สมเด็จโตรักษาโรคหัวใจ

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 25 ตุลาคม 2014.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    การมากรุงเทพฯของแม่เที่ยวนั้นเป็นการเดินทางขึ้นมาเยี่ยมและดูแลความเป็นอยู่ของลูก ตลอดจนขอบคุณพระสงฆ์องค์เจ้าที่มีบุญคุณในการให้ที่อยู่อาศัยแก่ลูก และถือโอกาสไปนมัสการพระสงฆ์ตลอดจนศาสนสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง ทั้งมีผลพลอยได้ให้ได้มีโอกาสซื้อบ้านและที่ดินโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน 
           
            การขึ้นมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ทำให้แม่ต้องตกใจและเศร้าใจเพราะปรากฏว่าคุณป้าบุญช่วยลูกสะใภ้ของคุณย่าละม้ายได้ป่วยด้วยโรคอัมพาตมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ซีกซ้ายของลำตัวทั้งแขนขาเคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องนอนอยู่กับที่ หมอบอกว่าเป็นโรคนี้แล้วยากที่จะรักษาให้หายได้
           
            แม่มาเยี่ยมผมที่วัดระฆัง ผมจึงตามไปส่งแม่ที่บ้านของคุณย่าละม้าย แม่พาไปกราบคุณป้าบุญช่วยซึ่งป่วยนอนอยู่กับที่ ผมก็เข้าไปกราบตามคำแม่ ในขณะที่ผมกราบนั้นเห็นแม่บีบเคล้นนวดตามขาและมือให้กับคุณป้า ผมก็รู้สึกเวทนาในพยาธิที่บังเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ตัวผมไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันท์ญาติแต่ประการใดเพราะผมห่างจากความเป็นญาติ ความรู้สึกผูกพันฉันท์ญาตินั้นคงมีอยู่เฉพาะตัวของแม่เนื่องจากมีความสนิทสนมกันมาแต่ก่อน
           
            ผมเห็นคุณป้าบุญช่วยอยู่ในทุกขเวทนา และเห็นสีหน้าแม่เต็มไปด้วยความเศร้า น้ำใจก็สลดลง ในพลันนั้นผมเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ขนลุกซู่ซ่า เป็นแบบเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ไปขออาศัยอยู่วัดระฆัง รู้สึกว่ามีพลังมหัศจรรย์บังเกิดขึ้นในตัว ผมมีความรู้สึกว่าฝ่ามือทั้งสองข้างใหญ่เท่าใบตาล มีน้ำหนักมาก มีพลังที่กรุ่นประดังอยู่ในมือทั้งสองข้าง
           
            ในพลันนั้นใจผมก็โน้มรำลึกไปถึงเจ้าประคุณสมเด็จ มือขวาได้ยกขึ้นมาแตะที่พระสมเด็จองค์ที่ลุงต๋อมให้โดยที่ไม่รู้สึกตัว และแวบความรู้สึกนั้นเองก็บังเกิดความคิดขึ้นว่าจะต้องรักษาคุณป้าบุญช่วยให้หาย ซึ่งถึงวันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มั
           
            ผมกล่าวขึ้นคล้าย ๆ กับมีสิ่งลี้ลับมาบังคับให้พูดว่าให้ไปหาน้ำมันมะพร้าวมา ผมจะรักษาให้หาย ทำให้แม่ คุณย่าละม้าย และลูกหลานในที่นั้นตกตะลึง แต่คงเห็นท่าทางของผมเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้ ดังนั้นคุณย่าละม้ายซึ่งเป็นคนโบราณมีความเชื่อในเรื่องสิ่งลี้ลับอยู่แล้วจึงทำตาม โดยคุณย่าละม้ายได้สั่งให้คนในบ้านไปซื้อน้ำมันมะพร้าวจากร้านค้าในย่านนั้น ในระหว่างนั้นผมได้นวดเฟ้นให้คุณป้าบุญช่วยด้วยความรู้สึกว่ามีพลังลี้ลับในฝ่ามือทั้งสองแล่นไหลไปยังคุณป้าบุญช่วยอย่างไม่ขาดสาย
           
