...ปฏิบัติธรรม ทำไมกลายเป็นบ้า ?...

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย phodej, 9 มกราคม 2015.

  1. phodej

    phodej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +300
    "...อาตมาเคยไปปฏิบัติธรรมแบบฝึกแต่สติ สติ เมื่อตอนเป็นฆราวาส ก็เป็นฮิปปี้อยู่นี่ 3 ปีที่อาศัยการปฏิบัติธรรม โดยเน้นแต่สติ......อาตมาก็เคยไปเข้ามาอย่างนี้เหมือนกัน เอามาต่อกันก็คงได้สัก 3 ปี เป็นฆราวาสอยู่ 2 ปีกว่าที่ได้เข้าอยู่อย่างนี้ แล้วก็เป็นพระนี้ 1 ปีเต็ม ๆ ที่ไม่ได้พูดกับใคร กินข้าวแล้วก็ทำความเพียร แต่ท่านเน้นให้กระทำเจริญแต่สติ สติ สติ อาตมานี้ตั้งใจทำ ทำจนผมหล่น......เพราะว่าเรากินน้อยเกินไป เรานอนน้อยเกินไป ระลึกถึงเวลาใด เห็นหน้าคนที่หิ้วปิ่นโตมายื่นให้เรา พอนอนตื่นขึ้นระลึกถึงบุคคลเหล่านั้น เหมือนมันมีสปริงในร่างกาย มันรีบผลุนผลันขึ้นมาโลด มานอนตายอยู่นี้เฮ็ดหยัง.....แต่สิ่งที่ปรากฏเห็นบ่อย ๆ คือ เพื่อน เพื่อนนักปฏิบัติด้วยกันมักจะเป็นบ้า เป็นบ้าบ่อย ๆ ปีหนึ่งหลาย ๆ คน เข้าทีหลังก็เป็นบ้าทีหลัง เข้าก่อนก็เป็นบ้าก่อน คิดดูตัวเอง เอ ! กูกะสิบ่อเป็นบ้าคือหมู่บ่อหนอ ก็ดูอยู่ การฝึกสติอย่างนี้ การฝึกสมาธิ การเจริญกรรมฐานอย่างนี้ มันน่าจะดีขึ้น ๆ คนดี ๆ ทั้งนั้นที่ตั้งใจมาปฏิบัติ ทำไมต้องเป็นบ้า คำถามเหล่านี้ก็คืนมาถามใจ..."

    ข้อความบางส่วนจากคำบรรยายโดย...พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ (ยอดหอ)...“วิสาขะก่อนฟ้าสาง”... 13 พฤษภาคม พ.ศ.2538...
     
  2. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    แค่อ่านสองสาวแถว ก็รู้ว่าของพระอาจารย์สมภพ พออ่านจบ ก็ไช่เลย

    ก็ธรรมดาครับ พอมาปฏิบัติธรรมปุ๊บก็ถือว่าตนเองกำลังทำความเป็นคนดี คนอื่นทำน้อยกว่าเรา ก็แสดงว่า เราทำตัวเป็นคนดีกว่าคนอื่น ต่อมา ก็อยากให้คนอื่นรู้เห็นว่าเราดีกว่า มันก็เลยต้องบ้ายิ่งๆขึ้นไป นั่นเอง
     
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    แล้วก็จะเข้าข้างตนเองว่า ฉันบ้าดีมันผิดตรงไหน นี่ยังไม่พอ ต้องบ้าดีแบบไม่ไห้คนอื่น มาเหนือกว่าเราด้วย เราต้องครองรักษาตำแหน่งคนดีที่สุดเอาไว้เพียงคนเดียว 55555
     
  4. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
  5. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    พระก็เช่นกัน วัดฉันต้องดีกว่าวัดอื่น ดังกว่าวัดอื่น ใหญ่กว่าวัดอื่น มีชื่อเสียงกว่าพระวัดอื่น

    มันเป็นโลกธรรมในใจที่ยังมีอวิชชา มันห้ามตัวเองไม่ได้หรอกครับ เพราะ มีอวิชชาเป็นเหตุ
     
