เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จะได้ไหมน้อ
    [​IMG]
     
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    คุณเหลยขอบคุณมากค่ะ แต่จินต์ได้ใช้ความพยายามจนสำเร็จแล้ว ขอบคุณสำหรับน้ำใจอีกครั้งค่ะ

    คุณเหลย จินต์เจอคุณเหลยมาก่อนแล้วค่ะในฝัน วันที่มีคนไปชวนไหว้พระแม่กวนอิม ก็คงจะเป็นคุณน่ะแหละค่ะ เพราะในฝันตอนไปถึง หนึ่งในกลุ่มคนมารอรับมีนักบวชจีนใส่ชุดสีเทาด้วย

    เมื่อคืนฝันดีมาก เพราะสามารถกลัยเข้าไปแก้อดีตได้ในความฝันพร้อมกันทีเดียว
    1. ได้พบแฟนเก่าที่ทะเลาะกัน (ยังไม่ได้คืนดี) แต่เมื่อคืนได้พบกันในบรรยากาศที่สดชื่นมาก ท้องฟ้า ทุ่งหญ้า ดอกไม้บานเต็มไปหมด ได้พูดคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน แล้วบอกว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีของกัน
    2. ได้พบแม่ได้อยู่กับแม่โดยที่ไม่ต้องทะเลาะกันเลย (ในชีวิตจริง ไม่ได้อยู่กับแม่ เพราะเรามักจะทะเลาะกัน ไม่ดีเลยเนอะ) มีความสุขมากที่ได้อยู่กับแม่พูดคุยกับแม่ในความฝัน
    3. ฝันว่ากลับไปแก้ไขอดีตที่เรียนจบช้าไปปีหนึ่ง (บอกแล้วว่าเกเรมาก) ในฝัน ได้เรียนจบพร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีความสุขมาก

    สรุปว่าเหมือนตัวเองได้แก้ปมในใจให้คลายออกแล้วในฝัน ไม่น่าสมัยก่อนเวลาฝันมักจะเป็นบรรยากาศมืด ๆ เหมือนกลางคืนตลอด แต่คราวนี้บรรยากาศในฝัน สว่างและดูสวยงามมาก

    สุดท้าย ฝันว่าได้พิมพ์หนังสือที่คุณฟิดจิทำไว้ 2 เล่ม เล่มนึงได้นำไปถวายแก่สมเด็จพระเทพ ในฝันคมชัดมากฝันว่าได้เข้าเฝ้าเสด็จอยู่ใกล้ ๆ แล้วถวายหนังสือให้ 1 เล่ม (ว่าจะเก็บไว้ดูเอง 1 เล่ม) ท่านรับและยิ้ม พอนึกได้ว่าเรายืนอยู่ไม่สมควร ก็เลยนั่งลง พร้อมกับยื่นให้อีก 1 เล่มแก้เก้อ ท่านก็รับไว้ แล้วยิ้มอีก

    สรุปว่าคืนนี้ฝันดีทั้งคืนเลย
    *รู้แล้วล่ะค่ะว่าจะวาดภาพอะไรดี*
     
  3. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    เราจะกลายเป็นศิลปินกันหมดแล้วหรือนี่

     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ขอมาปลื้มใจด้วยนะครับ (f) :love: :) :D

    ความฝันวันนี้ก็มีพอจะจำได้ว่าฝัน 3-4 เรื่อง แต่จำไม่แค่ลางๆ เป็นฝันสัพเพเหระทั่วไป แต่จำได้ฝันนึงเพราะว่าตื่นมาก็เล่าให้น้องฟังเลยจำได้

    ฝันว่าน้องไปยืมเครื่องดนตรีจากเพื่อนมา(ถ้าจำไม่ผิดคิดว่ายืมนะ) ก็มีกีตาร์ไฟฟ้า 2 ตัว กลองเด็กเล่นอีก 1 ชุด

    ที่ว่าเป็นกลองเด็กเพราะเห็นกลองเป็นประมาณอย่างในรูปอ่ะคับ ตัวเครื่องมันไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างนี้เหรือเปล่า แต่จำได้ว่าเห็นจุดที่เป็นกลองเป็นปุ่มกลมๆ นูนออกมา อยู่บนแป้น ตัวกลองสีชมพู แล้วไม้ตีกลองก็อย่างในรูป คืองอๆ ลงที่ปลายแล้วมีตัวที่ใช้ตีติดอยู่อย่างนั้น

    ส่วนกีตาร์ก็แปลกๆ คือมีเฟรดแค่ 3 เฟรด(ช่องที่ใช้นิ้วกดอ่ะคับ) ส่วนสายก็เป็นแบบว่าเอาสามสายมารวมเป็นสายเดียว สายเป็นสายแบนๆ ตรงช่องเฟรดมีตัวเลขบอกตำแหน่งนิ้วเวลาเล่นคอร์ดต่างๆ

