ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. naris520

    naris520 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +56
    สวัสดีค่ะท่านธรรม-ชาติ ไม่ได้เข้ามานานแล้วค่ะ มีเรื่องจะสอบถามหน่อยค่ะ ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้ฝึกอะไรเยอะเลยค่ะ พยายามอยู่กับความรู้สึกที่แสดงออกมา ว่าที่มันรู้สึกอย่างนั้นเกิดจากเหตุอะไร ทำไมจิตมันจึงแสดงความรู้สึกออกมากอย่างนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เห็นมันเป็นการเห็นสามระดับ คือ ตอนแรกเห็นว่าจิตมีแสดงความรู้สึกออกมา แล้วในแว๊บถัดมาก็เห็นอีกว่าที่จิตมันแสดงความรู้สึกออกมานั้นมันมาจากเหตุอะไร มันเป็นการเห็นแต่จะเห็นอยู่แค่สามวันเท่านั้น จริงหรือเปล่าค่ะท่านธรรม-ชาติ ที่กริยาของจิตที่แสดงออกมานั้นมันจะต้องประกอบไปด้วยมูลเหตุ 3 อย่างคือ ราคะ โทสะ โมหะ จะมีมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ต้องประกอบด้วย 3 ตัวนี้ เหมือนกับว่า วัฎฎะจะเคลื่อนตัวไปได้ต้องประกอบด้วย 3 ตัวนี้ แล้วเห็นกริยาของจิตที่ประกอบด้วยความประมาณว่าจะมีกริยาอย่างไร อย่างไรเรียกว่าจิตที่มีความประมาณยกตัวอย่างเช่น ความรู้สึกว่ารอก่อน ค่อยทำ เก็บไว้กิน ไว้ใช้ต่อไป เหตุที่รู้สึกอย่างนั้นเพราะเป็นจิตที่ยังมีความหวัง หวังที่จะอยู่ต่อไป ก่อภพก่อชาติ เป็นจิตที่ยังมีความประมาท เป็นจิตที่คิดว่าเที่ยง เป็นจิตที่ยังคงให้สาระสำคัญ ไม่ใช่จิตที่จะไปนิพพาน ไม่ได้เป็นจิตที่จะเป็นเหตุให้ไปนิพพาน จริงหรือเปล่าค่ะว่าจิตที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้ไปนิพพานนั้นต้องเป็นจิตที่สิ้นหวัง เป็นจิตที่ไม่ให้สาระสำคัญกับอะไร เมื่อไม่ให้สาระสำคัญกับอะไรแล้ว ความยินดีและไม่พอใจก็จะไม่เกิดขึ้น ที่ยังยินดีและพอใจก็เพราะจิตมันยังคงให้ความสำคัญอยู่ ต้อนนี้กำลังฝึกอยู่กับความรู้สึกต่างๆ แล้วแก้ไขค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะใช่หรือเปล่า
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ โดยหลัก ๆ แล้ว เรื่องทางจิต และ "ระบบความนึกคิดทั้งหมด" จะเกิดจาก "เหตุการณ์ปัจจุบัน ที่ตกกระทบเข้ามา (ประสพเหตุ)" แล้วจิตจึง "นำประสพการณ์ในอดีตที่เป็น ความจำ (สัญญาขันธ์)" ขึ้นมาเปรียบเทียบ ในขณะที่ทำการ "เปรียบเทียบ" ตรงนี้คือกระบวนการของ "ความคิด (สังขารปรุงแต่ง)" และ ในขณะที่ "ระบบความนึกคิดทำงาน" สภาพความเป็นจริงต่อ "เหตุการณ์ในปัจจุบันขณะ" จะถูกปิดบังด้วยความคิดนั้น ๆ จน "สัจจธรรม" เลือนหายไป ตรงนี้เป็น ธรรมชาติทางจิตของทุกคน

    +++ กระบวนการทำงานทางจิตที่กล่าวมาข้างบนนั้น คือ กระบวนการ "แสวงหาความเข้าใจ"

