เพื่อการกุศล เปิดจองรุ่นของขวัญปีใหม่ ลพ.หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์อธิฐานจิตสร้างโดยวัดป่าศรีสำราญน.ท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 18 มิถุนายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    (ping-love(ping-love(ping-love
     
  2. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    (ping-love(ping-love(ping-love
     
  3. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    :cool::cool::cool:
     
  4. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    :cool::cool::cool:
     
  5. jamesstar

    jamesstar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +650
    จะปนอยู่ในเครื่องในบริเวณช่วงท้องครับ
     
  6. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    จำนวนการสร้างพระกริ่งไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต 70 องค์


    เปิดจองวันที่ 12 ตุลาคม 2557 เวลา 09.00 น.

    เปิดจองจำนวน 50 องค์ องค์ละราคา 1000 บาท​
     
  7. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    บูชา “พระกริ่ง” เพื่ออะไร? ซึ่งโดยทั่วๆ ไปมักเข้าใจอยู่ว่าการบูชาพระกริ่งนั้นส่วนใหญ่ที่นิยมคือ นำไปบูชาเพื่อให้เกิดคุณด้านความเจริญรุ่งเรือง เกิดผลในทางคุ้มครองรักษา และมีประวัติว่าได้เคยมีการอาราธนาคุณพระกริ่งทำน้ำมนต์ เพื่อปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยร้ายแรงในสมัยก่อนกาลนานมาแล้ว

    แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ถึงคุณอันวิเศษของ “พระกริ่ง” ที่มีมากไปกว่านั้น นั่นคือจาก มหาปณิธาน 12 ประการ ของ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต และจากบันทึกของอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ปราชญ์ในทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงพระกริ่งไว้ว่า “พระกริ่ง” คือ พระไภษัชยคุรุพระพุทธเจ้า พระองค์เป็นที่นับถือของปวงพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายาน มีพระประวัติในพระสูตรสันสกฤตสูตรหนึ่ง คือ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา ราชามูลประณิธานสูตรและ มหาปณิธาน 12 ประการ อันเป็นคุณอันวิเศษที่ผู้ใดก็ตาม ได้ครอบครองหรือบูชา “พระกริ่ง” ด้วยความเลื่อมใส หรือเอ่ยพระนาม รำลึกถึงพระองค์ จะได้รับอานิสงส์แห่งการบูชามีดังต่อไปนี้

