ฮือฮา นาซาบันทึกภาพ"สองกาแล๊คซี่ชนกัน" ผุด"กาแล็คซี่ใหม่"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย apichai53, 19 ธันวาคม 2014.

  1. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/y2FhAEAq6YjEi2qT" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/49d/TFUfsU.jpg" /></a>

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/y2FhzWD3xPDPVSQ1" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a78/Zh1GAZ.jpg" /></a>

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.หอสังเกตการณ์อวกาศนาซา ได้บันทึกภาพเหตุการณ์กาแล๊คซี่ 2 กาแล็คซี่ชนกัน บริเวณกลุ่มดาวฤกษ์"คานิส เมเจ่อร์"ทำให้เกิดแสงงดงามน่าทึ่ง

    รายงานระบุว่า หอสังเกตการณ์ด้านอวกาศ "จันทรา" ของนาซาซึ่งปฎิบัติภารกิจสังเกตรังสีและอนุภาคในอวกาศ ได้บันทึกภาพกาแล๊คซี่ "NGC 2207" และกาแล๊คซี่ "IC 2163" ได้ชนกันในลักษณะหมุนเป็นเกลียวเข้าหากัน และทำให้เกิดแสงอันงดงาม โดยกาแล๊คซี่ 2 กาแล๊คซี่ เป็นต้นกำเนิดของการเกิดซูเปอร์โนวาในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาจำนวน 3 ครั้ง และการปะทุแสงดังกล่าวถือเป็นการปะทุแสงเอ็กซ์เรย์อันกระจ่างใสที่งดงามที่สุดครั้งหนั้ง

    รายงานระบุว่าเมื่อกาแล๊คซี่ 2 กาแล็คซี่ได้เข้าชนกัน ทำให้เกิดคลื่นช็อกรุนแรงที่ทำให้หมอกก๊าซมหาศาลภายในกาแล๊คซี่สลายตัว และนำไปสู่การเกิดใหม่ของดวงดาว และกลุ่มดาวฤกษ์ โดยภาพจากหอสังเกตการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า กาแล๊คซี่ทั้งสองได้เข้าใกล้เข้าหากัน และเหตุการณ์นี้ถือเป็นการรวมตัวของกาแล๊คซี่สองกาแล๊คซี่ที่ยังมีอายุน้อย

    โดยกาแล๊คซี่ทั้งสองเป็นกาแล๊คซี่ประเภท"หมุนวน"เหมือนกับทางช้างเผือกเท่ากับว่ากาแล๊คซี่ทั้งสองประกอบด้วยกลุ่มดาวฤกษ์ ก๊าซ ฝุ่น ที่หมุนวนในลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายจาน และคาดว่า กาแล๊คซี่ทั้งสองจะรวมตัวเป็นกาแล๊คซี่เสร็จสิ้นในอีกหลายพันล้านปี และน่าจะมีลักษณะคล้ายทางช้างเผือก โดยกาแล๊คซี่ของโลกปัจจุบันมีอายุได้ 13,200 ล้านปีแล้ว โดยก่อเกิดดวงดาวใหม่เฉลี่ยเพียง 1-3 ดวงต่อปี..

    https://www.youtube.com/watch?v=yy8D6jD75xE

    ฮือฮา นาซาบันทึกภาพ"สองกาแล๊คซี่ชนกัน" ผุด"กาแล็คซี่ใหม่" (ชมคลิป) : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
     
  2. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    วันที่ 19 ธ.ค.57 โหดสุดๆ..กาแล๊คซี่ 2 กาแล็คซี่ชนกันเกิดคลื่นช็อกที่รุนแรง
    กาแล๊คซี่ของโลกเราปัจจุบันมีอายุได้ 13,200 ล้านปีแล้ว โดยก่อเกิดดวงดาวใหม่เฉลี่ย 1-3 ดวงต่อปี ในวันนี้หอสังเกตการณ์ด้านอวกาศ จันทรา ของ NASA ซึ่งปฎิบัติภารกิจสังเกตรังสีและอนุภาคในอวกาศ ได้บันทึกภาพกาแล๊คซี่ "NGC 2207" และกาแล๊คซี่ "IC 2163" ได้เขาชนกันในลักษณะหมุนเป็นเกลียวเข้าหากัน ทำให้เกิดแสงแปลกๆ โดยกาแล๊คซี่ 2 กาแล๊คซี่ เป็นต้นกำเนิดของการเกิดซูเปอร์โนวาในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาจำนวน 3 ครั้ง และปะทุแสงเอ็กซ์เรย์ชัดเจน