  6. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เขาว่า ความบ้ากับอัจฉริยะ มันไปด้วยกันเสมอ แต่สุดท้าย ใครเล่าจะรู้ตัวเองทันก่อนกันว่า ตนเองทำอะไรอยู่ ทำเพิ่อชำระสะสางกิเลสเพื่อชำระอวิชชา หรือทำเพื่อสะสมพอกพูน
     
  7. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    สมัยอยู่กับครูบาอาจารย์ พวกที่เป็นบ้ามักเป็นพวกที่ผิดสัจจะ
    ไม่เชื่อฟังครูบาอาจารย์ ปฏิบัติผิดวิธี รวมๆแล้วยกให้เป็นเรื่องของวิบากกรรมไปก็แล้วกัน
     
  8. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    POOOOOOOOOFFFFFF ==" !!!

    เรื่องเยี่ยงนี้ ต้องถามข้าฯ

    ข้าฮู้ !!!

    ข้าเห็น !!!

    แต่อย่ามาหาว่า ข้าบานดาลห้ายเปน ...............สะกดผิด

    แต่อย่ามาหาว่า ........................................ออกไปดูก่อน

    แต่อย่ามาหาว่า ข้าฯบันดาลให้เป็น

    ที่ นักปฏิบัติคลาดจากธรรม เพราะ .............

    ฝ่าย นักปฏิบัติ ไม่กำหนดรู้เฉพาะทุกข์ ก่อนถาม

    ฝ่าย ตอบคำถาม ไม่ได้หนักว่ากล่าวด้วยเรื่องทุกข์ อย่างพระตถาคต
     
  9. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ที่เห็นก็เป็นประเภทนอกครู หรือไม่มีครู ประการหนึ่ง
    วิบากกรมก็ประการหนึ่ง
    นักปฏิบัติต้องย่อมยอมมอบกายถวายชีวิต ตายก็ชั่ง ถึงจะบ้าก็ต้องยอม
    ผมเองก็หวิดบ้ามาเหมือนกัน ผมเองว่าผมไม่บ้า แต่คนอื่นหลายคนก็ว่าผมบ้าหรือไม่ก็ใกล้ๆบ้า
    ปัจจุบันผมแก้อาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมได้แล้ว ปัจจุบันก็ดูเป็นปกตินะครับ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,353
    ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความบกพร่องของร่างกายนะครับ...สำหรับ
    ทั่วๆไปบุคคลที่เราเรียกว่าเป็นบ้านั้น.หรือทำอะไรควบคุมตัวเองไม่ได้.
    หรือวิกลจริต ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่..ก็คือบุคคลที่มีกำลังของความคิดในส่วนสมองที่มาก
    แต่ขาดตัวที่เข้าไปควบคุมความคิดตรงนั้น..จนความคิดตรงนั้นมีกำลังมากจนกระทั่ง
    ส่งผลต่อการทำงานของสมองครับ...กำลังความของคิดตรงนี้เกิดได้จากหลาย
    สาเหตุเช่น การได้รับความกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจ การย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่อง
    เดิมๆไม่ว่าจะเห็นด้วยตาเนื้อหรือตาใน.โดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวความคิด.
    และก็เก็บเอาความคิดเดิมๆพวกนี้มาคิดโดยไม่รู้ตัว.เป็นเหตุให้มีการสร้าง
    กะแสความคิดตรงนี้มากเกินสมดุลย์ที่ระบบสมองปกติจะรับได้
    คือการเกิดกระแสไหลเวียนภายในกระโหลกที่เป็นคลื่นความถี่ชนิดหนึ่ง
    แต่ความหนาแน่ของกระแสเพิ่มมากขึ้น..เป็นเหตุให้มีอาการไปต่างๆนานาๆ
    เพราะว่าไม่มีตัวที่ควบคุมคิดตรงนี้ จึงส่งผลต่อการควบคุมร่างกายที่แสดง
    ร่วมด้วยออกมาเป็นท่าทาง คำพูด ในลำดับต่อมาครับ..