    ก็แปลกดีนะ ฝันเห็นของที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    เมื่อวานนั่งเปลี่ยนลูกบิดสายกีตาร์เพราะมีอันนึงมันหัก(หักนานแล้วล่ะ) เลยซื้ออันใหม่มาเปลี่ยน พอรื้อออกหมดเอาอันใหม่มาใส่ ปรากฏว่ารูน๊อตตัวลูกบิดไม่ตรงกันซะงั้น สงสัยคงต้องเอาไปให้ร้านกีตาร์ทำให้ละมั๊งเนี่ย :'(
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • drumSet.gif
      drumSet.gif
      ขนาดไฟล์:
      4.5 KB
      เปิดดู:
      54
    • stick.GIF
      stick.GIF
      ขนาดไฟล์:
      1.1 KB
      เปิดดู:
      406
    • guitarString.gif
      guitarString.gif
      ขนาดไฟล์:
      2.8 KB
      เปิดดู:
      48
  5. Year of the Cat

    Year of the Cat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +236
    ขอส่งการบ้านค่ะ วันนี้ speed ดีแฮะ มาเป็นคนแรกเลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0002-1.jpg
      scan0002-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.5 KB
      เปิดดู:
      58
  6. Year of the Cat

    Year of the Cat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +236

    พี่นักเขียนคะ ไม่ทราบว่าพวกเราจะได้มีโอกาสเห็นภาพวาดสมเด็จพระเทพฯ ไหมคะ
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    วันนี้สมเด็จพระเทพฯ ท่านเสด็จมาที่บ้านพระสหาย จ.อุทัยฯ
    เดินออกไปเห็นท่านนั่งรถผ่านหน้าบ้านพอดีเลยครับ
    วันนี้แปลกดีอยู่ๆพวกเราก็มาเอ่ยถึงท่านกัน
    คุณ Year วาดรูปตัวเองรึเปล่า? ใส่หมวกด้วยสวยดีครับ
    คุณซิปฯ ไปวาดเครื่องดนตรีแปลกๆของโลกอื่นมาแน่เลย +

    [​IMG][​IMG]

    วาดเสร็จแล้ว..พี่นักเขียน อายุ 5 ขวบ +
    ใช้เวลาไปสัก 3 ชั่วโมงได้..ถ่ายรูปแล้วมาแต่งภาพอีกนิดหน่อย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    คุณมี้ดคะ ทีแรกจินตวดีบอกตามตรง ยังไม่รู้จะวาดภาพผู้ใด แต่อยู่ ๆ ภาพสมเด็จท่านมาลอยตรงหน้าเลย พอฝันก็เริ่มจะแน่ใจ แต่ตอนนี้จินตวดีไม่แน่ใจว่าจะเป็นการบังควรหรือไม่

    อยากเห็นภาพคุณนักเขียนค่ะ จินตวดีพิมพ์เก็บไว้ ตั้งใจจะนำใส่กรอบค่ะ
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441

    วาดเลยครับุณจิตตวดี ด้วยความเคารพรักและศรัทธาของเราเอง
    ภาพที่เราตั้งใจวาดเมื่ออยากวาด จะออกมาดีอย่างเหลือเชื่อครับ
     
  10. Year of the Cat

    Year of the Cat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +236
    วันนี้ระหว่างรอเพื่อนร่วมงานที่ทำงาน ก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ซะเลย 3 ชม.กว่าๆ เฮ้อ ถ้าไม่ได้เส้นโครงแบบที่พี่นักเขียนแนะนำ ไม่รู้ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  11. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    มีเรื่องจะสารภาพ แบบว่า นกยังไม่ได้ทำการบ้านส่งเลย
    ขอส่งช้าซักหน่อยพี่นักเขียนคงไม่หวดไม้เรียวนะคะ
    ช่วงนี้เอื่อยเฉื่อยมาก ไม่มีอารมณ์สร้างสรรค์อะไรเท่าไหร่เลย ขี้เกียจไปหมด
    ยังไงแว้บเข้ามาอ่านมาชมการบ้านของพี่ ๆ คนอื่น ๆ ก่อนล่ะกันเนอะ
    ไว้ไฟลนก้นเมื่อไหร่ วิ่งส่งปรู๊ดเดียวเลย (ping-love

