พระเนื้อขาว กระทู้เปิดตำนานหลวงปู่ทิม ฯ

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

ทุกวันนี้เหตุผลของการนำมาสู่ในเรื่องของพระขุนแผนพรายกุมาร ด้วยเพราะมีความสนใจต้องการกันมากในวงการซื้อขายและผู้คนที่ศรัทธาน้อมนำ เมื่อก่อนนี้แทบจะไม่มีราคากันเลย รึอาจจะมีในราคาที่ไม่แพงมากยังพอเช่าหากันได้ซึ่งอาจเสาะกันทั้งในหมู่บ้านและตามสนามพระ ถ้าในเมืองระยองสมัยนั้นตลาดพระจะตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมโอตานี่ อาจจะด้วยเพราะประสบการณ์ต่างๆนาและการร่ำลือกันประกอบด้วยความศรัทธาที่มากหลาย เราจะเห็นจากพลังศรัทธาของผู้คนเมื่อคราวตอนพระราชทานเพลิงพระศพพระครูภาวนาภิรัติ(หลวงปู่ทิม) เมื่อปีพ.ศ.2526หรือ30กว่าปีล่วงมาแล้ว

ในกาลฉะนั้นจะเห็นว่าเหล่าสาธุชนคนศรัทธาทั้งหลายหลั่งไหลกันเข้ามามาก ซึ่งยุคนั้นคนที่ทันเมื่อตอนปีที่หลวงปู่ท่านมรณภาพ ขณะที่หลวงปู่ท่านมีอายุได้ 96 ปี ผลปรากฏว่าหวยงวดนั้นออกตรงเผงอายุหลวงปู่พอดี เป็นที่ฮือฮามากในยุคนั้น จากนั้นก็เริ่มมีผู้คนรู้จักชื่อเสียงกันมากขึ้น ด้วยเพราะบารมีและวัตรปฏิบัติอันงดงาม จากนั้นวัตถุมงคลต่างๆของหลวงปู่ทิมก็เริ่มมีการกล่าวขานกันอย่างแพร่หลาย หลังจากนั้นลูกศิษย์ลูกหาก็ได้ทำจัดทำหนังสือรวบรวมประวัติต่างๆและวัตถุมงคลขึ้นมา ซึ่งในเนื้อเรื่องมีการเขียนเล่าประวัติต่างๆโดยเขียนกล่าวข้อมูลของนายสาย แก้วสว่างที่เป็นไวยาวัจกรของวัดและเก็บเรื่องราวประวัติความเป็นมาของหลวงปู่มาเป็นเนื้อหา ประเด็นหลักสำคัญที่มีการอ้างอิงเขียนเล่าเรื่องราวขึ้นมาอย่างพิสดารก็คือ”การไปพลีเอาผงกะโหลกพรายกุมารมาทำพระเครื่อง” ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงแท้หรือเรื่องเล่าความ จุดนี้มีคนสนใจกันมาก เพราะทุกวันนี้ต่างก็คิดว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ดีเพราะมีผีเข้าช่วย

เหตุที่มาเมื่อเขียนกันไปแล้วจึงเกิดความขัดแย้งกับคนที่คลุกคลีอยู่กับหลวงปู่ เพราะทราบดีว่าหลวงปู่ท่านไม่เคยเล่นผี แล้วที่ว่าผงพรายกุมารนั้นมายังไง บุคคลที่ตอบได้ก็ต้องเป็นคนที่อยู่วัดและคนที่มีความลึกซึ้งกับหลวงปู่โดยตรง ไม่ใช่ลูกศิษย์ที่ผ่านไปผ่านมาหรือนานๆมาที แล้วใครเล่าในทุกวันนี้ที่จะตอบได้นอกจากลุงสาย แก้วสว่าง ที่เป็นบุคคลเอกในหนังสือเรื่องราวต่างๆที่ต้องถูกเขียนยกขึ้นมา ซึ่งนอกเหนือจากนี้แล้วคนที่ตอบเรื่องราวได้ก็ต้องเป็นพระเณรที่บวชทันยุคการสร้าง