    เมื่อกาแล๊คซี่ 2 กาแล็คซี่ได้เข้าชนกัน ทำให้เกิดคลื่นช็อกที่รุนแรงทำให้หมอกก๊าซมหาศาลภายในกาแล๊คซี่สลายตัว นำไปสู่การเกิดใหม่ของดวงดาว และกลุ่มดาวฤกษ์ ภาพดังกล่าวทำให้เห็นว่า กาแล๊คซี่ทั้งสองได้เข้าใกล้เข้าหากัน และเหตุการณ์นี้ถือเป็นการรวมตัวของกาแล๊คซี่สองกาแล๊คซี่ที่ยังมีอายุน้อย

    โดยกาแล๊คซี่ทั้งสองเป็นกาแล๊คซี่ประเภท"หมุนวน"เหมือนกับทางช้างเผือกเท่ากับว่ากาแล๊คซี่ทั้งสองประกอบด้วยกลุ่มดาวฤกษ์ ก๊าซ ฝุ่น ที่หมุนวนในลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายจาน และคาดว่า กาแล๊คซี่ทั้งสองจะรวมตัวเป็นกาแล๊คซี่เสร็จสิ้นในอีกหลายพันล้านปี..
    ..................

    ..ไม่ได้บ่อยนักที่เราจะได้เห็นภาพกาแล็คซี่ที่มีดาวจำนวนมาก 2 แห่งเข้าชนและรวมตัวกันชัดๆ แบบนี้ สร้างความซี๊ดซ๊าดให้ผู้ชอบอวกาศได้ไม่น้อย และให้จับตาวันที่ 21 ธ.ค.57 นี้ที่โซล่าแฟร์จากดวงอาทิตย์ ขนาดความเข้มสูง จะพุ่งปะทะโลกเต็มๆ แบบตรงๆ จังเบอร์ งานนี้ผิวโลก มีปั่นป่วน ปรวนแปรอีกแน่ อย่ากระพริบตาเพราะช่วงนี้พม่า และ ลาว แผ่นดินไหวใกล้ไทยมาก

    https://www.facebook.com/thailandcou...if_t=notify_me
     
  3. มนุษย์835

    มนุษย์835 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +182
    มนุษย์ ไปได้ไกลแค่ดวงจันทร์ ดาวอังคาร แล้วเขาจับภาพได้ขนาดนั้นเลยเหรอ เท๕โนโลยีอะไรจับภาพได้กระทั่งกาแลกซี่อันไกลโพ้น ถ้าดาวเทียมที่ส่งไป ส่งภาพกลับมา มันส่งมาด้วยเทคโนโลยีอะไร ทำได้ขนาดนั้นทำไมโลกยังไปไม่ถึงไหนเลย น่าแปลก สงสัยผมจะเพี้ยนที่ไปสงสัยเขานะ
     
  4. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ฯลฯ..รายงานระบุว่า หอสังเกตการณ์ด้านอวกาศ"จันทรา"ของนาซาซึ่งปฎิบัติภารกิจสังเกตรังสีและอนุภาคในอวกาศ ได้บันทึกภาพ"กาแล๊คซี่ "NGC 2207" และกาแล๊คซี่" IC 2163"ได้ชนกันในลักษณะหมุนเป็นเกลียวเข้าหากัน และทำให้เกิดแสงอันงดงาม..ฯลฯ

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1418966769
     
  5. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    NGC 2207 and IC 2163: Galactic Get-Together has Impressive Light Display

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/y2FhAEAq6YjEi2qT" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/49d/TFUfsU.jpg" /></a>

    NGC 2207 and IC 2163 are two spiral galaxies in the process of merging.

    This pair contains a large collection of super bright X-ray objects called "ultraluminous X-ray sources" (ULXs).

    Astronomers have found evidence for three supernova explosions within this pair in the past 15 years.

    A new composite image of the system contains X-rays from Chandra (pink) along with optical and infrared data.