    ขอให้สรรพสัตว์จงมีวรกายดุจเดียวกับพระองค์
    ขอให้วรกายของพระองค์มีสีสันดุจไพฑูรย์ มีรัศมีรุ่งโรจน์โชตนาการยิ่งกว่าแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ เพื่อส่องทางให้สัตว์ที่หลงในอบายคติพ้นไปสู่คติที่ชอบ
    ขอให้สรรพสัตว์ได้รับโภคสมบัตินานาประการ อย่าได้มีความยากจนใดๆ
    หากสรรพสัตว์ใดมีมิจฉาทิฐิ ขอให้พระองค์ทำให้เขาตั้งมั่นในสัมมาทิฐิในโพธิมรรค
    หากสรรพสัตว์ใดประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยแห่งพระองค์ขอให้อย่าได้มีศีลวิบัติ หากมีศีลวิบัติ เมื่อได้สดับพระนามแห่งพระองค์จงบริสุทธิ์บริบูรณ์
    หากสรรพสัตว์ใดมีรูปกายไม่งาม ผิวไม่ผ่องใส โง่เขลาเบาปัญญา ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ หลังค่อม สารพัดพยาธิทุกข์ต่างๆ เมื่อได้สดับพระนามแห่งพระองค์ขอให้หายและหลุดพ้นจากปวงทุกข์เหล่านั้น มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ผิวกายผ่องใส
    ขอให้สรรพความเจ็บป่วยทั้งหลายจงหมดไป และขอให้สรรพสัตว์เป็นผู้มีกายใจอันผาสุก มีบ้านเรือนอาศัย พรั่งพร้อมด้วยธนสารสมบัติ จนที่สุดสำเร็จแก่พระโพธิญาณ
    หากอิสตรีใดเบื่อหน่ายในเพศแห่งตน เมื่อสดับพระนามแห่งพระองค์ จักสามารถเปลี่ยนเพศจากหญิงเป็นชาย จนที่สุดสำเร็จแก่พระโพธิญาณ
    ขอให้สัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากข่ายแห่งมาร และตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิได้
    หากสรรพสัตว์ใดต้องพระราชอาญา ต้องคุมขัง หรือต้องอาญาถึงประหารชีวิต ตลอดจนได้รับการดูหมิ่นดูแคลน หากเอ่ยพระนามแห่งพระองค์และอาศัยบารมีและคุณาภินิหาริย์ของพระองค์ ขอสัตว์เหล่านั้นจงหลุดพ้นจากปวงทุกข์
    ขอให้สัตว์ทั้งหลายบริบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค มีความอิ่มหนำสำราญ
    ขอให้สัตว์ทั้งหลายบริบูรณ์ด้วยสรรพอาภรณ์ เครื่องประดับ ธนสารสมบัติและเครื่องบำรุงความสุขต่างๆ
    ด้วยมหาปณิธานทั้ง 12 ประการนี้ เพียงเอ่ยหรือได้ยินพระนาม “พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต” หรือ “พระกริ่ง” ยิ่งได้ศรัทธา เลื่อมใส มีไว้ครอบครองบูชา จะยิ่งทำให้มีความสุข ความเจริญ รุ่งเรือง นับเป็นคุณอันวิเศษยิ่งนัก เหล่านี้คือ “บารมีแห่งพระกริ่ง”
     
  8. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    อย่าลืม ชำระเงินมัดจำ
    ภายใน ๑๕ ตค. ๕๗ นะค่ะ



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    จำนวนการสร้างพระกริ่งไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต 70 องค์​





    เปิดจองวันที่ 12 ตุลาคม 2557 เวลา 09.00 น.​



    เปิดจองจำนวน 50 องค์ องค์ละราคา 1000 บาท​


    ถือว่าพระกริ่งรุ่นนี้ได้บรรจุยาโบราณที่มีคุณค่าและหายากมากๆได้ มากที่สุดที่เคยสร้างมา​
     
  10. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    วาดภาพ ปั้น หล่อพระปฏิมากรของพระไภษัชยคุรุ(พระองค์เดียวหรือทั้ง ๗ พระองค์)นี้ ประดิษฐานไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อว่าพระพุทธบารมีและอำนาจแห่งมหายักษ์เสนาบดีทั้ง ๑๒ ตน จะมาสถิตอยู่ในสถานที่นั้นๆ​
    ตามอรรถในพระสูตรที่ว่า “หากมีพระนาม พระธารณี พระสูตรหรือพระปฏิมาของพระไภษัชยคุรุสถิตหรือปรากฏอยู่ ณ แห่งใด การเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ โรคาพาธร้ายแรง อาถรรพ์ชั่วร้ายทั้งปวงก็จะสิ้นไปจากแห่งนั้น”​
     
  11. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต​

    (จีน: 藥師佛/薬師; พินอิน: Yàoshīfó; ญี่ปุ่น: 薬師瑠璃光如来 Yakushi หรือ Yakushirurikō nyorai ?)
    เป็นพระพุทธเจ้าที่พบเฉพาะในนิกายมหายาน ไม่พบในฝ่ายเถรวาท​
    พระนามของท่านหมายถึงพระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งยารักษาโรค​
    ผู้มีรัศมีสีน้ำเงินดังไพฑูรย์ พระนามอื่นๆของท่านคือ​
    พระไภษัชยคุรุตถาคต พระมหาแพทย์ราชาพุทธเจ้า พระมหาไภษัชยราชพุทธเจ้า​
    เป็นที่นิยมนับถือในหมู่ชาวจีนและชาวทิเบต​


