จิตมารมีลักษณะเช่นไร

จิตมารมีลักษณะเช่นไร
ร่วมแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์
และพูดคุยกันได้ตามอัธยาศัย ครับ... ^_^

 

ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ได้แบ่งมารออกเป็น 5 ประเภท[2] ได้แก่

1. กิเลสมาร คือ กิเลสซึ่งทำให้เรามีความประพฤติ และนิสัยไม่ดีต่าง ๆ ในแง่ของมารหมายถึง กิเลสที่คอยขัดขวางไม่ให้เราทำความดี

2. ขันธมาร คือ ขันธ์ ซึ่งบกพร่องแล้วเป็นมารผลาญตัวเอง ในแง่ของมารหมายถึง ขันธ์ที่คอยกีดขวางการทำความดี เช่น ต้องการฟังธรรมะ แต่หูหนวก ไม่สามารถฟังธรรมได้ เป็นต้น

3. อภิสังขารมาร คือ ความคิดนึกอันประกอบกับอารมณ์ เป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น ขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ

4. เทวบุตรมาร เทวดาที่เป็นมาร คือ ท้าววสวัตตี จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี เป็นต้น

5. มัจจุมาร คือ ความตายที่ตัดโอกาสการทำความดีของเรา

ข้อพิจารณา
- ดังนั้นจิตที่ถูกมารทั้งห้าครอบงำจึงสงเคราะห์ลงเป็นจิตมารได้ครับ
- ในขณะเจริญสมาธิจิตถูกนิวรณ์ธรรมครอบงำ จิตในขณะนั้นก็จัดว่าเป็นจิตแห่งมารได้เช่นกันครับ
- อกุศลจิต อันเป็นไปด้วยอำนาจแห่ง โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ ก็จัดว่าเป็นจิตแห่งมารได้เช่นกันครับ
- จิตอันโลกธรรมแปดกระทบแล้วทำให้หวั่นไหวอยู่ขณะใด โลกธรรมในขณะนั้นก็ชื่อว่าเป็นมารเป็นปฎิปักษ์ของจิตได้เช่นกันครับ
- มิจฉาทิฎฐิใดครอบงำจิตแล้วทำปัญญาให้มืดบอด จิตของบุคคลผู้เช่นนั้นบัณฑิตกล่าวว่าเป็นจิตแห่งมารโดยแท้นั้นเทียว! ^_^

 

ปฏิฆะมันเกิดที่ใจ ธรรมทั้งหลายสำเร็จได้ด้วยใจ

 

จิต คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์, สภาพที่นึกคิด, ความคิด, ใจ; ตามหลักฝ่ายอภิธรรม จำแนกจิตเป็น ๘๙ (หรือพิสดารเป็น ๑๒๑) แบ่ง โดยชาติ เป็นอกุศลจิต ๑๒ กุศลจิต ๒๑ (พิสดารเป็น ๓๗) วิปากจิต ๓๖ (๕๒) และ กิริยาจิต ๒๐; แบ่ง โดยภูมิ เป็นกามาวจรจิต ๕๔ รูปาวจรจิต ๑๕ อรูปาวจรจิต ๑๒ และโลกุตตรจิต ๘ (พิสดารเป็น ๔๐)

มาร คือ 1.สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากความดีหรือจากผลที่หมายอันประเสริฐ, ตัวการที่กำจัดหรือขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี มี ๕ คือ ๑.กิเลสมาร มารคือกิเลส ๒.ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์ ๓.อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขารที่ปรุงแต่งกรรม ๔.เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร ๕.มัจจุมาร มารคือความตาย 2.พระยามารที่มีเรื่องราวปรากฏบ่อยๆ ในคัมภีร์ คอยมาแทรกแซงเหตุการณ์ต่างๆ ในพุทธประวัติ เช่น ยกพลเสนามาผจญพระมหาบุรุษในวันที่จะตรัสรู้ พระองค์ชนะพระยามารได้ด้วยทรงนึกถึงบารมี ๑๐ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฏฐาน เมตตา อุเบกขา มารในกรณีเช่นนี้ บางทีท่านอธิบายออกชื่อว่าเป็นสวัตดีมาร ซึ่งครองแดนหนึ่งในสวรรค์ชั้นสูงสุด แห่งระดับกามาวจรคือปรนิมิตวสวัตดี เป็นผู้คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้มิให้ล่วงพ้นจากแดนกามซึ่งอยู่ในอำนาจครอบงำของตน อย่างไรก็ดี ผู้ศึกษาพึงพิจารณาเทียบจากมาร ๕ ในความหมายที่ 1.ด้วย (คัดลอกจากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับ พระธรรมปิฎกฯ) นั่นย่อมหมายถึง "อกุศล"นั่นเองดังนั้น จิตมาร ย่อมหมายถึง
ธรรมชาติรับรู้อารมณ์ ฯลฯ ที่ได้รับการสัมผัส ไปในทาง อกุศล ฉะนี้

