นรก-สวรรค์ มีไว้เพื่ออะไร..?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราชญ์ขยะ, 7 มกราคม 2015.

  1. ปราชญ์ขยะ

    ปราชญ์ขยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +256
    เรื่องนรก-สวรรค์ หลังจากคนเราตายไปนั้น นักปฏิบัติที่เขารู้เห็น เขาก็เห็นเป็นปกติ ไม่ได้สำคัญมั่นหมายอะไร
    พิจารณาจากพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนหนึ่ง ความว่า...

    "........ท่านทั้งหลาย การที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ มิได้มาตัวเปล่า
    ต่างมีบุญและบาปที่ทำไว้ในอดีตติดมาทุกคน
    ต่างกันแต่มากบ้างน้อยบ้าง ไม่ช้าเราก็ต้องตายดอก
    อย่ามาแบกเอาบาปเพิ่มไปอีกเลย
    ลาภสักการะอันหมุนลงได้เป็นราคาเงินนั้น เป็นสมบัตินอกกาย
    ตายแล้วเอาไปไม่ได้ดอก มันเป็นของใช้สอยประจำโลก
    เราตายแล้วก็ตกเป็นของคนอื่น เขาอาศัยใช้ต่อไป
    ใครจะว่าเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้น
    โลกมนุษย์เป็นแหล่งกลางสำหรับอาศัยสร้างบุญ สร้างบาป
    โลกนรก โลกสวรรค์ เป็นเพียงโลกที่คอยรับรองผลบุญ - บาป เท่านั้น
    เราได้มาเกิดอยู่ในโลกอันเป็นแหล่งกลางเช่นนี้แล้ว
    นับว่าเราได้มีโอกาสที่จะเพิ่มบุญผ่อนบาปให้เบาลง
    ให้เบาลงกว่าที่เราแบกมาจากอดีตนั้นเถิด อย่าเติมเข้าไปอีกเลย
    ไหน ๆ เราก็ต้องตายแน่ อย่ามาหอบเอาบาปเพิ่มไปอีกเลย......"

    หลวงพ่อสด จนฺทสโร
    วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพ ฯ



    เชิญชมภาพงานสอนสมาธิวิชชาธรรมกายได้ที่นี่ https://www.facebook.com/khunsamatha2557
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • page001.jpg
      page001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.3 KB
      เปิดดู:
      239
    • page003.jpg
      page003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.2 KB
      เปิดดู:
      106
    • page007.jpg
      page007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.6 KB
      เปิดดู:
      99
    • page008.jpg
      page008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      190.9 KB
      เปิดดู:
      131
    • page123.jpg
      page123.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.2 KB
      เปิดดู:
      110
    • thamakaya.jpg
      thamakaya.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.6 KB
      เปิดดู:
      120
  2. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ไม่รู้คุณค่าของการเกิดมาเป็นมนุษย์
    เมื่อตอนมีชีวิตอยู่แสวงหาทรัพย์ พอตายไปแล้วแสวงหาบุญ
     
  3. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ภพเป็นสภาพตามธรรมชาติ ไม่ว่าภพไหนก็แอบอิงในทางกุศลหรือไม่ก็อกุศล
    ภพมนุษย์ละมีไว้เพื่ออะไร ขณะที่เราก็เป็นมนุษย์กันอยู่นี้ทุกคน คำตอบมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ
    ไม่ต้องไปว่ากันใรสิ่งที่มองไม่เห็น เอาที่มองเห็นเป็นอยู่นี้ก็อธิบายแสนยากเย็นยิ่งนักขอรับ
     
  4. ปราชญ์ขยะ

    ปราชญ์ขยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +256

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ชีวิตเรา เราลิขิตเอง

    1.เวลาตาย เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่มีใครตายไปกับเราด้วย เราตายคนเดียว

    2.เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปนิพพาน เราก็ไปคนเดียว

    3.จะขึ้นสวรรค์ ลงนรก หรือไปเป็นพรหมณ์ ก็ไปเองคนเดียว

    ธรรมะเป็นเรื่องที่ไม่สิ้นสุด ถกเถียงไม่มีวันจบ จะอีก 100 1,000 หรือ 10,000 ปีข้างหน้าก็ยังถกเถียงกันไม่จบสิ้น ดังนั้นจงลิขิตชีวิตของตัวเองด้วยความรู้ในความจริงของธรรมชาติเถิด เข้าถึงความจริงได้เท่าไหร่ก็แค่นั้นตามกำลัง ตามอัตภาพของแต่ละคน ส่วนผู้ที่เข้าไม่ถึงความจริงจนหลงผิด ธรรมชาติก็มีกระบวนการรองรับไว้ให้แล้วคืออบายภูมิ 4
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ไม่ได้มองว่านรกสววรค์มีไว้เพื่ออะไรนะ แต่มองว่านรกสวรรค์มีตามเหตุตามปัจจัยมากกว่า
     