            ตัวผมเมื่อน้อยช่วงที่ยังอยู่กับก๋งนั้นเคยได้รู้เห็นและร่ำเรียนเกี่ยวกับการนวดแบบโบราณ เนื่องจากก๋งมีหมอนวดประจำตัวอยู่คนหนึ่งเป็นลูกครึ่งจีน ตาบอดทั้งสองข้าง มีชื่อว่าเซ่งเลี่ยน หมอเซ่งเลี่ยนมานวดก๋งเป็นประจำ พอหมอเซ่งเลี่ยนมานวดก๋งผมก็ไปนอนหรือนั่งพูดคุยกับหมอ และไต่ถามเรื่องราวไปตามประสา 
           
            หมอเซ่งเลี่ยนแม้จะพิการตาบอดแต่ได้ร่ำเรียนในเรื่องเวทย์มนต์คาถา โดยเฉพาะวิชาเกี่ยวกับการนวดทั้งจากฝ่ายจีนและฝ่ายไทยโบราณ และมีจิตใจเต็มไปด้วยความเมตตามิได้รังเกียจว่าผมเป็นเด็ก เมื่อผมพูดจาสอบถามประการใดหมอเซ่งเลี่ยนก็พูดจาอธิบายให้ฟังทุกประการ ประหนึ่งว่าผมเป็นผู้ใหญ่ฉะนั้น
           
            ครั้นรู้จักมักคุ้นบ่อยครั้งเข้าก็มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเหมือนญาติ ผมคิดว่าผมมีอายุมากขึ้นทุกวัน ก็คงจะปวดเมื่อยบ้างเป็นธรรมดา ดังนั้นหากได้เรียนวิชานวดไว้บ้างก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวและยังใช้ประโยชน์ในการช่วยนวดเฟ้นให้กับก๋งอีกด้วย จึงได้ขอเรียนวิชาการนวดและวิชาการทำน้ำมันมนต์สำหรับการนวดจากหมอเซ่งเลี่ยน
           
            แม้ว่าผมยังเป็นเด็ก แต่เพราะความสนิทสนมคุ้นเคยประหนึ่งญาติ ทั้งยังมีความสนใจใฝ่ในวิชา หมอเซ่งเลี่ยนก็ให้ความเมตตาสอนวิธีนวดวิธีเฟ้นเป็นลำดับไป คือทุกครั้งที่มานวดก๋งเสร็จแล้ว ก็จะสอนให้ผมนวดคราวละท่าเป็นลำดับไป ตอนหลังก็ได้สอนมนต์บทพระคาถาคลายเส้นเอ็นซึ่งเป็นบทคาถาเสกน้ำมันมนต์ประจำตัว จึงทำให้ผมมีความรู้เรื่องการนวดแผนโบราณและการทำน้ำมันมนต์จากหมอเซ่งเลี่ยนด้วยประการฉะนี้ 
           
            ในยามนั้นผมได้นวดเฟ้นคุณป้าบุญช่วยตามหลักวิชาที่ได้เล่าเรียนศึกษามาจากหมอเซ่งเลี่ยน
           
            คุณป้าบุญช่วยก็คงจะสงสัยว่าไฉนเด็กน้อยที่ไม่เคยอยู่ในสายตาสนใจมาแต่ก่อนกลับเอาใจใส่ดูแลรักษาท่าน แต่คงจะเห็นอาการที่ผิดปกติไป คุณป้าบุญช่วยซึ่งคุ้นเคยอยู่ในพระศาสนาเหมือนกับคุณย่าละม้ายก็ได้พริ้มตาลงรับการรักษาโดยดุษณี ซึ่งผมคาดว่าคุณป้าบุญช่วยเองคงจะสัมผัสได้ถึงความลี้ลับและความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
           
            ครู่หนึ่งคนที่ไปซื้อน้ำมันมะพร้าวก็นำน้ำมันมะพร้าวมามอบให้ตามคำของคุณย่าละม้าย ผมขอถ้วยมาใบหนึ่งแล้วเทน้ำมันใส่ในถ้วยนั้น แล้วถอดเอาพระสมเด็จองค์ที่ลุงต๋อมมอบให้ออกจากคอ ใช้สร้อยคอสแตนเลสวนรอบถ้วยแทนสายสิญจน์ ตัวผมกุมพระสมเด็จไว้แล้วระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย สวดบทสรรเสริญพระรัตนตรัยแล้วน้อมใจรำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จ ทำจิตให้มั่นแล้วภาวนาพระคาถาชินบัญชร
           
            ผมตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีเจ้าประคุณสมเด็จให้ทำน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันมนต์ที่มีผลรักษาเยียวยาคุณป้าบุญช่วยให้หาย แล้วนิ่งภาวนาพระคาถาชินบัญชรไปโดยลำดับ 
           
