจเาอาวาสวัดห้วยกวางจริง พร้อมคณะ ทำงานโครงการสร้างพระ ดังกล่าว ตามที่ได้ นัดหมายกันไว้

24...เทื่อไปถึงโทรติดต่อ และได้เข้าพบประพูดคุยกัน เป็นเวลานาน นับชั่วโมง ( คู่กรณี ที่กล่าวอ้างว่า เป็น กรรมการวัด เป้นหลายผู้ดูแลวัด ที่ ชื่อว่า ชาย ก็ไมเห็นปรากฏตัว ) และ ผู้ที่ เป็นผู้รักษากการวัด ก็ไม่เห็นมา ติดต่อไปหลายครั้ง

25...ในที่สุดเจ้าคณะตำบลห้วยกวางจริง และ เจ้าอาวาสวัดห้วยกวางจริง รับเป็นตัวแทนในการเจรจายุติโครการดังกล่าว แทน วัดลำตะเคียน ( พระณัฐพงศ์ และ ผู้ที่อ้างตัวว่าเปป้นกรรมการวัด )
ทางโครงการได้ แสดงบัญชี เงินฝาก และ เงินฝากที่เหลื่อจากการ ดำเนินงาน ตั้งแต่ต้น จน ปัจจุบัน ไม่ร่วมเงินส่วนตัวที่ ต้องใช้จ่ายไป ในการดำเนินงานติดจต่อขอใช้พื้นที่ของป่าไม้ และ ใช้จ่าย ในขณะที่ อยู่ที่ วัดลำตะเคียน ค่ารถที่ ต้องขึ้นลง ในระหว่าง ขอใช้พื้นที่ในขณันั้น อีกหลายหมื่นบาท กว่าครึ่งแสน

25...เมื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อม , หลักฐานต่าง ๆ ในข้อที่ถูกกล่าวหาพร้อม , ผู้ถูกกล่าวหา ก็พร้อม , เจ้าคณะตำบลห้วยกวางจริงในฐสนะ ตัวแทนวัดลำตะเคียนพร้อม จึงเริ่ม ตรวจสอบหลักฐาน กต่าง ๆ ทั้งบัญชีเงินฝาก , การขอเปิดบัญชีดังกล่าว , พร้อมรูปถ่าย ในการเริ่มเข้ามา ดำเนิน ที่จะสร้างพระ , และ หลักฐานภาพถ่าย ที่มีการสำรวจพื้นที่จริง, มีพนักงานของทางกรมป่าไม้มาทำการจับพิกัดให้ , และ มีวิศวกร สถาปนิก , พร้อม

26...และได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานในการปิดบัญชี และ แสดงบัญชี และ เงินบริจาคที่เหลืออยู่ทั้งหมด แก่ เจ้าคณพ ตำบลวัดห้วยกวางจริง ต่อ หน้าเจ้าทชหน้าที่ตพำรวจ และ ถ่ายภาพทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน แล้ว

27...และได้เจ้าคณะตำบลวัดห้วยกวางจริง ในฐานะตัวแทน วัดลำตะเคียน และ กรรมการของทางวัดที่กล่าวอ้าง ได้ เซ่นชื่อ รับรองเอกสารทั้งหมด ว่าเป็นความจริงทุกประการ ในหนังสือ บันทึกหลักฐาน ของทางเจ้าหน้าที่ตำราจ และ มีพยาย เซ้น หลัก ฐาน ร่วมกัน

1.อาตมาในฐานะประธานโครงการสร้างพระ
2.เจ้าคณะตำบลหว้ยกวางจริง ในฐานะพยาย
3.พระอาจารย์สมบูรณ์ วัดเขากลิ้งในฐานะ พยาน
4.โยมสุนันทา ในฐานะ พยาน

28..ได้แจ้งให้เจ้าคณะตำบลห้วยกวางจริงทราบ ให้เป็นพยานไว้แล้วว่า วัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ญาติโยม ว่งมาทางไปรษรี นั้น ทั้งหมด อยู่ที่ วัด ลำตะเคียนทั้งหมด
ทุกชิ้น มีพระบรมสริกธุาติ ,พระธาต ,แผนเงินแผ่นทอง , และ เงินบริจาคสร้างพระ อื่น ๆ อีกหลาจำนวน พระณัฐพงศ์ เป็น ผู้เก็บรักษา ไว้ ทั้งหมด นั้น เป็นของโครงการสร้างพระหาได้เป็นของ วัดลำตะเคียนไม่

ให้นำส่งมอบคืนแก่ คณะทำงานในฐานะเจ้าของฌโครงการสร้างพระ จะต้องนำ สิ่งที่ศรัทธาทั้งหลายมแอมาให้ นำไปบรรจุในองค์พระ ในโอกาศหน้าที่ ๆ จะสร้างพระสืบไป นั้น โดยเร็ว ให้ครบทุกจำนวน เพราะเรามีภาพถ่ายเอาไว่้เป็นหลักฐานทุกชิ้น

29..หากแม้หายไปแม้แต่เพียงชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ทางวัดลำตะเคียนต้องรับผิดชอบทุกรณี

30..หลังจากนั้น คณะทำงานได้เดินทางออกจากวัดห้วยกวางจริง และ ได้เดินทางต่อ ไปยัง โรงพัก หรือ สภ .แก่งกระจาน เพื่อ แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ในส่วนของข้อตกลง และ ในรายเอียดอื่น ๆ ที่ ได้ มีการลงลายมือชื่อ เอาไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ อแก่งกระจาอีครั้ง แล้วเดินทางกับ

โดยสวัสดภาพ


...................................................