  7. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    เอาไว้รองรับความอยากของมนุษย์คะ
    อยากได้ดีมีความสุข ก็ทำดีสร้างบุญกุศลให้ตนเอง เพื่อที่ตายแล้วได้ไปเสวยสุข
    บนสวรรค์เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน เพราะบนสวรรค์มีความละเมียดละไมรับรองหยาบ
    และละเอียดตามกำลังจิตของตน จิตมีความละเอียดประณีตมาก ก้ได้รับสุขมากตาม
    ไปด้วยคะ

    ถ้ามีความอยากไปตามแรงกิเลสตัณหา สร้างความชั่วไว้ ก็มีรางวัลอันเร่าร้อน เยือกเย็น
    มืดมิด และเหน็บหนาว ไว้เป็นคอยรองรับจิตตามความหยาบชั่วช้าของจิตแต่ละคนคะ
    สวรรค์และนรกจึงมีหลายชั้น หลายขุมไงคะ ก็ขึ้นอยู่ที่แต่ละคนมีความอยากแตกต่าง
    กันออกไปอย่างไร

    จึงมีคำกล่าวไว้ว่า ภพภูมิต่าง ๆ เกิดจากจิตเป็นผู้สร้าง สร้างตามความอยากที่ไม่มี
    ที่สิ้นสุด ขยายออกไปไม่มีที่สุด จะเห็นได้จากสัตว์ชนิดต่าง ๆ เกิดสายพันธ์แปลก ๆ
    มากมายก็เป็นไปตามอยากตามตัณหาของจิต อยากเหมือนกัน ทำกรรมคล้ายกัน
    ก็ไปเกิดเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน จึงเรียกว่า มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ บางคนอยาก
    ไม่เหมือนใครก็มีสัตว์ชนิดใหม่ขึ้นมารองรับ เช่นสัตว์สายพันธ์ใหม่ หรือ
    สัตว์แปลกประหลาดที่ไม่มีชื่อเรียก ถ้าไม่มีความอยากเลย ก็ไม่มีภพภูมิรองรับ
    หมดที่เกิดไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก หมดอยากก็หมดหมดทุกข์นั่นเองคะ
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เท่าที่ทราบ

    โลกสวรรคิ์ ไม่ใช่ว่า เอาไว้รับผลบุญเท่านั้น .......... เวลาที่ พระพุทธองค์
    กล่าวธรรมะ กล่าวกถา ธรรมดาๆ ไม่ต้องตั้งโรงวิชาฮาอะไร ชาวสวรรค์ ชาว
    พรหมเขาจะสดับธรรม แล้ว ตรัสรู้เข้าถึงความเป็น อนุพุทธะ ได้เป็นคราวละโกฏิแสนโกฏิ

    แต่ คนไม่รู้ธรรมะ แสดงธรรมผิดๆ ถูกๆ ย่อมไม่รู้ ไปนั่ง ปั่นจิ้งหรีด คิดว่า เป็นการ
    ชำระธาตุ ทั้งที่ " ขันธ์5 " ไม่มีใครเข้าไปบังคับได้ ต่อให้สำเร็จอรหันต์ ขันธ์5
    ก็ยังคงสภาพมีไตรลักษณ์เป็นสามัญ เช่นเดิม


    พุทธภูมิขี้ครอก จาติง้าว ไม่เคยเอะใจ ยกก้นธรรมของคนไม่ฉลาดในมรรค ตะพึดตะพือ


    เหตุผลของ พุทธภูมิขี้ครอก มีส่วนเดียวเท่านั้นที่เจริญ " กูอายที่หลงยกก้นกันมา จะให้ถอน กูอายยยยย " เวรกรรม
     
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    โลก นรก อันนี้หากไม่โง่เกินไป หัดฟังธรรมของศาสดาบ้าง ก็จะไม่โดน คนไม่ฉลาดในมรรค
    หลอกต้ม เอากะตังค์ไปหมุนงานก่อสร้าง งานธุรกิจ ของพวกพ้องท้องติดกัน