 

จะจิตมารหรือจิตพุธธะ ก็ล้วนเป็นครู
ว่าเดินตามทางจิตมาร(ความชั่ว) จะได้ผลเช่นไร(ทุกข์)
และถ้าเดินตามทางของจิตพุธธะ(ความดี) จะได้ผลเช่นไร(สุข)
ถ้าไม่มีความชั่ว จะรู้จักความดีได้อย่างไร
ปราถนาโลกุต(แก่น)ก็ต้องผ่านโลกีย์(เปลือก)
จะจิตมารหรือพุธธะ ก็ล้วนเป็นครู ที่สอนให้รู้ เข้าใจ และปล่อยว่าง

 

สาธุ นานาจิตตัง ^_^

 

ท่าน telwada อธิบายได้ดีน่านับถือมากคับ

 

มารคือเครื่องขัดข้อง ทำสิ่งใดแล้วขัดข้องอยู่ เรียกว่ามีมารอยู่
จิตมารคือจิตที่ขัดข้องอยู่ในกิเลสและเครื่องเศร้าหมอง
จิตมารเกิดจากอะไร? จิตมารเกิดจากความไม่รู้ทุกสิ่งในหลักไตรลักษณ์
ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่รู้และไม่รับในไตรลักษณ์ ย่อมข้องอยู่เหมือนวัวพันหลักฉันนั้น

 

จิตมารจิตที่คิดไม่ดีรวมแล้วเรียกปุถุชน
จิตที่คิดดีมีรากเหง้ามาจากจิตหนึ่งพุทธะ

 

สาธุธรรมทุกท่าน ^_^

 

.......^__^......
มารในอีกมุมมองหนึ่งนั้นหากจะเปรียบเทียบก็เสมือนบททดสอบขั้นต่างๆที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติได้รู้ถึงสภาวะธรรมของตนว่าปฏิบัติได้ถึงขั้นใดแล้ว ผ่านหรือไม่ผ่านด้วยเหตุใด ต้องแก้ไขอย่างไร แบบนี้เป็นต้น....

 

มันไม่มีหรอกคนชั่วหรือ คนดีในโลกนี้
มีแต่คนที่ชนะใจตนเอง(ฝืนข่มกิเลส ตันหา อุปาทาน ) และคนทีแพ้ใจตนเอง( ตามใจกิเลส ตันหา อุปปาทาน)ก็เท่านั้น

ในบางครั้งเราก็ชนะใจตัวเองและใน บางครั้งเราก็แพ้ใจตนเอง
เพราะฉนั้นทุกจิตวิญญาณ ไม่มีสิทฺธ์ไปตัดสินว่าเขาเป็นคนดีหรือคนชั่ว
มนุษย์ต่อให้เกิดมาทำแต่ความชั่ว เขาก็ไม่ได้เป็นคนชั่ว เพราะกว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ถ้าทำแต่ความชั่วมาตั้งแต่ชาติอดีต ชาติปัจจุบันเขาคงไม่มีทางเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน
คนทำแต่ความดีก่อนตายจิตเศร้าหมองยังตกนรกได้ คนทำแต่ความชั่วจิตก่อนต่ายประภัสสรก็ยังขึ้นสวรรค์ได้
ในวังวนแห่งวัฏฏสงสาร จิตที่ยังมีตัญหา(ยึดมั่น) อุปทาน(ถือมั่น) ท่านก็ยังตกนรก(ทุกข์) ขึ้นสวรรค์(สุข) ได้ทุกจิตวิญญาณ

 

คน นะ คนดี
ติด
ที่เค้า
เอาใจใคร