    +++ กระบวนการ "แสวงหาความเข้าใจ" นั้นปกติมีอยู่ 2 ทางคือ

    +++ 1. "ผ่านระบบ ความจำ ความนึกคิด สู่เข้าใจ" ตรงนี้เป็นหลักสูตรของ "ทางโลก" โดยทั่วไป ซึ่งนานไปก็จะ ลืมไปเอง หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ก็จะต้องกลับไป "เปิดตำราก่อน"

    +++ 2. "ใช้ระบบ สังเกตุ สู่เข้าใจ โดยตรง" ตรงนี้เป็นระบบของ "ทางธรรม" ที่เกี่ยวข้องกับการ "รู้แจ้ง (eureka)" ซึ่งไม่ลืมตลอดชีวิต สังเกตุได้จาก นักวิทยาศาสตร์ในขณะค้นพบ จะมาจากตรงนี้เกือบทั้งสิ้น และมักจะเป็นเรื่อง "นอกตำรา"

    +++ ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับ "การมอง 3 ระดับ" ที่ใช้เป็นบทปฏิบัติในกระทู้นี้ แต่อาการตรงนี้ของคุณ naris520 เป็นอาการของ "การย้อนเหตุ" ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสามารถเป็น "อัตโนมัติ" ได้ในช่วง 3 วันนั้น ตรงนี้สามารถกล่าวได้ว่า เป็นด่านที่ "สำคัญมาก" ด่านหนึ่งทีเดียว

    +++ ก่อนอื่น ต้องขอ "ปรับปรุง การใช้ภาษาของคุณ naris520 ในคำที่ว่า กิริยาจิต" ตรงนี้ก่อน และ ตรงนี้ผมมั่นใจว่า "เป็นคำพูดของ คนในกระทู้อื่น" ที่ใช้ "คำศัพท์คำเดียวกัน แต่ ชี้กันไปคนละทาง" ดังนั้น เพื่อความชัดเจนของการใช้ภาษา ผมจะใช้คำว่า "ผลลัพธ์ทางจิต" มาแทนคำว่า "กิริยาจิต" ของคุณ naris520 เพราะจริง ๆ แล้ว "กิริยาจิต เป็น อเหตุกจิต" ไม่เกี่ยวกับ ราคะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็น ผลลัพธ์ ดังนั้นให้เข้าใจตรงนี้ไว้ก่อน

    +++ ส่วนคำตอบในวรรคนี้คือ "คำพูดที่กล่าวมานั้น ก็ใช่อยู่" แต่มันเป็นอาการ "ตรงหางแถว" ไปเรียบร้อยแล้ว "โลภะ ราคะ โทสะ" 3 ตัวนี้มาจาก "โมหะ" ที่เป็น บรรพบุรุษ ของมันเพียงแค่ ตัวเดียวเท่านั้น หากจัดการกับ "บรรพบุรุษ" ตัวนี้ได้ ก็ไม่ต้องไปคอยห่วง ลูกหลานของมันเลย

    +++ ส่วน "เหมือนกับว่า วัฎฎะจะเคลื่อนตัวไปได้ต้องประกอบด้วย 3 ตัวนี้ " จริง ๆ แล้ว "โมหะ ตัวเดียว วัฏฏะ ก็เคลื่อนตัวได้แล้ว (รูปา+อรูปา)"

    +++ จริง ๆ แล้วคำว่า "กิริยาจิต" คือ "การขยับตัวของจิต ในชั้น เนวสัญญา" ผู้ที่จะ "เห็น" ตรงนี้ได้ "ต้องได้ มหาสติ ที่ครอง อรูปสมาบัติ ได้แล้ว" เท่านั้น และ จุดที่อยู่ถัดจากตรงนี้ไป คือ "หยุดกิริยาจิต ทิ้งไปเลย" ซึ่งจะเป็น "นิโรธสมาบัติ" ดังนั้นหากคุณ naris520 เอาคำศัพท์ คำว่า "กิริยาจิต" ตรงนี้มาจาก "กระทู้ที่ยัง วนเวียนอยู่ใน กามาวจร" แล้ว ก็ขอให้ "วางคำศัพท์ตัวนี้ไปก่อน" ส่วนคำศัพท์คำว่า "กิริยาจิต" ที่ใช้ในกระทู้นี้ ผมเอามาจาก "มุตโตทัย" ของหลวงปู่มั่นที่ว่า "ในยามที่เข้าสมาธิในชั้นลึก ๆ แล้ว ท่านจะเหลือเพียงแค่ กิริยาจิต อย่างเดียวเท่านั้น (ในขณะที่ท่านยังอยู่ภาคเหนือ)"