    ในความเชื่อของชาวจีน รูปของพระองค์อยู่ในท่านั่งสมาธิ มีรัตนเจดีย์วางบนพระหัตถ์ บ้างถือกระปุกยา ส่วนในความเชื่อของชาวทิเบต พระองค์มีกายสีน้ำเงินเข้ม นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ขวาถือยาสมุนไพร (ทางจีนนิยมเป็นเห็ดหลินจือ) พระหัตถ์ซ้ายถือบาตรวางบนพระเพลา​
    ถือกันว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่สามารถรักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสัตว์โลก​
     
  12. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระอานนท์ว่า " หากสรรพสัตว์ที่ยังมีกรรมหนักอยู่ ได้ยินพระนามของ พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า ท่องพระนามนี้ด้วยจิตแน่วแน่ และแนบแน่นอยู่กับพระนาม โดยไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยเลย แม้เพียงหนึ่งเดียวแล้วไซร้ ก็เป็นอันว่าสัตว์เหล่านั้นจะไม่มีทางจะจมลงสู่อบายภูมิเป็นแน่แท้ ดูกรอานนท์ การปฏิบัติอันสูงยิ่งของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นเรื่องที่ยากที่จะเชื่อ ยากที่จะเข้าใจ แต่หากเธอสามารถมีจิดตั้งมั่นอยู่กับการปฎิบัตินี้ได้ เธอก็จงรู้เถิดว่า นี่เกิดจากพลังอำนาจอันใหญ่ยิ่งของเหล่าพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย "​
     
  13. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าพระศากยมุนีพุทธะเสด็จประทับ ณ กรุงเวสาลี สุขโฆสวิหาร พร้อมด้วยพระมหาสาวก ๘,๐๐๐ องค์ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ๓๖,๐๐๐ องค์ และพระราชาธิบดีเสนาอำมาตย์ ตลอดจนปวงเทพ ก็โดยสมัยนั้นแล พระมัญชุศรีผู้ธรรมราชาบุตรอาศัยพระพุทธาภินิหาร ลุกขึ้นจากที่ประทับทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง คุกพระชาณุกับแผ่นดิน ณ เบื้องพระพักตร์ของสมเด็จพระโลกนาถเจ้า ประคองอัญชลีกราบทูลขึ้นว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์โปรดประทานพระธรรมเทศนาพระพุทธนามและมหามูลปณิธาน และคุณวิเศษอันโอฬารแห่งปวงพระสัมมาพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อยังผู้สดับธรรมกถานี้ ได้รับหิตประโยชน์บรรลุถึงสุขภูมิ” พระบรมศาสดา ทรงรับอาราธนาของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์แล้ว จึงทรงแสดงพระเกียรติคุณของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าว่า​


    ดูก่อนกุลบุตร จากที่นี้ไปทางทิศตะวันออก ผ่านโลกธาตุอันมีจำนวนดุจเม็ดทรายในคงคานที ๑๐ นทีรวมกัน ณ ที่นั้นมีโลกธาตุหนึ่งนามว่า วิสุทธิไพฑูรยโลกธาตุ ณ โลกธาตุนั้น มีพระพุทธเจ้าผู้ทรงพระนามว่า ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต พระองค์ถึงพร้อมด้วยพระภาคเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ตรัสรู้ดีชอบแล้วด้วยพระองค์เอง เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้จักโลก เป็นผู้ยอดเยี่ยมไม่มีใครเปรียบ เป็นนายสารถีฝึกบุรุษ เป็นศาสดาแห่งเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรมกล่าวสอนสัตว์ ดูก่อนมัญชุศรี ณ เบื้องอดีตภาค เมื่อพระตถาคตเจ้าพระองค์นี้ ยังเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงตั้งมหาปณิธาน ๑๒ ประการ เพื่อยังความต้องการแห่งสรรพสัตว์ให้บรรลุ​
     