    At this time of year, there are lots of gatherings often decorated with festive lights. When galaxies get together, there is the chance of a spectacular light show as is the case with NGC 2207 and IC 2163

    Located about 130 million light years from Earth, in the constellation of Canis Major, this pair of spiral galaxies has been caught in a grazing encounter. NGC 2207 and IC 2163 have hosted three supernova explosions in the past 15 years and have produced one of the most bountiful collections of super bright X-ray lights known. These special objects - known as "ultraluminous X-ray sources" (ULXs) - have been found using data from NASA's Chandra X-ray Observatory.

    As in our Milky Way galaxy, NGC 2207 and IC 2163 are sprinkled with many star systems known as X-ray binaries, which consist of a star in a tight orbit around either a neutron star or a "stellar-mass" black hole. The strong gravity of the neutron star or black hole pulls matter from the companion star. As this matter falls toward the neutron star or black hole, it is heated to millions of degrees and generates X-rays.

    ULXs have far brighter X-rays than most "normal" X-ray binaries. The true nature of ULXs is still debated, but they are likely a peculiar type of X-ray binary. The black holes in some ULXs may be heavier than stellar mass black holes and could represent a hypothesized, but as yet unconfirmed, intermediate-mass category of black holes.

    This composite image of NGC 2207 and IC 2163 contains Chandra data in pink, optical light data from the Hubble Space Telescope in red, green, and blue (appearing as blue, white, orange, and brown), and infrared data from the Spitzer Space Telescope in red.

    The new Chandra image contains about five times more observing time than previous efforts to study ULXs in this galaxy pair. Scientists now tally a total of 28 ULXs between NGC 2207 and IC 2163. Twelve of these vary over a span of several years, including seven that were not detected before because they were in a "quiet" phase during earlier observations.

    The scientists involved in studying this system note that there is a strong correlation between the number of X-ray sources in different regions of the galaxies and the rate at which stars are forming in these regions. The composite image shows this correlation through X-ray sources concentrated in the spiral arms of the galaxies, where large amounts of stars are known to be forming. This correlation also suggests that the companion star in the binary systems is young and massive.

    Colliding galaxies like this pair are well known to contain intense star formation. Shock waves - like the sonic booms from supersonic aircraft - form during the collision, leading to the collapse of clouds of gas and the formation of star clusters. In fact, researchers estimate that the stars associated with the ULXs are very young and may only be about 10 million years old. In contrast, our Sun is about halfway through its 10-billion-year lifetime. Moreover, analysis shows that stars of various masses are forming in this galaxy pair at a rate equivalent to form 24 stars the mass of our sun per year. In comparison, a galaxy like our Milky Way is expected to spawn new stars at a rate equivalent to only about one to three new suns every year.

    A paper describing these results has been accepted for publication in The Astrophysical Journal and is available online. The authors of the paper are Stefano Mineo of the Harvard-Smithsonian Center for Astrophysics in Cambridge, MA; Saul Rappaport from the Massachusetts Institute of Technology (MIT) in Cambridge, MA; Alan Levine from MIT; David Pooley from Sam Houston State University in Huntsville, TX; Benjamin Steinhorn from Harvard Medical School in Boston, MA, and Jeroen Homan from MIT.

    NASA's Marshall Space Flight Center in Huntsville, Alabama, manages the Chandra program for NASA's Science Mission Directorate in Washington. The Smithsonian Astrophysical Observatory in Cambridge, Massachusetts, controls Chandra's science and flight operations.

    Chandra :: Photo Album :: NGC 2207 :: December 11, 2014
     
  6. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    [​IMG]

    Chandra X-ray Observatory ถูกนำขึ้นไปปล่อยด้วยยาน Columbia เมื่อปี 1999 ความสูงของวงโคจร อยู่ห่างจากโลก ไกลสุด 133,000 กม. ใกล้สุด 16,000 กม. ใช้กล้องโทรทรรศน์ระบบรังสีเอ็กซ์พลังงานสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2 เมตร.

    Chandra :: About Chandra :: Science Instruments

    .
     
  7. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ลืมตอบเรื่องการส่งสัญญาณ(ภาพ เสียง ข้อมูล)กลับมายังโลก

    ช่วงปี1960-1990 นาซ่าใช้ความถี่ช่วง S Band(2-3 Ghz) ต่อมาช่วง 1990-2000 ใช้ความถี่ช่วง X Band(7-9 Ghz) ปัจจุบันนิยมใช้ Ka Band (30-35 Ghz) ครับ แต่ก็ยังมีการใช้ S กับ X Band อยู่นะ

    [​IMG]

    .
     