    สำหรับนักปฏิบัติกิริยาก็คล้ายคลึงกันแตกต่างกันตรงที่มาของแหล่ง
    ความคิดที่ไปสร้างให้มีกระแสพลังงาน มีความหนาแน่นของกระแสพลัง
    งานที่วิ่งอ้อมสมองภายในกระโหลกศีรษะมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวครับ..
    กระแสพลังงานตรงนี้มาจาก..การที่ขาด ผู้รู้หรือตัวสติทางธรรม ที่จะเข้าไปแยกแยะ
    ว่าอะไรเป็นความคิดเกิดจากตัวจิตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่ากุศล
    หรืออกุศล...อะไรเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจที่ไม่สามารถแทรกแซงได้
    เปลี่ยนแปลงเรื่องราวไม่ได้ และขึ้นมาแบบไม่เลือกเวลา
    หรือขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมซึ่งเป็นนามธรรม เป็นฝ่ายอารมย์
    และขาดการสังเกตุว่าตัวจิตเข้าไปยึดมั่นถือมั่นและไปรวมกับ
    ความคิดที่เกิดจากจิตได้อย่างไร ตัวจิตเข้าไปรวมกับฝ่ายอารมย์
    หรือความคิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตรงนี้ได้อย่างไรครับ..
    ส่วนมากจะรู้ทันก็ต่อเมื่อ ความคิดที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น
    มันเข้าไปรวมกับตัวจิตแล้ว.ก็เลยทำให้เข้าใจว่า ตนเองรู้ ตนเองเห็น
    หรือตนเองเข้าใจ..และก็เผลอนำความคิดตรงนี้ไปวิเคราะห์ นำไปพิจารณา
    เพราะหลงเข้าใจว่า ความคิดตรงนี้เป็นสติทางธรรม เป็นปัญญาทางธรรม


    การที่เผลอไปวิเคราะห์ตรงนี้ โดยที่ขาดเครื่องมือในการเข้าไปสังเกตุว่า
    ไม่ใ่ช่อารมย์ ไม่ใช่ความคิดที่เกิดจิต.ตลอดสังเกตุไม่ทันเรื่องการเข้าไปยึด
    มั่นถือมั่นในความคิดตรงนี้ บวกกับกิเลสต่างๆที่ยังมองไม่เห็นนั้น..
    ก็จะเป็นการไปเพิ่มกำลังให้กับความคิดพวกนี้ครับ..ยิ่งคิด ยิ่งวิเคราะห์
    ร่วมด้วยกับความรู้ทางโลกที่ได้รับรู้มา ก็ยิ่งจะเป็นการเพิ่มกำลังความคิด
    ตรงนี้ ก็จะส่งผลให้ตัวกระแสที่วิ่งวินในกระโหลกตรงนี้มีความหนาแน่นเพิ่ม
    มากขึ้น จนกระแสตรงนี้ไปทำลายระบบสมองปกติครับ.ผลก็จะเกิดคล้ายๆ
    กับบุคคลที่ได้เล่าให้ฟังก่อนหน้า ที่จะแสดงออกมาทางกาย ทางวาจา
    ออกมาทางความคิดที่แปลกๆได้ครับ...