  14. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ก็มหาปณิธาน ๑๒ ประการเป็นไฉน

    ๑. ในกาลใด ที่เราได้บรรลุ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งมีวรกายอันรุ่งเรืองส่องสาดทั่วอนันตโลกธาตุ บริบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักขณะ ๓๒ และอนุพยัญชนะ ๘๐ ขอให้สรรพสัตว์จงมีวรกายดุจเดียวกับเรา

    ๒. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้วรกายของเรามีสีสันดุจไพฑูรย์ มีรัศมีรุ่งโรจน์โชตนาการยิ่งกว่าแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ประดับด้วยคุณาลังการอันมโหฬารไพศาลพันลึก ส่องทางให้แก่สัตว์ที่ตกอยู่ในอบายคติให้หลุดพ้นเข้าสู่ที่ชอบตามปรารถนา

    ๓. ในกาลใดที่เราบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็ขอให้เราได้ใช้ปัญญาโกศลอันล้ำลึกสุขุมไม่มีที่สิ้นสุด ยังสรรพสัตว์ให้ได้รับโภคสมบัตินานาประการ อย่าได้มีความยากจนใด ๆ

    ๔. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หากมีสัตว์ใดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ขอให้เรายังเขาให้ตั้งในในสัมมาทิฏฐิโพธิมรรค หากมีสัตว์ใดดำเนินปฏิปทาแบบสาวกยาน ปัจเจกยาน ก็ขอให้เราสามารถยังเขามาดำเนินปฏิปทาแบบมหายาน

    ๕. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หากมีสรรพสัตว์ใดมาประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยของเรา ก็ขอให้เขาเหล่านั้นอย่าได้มีศีลวิบัติเลย จงบริบูรณ์ด้วยองค์แห่งศีลทั้ง ๓ เถิด หากผู้ใดมีศีลวิบัติ เมื่อได้สดับนามแห่งเรา ก็ขอให้จงบริสุทธิ์บริบูรณ์ดุจเดิม ไม่ตกสู่ทุคตินิรนาบาย

    ๖. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หากมีสรรพสัตว์มีกายอันเลวทราม มีอินทรีย์อันไม่ผ่องใส โง่เขลาเบาปัญญา ตาบอดหรือหูหนวก เป็นใบ้บ้า หรือหลังค่อม สารพัดพยาธิทุกข์ต่าง ๆ เมื่อได้สดับนามแห่งเรา ก็ขอให้หลุดพ้นจากปวงทุกข์เหล่านั้น มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีอินทรีย์ผ่องใสสมบูรณ์

    ๗. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หากยังมีสรรพสัตว์อันความทุกข์เบียดเบียนปราศจากที่พึ่งพิงและที่อยู่อาศัย ปราศจากแพทย์และยา ปราศจากวงศาคณาญาติ อันความยกจนข้นแค้นมีทุกข์มาเบียดเบียนแล้ว เพียงแต่นามแห่งเราผ่านโสตเขาเท่านั้น ขอสรรพความเจ็บป่วยจงปราศจากไปสิ้น เป็นผู้มีกายใจอันผาสุก มีบ้านเรือนอาศัยพรั่งพร้อมด้วยธนสารสมบัติ จนที่สุดก้จักได้สำเร็จแก่พระโพธิญาณ

    ๘. ในกาลใดที่เราบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หากมีอิสตรีใดมีความเบื่อหน่ายต่อเพศแห่งตน ปรารถนาจะกลับเพศบุรุษไซร้ มาตรว่าได้สดับนามแห่งเรา ก็จะสามารถเปลี่ยนเพศจากหญิงเป็นชายได้ตามปรารถนา จนที่สุดก็จักได้สำเร็จแก่พระโพธิญาณ

    ๙. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เราจงสามารถยังสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากข่ายแห่งมารและเครื่องผูกพันของเหล่ามิจฉาทิฏฐิ ให้สัตว์เหล่านั้นตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฏฐิ ปละให้ได้บำเพ็ญโพธิสัตว์จริยา จนบรรลุพระโพธิญาณในที่สุด