    +++ ผู้ที่จะ "เห็น" กิริยาจิตได้ คือ ผู้ที่กำลังเข้าฝ่าฟันกับ "กำเนิด" ของ "อวิชชา ตัวดู ตัวกู ผู้รู้ วิญญาณขันธ์ กำเนิดธรรมารมณ์" ในบริเวณนี้เท่านั้น นอกนั้น ยังไม่นับ ให้เข้าใจตรงนี้ไว้ก่อนก็แล้วกัน

    +++ ส่วนอาการที่ถามมาคือ "ความรู้สึกว่ารอก่อน ค่อยทำ เก็บไว้กิน ไว้ใช้ต่อไป " ตรงนี้ทั้งหมด "เป็นผลลัพธ์" ที่เกิดมาจาก "ความคิด" ทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง "ความกลัวต่ออนาคต" ด้วย

    +++ ตรงนี้ "ถูกต้องแล้ว" ที่สามารถเข้าใจได้เช่นนั้น

    +++ วรรคนี้ยังใช้ภาษาที่ "ไม่ตรงตามอาการ" อยู่มาก คำว่า "สิ้นหวัง" คือ "ความพยายามทำในสิ่งที่ คาดคิด ไว้แต่ไม่สำเร็จ" ส่วนคำว่า "เป็นจิตที่ไม่ให้สาระสำคัญกับอะไร" ตรงนี้เป็นจิตที่ "ไม่มีความรับผิดชอบ" รวมทั้งเป็นจิตที่มี "โมหะเข้าครองอย่างเต็มใบ" มากกว่า

    +++ จริง ๆ แล้ว "จิตที่จะเป็นเหตุปัจจัยให้ไปนิพพานนั้น" ต้องเป็นจิตที่ "รู้แจ้ง" แล้วเท่านั้น และ "อยู่กับความเป็นจริง" โดยทิ้ง "การอยู่กับความเชื่อ ความหวังต่าง ๆ" (สักกายะทิฐิ วิจิกิจฉา ศีลและพรตปรามาส) ไปแล้วโดยสิ้นเชิง นะครับ

    +++ จังหวะในการโพสท์ของคุณ naris520 นี้ดีทีเดียว เพราะผมต้องเดินทาง 2-3 วัน ในวันพรุ่งนี้แล้ว หากมีอะไรก็โพสท์ทิ้งไว้ก่อน นะครับ
     
  3. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    มาแชร์ประสบการณ์บ้างคะ เมิลเคยมีอาการแบบคุณ naris520 นะคะ
    เป็นช่วงก่อนที่จะเริ่มฝึกทำความรู้สึกตัวแบบจริงจัง แต่ก็ทำเป็นแล้ว
    มันจะเป็นช่วงที่เมื่อเรามีความคิดอะไรเกิดขึ้นมา เราจะเข้าใจในทันทีเลยว่าเหตุแห่งความคิดนี้มีความอยากอะไรอยู่เบื้องหลัง หรือเราเห็นอะไรบางอย่างแล้วมันไปกระตุ้นความจำในอดีตให้ไหลออกมา โยงจากเรื่องหนึ่งไปสู่เรื่องหนึ่งต่อๆกันไป มันเป็นช่วงเวลาที่วนเวียนอยู่กับเวทนา สัญญา สังขาร แต่ไปไม่ถึงวิญญาณขันธ์ซะที สาวไปไม่ถึงต้นตอซะที จนพี่เขาแนะนำให้รู้จักอาการของตัวดูหรือวิญญาณขันธ์นั่นเอง
    มีอยู่หนหนึ่งเมิลเงยหน้ามองออกไปข้างหน้าเมิลรู้สึกถึง รอก/สายที่โยงไปยังวัตถุที่เรามองและโยงกลับมาที่ตัวเรา พี่เขาบอกว่านั่นแหละคืออาการของตัวดู ซึ่งมันเป็นอาการที่เกิดก่อน ที่จะวนเวียนอยู่ในเวทนา สัญญา สังขาร
    ก่อนเราจะรู้สึก-คิด-ปรุงแต่ง อาการตอนนี้มันก็เปรียบเหมือนกับที่เราเจอตัวดาร์ทเวเดอร์ แล้วแต่ยังไม่เจอท่าน Emperor Palpatine ที่เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังตัวจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2014
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    Take Action ของวิญญาณขันธ์เท่านั้น คือ "กิริยาจิต" นอกนั้นไม่ใช่