  8. เขารูปช้าง

    เขารูปช้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +127
    ผมว่าคุณมนุษย์835 ไม่เพี้ยนหรอกครับที่ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน นักวิทย์ฯที่เก่งๆก็ชอบตั้งข้อสงสัยทั้งนั้นครับ การที่ผู้ใดตั้งข้อสงสัยต่อข่าวสารที่ได้รับไว้ก่อน
    ผมว่าสมองมีจินตนาการค่อนข้างสูงครับ และถูกต้องตามหลักกาลามสูตรที่พระพุทธองค์ได้สั่งสอนชาวพุทธไว้ด้วยครับ
    ผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวว่า " จินตนาการคำสัญกว่าความรู้" ครับ

    การที่เจ้าของกระทู้นำเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในอดีตกาลอันยาวนานมากแล้ว(ต้องหาดูว่าสองกาแล็คซี่นั้นห่างจากกาแล็คซี่ทางช้างเผือกที่ระบบสุริยะของเราอยู่นั้นกี่หมื่นหรือกี่แสนหรือกี่ล้านปีแสงครับ)คือการเข้าชนกันของสองกาแล็คซี่มาผูกโยงไว้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอย่างต่อเนื่องที่ดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ(ในย่อหน้าสุดท้ายของความเห็น#2)
    มันจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้นะครับว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นเหตุและปัจจัยต่อกันโดยตรงครับ
     
  9. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ภาพแรก จากกล้อง Hubble Space Telescope ในย่าน Optical Light ( red, green และ blue) ซึ่งจะปรากฏให้เห็นในสี blue, white, orange และ brown

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/y2FhzWD3xPDPVSQ1" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/a78/Zh1GAZ.jpg" /></a>



    ภาพที่สอง เกิดจากการนำภาพจาก 3 แหล่งมาผสมผสานจนเกิดเป็นภาพที่สวยงาม โดยการนำภาพแรกข้างบนของฮับเบิ้ลมาเป็น Background รวมกับข้อมูลภาพจาก Chandra ในย่าน X-ray ซึ่งจะปรากฏให้เห็นในสี pink และจาก Spitzer Space Telescope ในย่าน infrared ซึ่งจะปรากฏให้เห็นในสี red

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/y2FhAEAq6YjEi2qT" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/49d/TFUfsU.jpg" /></a>

    .
     
  10. มนุษย์835

    มนุษย์835 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +182
    เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเห็นมันเป็นจริงเช่นไร อย่างโลกหมุนรอบตัวเอง แล้วอากาศที่ห่อหุ้มโลกหมุนไปด้วยกันหรือป่าว มันต้องหมุนไปด้วยกันเราถึงยังไม่เคยเจอหิมะ แต่ถ้าเราเจอหิมะ แสดงว่าเราหมุนไปโดยที่อากาสไม่ได้หมุนตาม หรือมันหมุนตาม แต่ถูกแรงโน้มไว้เท่าใดการเปลี่ยนแปลงถึงไม่ส่งผลให้เห็นได้ หรืออย่าสงกรณี A*b+c/g-h ถ้าเราไม่ยึดว่า* และ/ มาก่อนคำตอบก็ได้อีกอย่างนึง ถ้านักวิทย์ใช้สูตรนี้คำนวณ สมการหรือค่าต่างๆปัจจุบันจะไปในแนวรูปแบบใดได้บ้าง ก็น่าสนใจดีนะ แม้แต่ทรงสามหน้าก็ไม่เคยเห็น มันมี 1 2 3 แต่ถ้า 3เหลี่ยมพีระมิดทำให้ตายยังไง น้อยที่สุดก็คือ 1 2 4 หน้า มันหายไปที่ 3 มันหายไปไหนหนอ
     
  11. เขารูปช้าง

    เขารูปช้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +127
    ก่อนอื่นขอเอ่ยนามท่านผู้กล่าววาทะที่ผมได้ยกมาให้อ่านกันแล้วเพื่อเพิ่มความขลัง(ว่าเข้าไปนั่น)

    "Logic will get you from A to B. Imagination will take you everywhere."
    (ตรรกะจะพาคุณเดินทางจากจุด A ไปจุด B ได้ แต่จินตนาการจะพาคุณเดินทางไปได้ทุกที่)