    ความสามารถในการคิดเรื่องแปลกๆ ความสามารถ
    ในการเห็นอะไรแปลกๆได้.ที่สามารถปรุงแต่งต่อให้มีความคิดแปลกๆได้..
    ก็เพราะว่ากระแสที่วิ่งวนอ้อม
    สมองและวนอยู่ในกระโหลกอยู่นั้น..มันเคยมีกำลังความคิดจากการรับรู้
    ทางอายตนะต่างๆของการคิด การนึก การเห็น การเผลอไปวิเคราะห์ การเผลอ
    ไปปรุงร่วมร่วมอยู่ก่อนแล้วเป็นทุน มีความคิดจากขันธ์ ๕ นามธรรม
    คอยปรุ่งรวมอยู่ก่อนแล้วโดยที่ไม่รู้ทันตรงนี้เพราะมันกลืนจนเสมือนเป็น
    ตัวเดียวกัน ประกอบกับมีกิเลสที่ยังมองไม่เห็นรวมอยู่ก่อนแล้วร่วมด้วย
    และที่สำคัญคือความยึดมั่นถือมั่นในความคิดพวกนี้..การเห็นพวกนี้
    การปรุงแต่งแบบนี้ เป็นเหตุให้มีการสร้างพลังงานมากยิ่งขึ้นจนกลายเป็น
    กิริยาที่แสดงออกมาภายนอกก็คือ..ความมั่นใจในตนเอง
    สร้างความเป็นตัวตนขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว...และถ้าวาระมาถึงจนพลัง
    งานมีความหนาแน่นกระทั่งไปทำลายระบบสมองปกติได้ในลำดับต่อ
    มานั่นเองครับ...

    ส่วนเรื่องอื่นๆที่มองว่านอกเหนือธรรมชาตินั้น
    จะผิดผี ผิดครู ปรามาสพระรัตนตรัย ปรามาสองค์ครูต่างๆ
    องค์ธรรมต่างๆทั้งที่เป็นบุคคลและวัตถุ.
    ปรามาสผู้ทรงศีลต่างๆ ปรามาสผู้ปฏิบัติดีต่างๆ
    ปรามาสครูบาร์อาจารย์บุคคลอื่นๆ ตลอดปรามาสบิดา
    มารดาบุคคลอื่นๆ ตลอดจนปรามาสพระอริยะทั้งหลาย
    ก็จะกลายเป็นพลังงานส่วนหนึ่งจากภายนอกที่จะเข้ามา
    เสริมพลังงานภายในที่วิ่งวนอยู่ภายในสมองอย่างที่ได้เล่าให้ฟัง
    มาก่อนหน้านี้รวมกันเข้าไปอีก เนื่องจากจิตจะเกิดการเชื่อมไปยัง
    กระแสพลังงานภายนอกต่างๆเหล่านั้นทันทีแบบที่ไม่รู้ตัว..
    เป็นสาเหตุที่ทำให้นักปฏิบัติที่พอมีพื้นฐานสัมผัสกับเรื่องนามธรรมต่างๆ
    ปฏิบัติอะไรไม่มีความก้าวหน้าแม้ว่าจะฝึกมาหลายปี
    และฝึกอะไรก็ไม่ก้าวหน้าไม่สำเร็จ..
    ตลอดจนกระทั่งความเข้าใจในเรื่องนามธรรมต่างๆไม่ดี
    แม้ว่าจะมีพื้นฐานการสัมผัสนามธรรมได้มาก่อนเป็นทุน
    ตลอดจนตัวจิตไม่เกิดเครื่องรู้ต่างๆ ไม่เกิดความสามารถพิเศษต่างๆ
    รวมทั้งไม่เกิดปัญญาทางธรรมที่จะคลายกิเลสได้จริง
    คลายความยึดมั่นถือมั่นจากจิตได้จริง
    ..เนื่องจากมีกำลังพลังงานจากความคิดเก่าๆเดิมรวมกับ
    พลังงานภายนอกจากปรามาสตรงนี้เป็นเหตุให้เกิด
    อาการวิกลจริตได้เร็วกว่าบุคคลปกติทั่วๆไปนั้นเองครับ


    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ..
     