            ผมตั้งจิตภาวนาพระคาถาชินบัญชรด้วยความสงบนิ่ง ทุกคนในที่นั้นจึงพากันสงบนิ่งตามไปด้วย ความสงบเงียบได้บังเกิดขึ้นภายในห้องนอนของคุณป้าบุญช่วย ราวกับว่าได้กลายเป็นสถานปฏิบัติธรรมไปแล้ว
           
            ตัวผมเองภูมิธรรมยังน้อย พลังจิตยังต่ำ แต่ขณะนั้นรู้ตัวดีว่ามีสติที่มั่นคง มีความบริสุทธิ์ในใจและใคร่ให้คุณป้าบุญช่วยพ้นจากความทุกข์ มีความผ่องใสบังเกิดขึ้นอย่างมหัศจรรย์ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีพลังไหลเรื่อยดุจกระแสน้ำ แต่ไม่รู้ว่าพลังนั้นมาจากไหน ไหลไปรวมที่องค์พระสมเด็จแล้วถ่ายทอดไปที่ถ้วยน้ำมันนั้น
           
            บางช่วงรู้สึกมีแสงวูบวาบขึ้นในห้วงแห่งสำนึก แต่พอได้กำหนดว่ารู้แล้ว สัมผัสแล้ว แสงวูบวาบนั้นก็หายไป สิ่งน่าประหลาดใจอยู่ตรงที่แสงวูบวาบซึ่งปรากฏในห้วงสำนึกนั้นมีลักษณะและสีสันเป็นอย่างเดียวกันกับแสงซึ่งเคยเห็นที่ตู้พระไตรปิฎกโบราณในคณะหนึ่งวัดระฆัง 
           
            ผมภาวนาพระคาถาชินบัญชรจบสามคาบก็รู้สึกว่าพอแก่การแล้ว จึงยกมือขึ้นไหว้รำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จ แล้วเอาพระสมเด็จมาคล้องคอไว้ตามเดิม จากนั้นก็ตั้งใจรำลึกถึงพระคุณหมอเซ่งเลี่ยนที่เคยสอนวิชาการนวดและทำน้ำมันมนต์ แล้วภาวนามนต์คาถาเสกน้ำมันมะพร้าวตามที่ได้เล่าเรียนมา ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นว่าขอให้คุณป้าบุญช่วยหายจากโรคอันเวทนานั้นเถิด
           
            บรรยากาศในห้องนั้นยังคงเงียบกริบดุจดังเดิม สายตาทุกคู่จ้องมองมาที่ผมราวกับว่าผมเป็นผู้วิเศษ
           
            ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมทำไปได้อย่างไร รู้แต่อย่างเดียวว่าใจต้องการจะทำอย่างนั้น และทำไปตามที่ใจบ่งบอก เพื่อที่จะรักษาคุณป้าบุญช่วยให้หายเป็นปกติให้จงได้
           
            ผมรู้สึกเองว่าน้ำมันมะพร้าวบัดนี้ได้กลายเป็นน้ำมันมนต์ด้วยบารมีแห่งเจ้าประคุณสมเด็จและมนต์วิธีของหมอเซ่งเลี่ยนแล้ว แต่ปัญหาก็บังเกิดขึ้นในความคิดของผมเองอีกว่าจะใช้น้ำมันมนต์นี้นวดเฟ้นคุณป้าบุญช่วยที่ใดบ้างจึงจะมีผลต่อสมุฏฐานของโรค เพราะอาการของโรคที่เป็นอยู่นี้มิใช่การปวดเมื่อยหรือเคล็ดยอกธรรมดาดังที่เคยร่ำเรียนมาแต่ประการใด.
           