    +++ อาการของ "รอก/สายโยง" นั้น คือ "กระแสของจิต ส่งออก" ของ "วิญญาณขันธ์"

    +++ "ตัวดู" คือผู้ทำการ ส่วน "ต้นทาง" มักจะอยู่ที่ "กายเนื้อ" และ "ปลายทาง" มักจะเป็น "ความคิด ความจำ" เป็นต้น

    +++ หาก ตัวดู "อยู่ที่กายเนื้อต้นทาง" ก็มักจะเรียกตรงนี้ว่า "จิตส่งออก"

    +++ หาก ตัวดู "อยู่ที่จุดหมายปลายทาง" ในกระทู้นี้ จะเรียกตรงนี้ว่า "การ teleport ของตัวดู" (ตรงนี้เป็น ปัจจุบัณขณะ)

    +++ ถูกต้อง อาการของ "วิญญาณขันธ์" ต้องมีมาก่อนทุกครั้ง "ที่จะส่งออก" ไปยัง "เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และ สังขารขันธ์"

    +++ อาการ "ก่อนส่งออกทุกครั้ง จะเกิด กิริยาจิต นำมาก่อนทุกครั้ง" (ประดุจ บุรุษคู้แขนเข้า)

    +++ ผู้ที่จะ "เห็น" กิริยาจิตได้ คือ ผู้ที่กำลังเข้าฝ่าฟันกับ "กำเนิด" ของ "อวิชชา ตัวดู ตัวกู ผู้รู้ วิญญาณขันธ์ กำเนิดธรรมารมณ์" ในบริเวณนี้เท่านั้น นอกนั้น ยังไม่นับ

    +++ อาการ "หลังส่งออกทุกครั้ง จะเกิด รอก/สายโยง ประดุจ รอยของเรือ ที่ทิ้งร่องรอยในทิศทางที่แล่นไป ทุกครั้ง" (ประดุจ บุรุษเหยียดแขนออกด้วยกำลัง)

    +++ หากฝึก "สติปัฏฐาน 4 จะเห็น จิตส่งออก" และถ้าหากฝึก "มหาปัฏฐานสูตร จะเป็น การ teleport ของตัวดู"

    +++ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ "ระดับของผู้ฝึกฝน" เป็นเกณฑ์ นะครับ
     
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    กลับมารายงานตัวครับทุกท่าน :boo:
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    Schedule ในการฝึกแบบต่อหน้า ในช่วงนี้

    +++ ช่วงระยะเวลาระหว่าง 27 Dec 2014 - 4 Jan 2015 เป็นช่วงที่ผมไม่มี schedule ไปไหน

    +++ ดังนั้นหากผู้ใดมีความประสงค์ที่จะ "ฝึก" แบบต่อหน้ากับผม ก็ให้ "PM" ติดต่อกับคุณ "อินทรบุตร" เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้จัดเวลาและสถานที่ได้อย่างเหมาะสม

    +++ หากผู้ใดอยู่ต่างจังหวัด ก็อาจมี "บ้านพัก สำหรับปฏิบัติธรรม" ให้ได้ สัปปายะ พอสมควร

    +++ อาจจะมี "นักปฏิบัติ" จากกลุ่มอื่นที่ไม่ได้อยู่ใน เวปพลังจิต เข้าร่วมฝึกด้วยกัน

    +++ การฝึก "หลัก ๆ" จะเน้น

    1. ให้รู้จัก อาการ ของสติที่แท้จริง โดยผ่าน "ความรู้สึกทั้งตัว" (สัมปชัญญะ และ ปิติ 5)
    2. การทำ สติ ให้เป็น สมาธิ ทั้งแบบ อายตนะ ปิดและเปิด
    3. วสี 5 โดยการ เข้า-ออก (ความรู้สึกตัว) เพิ่ม-ลด (ระดับของสติ) การตรึง-แช่-อยู่ (ของสติในแต่ละระดับ)