  11. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ตามที่ผมเข้าใจนะครับ คนที่บ้า เพราะความดีในตนบุญบารมีของตน หรือพูดง่ายๆเลยว่า บาปในตนมีมากกว่าบุญ หรืออกุศลจิตมีมากกว่ากุศลจิตเ ลยไม่มีสิ่งที่เป็นที่พึ่ง ไม่มีหลักที่ดีให้ยึด

    สติเลยแตก หมายความว่า พ่ายแพ้แก่ความคิดฝ่ายอกุศลในตน นั่นเองครับ

    ซึ่งเรื่องนี้ สำคัญมากครับ ถ้าการปวารณา พุทธังสรณังคัจฉามิ ไม่ได้ทำด้วยใจที่ตั้งใจจริง ก็หมายความว่า คนนั้นหมดที่พึ่งที่รักษา เสี่ยงต่อการสติแตกพ่ายแพ้ อกุศลในใจ มากเลยทีเดียวครับ อันตรายมาก
     
  12. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ทำไมต้องปวารณาตน เอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ทำไมต้องรักษาศีล นี่คือ การเพิ่มความเป็นกุศลในสติของตนเอง เพื่อให้เหนือกว่า อกุศลที่เคยทำมา

    เพราะความคิด น่ากลัวกว่าทุกกรรมเมื่อนั่งสมาธื
     
  13. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    "อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา"

    "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า"

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2015
  14. VAKILLOS

    VAKILLOS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +340
    ถ้าเอาบ้าเเบบบหวาดกลัวเหนอะไรก็เป็นผีไปหมด ผมพอจะรู้สาเหตุครับ ผ่านจุดนั้นได้อย่างหวุดหวิด เกือยเสียคนเหมือนกัน
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คำว่า " บ้า " ในทางธรรม กับ " บ้า " แบบ ปุถุชน บัญญัติ นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

    " บ้า " ในทางธรรม หมายเอาการกำหนดรู้ "สัญญา" ว่าเป็น กองขันธ์ อย่างหนึ่ง
    มีความแปรปรวนแบบ " พรายฟองน้ำยามฝนตก " ไม่ได้ พอกำหนดรู้ไม่ได้ก็
    คิดว่ามี พลังงานโน้น นั่น นี่ เข้ามากระทำ จริงๆ เปล่าเลย เป็นแต่เพียง สันนตติ
    มันไม่ขาด กำหนดรู้ ขันธ์5ไม่ได้ กระจายกองขันธ์ไม่ได้ ....เนี่ยะ สัญญาวิปลาส

    นักสมาธิภาวนา ต่อให้เล่นฌาณ8ได้ สามารถแยกกองขันธ์5 ได้ไหม !!!
    ไม่ได้หน่าคร้าบ และ ไม่รู้วิธีด้วยซ้ำ

    ดังนั้น สำเร็จฌาณ4 หรือ ต่อให้ฌาณ8 ก็ สัญญาวิปลาส เท่าเดิม คือ บ้าเท่าเดิม

    นักปฏิบัติ จึงต้อง กำหนดรู้ทุกข์ให้เป็น ซึ่ง จะไปสำคัญตนว่า กูทำเป็น ทำฌาณ
    มากๆ เดี๋ยวรู้หนทาง วิธีการรู้ทุกข์ได้เอง ................ฮึย พระพุทธองค์อุบัติขึ้น
    บนโลก ก็เพราะมา ชี้ทางให้กับ พวกที่ไม่มีวันจะรู้ทางเองได้

    นะ

    กำหนดรู้ทุกข์ไม่ถูกวิธี เก่งกสิณดินดำแค่ไหน ก็ไม่อาจพ้น โดน
    "ไขสมองเหลืองๆทิ่มแทง" ว่า " ไขสมองเหลืองอ๋อยเท่านั้นมี
    อำนาจ อย่างอื่นเปล่า "
     
  16. phodej

    phodej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +300
    ใครคือผู้เดินผิดทาง หรือเดินหลงทางกันแน่ ?..(นิมิตรในความฝัน 1)..