          
    ดังนั้นเมื่อจับชีพจรและเห็นแม่ของมนูญผลอยู่ในอาการของคนใกล้ตายที่สุดแล้ว ผมก็ยิ่งตกใจ แต่ก็ไม่รู้ที่จะทำประการใด ทันใดนั้นก็นึกรู้ขึ้นมาว่ามีเจ้าประคุณสมเด็จอยู่ใกล้ๆ ผมจึงยกมือขึ้นไหว้บอกกล่าวเจ้าประคุณสมเด็จขอให้ช่วยเหลือยื้อเอาชีวิตแม่กลับออกมาจากอุ้งหัตถ์แห่งมัจจุราชด้วย
           
            ในพลันนั้นก็เกิดความรู้สึกบังคับตนเองให้ถอดสร้อยคอพระสมเด็จออกไปคล้องไว้ที่คอของแม่ แล้วผมก็ทำสมาธิ ภาวนาพระคาถาชินบัญชร ในขณะที่มือกุมอยู่ที่ข้อมือของแม่ตรงชีพจร
           
            ในขณะนั้นผมรู้สึกว่าจิตใจมั่นคงหนักแน่นเหลือประมาณนัก ความตื่นตระหนกตกใจที่เห็นแม่อยู่ในอาการและสภาพเช่นนั้นไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อยนิด สมาธิจิตรวมตั้งมั่นได้อย่างรวดเร็วจนสามารถภาวนาพระคาถาชินบัญชรได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด
           
            ในจิตใจรู้สึกสงบ สว่าง และว่างเปล่าอย่างยิ่ง แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรเลื่อนไหลผ่านมือไปที่ชีพจรของแม่ ราวกับว่าจะเป็นคลื่นอะไรสักอย่างหนึ่ง
           
            น้าทั้งสองเห็นผมทำการเช่นนั้นก็คงเข้าใจว่ากำลังหาวิธีช่วยชีวิตแม่ จึงพากันสงบนิ่งแล้วพนมมือ ผมก็ภาวนาพระคาถาชินบัญชรไปโดยลำดับ พอจบเที่ยวแรกก็ภาวนาเที่ยวที่สอง ในพลันนั้นก็ได้ยินเสียงน้าศรีร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่าแม่ฟื้นแล้ว
           
            ผมได้ยินเป็นเสียงแว่วๆ แต่ก็ไม่ละจิตถอนออกจากสมาธิ ยังคงภาวนาพระคาถาชินบัญชรต่อไปเพราะได้ตั้งใจไว้แต่ต้นว่าจะภาวนาให้ครบ 3 จบ
           
            น้าศรีร้องอุทานครั้งเดียวเท่านั้น คงจะรู้สึกตัวว่าจะเป็นการรบกวนการภาวนาของผม ดังนั้นความสงบเงียบจึงกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งผมภาวนาครบ 3 จบ ก็ได้ยินเสียงแม่พลิกตัวจึงลืมตาขึ้น
           
            ก็เห็นแม่ลืมตาเช่นเดียวกัน คำแรกที่ได้ยินจากปากแม่คือคำถามว่าหลวงปู่ไปไหนแล้ว เพราะแม่ได้หันหน้าทั้งด้านซ้าย ด้านขวา ก็ไม่เห็นมีพระสงฆ์รูปใดอยู่ในที่นั้นเลย
           
            น้าศรีพูดถามแม่ในขณะนั้นว่าเมื่อครู่นี้พี่ยกมือไหว้พระ เห็นพระอะไรหรือ เพราะน้าศรีนั้นเป็นลูกผู้น้องของแม่ เวลาเรียกแม่ก็เรียกพี่ แม่ก็ตอบว่าก็เมื่อครู่นี้มีพระแก่ๆ จีวรคล้ำๆ รูปหนึ่งมาเป่าที่กระหม่อมแม่ แม่จึงรู้สึกตัว และยังเห็นพระรูปนั้นนั่งอยู่อีกครู่หนึ่ง
           
            ผมได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกซาบซ่านทั้งตัวด้วยความปิติยินดี ประการหนึ่งดีใจที่แม่ฟื้น และเห็นทุกคนดีใจที่แม่ฟื้น อีกประการหนึ่งก็รู้ว่าเหตุมีมาเช่นนั้นก็ด้วยอำนาจแห่งพระคาถาชินบัญชร และความบริสุทธิ์ตั้งมั่นของจิตที่คิดช่วยชีวิตแม่ในยามฉุกละหุก เกิดเป็นพลังของสมาธิแผ่รับบารมีของเจ้าประคุณสมเด็จมาช่วยชีวิตแม่ จนเกิดเป็นนิมิตกับจิตแม่เช่นนั้น
           