ความจริงแล้วทุกวันนี้นั้นทำไมคนยุคหลังๆที่ศึกษาข้อมูลกันมาถึงเขียนเล่าเรื่องราวกันไม่ได้หรือเขียนกันยังไงก็ไม่ลงตัว ในเรื่องราวต่างๆก็เพราะข้อมูลมันได้บิดเบือน และยกเมฆกันไปก่อนหน้านี้แล้ว คนเขียนก่อนย่อมทราบดี อาจจะมีบางเรื่องที่ตรงเรื่องราว กับบางเรื่องที่เขียนเล่าความ เพราะความประมาณการและการนึกคิดกันไป

ประเด็นสำคัญที่นำมาสู่การถกเถียงหรือการโจมตีกันอย่างไม่จบสิ้น คือ “ ขุนแผนผงพรายกุมาร” และ “ผงพรายกุมาร” ด้วยเหตุไฉนถึงเป็นเรื่องราวกันไม่จบสิ้นในทุกๆวันนี้เพราะอะไร..............?...................

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

สิ่งที่ล่วงไปแล้ว . . . ไม่ควรทำความผูกพัน
เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้น
กลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว
โดยความไม่สมหวังตลอดไป . . .
อนาคต ที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
อดีต . . . ปล่อยไว้ตามอดีต
อนาคต . . . ปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้
เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย(คำสอนหลวงปู่มั่น)

 

สวัสดีครับ
เพิ่งมีโอกาสติดตามลายแทง(พี่ธีระ มหาลาภ)เข้ามาอ่านในกระดานนี้ครับ
ขอติดตามอ่านต่อนะครับ เสียดายแต่ไม่ทันได้ร่วมทำบุญก่อนหน้านั้เท่านั้น

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

[FONT=&quot]ถ้าจะว่า กล่าวถึงแง่มุมข้อคิดสำคัญ การนำเรื่องราวต่างๆมาเผยแพร่นั้นเป็นเรื่องดีเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของครู บาอาจารย์ที่เคารพนับถือ ซึ่งด้วยความเริ่มมีชื่อเสียงที่ขจรไกลอย่างเป็นบรรทัดฐาน จนเกิดความศรัทธาที่สูงล้ำนำพาครองสู่อิทธิพลเหนือจิตใจของผู้คนที่นับถือ สิ่งนี้ถือว่าสำคัญมากกับการดำเนินชีวิตให้เป็นไปดั่งความต้องการอย่างปกติ สุข[/FONT]

[FONT=&quot]อานุภาพ ประสบการณ์และความอัศจรรย์ถือเป็นเรื่องของความเชื่อของคนที่บางครั้งวิทยา ศาสตร์อาจพิสูจน์ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น หรืออาจเป็นเรื่องในแนวของไสยศาสตร์ก็ว่าได้ ถ้าเรามองในเรื่องของคนในยุคสมัยก่อนนั้นอาจเป็นเรื่องจริงที่สามารถเกิด ขึ้นได้ เพราะเกจิในยุคเก่านั้น เมื่อมีบทการเรียนรู้ก็ต้องมีบทการพิสูจน์และบททศสอบให้มีความมั่นใจอย่าง ประจักษ์ถึงจะเชื่อ โดยเฉพาะวิชาอาคมกับอำนาจจิตที่แก่กล้า[/FONT]