    ชนชาวนรก สามารถ ภาวนาได้ไหม ....... ก็มีบ้าง เช่น พระสูตรว่าด้วย "หัวใจเปรต"
    ทีมีสัตว์นรก 4ตัว หรือ ตัวเดียว ก็จำไม่ได้ โผล่พ้นจากกระทะทองแดงที ก็ ระลึกกุศล
    กรรมบทได้หนึ่งคำ แต่ ทว่า ยังบริกรรมไม่ทันอึ๊ก ยังบริกรรมไม่ทันจิตรวมเล็กใหญ่ใส่ชิ้นสด
    บริกรรมได้คำเดียว ก็ ผลุบหายไปในกรรม ..นี่ก็คือ เขาระลึกได้ว่า ต้องภาวนา เพียงแต่
    จังหวะของเวทนามันเร็วกว่า เอาไม่อยู่

    หรือ กรณีเรื่อง พระพุทธเจ้าเปิดโลก .....ไม่ใช่ ทำโรงวิชาปั่นจิ้งหรีด เป็น หนูติดจั่น
    แล้วเอากายโน้น กายนี่ ไปสมมติปะผุ

    พระพุทธเจ้าเปิดโลกปั๊ป สัตว์นรกปราถนาพุทธภูมิได้กันตั้งเยอะ และ ลองตรึกดูสิ
    ว่าการระลึกได้ในกุศลเช่นนั้น จะมี ความเจริญหรือเปล่า หรือ โง่ดักดานกลายเป็น
    พุทธภูมิขี้ครอก ยกก้นสาวกผู้ไม่ฉลาดในมรรค ผู้พึ่งมาเจอพระพุทธศาสนาก็เอาตอน พ.ศ.
    กว่า 2000 [ มาอาศัย ศาสนาของศาสดา กลับบอกว่า ฉลาดเจอวิชา ขันธ์5อยู่ในอำนาจบังคับ
    บัญชา ชำระล้างด้วยการปั่นจิ้งหรีด ]

    แล้วก่อนหน้านั้น ทำไม่โง่ ไม่ทำโรงวิชา ตรัสรู้เองหละ ทำไม

    ไม่ฉลาดในมรรค แล้วยังมา ปั่นจิ้งหรีด(ปั้นนิมิตซ้อนทับ ติดจั่น) ติดการพนัน เดาสุ่มส่งสวด หลวงแป๋
    พอทนหิวข้าวกลางดึกไม่ไหว ก็บอก สหธรรมิกว่า ขอผ่อนจาก อนาคามี เป็น สกิทาคา
    ก็แล้วกัน หลวงแป๋ ขอนะ

    พุทธภูมิขี้ครอก ก็ยังอุตสาห์ ละเมอคิดว่า นั่นคือการ ส่งเสริม " การตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง " เข้าไปได้ ง้าวจริงๆ




    *** นักงับเงา ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2015
  10. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    ตอนเป็นมนุษย์ประเสริฐสุดแล้วที่ได้เกิดมา หากรอสำเร็จธรรมบนสวรรค์นั้นหนา
    ยากเสียยิ่งกว่าสิ่งใด บนสวรรค์เป็นแดนรองรับความสุข หากจะฟังธรรมบรรลุก็
    ต้องสั่งสมบารมีไว้มากมาย และรอฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าไปโปรดเท่านั้น

    แดนนรกก็แสนระทมทุกข์ ถ้าเหตุของกรรมสนองยังไม่หยุด คงไม่มีสะดุดเข้าไปข้างใน
    แล้วเมื่อไรจะเจอสักทีหนา เราก็อุส่าตห์ทุกข์แสนทรมานหัวใจ เมื่อไรจะเจอแสงแห่งพระธรรม

    แล้วอย่างนี้เราจะเลือกอะไร ระหว่างทางเดินมรรคาลัยอันประเสริฐบนโลกมนุษย์
    หรือจะรอหยุดไม่เอาอะไร เพียงแต่แค่หวังไปสวรรค์ก่อน แล้วค่อยย้อนลงมาอีกที
    หากแม้ยังไปไม่ถึงฝั่งแห่งนที สวรรค์แหละเป็นที่พัก มนษย์เป็นแดนวัฏฏวักรเพื่อเวียนวน
    ดีไม่ดีตกลงไปแดนนรก แล้ววกซ้ำกลับมาเป็นสัตว์อีกที แล้วทีนี้เมื่อไรจะหยุดเดิน

    บุคคล 3 โลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...