    ๑๐. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มีสัตว์เหล่าใดถูกต้องพระราชอาญาต้องคุมขังรับทัณฑกรรมในคุกตะราง หรือต้องบทอาญาถึงประหารชีวิต ตลอดจนได้รับการข่มเหงคะเนงร้าย ดูหมิ่นดูแคลนเหยียดหยามอื่น ๆ เป็นผู้อันความคับแค้นเผาลนแล้ว มีใจกายอันวิปฏิสารอยู่ หากได้สดับนามแห่งเรา ได้อาศัยบารมีและคุณาภินิหารของเรา ขอสัตว์เหล่านั้นจงหลุดพ้นจากปวงทุกข์ดังกล่าว

    ๑๑. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มีสัตว์เหล่าใดมีความทุกข์ด้วยความหิวกระหายแล้ว ประกอบอกุศลกรรมเพราะเหตุแห่งอาหารไซร้ หากได้สดับนามแห่งเรา มีจิตหมั่นตรึกนึกภาวนาเป็นนิตย์ เราจักประทานเครื่องอุปโภคบริโภคอันประณีตแก่เขา ยังเขาให้อิ่มหนำสำราญ แล้วประทานธรรมรสแก่เขา ให้เขาได้รับความสุข

    ๑๒. ในกาลใดที่เราได้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มีสัตว์เหล่าใดที่ยากจนปราศจากอาภรณ์นุ่งห่ม อันความหนาวและเหลือบยุงเบียดเบียนทั้งกลางวันกลางคืน หากได้สดับนามแห่งเรา และหมั่นรำลึกภาวนาถึงเราไซร้ เขาได้สิ่งที่ปรารถนา และจักบริบูรณ์ด้วยธนสารสมบัติสรรพอาภรณ์เครื่องประดับ และเครื่องบำรุงความสุขต่าง ๆ​
     
  15. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ครั้นแล้วพระบรมศาสดาศากยมุนีพุทธเจ้าตรัสต่อไป พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้านี้มีพระโพธิสัตว์ผู้ใหญ่ ๒ องค์ คือ พระสุริยไวโรจนะและพระจันทรไวโรจนะ เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ช่วยของพระไภษัชยคุรุว่า “ผู้ใดก็ดี ได้บูชาพระพุทธองค์ ด้วยความเลื่อมใสแล้ว ก็จักเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปราศจากภัยบีฑา ไม่ฝันร้าย ศัสตราวุธทำอันตรายมิได้ สัตว์ร้ายทำอันตรายมิได้ โจรภัยทำอันตรายมิได้ ยาพิษทำอันตรามิได้ ฯลฯ” นอกจากนี้ทรงแสดงถึงพิธีมณฑลบูชาพระไภษัชยคุรุอีกด้วยว่า ต้องจัดพิธีมีเครื่องบูชาอย่างนั้น ๆ และประทานพระคาถาบูชาพระไภษัชยคุรุด้วย ในเวลาตรัสพระคาถานี้ พระบรมศาสดาทรงประทับเข้าสมาธิชื่อ “สรวสัตวทุกขภินทนาสมาธิ” ปรากฏรัศมีไพโรจน์ขึ้นเหนือพระเกตุมาลา แล้วจึงตรัสพระคาถามหาธารณีดังนี้

    “นโม ภควเต ไภษชฺยคุรุ ไวฑูรฺยปรฺภาราชาย ตถาคตยารฺหเต สมอยกฺสมฺพุทฺธาย โอมฺ ไภเษชเย ไภเษชเย ไภเษชย สมุรฺคเตสฺวาหฺ”​
     