[FONT=&quot]พระคาถา [/FONT][FONT=&quot]หมายถึง พระดำรัส หรือคำพูด[/FONT],[FONT=&quot] อาคม หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ มีเดช[/FONT] [FONT=&quot]รวมกันเรียกว่า[/FONT]“[FONT=&quot]พระคาถาอาคม[/FONT]”[FONT=&quot]พระ คาถา หรือบางทีเรียก บทพระเวทย์หรือ เวทมนต์ เมื่อนำมาบริกรรมสวดเจริญภาวนา ด้วยความเคารพศรัทธาก็จะเกิดความศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ มีเดช ขึ้นมา เมื่อผู้ปฏิบัติได้นำมาใช้ในทางที่ดี ช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตเมตตา ไม่โลภ โกรธ หลง ย่อมเกิดพลังบุญ เรียกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]พลังพุทธคุณ[/FONT]”[FONT=&quot] แต่หากได้นำเวทมนต์ ไปใช้ในทางไม่ดี เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น เป็น อวิชชา เรียกว่า [/FONT]“[FONT=&quot]มนต์ดำ[/FONT]” [FONT=&quot]หรือ [/FONT]“[FONT=&quot]คุณไสย์[/FONT]” [FONT=&quot]จะเกิดบาปกรรมเป็นโทษเป็นภัยได้[/FONT][FONT=&quot]ในสิ่งนี้ครูบาอาจารย์เขาถึงยึดมั่นและหวงแหนกัน[/FONT]

[FONT=&quot] เมื่อเรามองในสิ่งนี้จะรู้ว่าเหตุผลที่ทำไมหลวงปู่ทิมท่านจึงหวนแหนวิชาอาคม ต่างๆไม่ถ่ายทอดให้กับใครง่ายๆ แต่ส่วนใหญ่ในการถ่ายทอดวิชาให้แก่ศิษย์ที่ใกล้ชิดนั้นท่านจะเน้นสอนเรื่อง แพทย์แผนโบราณซะส่วนใหญ่เพราะต้องนำมาใช้งานปฏิบัติ ส่วนการลงของลงอักขระและยันต์ต่างๆในวัดนั้นหลวงปู่ท่านจะสอนให้กับศิษย์ที่ ใกล้ชิดซึ่งมีหลักๆคือหลวงตารอด[/FONT],[FONT=&quot] นายสาย แก้วสว่าง[/FONT],[FONT=&quot] หมอหลาบ และศิษย์ใกล้ชิดอีกท่านหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม)ที่เป็นหัวแรงสำคัญโดยยังมีชีวิตอยู่ นอกนั้นเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว [/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อ กล่าวถึงผงพรายกุมารคนที่อยู่วัดละหารไร่ในและคนที่อยู่คลุกคลีอยู่กับหลวง ปู่จริงคงทราบดีว่าท่านเล่นของแบบนี้หรือไม่ ท่านเคยมีดำหริใช้ให้ศิษย์ไปผ่าท้องเอากระโหลกมาทำผงพรายด้วยหรือ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทุกวันนี้มันเป็นความเชื่อที่เขียนบทแผ่กระจายมาแต่ ก่อน จากการเขียนบทความร้อยเรียงจากศิษย์ท่านหนึ่งที่ไม่นึกว่ามันจะเป็น เหตุการณ์ที่มันต้องเอามาเถียงกันบานปลายในทุกๆวันนี้เพราะแค่คำว่าผงพราย กุมารกับอานุภาพความเชื่อที่มีอานุภาพอย่างมหัศจรรย์จนนำมาสู่หลักการสร้าง และการขายกันในวงการอย่างเชื่อมั่น ทั้งๆที่เรื่องจริงแท้นั้นยังไม่ทราบกันเลย โดยถ้าไม่ใช่การสร้างบทละครย้อนตำนานอันลือลั่นก็คงไม่มีใครหรือลูกศิษย์คน ไหนกล้าออกมายืนยันกันแน่ว่าเป็นเรื่องจริงที่เห็นกับตา..... [/FONT]

 

สวัสดีครับ ลุงสาย และ กัลยาณมิตรทุกๆคน

 

สุขสันต์วันเกิดครับอาจารย์พร้อมให้มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป
ขอรับพระลำดับที่ 97

 