            แม่ยังคงเหลียวหน้าไปมาทั้งๆ ที่นอนอยู่กับพื้น เหมือนกับมองหาใครสักคนหนึ่งซึ่งเข้าใจได้ว่าแม่คงมองหาพระแก่ๆ รูปนั้น เพราะในความรู้สึกของแม่ แม่เห็นและแม่รู้สึกจนเชื่อว่าเป็นความจริงว่ามีพระสงฆ์แก่ๆ ห่มจีวรสีคล้ำมาเป่ากระหม่อมแม่ในขณะที่ไม่มีสติสมประดี จนกระทั่งรู้สึกตัวและฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
           
            โอ! เจ้าประคุณสมเด็จแม้ดับขันธ์ไปร้อยกว่าปีแล้ว แต่บารมีและความศักดิ์สิทธิ์ยังเปี่ยมล้นนัก คราคับขันที่ชีวิตแม่อยู่ในเอื้อมหัตถ์แห่งมฤตยูเช่นนี้ก็สามารถแผ่บารมีชิงเอาวิญญาณแม่กลับคืนมาจากอุ้งหัตถ์แห่งมัจจุราชได้ 
           
            มาถึงวันนี้เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นก็สำคัญว่าเหตุที่เกิดกับแม่น่าจะเกิดแต่อาการหัวใจวาย เพราะแม่เป็นโรคหัวใจ และไม่สบายด้วยโรคหัวใจตลอดมา แต่ก็แปลกประหลาดนักเพราะหลังจากเหตุการณ์นั้นแล้วอาการโรคหัวใจของแม่ก็ดูเหมือนหายไปเฉยๆ จนกระทั่งล่วงมาถึงปีพุทธศักราช 2548 โรคหัวใจก็ไม่ได้กล้ำกรายมาเยือนแม่อีกเลย คงมีแต่ความแก่และความเจ็บเพราะเหตุชราที่นับว่าเป็นทูตแห่งมรณะเท่านั้นที่มาเยือนโดยธรรมดา ธรรมชาติ
           
            หลังจากวันนั้นแล้วแม่ก็เป็นปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนก็คือทั้งแม่และน้าให้ความเมตตา ให้ความรัก และให้ความเกื้อกูลแก่ผมมากกว่าที่เคยเป็นมาแต่ก่อน
           
            ยามจะกินทั้งแม่และน้าก็จัดหาข้าวปลามาให้กิน บางวันเสื้อผ้าที่ผมรอซักก็มีคนเอาไปซักรีดให้ นับเป็นครั้งแรกที่ผมมาอยู่บ้านมนูญผลแล้วได้ใส่เสื้อผ้าที่รีด บางทีมีขนมหรือผลไม้ทั้งแม่และน้าก็จัดวางไว้ที่ห้องครัวหลังบ้าน
           
            นี่ก็คืออานิสงส์ของบารมีในเจ้าประคุณสมเด็จที่ได้แผ่มาถึงศิษย์ผู้ยากในยามนั้น
            หลังจากนั้นไม่กี่วันผมกลับจากมหาวิทยาลัยราวๆ บ่ายสามโมงอีกครั้งหนึ่ง วันนี้แม่นั่งรออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน พอเห็นผมเดินเข้าซอยมาแม่ก็มาคอยที่ประตู! พอผมก้าวเข้าประตูแม่ก็เข้ามาจูงมือผมและบอกว่ามาดูนี่ ผมก็ประหลาดใจว่าแม่จะชวนไปดูอะไรกันแน่
           
            แม่จูงผมไปที่ห้องนอนผมนั่นแหละ พอเข้าประตูห้องนอนแม่ก็ชี้ไปที่รูปเจ้าประคุณสมเด็จ แล้วบอกว่าพระแก่ๆ องค์ที่มาช่วยชีวิตแม่วันนั้นก็คือพระรูปนี้แหละ แม่พูดด้วยเสียงที่ละล่ำละลักด้วยความตื่นเต้นยินดีเป็นที่ยิ่ง ทำเอาผมขนลุกซู่ชูชัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดีว่าเหตุการณ์ในวันนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดและใครไหนนอกจากเจ้าประคุณสมเด็จที่ได้แผ่บารมีมาช่วยชีวิตแม่ 
           
            ทั้งแม่และผมประนมมือไหว้เจ้าประคุณสมเด็จพร้อมกันราวกับนัดหมายกันไว้ ผมสังเกตสีหน้าเจ้าประคุณสมเด็จในรูปก็เห็นว่ามีลักษณะอมยิ้มด้วยความยินดีอยู่เหมือนกัน
           