    +++ ส่วนใหญ่สำหรับผู้ที่สามารถฝึก 1-3 ได้ 90% ขึ้นไป ก็มักจะได้ประสพการณ์ของ "สัพเพธัมมาอนัตตา" (วิปัสสนา) และ "จิตเปล่งรังสี" (สมถะ) (จิตเดิมแท้เปล่งประกายประภัสสร - อาภัสสระพรหม) และอื่น ๆ ตามแต่ "สภาวะธรรมในขณะนั้น ๆ ปรากฏ"

    +++ สำหรับผู้ปรารถนาที่จะ "ร่วมฝึก" ก็ให้ทำการ "ฝึกซ้อม" อยู่กับ "ความรู้สึกทั้งตัว" รวมทั้ง "PM" แจ้งความจำนงค์รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับ ความสะดวกของคุณ กับคุณ "อินทรบุตร" เสียแต่เนิ่น ๆ นะครับ
     
  7. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    สวัสดีค่ะ พี่ธรรมชาติ ช่วงนี้นิ่งๆ อาจเป็นเพราะไม่ได้นั่งสมาธิ สวดมนต์ในแบบพิธี (นอนมากไป กิเลสเข้าครอบงำ อิอิ) หลวงปู่ก็ให้เน้นปฏิบัติเยอะๆเหมือนเดิมค่ะ ท่านยกตัวอย่างพระอนุรุทร ยอมอดนอนยอมตายเอาชีวิตเข้าแลก 5555 ช่วงเดือนก่อนเกือบตายค่ะ รถวิ่งสวนข้ามเลนส์มาจะประสานงานกับรถเรา 2 ครั้ง ท่านบอกว่าอย่าไปกลัวตาย ไม่ตายหรอกมีบุญอยู่ทำมาหลายภพหลายชาติแล้ว ส่วนการฝึกต่อหน้าอยากไปอยู่นะคะ แต่เสียดายต้องกลับบ้านไปอยู่กับแม่ (เบื่อการฉลองปีใหม่อยู่กับมนุษย์แบบโลกๆมาก วัดแถวบ้านก็ไม่อยากไป ที่บ้านพ่อแม่ ญาติๆไม่มีใครปฏิบัติธรรมเลยค่ะ)
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ไม่เป็นไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ "ความพร้อมของเราเอง" (ฤกษ์ของพระพุทธเจ้า) การฝึก อาจจะเป็นแบบ "ไปกลับ" ก็ได้ในช่วงนั้น ๆ ไม่จำเป็นที่จะต้อง "อยู่ยาว" ก็ได้ ทั้งหมดไม่มีข้อจำกัดอะไร สะดวกฝึกช่วงไหนก็มา หากติดธุระ ก็ไปทำธุระ เพียงแต่ให้ติดต่อกับคุณ อินทรบุตร ไว้ก่อนล่วงหน้าเท่านั้นเอง จะได้ประเมินเวลาได้ถูกต้องว่า วันไหนเวลาใด จะมีผู้ฝึกประมาณกี่คน ง่าย ๆ ไม่พิถีพิถันอะไรให้วุ่นวาย นะครับ
     
  9. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    ยกมือ ขอฝึกปฏิบัติด้วยค่ะ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ให้กำหนดเวลาฝึก ที่ตามความสะดวกของคุณ ว่าสะดวกวันไหน เว้นวันไหน ช่วงเวลาอะไร รวมทั้งเบอร์มือถือ PM ถึงคุณ อินทรบุตร ไว้ก่อนล่วงหน้า นะครับ
     