ทำไมเงียบจังครับ ผมขอเล่าเรื่องหลวงปู่ทิมให้ฟังสักนิดหน่อยนะครับ เรื่องมีอยุ่ว่าผมมีเพื่อนรุ่นพี่อยุ่คนหนึ่งอายุเขามากกว่าผม 7 ปี เป็นตำรวจยศนายดาบเจอกันตอนผมเป็นวัยรุ่นบนรถเมลย์ตอนกลับจากวัดหลวงพ่อเปิ่น ผมทักพี่เขาก่อนว่านั่นพระหลวงปู่ทิมใช่ไหมครับ พี่เขาบอกว่าใช่เป็นพิมพ์พลายเพชรพลายบัว พี่เขาเล่าให้ฟังว่าเขาเข้าวัดตอนหลวงปู่ยังมีชีวิตอยุ่ดังต่อไปนี้ พอลงจากรถ ก็มีเด็กวัดเข้ามาถามเขาว่า พี่ครับพี่มาจาก กรุงเทพฯ ใช่ไหมครับ พี่เขาถามว่ารู้ได้อย่างไร เด็กวัดตอบกับมาว่าหลวงปู่สั่งให้พวกเขามารอรับนะครับ แล้วเด็กวัดก็พาพี่เขาไปวัดตกตอนค่ำหลวงปู่บอกให้พี่เขาเข้าไปนอนในห้องท่านนะครับ ตอนตี 3 พี่เขาตื่นขึ้นมาเพราะหลวงปู่ท่านลุกมาสวดมนต์พี่เขาก็ลุกมาพนมมือตอนมืดๆ นั่นแหละครับเพราะห้องหลวงปู่มืดนะครับ สักครู่พี่เขาได้ยินเสียงในบาตรตรงหน้าหลวงปู่เหมือนและมีเสียงของหล่นมาตรงหน้าพี่เขาเขาก็เอามือรวบมากกองไว้ที่ตัว พอถึงตอนเช้าพี่เขาก็ขอหลวงปู่ว่าลูกขอนะครับ หลวงปู่ท่านบอกว่าอือ คำเดียวครับ รู้ไหมว่าไอ้ที่หล่นมาคืออะไร

 

เป็นปลัดขิกไม้กัลปังหาดำ ตัวเล็กๆขนาด 2 นิ้วก้อยนะครับพอถึงช่วงเช้ามีคนมากราบหลวงปู่ทิม และบูชาวัตถุมงคลที่วัดมากมายมาจาก ตจว และ กทม มาเช่าแล้วก็เอามาใส่ถาดเพื่อให้หลวงปู่ทิมท่านเศกให้อีกครั้งหนึ่ง พี่เขาเล่าต่อว่าหลวงปู่ท่านนั่งหลับตาจับถาดซึ่งมีวัตถุมงคลของท่านมีทั้ง ตระกรุด พระเครื่องต่าง ปลัดขิกอีกหลายอย่างที่มีให้บูชาเต็มถาดสังกระสีเลยครับท่านนั่งหลับตาไม่ถึง 5 นาที รู้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น

 

สุดยอดเลยครับพี่ผมว่าเครื่องรางของหลวงปู่โดยเฉพาะปลัดขิกทุกตัวนั้นมีจิตวิญญาณทุกตัว ผมเชื่อตามนั้นครับ

 

ใช่ครับถ้าหลวงปู่ท่านเศกนะครับผมขอเล่าต่อนะครับ

 

ของในถาดไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ตระกรุด ปลัดขิกและของที่อยู่ในถาดก็ลุกตั้งขึ้นสักครู่ก็หมุนรอบถาดจากช้าๆและเร็วขึ้นจนท่านหลวงปู่เศกเสร็จทุกอย่างจึงอยู่กับที่นะครับคนที่บูชาเห็นกันทั้งหมดเลยครับต่อจากนั้นรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ต่างคนก็พูดว่า องค์นี้ของกู องค์นั้นของกูตัวนี้ของกูเหมือนเด็กๆแย่งของกันนะครับ หลังจากนั้นก็แห่ไปเช่าบูชาของหลวงปู่กันใหญ่เลยนะครับ ส่วนเพื่อนผมไม่ต้องพูดถึงพอเสาร์อาทิตย์เขาจะไปหาหลวงปู่ทุกเสาร์เลยครับทุกครั้งที่ไปหลวงปู่จะให้ไปนอนห้องท่านประจำเลยครับ แต่พระที่ผมเห็นเพื่อนห้อยพระหลวงปู่ประจำเลยคือ พลายเพชรพลายบัวและ ตระกรุดเจ็ดกษัติย์ และพระผงรูปเหมือนเศรียรโต นะครับ แต่พระในห้องเพื่อนที่แฟลตตำรวจอือฮื้อไม่อยากเล่าเลยครับ 5555555555555555