    Credit : อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

    ต่อจากนี้เป็นความเห็นที่ไม่ได้เรื่องของผมเอง มาดูเข้าไปภายในโลกของเรานะครับ เทคโทนิคเพลตของโลกเป็นเหมือนชั้นเปลือกไข่ที่ดูหนาหน่อยหุ้มชั้นหินและเหล็กหลอมละลายเอาไว้ หมุนรอบแกนที่เอียงของโลกไปด้วยกันด้วยความเร็วเชิงมุมที่เท่ากัน(หลังจากวิวัฒนาการมายาวนานหลายพันล้านปีแล้วจนเข้าสู่สมดุลย์) การที่มนุษย์สร้างเขื่อนขนาดใหญ่มากเช่นซานสือ(สามผา)ของจีน
    ปิดกั้นวงจรการถ่ายเทน้ำจืดจากเทือกเขาในธิเบตลงสู่มหาสมุทรนั้นย่อมส่งผลให้น้ำหนักน้ำจำนวนมหาศาลกดลงบนเปลือกโลกเหนือเขื่อน ลองนึกดูถึงล้อรถยนต์ที่ถ่วงล้อมาอย่างดีแล้วขับได้นิ่มมากแล้วเอาก้อน นน.ไปติดยึดเพิ่มที่แก้มยางแล้วเราจะขับรถได้นิ่มเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ นี่ก็อาจเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งจากภายในโลกเรา และยังมีจากภายนอกโลกอีกมากมายครับที่จะทำให้แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงไปทั่วโลกครับ
     
  12. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ลองศึกษาเรื่อง Tidal Force จากอิทธิพลของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ดูนะครับ ที่ทำให้น้ำในมหาสมุทรทั่วโลกขึ้นลงได้วันละ 1-2 ครั้ง มันมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ความแตกต่างของระดับน้ำสูงสุดกับต่ำสุดมากถึง 2.5 เมตรเลย (แถบศูนย์สูตร) สมมุติว่ามหาสมุทรอินเดียน้ำขึ้น 3 เมตร อีกด้านของโลกคือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกน้ำจะลงไปที่ 0.5 เมตร ของระดับน้ำทะเลปานกลาง การเกิดน้ำขึ้นน้ำลงเกิดขึ้นทุกวัน เท่ากับว่าจุดศูนย์ถ่วงของโลกเราไม่ได้นิ่งตลอดเวลา ( ปริมาณน้ำมหาสมุทร - ส่วนที่เป็นแผ่นดิน - เทือกเขา - แกนโลกชั้นนอก - Mantle ) ทุกวันจะมีการปรับตัวเพื่อให้เกิดสมดุลในขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง สิ่งที่จะเป็นตัวถ่วงเพื่อพยายามช่วยให้เกิดความสมดุล ( หมุนแล้วไม่แกว่ง ) ก็คือน้ำในมหาสมุทรอีกนั่นแหละ

    บนผิวโลก น้ำ 3 ส่วน พื้นดิน 1 ส่วน ถ้าเราออกไปอยู่นอกโลกเราจะมองหาแอ่งน้ำในแผ่นดินได้น้อยมาก แต่เราจะเห็นโลกเราคือ ทะเล

    [​IMG]

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2014
  13. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    [​IMG]

    .
     
  14. มนุษย์835

    มนุษย์835 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +182
    ที่น่าสนใจคือ การชนกันของ 2จักรวาล 2 กาแลกซี่ แล้วเกิดกาแลกซี่ใหม่ นี่นี่นับว่าเป็นความรู้ใหม่ ถือว่าพิสูจน์แล้ว แต่การเกิดโลกและจักรวาล ในทฤษฎี บิ้กแบง การชนกัน การระเบิด ยังไม่ได้บอกว่าเป็นความรู้ที่จะอ้างอิงได้จริง ยังคงเป็นทฤษฎีอยู่ มันจึงเกิดการขัดแย้งกันขึ้นมาเอง แต่มันอาจต่างจากการสำรวจดวงจันทร์ ด้วยการบอกว่ามนุษย์สามารถเหยียบดวงจันทร์ได้เป้นครั้งแรก ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อนะ แต่มันดูแย้งกันเองยังไงพิกลนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...