  11. naris520

    naris520 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +56
    สวัสดีค่ะท่านธรรม-ชาติ ยังคงมีเรื่องที่ติดค้่างอยู่ในใจค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะใช้คำมาถามท่านธรรม-ชาติให้ตรงกับอาการได้หรือเปล่า ในเรื่องแรกที่กล่าวถึงจิตที่สิ้นหวังนั้น ในความหมายคือเป็นจิตสิ้นหวังที่ไม่ได้ประกอบด้วยอารมณ์ ปกติถ้าจะกล่าวถึงจิตที่สิ้นหวังมักหมายถึงจิตที่หดหู่ แต่จิตที่กล่าวมานี้เป็นจิตสิ้นหวังที่ปราศจากอารมณ์ เป็นจิตที่ตรงข้ามกับจิตที่มีหวัง หากจะกล่าวว่าจิตแบบไหนจึงกล่าวว่าเป็นจิตทีีี่่มีหวัง ก็ขอยกเป็นตัวอย่างนะค่ะ โดยปกติแล้วในการให้สิ่งของต่าง ๆ นั้นแต่ละคนก็จะมีขีดจำกัดในการให้แตกต่างกัน บางคนก็มีความยินดีในการให้มาก บางคนก็มีความยินดีในการให้น้อย แต่เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งแล้วก็จะมีความรู้สึกว่าพอแล้ว เหตุที่รู้สึกว่าพอแล้วนั้นเพราะรู้สึกว่าต้องเก็บเอาไว้ใช้ในวันต่อไป(เอามาจากการสังเกตุความรู้สึกของตัวเองค่ะ) แล้วเหตุเช่นไรจึงอยากที่จะเก็บเอาไว้ใช้ในวันต่อไป เพราะลึก ๆ ของความรู้สึกต้องการที่จะอยู่ต่อไป นั้นคือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงลึก ๆ ของความรู้สึกว่าต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป(เป็นจิตที่มีตัณหาหรือความอยาก เพราะดูจากกริยาที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น) จึงกล่าวว่าจิตประเภทนี้เป็นจิตที่มีความหวัง(หวังที่จะเกิด ที่จะอยู่) ที่กล่าวว่าจิตสิ้นหวังในที่นี้หมายถึงจิตที่ไม่ได้หวังที่จะเกิด หากเป็นจิตที่สิ้นหวังแล้วในการให้อะไรจะสามารถให้ได้ทั้งหมดเพราะไม่ได้หวังว่าจะต้องใช้ต่อไปในอนาคต เป็นจิตที่อยู่แค่ปัจจุบันขณะนั้น
    ส่วนความรู้สึกนึกคิดที่แสดงออกมานั้น ปกติจะแสดงออกมา 3 อย่างคือ ยินดี ไม่ยินดี และก็เฉยๆ แล้วเหตุเช่นไรจึงต้องแสดงอาการออกมาอย่างนั้น เพราะมาจากสัญญาเก่า ๆ แล้วเหตุเช่นไรสัญญาเก่า ๆ จึงแสดงออกมาอย่างนั้น ในท้ายที่สุดเมื่อย้อนเหตุกลับไปเรื่อย ๆ ก็จะพบว่าเหตุเพราะว่าการเห็นผิด ในจิตลึก ๆ มันเห็นผิดอยู่ตลอดเวลา มันไม่ได้เห็ันตามความเป็นจริง หากมันเห็นตามความเป็นจริงว่าทุก ๆ สิ่งมาจากสิ่งเดียวกัน มันเหมือนกันทั้งหมด มันไม่แตกต่าง มันจึงมีคุณค่าเหมือนกัน แต่เนื่องจากมันเห็นผิด มันเห็นเป็นสิ่งต่าง ๆ เป็นคน สัตว์ สิ่งของ เมื่อมันเห็นแตกต่างกันแล้ว มันจึงให้คุณค่าสิ่งต่าง ๆ ต่างกัน จึงเกิดความยินดีและไม่ยินดีเกิดขึ้น นั่นคือเมื่อเกิดความรู้สึกว่ายินดีหรือไม่ยินดีเกิดขึ้นโดยส่วนตัวแล้วก็จะสะท้อนให้รู้ว่านี้แหละคือความเห็นผิด นี่คือผลลัพธ์ของการเห็นผิด เป็นการรู้จักสภาวะที่เรียกว่าการเห็นผิด แล้วจริงหรือเปล่าค่่ะท่านธรรม-ชาติ ว่านี้คือสภาวะที่เรียกว่าการเห็นผิด
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ "สรุป" ได้สั้น ๆ ว่า คุณ naris520 ไม่ได้ "หวัง" อะไรล่วงหน้า และ "อยู่" เท่าที่อยู่ได้ ใช่หรือเปล่า