  16. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ครั้นตรัสพระมหาธารณีนี้แล้ว พสุธาก็กัมปนาทหวาดไหว แสงสว่างอันโอฬารก็ปรากฏ สัตว์ทั้งปวงก็หลุดพ้นจากสรรพยาธิ บรรลุสุขสันติอันประณีตแล้ว พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า “ดูก่อนมัญชุศรี ถ้ากุลบุตรกุลธิดาใด พยาธิทุกข์เบียดเบียนแล้ว พึงตั้งจิตให้เป็นสมาธิ แล้วนำพระมหาธารณีบทนี้ ปลุกเสกอาหารหรือยา หรือน้ำดื่มครบ ๑๐๘ หน แล้วดื่มกินเข้าไปเถิด จักสามารถดับสรรพปวงพยาธิได้ ฯลฯ” พระสูตรนี้ตอนปลาย ๆ ยังมีเรื่องราวพิสดารอีกมาก แต่จำต้องของดไว้เพียงเท่านี้ เป็นอันว่า ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ และความสำคัญของพระพุทธไภษัชยคุรุโดยสังเขปเท่านี้ สำหรับพระคาถาธารณีนั้น ท่านพระคณาจารย์สร้างพระกริ่งไม่ควรละเลย ควรนำมาใช้ปลุกเสกพระกริ่งได้ และควรถือว่าเป็นมนต์ประจำพระกริ่งโดยเฉพาะทีเดียว​
     
  17. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    เมื่อความศักดิ์อภินิหารของพระพุทธไภษัชยคุรุปรากฏตามที่ได้พรรณนามา พวกพุทธศาสนิกชนฝ่ายลัทธิมหายานจึงเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง มีพระพุทธไภษัชยคุรุบูชากันทั่วไปในวัดประเทศจีน ญี่ปุ่น ธิเบต เกาหลี และเวียตนาม ที่สุดจนในประเทศเขมรและประเทศไทย สำหรับประเทศไทย แม้จะนับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายสาวกยานลัทธิลังกาวงศ์ แต่ก่อนนั้นขึ้นไปเราก็เคยรับเอาลัทธิมหายานมานับถืออยู่ระยะหนึ่ง เป็นลัทธิมหายานซึ่งแพร่ขึ้นมาจากอาณาจักรศรีวิชัยทางใต้ และที่เผยแพร่มาจากเขมร ไทยเพิ่งจะเริ่มนับถือพระพุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ก็เมื่อยุคกรุงสุโขทัยนี้เท่านั้น อาณาจักรศรีวิชัยซึ่งตั้งแว่นแคว้นอยู่บนคาบสมุทรมาลายู ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๒๐๐ – ๑๗๐๐ รวมเวลานานราว ๖๐๐ ปี เป็นอาณาจักรที่เคารพนับถือพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน และนำลัทธิมหายานให้แพร่หลายไปในหมู่เกาะชวา มลายู ตลอดขึ้นมาจนถึงลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเขมรนั้น ปรากฏว่ามีทั้งลัทธิมหายานและลัทธิพราหมณ์เจริญแข่งกัน กษัตริย์ของเขมรหรือขอมสมัยนั้นบางองค์ก็เป็นพุทธมามกะ บางองค์ก็เป็นพราหมณมามกะ ในราว พ.ศ. ๑๕๔๖ – ๑๕๙๒ กษัตริย์เขมรพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระเจ้าสูรยวรมันที่ ๑ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จนถึงกับเมื่อสวรรคตแล้วมีพระนามว่า “พระบรมนิวารณบท” พระองค์เป็นเชื้อสายกษัตริย์จากอาณาจักรศรีวิชัย ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่า ลัทธิมหายานจะไม่เฟื่องฟุ้งขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ แต่ยังมีกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง คือ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๑๗๒๔ – ๑๗๔๘ พระองค์ทรงเป็นมหายานพุทธมามกะโดยแท้จริง ทรงพยายามจรรโลงลัทธิมหายาน ซึมซาบเข้าไปในจิตใจของปวงชน ทรงเป็นมหาราชองค์สุดท้ายของเขมร เพราะเมื่อสิ้นรัชสมัยแล้ว เขมรก็เข้าสู่ยุคเสื่อม พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ พระองค์นี้ ปรากฏว่าเป็นผู้สร้างเมืองใหม่ชื่อนครชัยศรี คือปราสาทของพระขรรค์ สำหรับเป็นพุทธสถาน ประดิษฐานพระปฏิมาอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อันเป็นพระโพธิสัตว์แห่งเมตตากรุณา ที่สำคัญอย่างยิ่งองค์หนึ่งของลัทธิมหายาน ทรงสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระเจ้าธรณินทวรมัน พระชนก และสร้างปราสาทตาพรหม ประดิษฐานพระปฏิมา ปรัชญาปารมิตา โพธิสัตว์แห่งปัญญา อุทิศแด่พระวรราชมารดา มีจารึกกล่าวว่า ปราสาทตาพรหมเป็นสำหรับพระมหาเถระ ๑๘ องค์ และสำหรับภิกษุอีก ๑,๗๔๐ รูปด้วย แล้วทรงสร้างปราสาทบายน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์เอง นอกจากนี้ปรากฏในศิลาจารึกตาพรหมว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้สร้างโรงพยาบาลคือ “อโรคยาศาลา” เป็นทานทั่วพระราชอาณาจักรถึง ๑๐๒ แห่ง ด้วยทรงเคารพนับถือพระพุทธไภษัชยคุรุยิ่งนัก จึงทรงอนุวัติตามพระพุทธจริยาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตอนหนึ่งในจารึกตาพรหมของพระองค์ซึ่ง “พันธ์พิทแพทย์” ได้ถอดเป็นภาษาไทยว่า ​
    : -
     