    "...ก่อนหน้านั้นอาตมาฝัน
    ฝันว่าตนเองเดินทางไป ไปกับคนหลายคน เป็นทางที่สะดวกมาก ทางราดยางเลย ไปแล้วก็ไปถึงแม่น้ำ ลึก ตลิ่งชัน แม่น้ำใสจนเขียว สะพานนี้หย่อนลงไปในแม่น้ำนั้น พอแต่โผล่ลงไปในแม่น้ำก็สุด ไม่ต่อกันจนข้ามฟาก ทุกคนไปถึงนั้นก็ต้องกลับ อาตมาเข้ากรรมฐานมาเป็นปี มีคนเข้ากรรมฐานด้วยกันอยู่สี่สิบ ห้าสิบคน เราไม่ค่อยรู้จักกันว่าใครมาจากไหน ๆ นอกจากเวลาไปฟังธรรม พอจะจำหน้าได้ ปรากฏว่าในฝันนั้นก็ไปเห็นคนเหล่านั้นแหละ คนที่เคยไปประชุมร่วมกัน ไปฟังธรรมกับครูบา อาจารย์ร่วมกัน .....จำได้ชัดเจนว่าคนหนึ่งเป็นชาวสุพรรณบุรี แม้ไม่คุ้นก็จำ พูดภาษาไทยกลาง คนนี้เป็นพ่อขาว โกนผม เวลาออกพรรษาแล้วแกก็กลับไปประกอบการค้า เป็นคนจีน พอถึงเข้าพรรษาแกมา แกทำอยู่อย่างนี้มาแล้ว 8 ปี... เรียกว่าเข้ากรรมฐานมาแล้วอยู่ 8 ครั้ง ครั้งละ 6 เดือน แกยังเคยชมอาตมาว่า ตั้งแต่ผมเข้ากรรมฐานมานี้อยู่ 8 ปี ผมยังไม่เคยเห็นผู้ใดมาทำความเพียรอย่างนี้ ทั้งขยัน ทั้งละเอียด อดทนเอานะอาจารย์ จะต้องเห็นธรรมแน่นอน อาศัยโยมคนนี้แหละเป็นคนบอกอาตมา...

    ...พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ (ยอดหอ)...“วิสาขะก่อนฟ้าสาง”... 13 พฤษภาคม พ.ศ.2538...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2015
  17. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    ถ้าไม่เป็นการรบกวนขออารธนาท่านแชร์ประสบการณ์ และวิธีในการแก้อารมณ์ตรงนั้นบ้างได้มั้ยครับท่าน
     
  18. phodej

    phodej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +300
    ใครคือผู้เดินผิดทาง หรือเดินหลงทางกันแน่ (นิมิตรในความฝัน 2)

    "...คนนั้นพูดกับอาตมาว่า อาจารย์ สะพานมันไม่ข้าม ไปไม่ได้หรอก กลับเถอะเรา ใครเขากลับหมดแล้ว ในความจองหองของเราเนี่ย ในฝันมันก็จองหอง มันบอกว่าเดินทางมาไกลขนาดนี้ ไม่กลับหรอก ใครจะกลับก็กลับไปเสีย อาตมาจะลอย เกิดอยู่ในลุ่มน้ำสงคราม บ่อย้านดอกน้ำส่ำนี้ เกิดอยู่ในลุ่มน้ำโขง ไม่กลัวน้ำขนาดนี้ แต่จะหาท่าลงดี ๆ.....ในฝันนั้น อาตมาก็เดินไป เลาะไปตามฝั่ง เลาะไป ๆ ก็เลยไปเจอเส้นทางสายหนึ่ง เก่ามาก เก่า ใบไม้ร่วงปก แต่ยังไม่มีต้นไม้เกิดทับมาก แต่เป็นเส้นทางเก่าที่สะดวกอยู่ ก็ไปตามเส้นทางสายเก่าที่มีใบไม้แห้งร่วงหล่นปกคลุม เดินเลาะไปก็ไปเห็นสะพาน สะพานก็เป็นสะพานที่เก่ามาก ๆ จนไม่มีร่องรอยคนเดิน มีก็น้อยนักหนา แต่ดี เดินข้ามสะพานนั้นไป น้ำห้วงนั้นแหละ พอข้ามไปถึงฝั่งโน้นก็ยืนหันรีหันขวางว่า เอ ไอ้พวกที่กลับไปนี้ ทำไมไม่มาที่นี่ ทางที่นี่ก็ดี แม้จะเอารถยนต์ รถอะไรข้ามก็ได้ ทำไมหนอคนจึงไม่มาทางสายนี้ หันหน้าหันหลังอยู่ เหลือบไปอีกทีหนึ่งก็ไปเห็นหลวงปู่พุทธทาส นั่งอึ้มตึ้ม ตัวใหญ่ ๆ มา ๆ กำลังคอย มา คอยใครละครับ ? จะบวชนาคท่านว่าอย่างนั้น บวชใคร ? บวชคุณนั่นแหละ อ้าว ผมบวชแล้วจะบวชอะไรอีก บวช ๆ ๆ ท่านว่าอย่างนั้น แล้วท่านก็หันหน้าขึ้นหัวเราะ เห็นฟันเหี้ยน ๆ อยู่ข้างบน ท่านหัวเราะเห่อ ๆ แล้วก็มองไปเห็นภูเขาสูง แล้วก็มีอาศรมเขียว ๆ "

    ...พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ (ยอดหอ)...“วิสาขะก่อนฟ้าสาง”... 13 พฤษภาคม พ.ศ.2538...
     
  19. phodej

    phodej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +300
    ความฝันขณะกำลังปฏิบัติธรรม (จริง ๆ) อย่าได้เผลอดูแคลน

    "...ท่านทั้งหลายผู้ปฏิบัติธรรมดี ๆ นี่ มันจะฝันอยู่นะ จำไว้ให้ดีพระสงฆ์องค์เจ้า อุบาสก อุบาสิกา ผู้ใดปฏิบัติธรรมด้วยความเคารพจริง ๆ มันมีอยู่ ธรรมนี้จะหล่อเลี้ยงใจเราอยู่ หรือจะพูดเลยเถิดไปในสิ่งที่ตาไม่เห็น พวกเทวดาที่เป็นเพื่อนกับเราหลายภพ หลายชาติ หรือเป็นครูบา อาจารย์เก่า หรือเป็นเพื่อนพรหมจรรย์ด้วยกัน อาจจะมี ในพระไตรปิฎกมีอยู่บ่อย ๆ มาช่วยกัน มาบอก บางทีได้ยินแต่เสียง บางทีก็มาในรูปลักษณะอาจจะฝันนี้ก็ได้..."

    ...พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ (ยอดหอ)...“วิสาขะก่อนฟ้าสาง”... 13 พฤษภาคม พ.ศ.2538...
     
  20. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,615
    ค่าพลัง:
    +3,015





    ป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งครับ
    ที่ตัดเอามาเฉพาะบางส่วน
    แล้วให้คนอื่นมาคอมเม้นต์จาบจ้างเช่นนี้
    จะเป็นการปรามาสพระไป
    ควรจะนำมาลงทั้งหมดจะดีกว่า

    เพราะถึงแม้ว่าพระจะบ้า
    แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่คนทั่วไป
    จะกล่าวว่าเสียๆหายๆ
    มันเป็นเรื่องของพระด้วยกันมากกว่า
    และที่สำคัญ พระทีคนธรรมดาว่าบ้า
    แต่กับพระนักปฏิบัติแล้ว
    พระบ้าก็กลายเป็นพระอริยสงฆ์ไป

    เวรกรรมจะไม่ตกอยู่กับ
    ผู้ที่อ่านนิดหน่อย
    แล้วตีความด้วยทิฏฐิของตนงั้นหรือ

    อย่างนี้จะไม่เป็นผลดี
    กับผู้โพสต์นะครับ
    ถ้าจะให้ดีที่สุดกับทุกฝ่าย
    ช่วยโพสต์ให้หมด
    หรือ ทำเส้นทางเพิ่มเติ่ม
    สำหรับผู้ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
    จะได้เข้าค้นคว้าดู
    อย่างนี้จะดีที่สุดครับ

    ถ้าจะดีกว่า
    ถ้าอริยะทั้งหลาย
    จะไม่คอมเมนต์โพสต์นี้

    โปรดตรองดูครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...