    +++ จริง "แต่" ไม่ค่อยจะคุ้มกับเวลาที่เสียไปกับ "เหตุผลของตรรกะ" และ "ตัวของตรรกะเอง ก็คือ วังวนของความคิดอยู่ดี" คำอธิบาย "อยู่ข้างล่างนี้"

    +++ ผมจะตอบคำถามของคุณ naris520 ไปทีละ step นะครับ

    +++ 1. คำว่า "ความหวัง" ของคุณ naris520 นั้น น่าจะหมายถึง "การคาดการณ์ล่วงหน้า" เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็คือ "การดำรงค์ชีพด้วยการ ไม่คาดหวังอะไรล่วงหน้า" ตรงนี้ถือว่า "ถูกต้อง" การกระทำอะไรก็ตาม "ทำในปัจจุบันให้ดี" แล้วผลลัพธ์ "ที่ตรงตามการกระทำนั้น" จะปรากฏมาเอง ตรงนี้เป็นการ ทำ "กฏแห่งกรรม" ให้ตรงทางเสียแต่ต้นมือ

    +++ 2. ความเห็นผิดจาก "สัญญาเก่า" นั้น มีอยู่แล้วในจิตทุกดวง จะเริ่ม "ก้าวล่วงพ้นได้" ก็ต่อเมื่อ "รู้แจ้ง" แล้วว่า "อะไรคือตน อะไรไม่ใช่ตน" (สักกายะทิฐิ) ตรงนี้เท่านั้นที่เป็น "เหตุ" เมื่อรู้แจ้งตรงนี้แล้วเท่านั้น "จึงพ้นความลังเลสงสัยว่า สภาวะธรรม ที่แท้จริงยังมีอยู่" (วิจิกิจฉา) และจาก เหตุ อันเดียวนั้น จึง "รู้และเห็น หนทางปฏิบัติแห่งตน ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร" (ศีลและพรตปรามาส) หากยังไม่ถึงตรงนี้ "ต่อให้ใช้ ตรรกะ มากเท่าไรก็ตาม ก็ยังไม่พ้น การเห็นผิดได้"

    +++ 3. อารมณ์ 3 อย่างคือ "ยินดี ไม่ยินดี และ เฉยๆ" นั้นเป็นธรรมดาของจิตทุกดวงอยู่แล้ว ส่วนจะลาก "ตรรรกะ" ไปอธิบายว่า "มาจากความเห็นผิดในอดีตนั้น ไม่ควรอย่างยิ่ง" เพราะ "ตรรกะนั้น ๆ จะทำให้เกิด ความเห็นผิด ในปัจจุบัน" ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างของ หลวงปู่ดูลย์ มีอยู่ว่า มีผู้้ไปถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ ยังมีโกรธอยู่ไหม" หลวงปู่ ตอบทันทีเลยว่า "มี" "แต่ไม่เอา" ตรงนี้เท่านั้นที่ "ยืนยันสภาวะของ ปัจจุบันขณะที่แท้จริงได้" ส่วนการ "ใช้ตรรกะ" นั้น ยืนยันว่า "หลุดจากปัจจุบันขณะ" ไปเรียบร้อยแล้ว นะครับ
     
  13. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    พี่ธรรมชาติค่ะ ฝึกเดือน ก.พ. มีไหมค่ะ กลับไทยตอน ก.พ. ปีหน้าใกล้ๆ นี้ค่า
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ยังไม่กล้ารับปากตอนนี้ เพราะต้องขึ้นกับ schedule หลายฝ่าย คือ schedule ของบุคคล (กลุ่มผู้ฝึก-ผู้สอน) ต้องตรงกันก่อน จากนั้นจึงไปถึง schedule ของสถานที่ และความสะดวกของยานพาหนะต่าง ๆ แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องระบุคร่าว ๆ ก่อนว่า ก.พ. ช่วงไหน (ชนกับตรุษจีนหรืออื่น ๆ หรือเปล่า) จะได้ดูความพร้อมเสียแต่เนิ่น ๆ นะครับ
     