  18. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    “ขอนอบน้อมสักการะ แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้พระธรรมและบรรลุถึงซึ่งโลกุตรสุข พระองค์ทรงเป็นศาสดาที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เดียวโดยชอบ พระองค์เป็นผู้ถึงแล้วซึ่งพระนิรวาณ

    ข้าพเจ้าขอวันทาพระชินะไภษัชยคุรุไพฑูรยประภาราชะ พระผู้ประสาธน์สันติแห่งดวงจิตและความสงบ แม้แต่เพียงได้ยินพระนามก็ยังรู้สึกชื่นชมเสียแล้ว

    สรวมชีพศรีสุริยไวโรจนะเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ พระศรีจันทรไวโรจนะเจ้าแห่งดวงศศิธร ขอจงได้โปรดเปล่งรัศมีขจัดความมัวเมาในกิเลสราคะ และอกุศลมูลแห่งประชาสัตว์ให้ปราศไป และให้เบื้องพระเมรุไกรแห่งสมเด็จพระศรีศากยมุนีเป็นเจ้า มีแสงสว่างชำนะกิเลสเหล่านี้”​
     
  19. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ข้อความในจารึกนี้ แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงซาบซึ้งใน “พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชมูลปณิธานสูตร” ซึ่งข้าพเจ้าแปลตัดยกมาตอนต้นเพียงไร จึงทรงสามารถรำพันถ่ายความรู้สึกศรัทธาปสาทะในพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นออกมาได้อย่างไพเราะและยังทรงสรุปได้อย่างงดงาม คือทรงขอให้พระบวรพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ศากยมุนีโคตมะ ศาสดาแห่งมวลพุทธมามกะทั้งฝ่ายสาวกยานและมหายาน พระพุทธองค์ปัจจุบันให้รุ่งเรืองอีกด้วย นอกจากนี้กษัตริย์ “นักก่อสร้าง” พระองค์นี้ยังได้สร้างรูปพระปฏิมา “ชยพุทธมหานาถ” พระราชทานไปประดิษฐานไว้ในเมืองอื่น ๆ ๒๓ แห่ง ทรงสร้างธรรมศาลา ขุดสระน้ำ สร้างถนน จากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้าปรารถนาจะกล่าวว่า กริ่งพระปทุมของเขมรได้สร้างขึ้นอย่างแพร่หลายกว่าทุกยุคในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ นี้ เพื่ออุทิศบูชาแด่พระพุทธไภษัชยคุรุ และได้มีการสร้างบ้างแล้วในรัชสมัยพระเจ้าสูรยวรมันที่ ๑ ในการสร้างนั้นได้มีพิธีลุกเสกประจุฤทธิ์เข้าไปตามกระบวนพิธีลัทธิมหายาน ซึ่งปรากฏในพระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชมูลปณิธานสูตรนั้น กริ่งพระปทุมจึงมีฤทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ภายหลังเมื่อลัทธิมหายานเสื่อมสูญ คติการสร้างพระกริ่งยังคงสืบทอดกันมาและกลับมาแพร่หลายในหมู่ชาวไทย ลาว แต่นานวันเข้า ก็ลืมประวัติ วิธีสร้างแบบเดิม ทั้งนี้เพราะพระสูตรมหายานเป็นภาษาสันสกฤต ก็พลอยเลือนหายไปตามลัทธิมหายานด้วย พระเกจิอาจารย์ ท่านจึงได้ดัดแปลงวิธีการสร้างใหม่ตามแบบไสยเวท เช่นการลงยันต์ ๑๐๘ และ นะปฐมัง ๑๔ นะ ในแผ่นโละหะเป็นต้น ซึ่งก็ให้ผลความศักดิ์สิทธิ์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ถ้ามาตรว่าทำให้ถูกพิธีกรรมใหม่นี้จริง ๆ ส่วนเม็ดกริ่งในองค์พระนั้น สันนิษฐานได้เป็น ๒ ทาง คือทางหนึ่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระพุทธภาวะ อันมีคุณลักษณะอนาทิเบื้องต้นไม่ปรากฏ อนันตะแผ่สร้านอยู่โดยทั่วไป เบื้องปลายก็มิได้ปรากฏ จึงทำเป็นเม็ดกลมอีกทางหนึ่ง ชะรอยจะอนุมัติตามคติที่ว่า แม้เพียงได้สดับพระนามก็อาจให้ได้รับความสวัสดีได้ จึงใช้ประจุเม็ดกริ่งไว้ เพราะเมื่อสั่นองค์พระทุกครั้งก็จะได้บุญ ๒ ต่อ คือผู้สั่นเท่ากับได้เจริญภาวนถึงพระไภษัชยคุรุ ส่วนผู้อื่นที่ได้ยินเสียงกริ่งก็พลอยได้บุญไปตาม ฉะนั้น การสร้างพระกริ่งท่านจึงนิยมสร้างเป็นองค์ติดอยู่ในขันน้ำมนต์ด้วยอีกโสดหนึ่ง เมื่อผู้ที่ต้องการน้ำมนต์ เพียงเอาน้ำตักใส่ขันแล้วอาราธนา ก็จักสำเร็จเป็นน้ำมนต์ขึ้น​
     
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระวันรัต (แดง) เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ อาพาธเป็นอหิวาตกโรค มีอาการหนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (ครั้งยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมหมื่น) เสด็จไปเยี่ยมพระองค์ท่าน ได้อาราธนาพระกริ่งปวเรศฯ ของสมเด็จพระอุปัชฌาย์ ทำน้ำมนต์ถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) ดื่ม ปรากฏอำนาจมหัศจรรย์ คืออาพาธทุเลาเป็นลำดับ จนกระทั่งหายเป็นปกติ ด้วยวิธีดื่มน้ำพระพุทธมนต์แช่พระกริ่งนี้ ครั้งนั้นสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ยังมิได้ทรงอัครสมณศักดิ์ ได้เป็นผู้พยาบาลสมเด็จพระวันรัต (แดง) โดยใกล้ชิด ได้เห็นโดยตลอด ด้วยประการฉะนี้ พระพุทธรูปกริ่งจึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกกันว่า พระหมอ มาแต่โบราณ ซึ่งตรงกับพระนามอันแท้จริงของพระองค์ว่า ไภษัชยคุรุพุทธะ อย่างแปลกประหลาด​
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...