 

ขอบคุณที่มาเล่าเรื่องราวดีๆให้ฟังนะครับ คุณThana 2

 

ขอเล่าย้อนสักเล็กน้อยนะครับ วันที่เจอพี่เขาบนรถเมล์เดินทางกลับจากวัดหลวงพ่อเปิ่นนั้น พี่เขาถามผมว่าบ้านอยู่ที่ไหน ผมตอบเขาว่าผมอยู่ซอยศาสนา พี่เขาอยู่ซอยลือชา ตกลงห้องผมกับพี่เขาอยู่ใกล้กันเขาเลยชวนให้มาที่แฟลตตำรวจเขานะครับ พอเข้าไปในห้องเขานี่เป็นอะไรที่อึ้งมากๆ ครับรู้ไหมผมเจออะไรในห้องพี่เขาบ้าง..............

 

ตอนนั้นรู้สึกจะเป็นการประมูพระในงานร่วมบุญสร้างพระประธาน ตอนนี้ลองติดต่อกับคุณรักรังสิตดูนะครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

[FONT=&quot]เมื่อ เหตุการณ์การเขียนดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นมาจากศิษย์ผู้เขียนจนเป็นต้นฉบับที่ ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่ก็ไม่มีใครนำมาค้านเพราะตอนนั้นคนที่ทราบเรื่องราวโดยส่วนใหญ่จะเป็นชาว บ้านที่คลุกคลีและพระเณรที่อยู่วัดก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับข้อมูลเรื่อง ราวในหนังสือ ซึ่งความจริงตอนนั้นส่วนใหญ่ลูกศิษย์ยุคหลังก็คงจะทราบเรื่องราวในบางครั้ง ตั้งแต่ในช่วงยุคปลายของหลวงปู่แล้ว ในยุคต้นอาจจะทราบในช่วงตอนที่มาหรือการบอกเล่ากันต่อเท่านั้น [/FONT]

[FONT=&quot]ถึง แม้กระนั้นในกระบวนเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับความจริงโดยที่ไม่มีผลประโยชน์มาแอบแฝงกันเพราะ ทุกอย่างต้องประมวลจากหลักความจริงและจากคำยืนยันจากบุคคลที่อยู่ใน เหตุการณ์นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างพระเครื่องเนื้อผงที่เป็นความศรัทธาดั่งทุกผองชน และโดยแนวทางการสร้างพระเครื่องในวัดนั้นเป็นแบบอย่างใดกันโดยตามหลักความ เป็นจริงที่ต้องนำมาวิเคราะห์[/FONT]

[FONT=&quot]การที่นำออกมาพิสูจน์เรื่องราวความจริงแท้นั้นเพราะการหลงข้อเท็จจริงกันไปมากกับการวิเคราะห์ที่เป็นประเด็นอย่างหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot] ที่มาจากความบิดเบือนที่อาจจะคล้ายในเหตุการณ์ความเป็นจริงหรือความเสมอ เหมือนกันในข้อเปรียบเทียบ และการสร้างเรื่องราวขึ้นใหม่ที่มันซับซ้อนขึ้นมาอีกกับดุลของเรื่องราวใน บางอย่างที่เคยเป็นเหตุการณ์กันมากับผลประโยชน์ที่เหนี่ยวนำ จนในบางครั้งมันอาจจะดูแยบคายกันยาก ถ้าวิเคราะห์กันไม่ขาดหรือขาดเหตุผลที่ควรจะเชื่อกัน.....[/FONT]

 

Originally Posted by keng29 View Post
แล้วเจออะไรครับ มีรูปให้ชมไหมครับ^^

สมัยนั้นมือถือผมไม่มีครับและโทรศัพท์คนเขาใช้รุ่นหอบหิ้วนะครับ555 หนักมากไม่เหมือนยุคนี้ครับ พอเข้าไปในห้องพี่เขาซ้ายมือมีชั้นวางรูปหล่อ3นิ้วกับ5นิ้วเต็มสองชั้นเลยครับแล้วพี่เขาเอาขุนแผนทั้งพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่มมาให้ดูอีกหลายตลับเหรียญมีเป็นอัลบั้มเลยครับแม้กระทั่งไม้เท้าหลวงปู่ก็ยังอยู่ที่เขาเลยครับผมเคยถามมเขาว่าทำไมไม่ออกให้บูชาบ้างเขาบอกว่ายังไงก็ไม่ให้บูชาครับและผมยังถามพี่เขาอีกว่าไม่กลัวโขมยงัดห้องหรือเขาตอบกลับมาว่าแถวที่เขาอยู่โดนงัดแทบทุกห้องยกเว้นห้องเขาครับ
Share
Share this post on Digg
Del.icio.us
Technorati
Twitter

 

Quote:
Originally Posted by keng29 View Post
เสียดายเลยครับ ไม่ได้เห็นของที่ทันหลวงปู่ ไม่งั้นความจริงจะได้กระจ่าง โดยเฉพาะขุนแผนนี่ หลายบล็อคเหลือเกิน ถ้าติดต่อกันได้ก็ขอชมรูปเป็นวิทยาทานหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ^^

ได้ครับ ถ้าเขาอนุญาตินะครับ กับหลวงปู่แก้ว พี่เขาเคยพาผมไปที่วัดหนองพะวา เพื่อไปให้หลวงปู่แก้ว ท่านสักให้นะครับ ปกติหลวงปู่แก้วท่านเลิกสักให้ลูกศิษย์นานแล้ว ครับ ไปวัดหลวงปู่ทิม ก่อน แล้วเอาจักรยานขี่ขึ้นเนินมาวัดหนองพะวา ซึ่งตอนนั้นต้องพ่วงพี่เขาด้วยโหเหนื่อยมากครับ แต่ขอบอกพอเจอหลวงปู่แก้วนี่ เป็นอะไรที่หายเหนื่อยเลยครับ

 

ท่านให้ไปเอาเข็มสักที่บ้านหลานท่าน น้ำมันงาด้วย ตอนนั้นหลวงปู่แก้วท่าน อายุ 101 ปี ตาท่านมองไม่เห็นแล้วนะครับ ท่านให้ก้มหัวท่านลงที่กระหม่อม ต้นคอ และกลางหลัง เสร็จแล้วท่านให้ดื่มน้ำมันงาอีก 2 อึก แล้วก้มลงกราบท่านพอก้มกราบท่าน ท่านเอามีดพร้าฟันมาที่กลางหลังมือหลวงปู่แก้วหนักมาก ผมแปลกใจมากท่านแก่มากแล้วแต่ทำไมมือหนักอย่างนี้แต่แปลกมากๆ ยิ่งท่านฟันหนังมันเห่อรับมีด ไม่รู้สึกอะไรเลยยิ่งฟันยิ่งมันครับ นี่ถ้าเป็นองค์อื่นหรืออาจาร์ยฆราวาสทุกรายที่เคยลองป่านนี้ลงไปนอนจุกแล้วครับ พอฟันเสร็จท่านบอกว่า ท่านลงวิชาชาตรี ให้นะครับ นี่ไงครับที่บอกว่าหายเหนื่อยเลยนะครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม และขอบคุณข้อมูลต่างๆได้อ่านเพื่อมีสติ
ขอบคุณชาวเวปและอนุโมทนา สาธุด้วยครับ .