  15. ธรรมอยู่

    ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    พี่ธรรมชาติคะ ส่งไปแล้วนะคะ เบอร์โทร หนูจะว่างช่วง 27 ธ.ค. เป็นต้นไปค่ะ จะฝึกในกรุงเทพหรือต่างจังหวัดคะ จะได้ plan อีกที
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ คุณ jsso และคุณ jadeprawit ควร pm คุยกัน และ pm ถึงคุณ อินทรบุตร ด้วย เพราะคุณ อินทรบุตร จะเป็นผู้จัดการดูแลและแสวงหาสถานที่ ๆ เหมาะสม รวมทั้งการเตรียมการต่าง ๆ

    +++ สถานที่ฝึก น่าจะอยู่ใกล้ กรุงเทพ มาก อาจเป็นเขตจังหวัด นนทบุรี ก็ได้ ทั้งหมดขึ้นกับ "จำนวนผู้เข้าฝึก" รวมถึงความสะดวกต่าง ๆ เป็นหลักในการตัดสินใจ

    +++ บางคนอาจ ไป ๆ มา ๆ หรือบางคนเป็นแบบ มาวันละ 2-3 ชั่วโมง หรือ สะดวกเฉพาะ กลางวัน-กลางคืน ต่าง ๆ แล้วแต่ความหลากหลาย และความสะดวกของ ผู้เข้าฝึก เป็นเกณฑ์

    +++ ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะร่วมเข้าฝึก ก็ควรแจ้ง ลักษณะความสะดวกของตนมาอย่างคร่าว ๆ ด้วย เช่น รอบกลางวัน-กลางคืน มาเช้า-เย็นกลับ มี-ไม่มียานพาหนะ ค้างได้ 1-2 คืน หรือ มาได้เป็นช่วง ๆ เป็นต้น รายละเอียดต่าง ๆ ให้ "PM แจ้งโดยตรงไปที่คุณ อินทรบุตร" ไว้ก่อนล่วงหน้า อย่าแจ้งลงมาในกระทู้ นะครับ

    +++ และหลัก ๆ คือ ให้ "ฟิตซ้อม ความรู้สึกทั้งตัว รวมทั้ง เข้า-ออก เร่ง-ลด ตรึง-แช่-อยู่" ให้คล่องเข้าไว้ เพราะจาก "การฝึกที่แล้ว ๆ มา" จะเป็นแบบ "ใครหลุดแล้ว ก็มักจะหลุดเลย" และจะตามคนอื่น "ในยกนั้น ๆ ไม่ทัน" ต้้องกลับมา "ทวนในยกที่หลุดใหม่" และหากมีใครอยู่ใน "ระหว่างเข้าด้ายเข้าเข็ม" ผมก็จะ "เร่งให้ผู้นั้น ฝ่าด่านเข้าไปก่อน โดยไม่ต้องรอคนอื่น"

    +++ ลักษณะการสอน และ รายละเอียดในเหตุการณ์ต่าง ๆ สามารถ PM หรือพูดคุยกับคุณ อินทรบุตร ได้เพราะคุณ อินทรบุตร จะอยู่เป็นพยานในเหตุการณ์ทุกครั้ง นะครับ
     
  17. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022

    6 กพ ถึง 10 มีนา ค่ะ
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ น่าจะ ok นะแต่ไว้ใกล้ ๆ ค่อยดูเวลาที่แน่นอนกันอีกทีดีกว่า นะครับ
     
  19. สัมภิทา

    สัมภิทา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +77
    ผมเพิ่งเข้ามาอ่านได้นิดหน่อยแต่ก็บอกได้ว่าใช่เลยถูกจริตของผม...ยังไงขออ่านให้มากกว่านี้อีกหน่อยนะครับ
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ครับ ตามสะดวกได้เลย หลัก ๆ ก็คือ ฝึกให้อยู่กับ "ความรู้สึกทั้งตัว" จนได้นิสัย และ ความคล่องตัว จนเมื่อใดที่ต้องการ "เข้า-ออก เพิ่ม-ลด ตรึง-แช่-อยู่" ก็สามารถทำได้ดั่งปรารถนา

    +++ หากสามารถ "ทำได้ทันในช่วงนี้" แล้วปรารถนาเข้าร่วมฝึก ก็ให้ PM แจ้งกับคุณ อินทรบุตร ได้โดยตรงเลย นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...