ธรณีนี่นี้                เป็นพยาน

เราก็ศิษย์มีอาจารย์          หนึ่งบ้าง

เราผิดท่านประหาร          เราชอบ

เราบ่ผิดท่านมล้าง           ดาบนี้ คืนสนอง


( ศรีปราชญ์ )

.................................

สูมิได้เงินทอง ของจากข้า

สูจึงคิดเบียดเบียน ให้ร้าย

ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดจงหนัก

ยมพบาลท่านทักแล้ว สามคราฤาพ้นอเวจี.....

( ส.สิรินันโท )

..............................

 

1...ทางวัดลำตะเคียน " นำโดยพระณัฐพงศ์ ผู้ดุแลรักษาวัดลำตะเคียน " ได้สมอ้างว่า วัดมีเนื้อที่ ให้สร้างพระ ประมาณ 200 ไร ซึ้งเป็น เนื้อที่ของทางวัด สามารถ ดำเนินการสร้างพระได้ ( แท้จริงแล้วเป็นที่ของกรมป่าไม้ เป็นเขตป่าชุมชน มิใช้ที่ของทางวัดดังที่กล่าวอ้างเอาไว้ จึงเป็นเหตุห้นำมาสู่การยุติโครงการดังกล่าว )

 

2..ทางวัดลำตะเคียนมีความประสงส์ ให้ทางคณะทำงาน นำโครงการสร้างพระ ไป ดำเนินการก่อสร้าง ณ.ที่ วัดลำตะเคียน ทางคณะ จึง เดินทางไปที่วัด และ ตรวจสอบ สถานที่เพื่อ ดำเนินงาน

 

3..โดยการแนะนำ จาก พระอาจารย์สมบูรณ์ ( วัดเขากลิ้ง ) จ.เพชรบุรี

 

4...ได้มีการเข้าพบ เจ้าคณะตำบลวัดห้วยกว้างจริง เพื่อขอดำเนินการก่อสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ดังกล่าว พร้อมกับผู้ดูแลวัดลำตะเคียน ( พระณัฐพงศ์ ปัจจุบัน เป็นรักษาการวัด ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

5...ได้รับการอนุญาติ ยิมยอม ( จากผู้ดูแแลวัด คือ พระณัฐพงศ์ ) และ ( เจ้าอาวาสวัดห้วยกว้างจริง เจ้าคณะตำบลห้วยกว้งจริง ในการสร้างพระ และ ได้มีการ บันทึกภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐาน

 

6.

..ได้แจ้งทำการเปิดบัญชี

ธ.นคาร TMB 235-2-13351-2 สาขาเซ็นทรันพลาซาแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด

และ ปิด บัญชี ธ.ไทนพานิชย์ 352-242895-2 สาขาบางบัวทอง นนทบุรี

เพื่อยุติการทำธุรกรรมการโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อร่วมบุญสร้างพระ เพื่อสมทบทุน และ



ธ. ทหารไทย TMB ยอดเหลือสุทธิที่ 1,377.25 สตางค์
ธ.ไทยพานิชย์ SCB ยอดเหลือสุทธิที่ 75.82 สตางค์

( ปัจจุบันทำการปิดบัญชีทั้ง 2 บัญชี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ) และ ทำการแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานในการปิดบัญชี ทั้ง 2 บัญชีแล้วจึงลงภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐาน


ในส่วนของใบสลิบตรวจสอบการโอนเงินเข้า - ออก ตั้งแต่ต้น
จนปิดบัญชี ยอดเงินสุทธิ ในการรับบริจาคสมทบทุนสร้างพระ ฯ

ค่าใช้จ่ายโดยสรุป ในระหว่างการดำเนินงานติดต่อประสานงานในการดำเนินการ
ขอใช้พื่้นที่ที่อยู่ในการดูแลรักษาของกรมป่าไม้

กับกรมที่ดิน และ กรมป่าไม้ และ ค่าใช้จ่าย ในระห่วงการเข้าพักอาศัยที่วัดลำตะเคียน

จะนำมาชี่แจ้งอีกครั้ง


( กำลังค้นหาหาเอกสารอยู่ จ้า..)

 

7.มีการดำเนินการ ว่าจ้างช่างสร้างพระ ปั้นหุ้นจำรอง ขนาด 9 นิ้ว และ 30 นิ้ว เพื่อ เป็นแบบในการ ก่อสร้าง พระแต่ยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจาก ขาด ทุนทรัพย์สนับสนุน

 

8.ได้มีการดำเนินการ ให้เจ้าหน้าที่รางวัด ของกรมป่าไม้ กรมที่ดิน จับพิดกัด เพื่อขอทราบพื้นที่ ใช้งาน จริง เพื่อ ว่างแบบในการดำเนินการก่อสร้าง จัดทำเป็นโมเดว แบบจำรอง ( ยังมิได้ดำเนินการ เนื้อง จาก ทราบว่าเป็นเขตป่าชุมชน ) จึงชะรอการดำเนิดงาน

 

9...ได้ดำเนินการ ขอใช้พื้นที่ ของเขตป่าไม่ชุมชนแล้วมที่แจ้ง แต่ ยังไม่เรียนร้อย จึงเดินทางกลับเพราะหมดเงินทุน มาจำพรรษา ณ.วัดที่อยู่เดิม ( วัดบางอ้อยช้าง เจ้าคณะอำเภอ บางกรวย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี )