ผมปฏิบัติธรรมมานานเหมือนมันไม่ก้าวหน้าเลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย data44, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    อยากลองฝึกบ้างจังเลยครับ เพราะผมลองทบทวนดูแล้ว ผมเป้นคนชอบแนวฤทธิ์ ชอบดุหนังเวทย์มนต์ หนังจีนกำลังภายใน เหาะได้อะไรประมาณนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้เกี่ยวกันไหม ผมเลยคิดว่าเป็นวาสนานิสัยเดิมมารึเปล่า แฮๆ ท่านอื่นอ่านแล้วอย่าเพิ่งหมั่นไส้นะครับ
     
  2. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    เอ่ๆ รู้สึกตรงนี้ แทงใจดำชอบกลครับ หรือว่า......เราเป้นแบบนี้ ติดคาดหมายว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แสดงว่าเราเคยได้สมาธิแล้วแน่ๆ ตอนก่อนโน้น แล้วเราอยากได้แบบนั้น สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2014
  3. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158

    ยังไงครับ อธิบายหน่อยครับ
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    จริงๆ การที่เรามีศีลเป็น 10 ปี ปฎิบัติเป็น 10 ปี ก็ดีมากอยู่แล้ว

    ความก้าวหน้า ก็ลองดูว่าปฎิบัติแล้ว อะไรลดลงไปบ้าง โลภ โกรธ หลง ลดลงไหม

    สติเพิ่มขึ้นไหม การพิจารณาละเอียดขึ้นไหม

    ศีล 5 กุศลกรรมบท 10 สังโยชน์ 3 รู้จักไหม


    แต่ data44 อาจจะรู้สึกอยากมีอะไรตื่นเต้นบ้าง

    วาโย กสิณัง ลองหาอ่านจากตำราครับ

    อยากเร็วก็ต้องต่อกับของเก่า แต่สติก็ต้องพร้อมที่จะประคองสมาธิที่มากขึ้น

    ยังไงลองอ่านเรื่อง ทรงอารมณ์ พรหมวิหาร 4 ก่อนครับ

    ลองดูเรื่อง เจตสิก เราควรมีสติรู้ว่า อยู่ในสภาวะอะไร เหมือนเฝ้าดูตัวเองด้วยครับ

    นิทาน--มีท่านผู้หนึ่ง อยากเหาะเหินเดินอากาศ เฝ้าภาวนา วาโย กสิณัง เป็นประจำ
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .............................:cool:
     
  6. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    รักษาศิลครบก็น่าจะยินดีที่สุดแล้วนะครับ นั้นแหล่ะเครื่องหมายทีได้ผลของการปฎิบัติธรรม
     
  7. Jantip

    Jantip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +772
    ไปเรียนหลักสูตรครูสมาธิ....ของพระอาจารย์หลวงพ่อ วิริย้งค์ สิรินทโร....แล้วจะทราบแนวทางครับ...ค้นเน๊ต มีแทบทุกจังหวัดแล้ว
     
  8. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ต้องถือศีล 8 ดูคับ แล้วจะพบความก้าวหน้า

    ถ้าถือแค่ศีล 5 เฉย ๆ มันแค่พื้นฐานคับ ถ้าอยากพัฒนาจิต ต้องถือ อุโบสถ์ศีล คับ
    แล้วจะเห็นความแตกต่าง
     
  9. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    การจะถือศีล 8 นั้นจำเป้นไหมครับต้องกล่าวอาราธนาเป็นภาษาบาลี ถ้าผมจะสวดมนต์เสร็จ แล้วกล่าวเป็นภาษาไทยว่าจะตั้งใจรักษาศีล 8 แบบนี้จะได้ไหมครับ
     
  10. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อยากเป็นพระโสดาบันให้ถือศีล 5 ไม่กินเหล้าเลย
     
  11. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ขออนุโมทนา

    ไม่จำเป็นคับ อยากถือก็ถือเลย แค่อธิฐานในใจว่า วันนี้ เราจะขอถืออุโบสถ์ศีล หรือศีล 8
    ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันพรุ่งนี้ ทั้งวัน ขอให้ข้าพเจ้าสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แค่นี้ก็พอแล้วคับ
    แต่ถ้ามีเวลามาก จะอ่านภาษาบาลีด้วยก็ได้ แต่หลักสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าจะอ่านหรือไม่อ่านคับ
    หลักสำคัญอยู่ที่ว่า ทั้งวันนั้นสามารถทำได้จริงตามที่ตั้งไว้หรือเปล่า เพราะฉะนั้น คิดแค่ วิ เดียวก็ทำได้เลยคับ

    ถ้าคุณดาต้า จะเริ่มปฏิบัติ ผมก็ขออนุโมทนา จริง ๆ คับ เพราะว่า อุโบสถ์ศีล นั้นดีมาก ๆ
    เป็นของเก่า มีมาแต่ดั้งเดิม แม้แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ไม่ปฏิเสธ
    อานิสงฆ์ของการถืออุโบสถ์เพียงแค่คืนเดียว ก็มหัศจรรย์กว่าที่คิดไว้มากนักคับ

    อย่างเช่น ถ้าผมจะเข้าอุโบสถ์วันพรุ่งนี้ ผมก็จะรู้ตัวแล้วว่าพรุ่งนี้จะเข้าอุโบสถ์ ตั้งจิตไว้ตั้งแต่วันนี้ตอนก่อนนอน พอพรุ่งนี้ตื่นมาก็ปฏิบัติเลย ไม่ต้องเสียเวลาอะไร

    อารธนาศีล ไม่ได้เป็นภาษาก็จริง แต่ก็อาราธนาด้วยจิต คับ
     
  12. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ศีล 8 เป็นศีลสำหรับนักปฏิบัติคับ ถ้าอยากปฏิบัติจริง ๆ ต้องถือศีล 8
     
  13. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    คุณ ส่องตน ครับ ใน#76 เรื่องศีลนั้นไม่ใช่ทุกคนจะไม่ต้องรักษาศีลนะครับ แต่ละคนไม่เหมือนกันครับ เป็นไปได้ถ้าคนๆนั้นมีศีลอยู่ที่ใจแล้ว คือ ไม่มีความคิดจะสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถ้าอย่างนี้ ปฏิบัติ สมถะ วิปัสสนาไปเลยได้ครับ แต่กับบางคนใจยังคิดร้าย สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอยู่ แต่มาปฏิบัติเลย เจริญมรรค ไม่ครบ อย่างนี้ก็ไม่มีทางเกิดมรรคผลครับ คุณ ส่องตน เห็นด้วยไหมครับ
     
  14. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    คุณส่องตน อาจจะยังคงไม่เคยเห็นภาพความแตกต่างระหว่าง คนที่นั่งสมาธิ แต่พอออกจากสมาธิ แล้วก็ยังบริโภคกามอยู่ คือยังดูหนัง ฟังเพลง มีเซ็กส์ เที่ยวกลางคืน กับ คนที่ถืออุโบสถ์ศีลยาวติดต่อกัน 1 ปี กินเพียง 1-2 มื้อ ถือพรหมจรรย์ นอนในที่ต่ำไม่หรู หรา ไม่ใช้น้ำหอม
    ไม่แต่งเครื่องสำอางค์ ไม่ทากันแดด ครีม โลชั่น ไม่มีเซ็กส์ ไม่ช่วยตัวเอง ไม่ดูการ์ตูน ไม่ดูหนัง ไม่ดูหนังโป๊ ไม่ฟังเพลง ไม่ดูละคร แล้วก็อีกสารพัด ไม่ สินะครับ?

    การถือศีล เป็นการอยู่ในสมาธิ เช่นกัน เพียงแค่เราไม่ได้เพ่งเหมือนพวกฤาษี แต่มีสมาธิอยู่กับ
    การระมัดระวัง การปฏิบัติของเรา และเป็นการทรงสมาธิระยะยาว

    และศีล 8 คือ ศีลที่สามารถลดกามได้อย่างดี เยี่ยม อัศจรรย์ คือพวกเซ็กส์จัด ก็สามารถเปลี่ยนได้เลย

    อานิสงฆ์ในการถือ เพียงไม่กี่ครั้ง ก็มากมาย มหาศาล และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่ปฏิเสธ
    คนในโบราณ เมื่อถือศีล 5 ได้แล้ว เขาจะเริ่มถืออุโบสถ์ศีลกัน แม้พระพุทธเจ้าเองก็ยังบอกให้ถือ

    การเห็นว่าอุโบสถ์ศีล เป็นของไม่สำคัญนั้น เท่ากับเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง และพลาดโอกาสที่จะได้บุญอันมหาศาล

    และตัวอุโบสถ์ ถ้าผู้นั้นเป็นคนที่มีของเก่าติดตัวอยู่แล้ว หากถือเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็สามารถมีฤทธิได้เช่นกัน

    ถ้ายังไม่เห็นความสำคัญ แนะนำให้ไปอ่านไตรปิฎกเพิ่ม

    และที่สำคัญ การถืออุโบสถ์ ศีล เราได้นั่งสมาธิอยู่แล้ว
    เพราะเราไม่มีกิจกรรมอื่นให้ทำนัก นอกจากนั่งสมาธิ อ่านหนังสือธรรมมะ ทำอะไรที่เป็นประโยชน์
    ดังนั้น คนถืออุโบสถ์ จึงเป็นคนที่ทั้งนั่งสมาธิด้วย และงดการบริโภคกามด้วย

    คุณคิดว่าผลมันจะต่างกันไหมละ?
    คนหนึ่งนั่งสมาธิ อีกคน นั่งสมาธิด้วย งดกามด้วย
    ที่สำคัญคือ ไม่ใช่งดแค่ ชม 2 ชม แต่งดเป็นวัน ๆ
    เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปี

    ถามว่าอย่างไหน คนทำได้ยากกว่ากันละ?

    เพราะฉะนั้น ศีล 8 จึงเป็น ศีลสำหรับการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง

    แม้พระพุทธเจ้าเองตอนเป็นโพธิสัตว์ก็ถือมาโดยตลอด

    และอย่าเอา ศีล 5 มาเทียบ เพราะมันเทียบกันไม่ติด
    ศีล 5 กับ ศีล 8 มันไปคนละเรื่องเลย

    ลองให้คน ๆ หนึ่ง ถือศีล 8 สักเดือนหนึ่งสิ...
    แล้วคุณจะรู้ว่า มันต่างจริง และคน ๆ นั้น ก็จะเปลี่ยนด้วย

    แต่เอาเข้าจริง ๆ ถือแค่วันเดียวยังยากเลยนะ ขอบอก
    ถ้าคน ๆ นั้นมีตัญหา และความอยากเยอะ
     
  15. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ไม่งั้นเขาจะพูดกันเหรอคับ ว่าศีล คือ อาภรณ์ที่ประเสริฐสุด

    ผมจะ ยกตัวอย่าง นะคับ

    สมมุติ คุณ ก ติดบุหรี่
    คุณ ก ก็เลยไป เล่นกีฬา วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นฟิตเนส ทั้งวันเลย
    พอตกตอนเย็นมา คุณ ก ก็กลับมาสูดบุหรี่ เหมือนเดิม
    ถามว่า คุณ ก จะเลิกบุหรี่ ได้ไหม?

    คุณ ข ก็ติดบุหรี่ คุณ ข ก็จึงจะเลิก โดยการไม่สูบมันอีกเลย
    แต่มันก็ลำบาก ๆ มาก ๆ เลย เขาก็หากิจกรรมอื่น ทำแทน อาจจะไม่ถึงกับเล่นกีฬา
    แต่แค่เดินเล่น ตามสวนสาธารณะ
    แต่สุดท้าย พอเลิกได้แล้ว เขาก็ไม่กลับมาสูบบุหรี่อีกเลย

    เรื่องราวนี้คืออะไร?

    บุหรี่ ก็เปรียบเสมือน กาม
    หากว่าเรายังเสพ มันอยู่ แม้เราจะทำสมาธิ แค่ไหน ถามว่า เราจะออกจากกามได้ไหม?
    การที่คุณ ก ออกกำลังกาย เสร็จ ตกเย็นก็กลับไปสูบเหมือนเดิม
    ก็เหมือนการที่ เรานั่งสมาธิ แทบเป็น แทบตาย แต่พอออกจากสมาธิ เราก็กลับไปเสพกามเหมือนเดิม

    การที่คุณ ข พยายามที่จะไม่กลับไปสูบเลย ซึ่งยาก ในการทำ แต่เมื่อเลิกได้แล้ว ก็ไม่ต้องสูบอีกเลย
    ก็เหมือน คนเราเลิกในการบริโภคกาม หากเขาเลิกได้เด็ดขาดแล้ว เขาก็ไม่ต้องกลับไปบริโภคอีกเลย
    แน่นอนว่าใหม่ ๆ อาจมีแอบบ้าง เพราะห้ามใจตัวเองไม่ไหว
    แต่การตั้งเป้าหมาย ต่างกัน ใช่ไหมครับ?
    เป้าหมายต่างกัน ผลก็ต้องต่างกันด้วย

    เพราะ ก ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเลิกสูบ เขาจึงออกกำลังกายไปด้วย พร้อม ๆ กับสูบ ผลสุดท้ายคือ เขาก็ยังสูบอยู่ดี
    แต่ ข ตั้งเป้าหมายว่าจะเลิกสูบ ข ถึงแม้ไม่ออกกำลังกาย แต่ ผลสุดท้ายก็คือเลิกสูบ

    ก็เหมือนกับการที่เรานั่งสมาธิ แต่ไม่เคยปฏิบัติเพื่อเป็นไปในการลดกาม
    พออกจากสมาธิ สุดท้ายก็กลับไปบริโภคกามอยู่ดี
    ในขณะที่ การถืออุโบสถ์ 1 วัน คือ เป้าหมายว่าวันนี้ ทั้งวัน จะไม่บริโภคกาม อย่างแน่นอน
    ทำอย่างนี้ สะสมไปเรื่อย ๆ สัก 10 ปี คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?

    เหมือนเวลาเรานั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้า เคยถามตัวเองไหมคับ ว่านั่งไปเพื่ออะไร?
    มีใครเคยบอกคุณเหรอว่า ถ้านั่งสมาธิ แล้วจะบรรลุธรรม?

    ถ้านั่งสมาธิแล้วบรรลุธรรม ป่านนี้พวกฤาษี พวกพราหม์ต่าง ๆ คงอรหันต์กันหมดแล้ว พวกนั้น นั่งหนักกว่าเราอีก

    ก็เพราะพระพุทธเจ้าคิดว่า นั่งสมาธิจะบรรลุธรรมได้ไง เลยนั่งไปเลยตั้งหลายปี สุดท้ายก็ไม่ก้าวหน้า
    และก็ตรัสรู้ในเรื่องของ อริยสัจ 4 ในที่สุด สุดท้ายทำไง? ก็ไม่ได้นั่งสมาธิ แบบบ้าคลั่ง
    ก็นั่ง เมื่อตอนที่ ทำกิจ ทุกอย่างเสร็จแล้ว

    เห็นไหมว่า พระพุทธเจ้าเองก็ เคยปฏิบัติแล้ว ไม่ก้าวหน้ามาก่อนแล้ว
    พอตรัสรู้แล้ว จึงได้บอกทางมรรค 8 ซึ่ง คือ ทางตรง ไม่ต้องอ้อม ไม่ต้องเสียเวลา
    และการที่เราจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ คือการที่เราค่อย ๆ ศึกษาไตรปิฎก จนเห็นภาพ
    ซึ่งการที่เราปฏิบัติแล้วไม่เคยเปิดไตรปิฎกอ่าน เท่ากับเป็นการผิดทางอย่างร้ายแรง
    เพราะเท่ากับว่า เหมือนเรามั่ว นั้นเอง
    เพราะเรื่องพวกนี้ ต้องให้พระพุทธเจ้าสอนเท่านั้น

    กลับมาที่เรื่อง คนสูบบุหรี่
    เฉกเช่นเดียวกัน

    การที่เราจะเข้าใกล้ สิ่งที่เราเรียกว่านิพพาน คือการดับทุกข์ให้หมดไปโดยสิ้นเชิงนั้น
    ก็คือการที่เราดับกิส ทีละตัว 2 ตัว จนดับได้หมด

    การดับกิเลสได้นั้น ก็ทำได้โดยการที่เราไม่ไปเสพ มันนั้นเอง
    ก็เหมือนกับบุหรี่

    การถืออุโบสถ์ คือการจำลอง ความเป็น พระอรหันต์ แบบ เล็ก ๆ
    เหมือน เราทดลอง โปรโมชั่น ดูว่า มันจะเป็นลักษณะยังไง
    ผมไม่ได้บอกว่า การถืออุโบสถ์ นั้นเทียบขั้นไปถึงความเป็นอรหันต์ แม้แค่เศษ 1 ใน 100 ก็ไม่ได้พูดยังงั้น
    แต่กำลังจะบอกว่า มันเป็นทางไปสู่ อรหันต์ ที่ชัดเจน จับต้องได้
    ไม่ได้เพ้อ ไม่ได้มโนเอาเอง เป็นของที่พระพุทธเจ้ารับรอง
    ที่สำคัญ เราสามารถเชค ตัวเราเองได้ด้วย

    ศีลของเราเอง เราปฏิบัติผิดข้อไหน? เราก็รู้ตัวเราเองใช่ไหมคับ? เราทำครบ สำเร็จหมด เราก็รู้ตัวเราเอง
    แต่ลองนึกภาพดูว่า เรานั่งสมาธิ แล้วเห็นภาพ นิมิต นั้น โน้น นี้ แล้วก็อะไรอีกมากมาย
    แล้วเราต้องมาวิ่งถามคนนั้นที คนนี้ที ว่า อันนั้นจริงไหม อันนี้แปลว่าอะไร? ดูวุ่นวายไหมคับ?
    ซึ่ง... เขาตอบมา แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เขาตอบมาถูก??
    คุณเอาที่ไหนมามั่นใจ หน้าตาเรายังไม่เคยเจอกันเลย คุณจะเชื่อทั้งหมดเลยหรือ??
    แต่ศีลของเราเอง เราปฏิบัติเอง เราก็รู้ของเราเอง
    เพราะฉะนั้น เข้าใจยังว่า ที่ว่า ชัดเจน จับต้องได้ มันเป็นยังไง?

    เพราะการถืออุโบสถ์คือการละกาม
    และการละกามนั้นเอง คือ 1 ในทางสู่การดับทุกข์ทั้งสิ้น

    และก็ไม่ต้องกลัวว่า ถืออุโบสถ์จะไม่ได้นั่งสมาธิ!
    มันได้นั่งอยู่แล้ว!

    แต่มันเหมือนเป็น road map ที่มีความเคลียรในตัวมันเอง
    ไม่ได้เป็นอะไรที่ล่องลอยไปมา ในอากาศ หาข้อสรุปไม่ได้ หาข้อเท็จจริงไม่เจอ

    เราปฏิบัติธรรม ก็เพื่อหวังผลกำไรสูงสุด ใช่ไหมคับ?
    เพราะฉะนั้น จึงมีความแตกต่างกัน
    เฉกเช่นเดียวกับ นาย ก ที่ยังสูบบุหรี่ และนาย ข ที่ต้องการเลิกบุหรี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2014
  16. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    นะ พอเข้าใจที่ผมพูดนะคับ
    และเสาร์นี้ คือวันอุโบสถ์
    เพราะฉะนั้น ลองถือดูเลย

    ส่วนผมพูดแล้วก็จะปลีกวิเวก เช่นกัน
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ถ้าภาวนาเป็นแล้ว อะไรมันก็ไม่ตีกันหรอกครับ
    ผมฝึกสายพระอาจารย์มั่นมาก่อน ก็ฝึก พุทโธควบคู่ไปกับการพิจารณาลมหายใจหายเข้าพุธ หายใจออกโธ มันก็แค่ลอย ๆ ก็มันแค่ขั้นของสมถะ
    ได้แค่ความสงบ แต่ยังไม่ถึงขั้นเข้าขั้นสงบอย่างแท้จริง

    จนได้มาทำสามอย่าง เจริญอานาปานสติ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
    พอมันลอย ๆ ผมก็กำหนดจิตดูเวทนา กำหนดรู้ในยามที่เสวยเวทนา อันเป็นสุข อันไม่เป็นทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ แรกผมก็ไม่เข้าใจรู้แต่ว่าทุกครั้ง ที่นั่งทับทุกขเวทนา แล้วไม่ง่วงนอน มีสติ พิจารณาอะไรก็ว่องไว แต่ทนเจ็บปวด
    ตอนนั่งทับทุกขเวทนานี่มันดีนะ พิจารณาปัญญาก็เกิดไว
    ไวจน คนนั่งทับทุกขเวทนา มันง่ายขนาดนี้เลยหรือ ผมดูเวทนาอย่างนี้เป็นการบ้าน มีเวลาว่างก็เข้าที่นักขัดสมาธิเพชร ท่านั่งแบบนี้เจ็บปวดมากขอบอก
    ที่ เห็นก็มีหลวงปู่สิม กับ หลานหลวงปู่สิม หลวงปู่แว่น ท่านจะนั่งสมาธิเพชร

    ท่านั่งแบบนี้เหมาะสำหรับ นักปฏิบัติที่ชอบนั่งหลับในสมาธิ ใครจะหลับลงไปได้
    เจ็บปวดกว่า นั่งสมาธิมือขวาทับมือซ้ายขาขวาทับขาซ้าย การนั่งสมาธิในลักษณะนี้ ถ้ายังภาวนาไม่เป็น นั่งสมาธิหลับทุกคน เว้นแต่ผู้ได้สมาธิภาวนาเป็นแล้ว จะนั่งได้ทั้งสองแบบ โดยที่มีสติตั้งมั่น ไม่นั่งหลับเว้นแต่ปล่อยให้หลับในสมาธิ เหมือนคนเราได้นอนอิ่มก็ย่อมมีเรี่ยวแรงพละกำลัง การพักหลับในสมาธิ
    ของโยคาวจรเจ้า ก็เพื่อสะสมกำลัง ไว้ฟาดฟันกับกิเลส ใครทำได้อย่างที่บรรยายมา วิชชา “อาสวักขยญาณ” ว่าด้วย “ญาณหยั่งรู้ในการทำกิเลสให้สิ้นไป”จะเกิดขึ้น ชั่วขณะเดียวเราเรียกปัญญา
    แบบบรรลุฉับพลันทันที

    ให้ถือปฏิบัติในลักษณะนี้ หากยังบอกว่าไม่มีความก้าวหน้า ก็ให้เลิกปฏิบัติธรรมซะ แล้วถือศีลทำทาน ก็ยังจะเป็นเหตุให้ได้ชั้นสวรรค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2014
  18. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ พอเริ่มปฎิบัติแบบเร่งๆ ปรารถนานิพพานชาตินี้ เหมือนปัญหาทุกอย่างกำลังรุมเร้า ทั้งกายทั้งใจ ไม่ตายคงพบธรรม
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    data44 ท่านไม่ต้องแปลกใจอะไรเลย ไม่มีมารก็ไม่มีพุทธะ
    คนที่อธิษฐานแบบนี้ โดนอ่วมกรรมจะลงมาเป็นปัจจุบัน
    ท่านdata44 จะทนการทดลองใจได้แค่ไหน
    อย่างที่ผมได้อธิษฐานสัจจะบารมี นั่งไม่ลุกจากที่ พบธรรม
    แต่วิธีการหักดิบแบบนี้ ถ้ากำลังใจไม่เต็มถึงขั้นวิปลาสได้ คือเห็นธรรมะคลาดเคลื่อนจากเป็นจริง พุทธองค์เห็นตัวตนอนัตตา แต่คนที่สัญญาวิปลาสไปแล้วจะเห็นตัวตนเป็นอัตตาได้เลยนะท่าน ให้ระวังความคิด จากนี้ท่านdata44ต้องเดินเองผมแค่เป็นผู้บอกหนทางพ้นทุกข์ให้ท่าน ติดขัดแก้อารมณ์ไม่ได้ ผมจะมาสอบอารณ์ให้แก้อารมณ์กรรมฐานวปัสสนากรรมฐานให้ท่านdata44
     
  20. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ขอเป็นกำลังแรงใจให้น่ะคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...