            อันการเห็นรูปแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่ทำให้รูปของโมนาลิซ่าเลื่องชื่อลือชาไปทั่วโลกนั้นเป็นฝีมือของศิลปินผู้วาดภาพ แต่อารมณ์ความรู้สึกที่ปรากฏจากสีหน้าเจ้าประคุณสมเด็จในรูปถ่ายนั้นย่อมไม่ใช่ฝีมือช่างภาพ หากเป็นนิมิตที่ก่อให้เกิดเป็นความรู้สึกกับจิต ซึ่งใครๆ ก็อาจสัมผัสได้หากมีความศรัทธามั่น มีจิตที่เป็นสมาธิพอประมาณ
           
            แม่บอกว่าพระรูปนี้ศักดิ์สิทธิ์ มาช่วยชีวิตแม่ไว้ อยากจะทำบุญถวายสักครั้งหนึ่ง ผมก็บอกว่าดีเหมือนกัน หลังจากนั้นไม่กี่วันเป็นวันเสาร์ มนูญผลกลับมาบ้าน แม่ก็จัดงานทำบุญเลี้ยงพระอุทิศถวายเจ้าประคุณ ผมก็พลอยได้ผลบุญและอิ่มใจตามไปด้วย
           
            หลังจากวันนั้นแล้วบนหิ้งพระน้อยๆ ในห้องใต้ถุนที่ผมอยู่ก็มีแจกันดอกไม้มาวางถวายทุกวัน ทั้งแม่และน้ามีความศรัทธานับถือเจ้าประคุณสมเด็จ จากการสัมผัสและประสบด้วยตนเอง หิ้งพระผมจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านไปโดยปริยาย
           
            เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมระลึกถึงลุงต๋อมซึ่งเป็นผู้มอบพระสมเด็จให้กับผม และเกิดความเชื่อมั่นว่าพระสมเด็จที่ลุงต๋อมให้มาคล้องคออยู่นั้นเป็นพระสมเด็จแท้แน่นอน จึงสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์สมดังคำร่ำลือได้ปานนี้
           
            แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ วันหนึ่งผมอาบน้ำก็ได้ถอดสร้อยคอที่แขวนพระสมเด็จไว้ที่โต๊ะหนังสือ ครั้นอาบน้ำเสร็จก็จะเอาพระขึ้นแขวนคอ แต่พลาดท่าไหนก็ไม่รู้สร้อยคอพลัดจากมือตกลงที่พื้น พระสมเด็จแตกสลายกลายเป็นพระที่ทำด้วยปูนปลาสเตอร์ทั้งองค์ ทั้งๆ ที่ภายนอกเคยเห็นเป็นพระเก่าแก่
           
            ผมจึงรู้ได้ในบัดนั้นว่าพระสมเด็จที่ลุงต๋อมให้มาหาใช่พระสมเด็จของวัดระฆังแท้แต่ประการใดไม่ หากเป็นของปลอมที่ทำขึ้นมาใหม่ให้ดูเหมือนเก่า
           
            จึงทำให้เข้าใจได้ว่าความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆังนั้นเป็นดังที่เจ้าประคุณสมเด็จเคยถวายพระพรตอบกระแสพระราชดำรัสถามของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าพระสมเด็จวัดระฆังมีความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธานุภาพด้วยพระคาถาชินบัญชร
           
            ดังนั้นบรรดาผู้ที่นับถือบูชาเจ้าประคุณสมเด็จและพระสมเด็จวัดระฆังจึงพึงรู้พึงเข้าใจว่าถ้าหากมีความศรัทธามั่น นับถือบูชาเจ้าประคุณสมเด็จ และพระสมเด็จมั่นคงจริงแท้แล้ว ถึงแม้จะเป็นพระที่ทำด้วยปูนปลาสเตอร์ หากได้บูชาสวดพระคาถาชินบัญชรเป็นประจำแล้ว พระที่ทำด้วยปูนปลาสเตอร์นั้นก็จะมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เป็นพระสมเด็จวัดระฆังแท้ได้เหมือนกัน.
           
    โดย เรืองวิทยาคม

    หมายเหตุ สีน้ำเงิน ผมเคยนำบทความมาลงแล้ว ดังนี้


    http://palungjit.org/threads/พระเคร...-จะเก่าอย่างไรก็ตาม-อานุภาพเท่ากันหมด.513709/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2014
  2. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    สาธุ ทั้งหลวงปู่ ทั้งหมอเช่งเลี่ยน ทั้งจขกทครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...