    เมื่อคืนเอาอีกล่ะ ฝันว่าลับมีดยาว ๆ เหมือนมีดผ่าฟืนอย่างงั้นแหล่ะ
    แต่งานนี้ยังไม่ได้ไปสู้กับใครนะ แล้วก็ได้อุ้มเด็กทารกตัวน้อย ๆ ด้วย
    กำลังป้อนข้าวเด็กอยู่ดี ๆ รู้สึกว่าหลับในเลยหัวทิ่มหกคะเมน แต่ยังอุ้มเด็กน้อยไว้ได้ ดีนะเด็กไม่เป็นอะไร
    แต่ทำไมแถวบ้านที่เคยอยู่มันล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำก็ไม่รู้สิ
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ดีครับ มีเวลาวาดมาอีกเรื่อยๆครับ สัดส่วนแม่นยำมากๆครับ
    น้องนก ไปวาดมาเลยนะ เจ้าโชคดีถือไม้เรียวคุมอยู่ข้างหลัง.. อิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คุณ Mead วาดมาซะสวยเลย คุณ Year of cat ก็ใช่ย่อย

    คุณจินตวดีครับ ตอนนี้กีตาร์ผมคงต้องพักร้อนไปก่อนเนื่องจากว่าเอาสายออกหมดแล้วครับ ใช้เล่นอะไรไม่ได้แล้ว

    ว่าแต่มันเหมือนซอตรงไหนเหรอ?
     
  14. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ศิลปินโดยกำเนิด

    สังคมมนุษย์กำหนดให้ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงาน ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเขาออกมาเป็นงานศิลปะ เช่น ภาพวาด รูปปั้น งานวรรณกรรม ดนตรี และศิลปกรรมอื่นๆ เป็นบุคคลที่เรียกว่า ศิลปิน

    แต่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า เราทุกคนคือศิลปินโดยกำเนิด และผลงานอันเป็นรูปธรรมที่เกิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเรา คือ ประสบการณ์ชีวิตและสุขภาพร่างกายของเรา

    เมื่อพิจารณาตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ พี่นักเขียนเชื่อว่า เราแต่ละคนเป็นศิลปินเอก เพราะผลงานของเราเป็นงาน Original เป็นหนึ่งไม่มีสอง ลอกเลียนกันไม่ได้ เราแต่ละคนล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวสูงเช่นกคุณลักษณะของศิลปินที่คุณ Mead กล่าวว่า มีอารมณ์อ่อนไหว Ego ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และรู้จักปรับตัว รู้จักรับมือกับปัญหา เพราะเราทุกคนล้วนมีวิถีทางสร้างสรรค์ในทิศทางจำเพาะของเรา และ เชื่อมั่นในแนวความคิดใดความคิดหนึ่งไม่มากก็น้อยด้วยกันทุกคน

    แต่เมื่อเราจัดประเภทให้บุคคลที่สร้างผลงานศิลปะเป็นรูปธรรมเหล่านั้นเป็นศิลปิน บุคคลสาขาอาชีพที่สร้างผลงานชนิดอื่นๆเลยถูกมองข้ามคุณสมบัติอันเป็นศิลปินไปหมด ผลงานสร้างสรรค์อันได้แก่ ประสบการณ์ชีวิตและสุขภาพร่างกายของเรา แท้จริงแล้วเป็นงานศิลปชั้นยอดทุกชิ้น เพราะล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง และเราเป็นผู้เลือกสรรค์เองว่า เราจะสร้างผลงานที่สวยสดงดงาม เบิกบาน เศร้าโศก สุขหรือทุกข์ ตรงไปตรงมา หรือยอกย้อน

    พวกเราที่ออกตัวว่าวาดภาพไม่เป็น ไม่ให้เครดิตตนเองว่าเป็นศิลปินโดยกำเนิด มองข้ามความสามารถของตนเองไปไม่น้อย พวกเราบางคนยอมรับว่าประหลาดใจกับผลงานของตนเอง พี่นักเขียนหวังว่า เมื่อเราทำแบบฝึกหัดชุดนี้จบลง เราจะประหลาดใจกับผลงานของตนเองยิ่งไปกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวค่ะ(rose)
     
  15. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    หลายคืนมาแล้วพี่นักเขียนฝันว่า ตนเองอยู่ในบ้านซึ่งมีห้องโถงใหญ่ยักษ์ และเป็นห้องที่เก็บของมีค่าไว้มากมาย ของเหล่านั้นล้วนเป็นสมบัติที่พี่นักเขียนได้รับมอบมาจากองค์สมเด็จโตฯ และได้เก็บรักษาไว้ให้ท่านอย่างดีมายาวนาน ของมีค่าเหล่านั้นเปรียบเสมือน antique ที่หาไม่ได้อีกแล้ว และพี่นักเขียนก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ เพียงแต่ทำหน้าที่ดูแลรักษาให้ท่าน

    จากนั้นมีสองสามีภรรยา ซึ่งเป็นบุคคลที่พี่นักเขียนรู้จักดีมาเยี่ยมที่บ้าน สามีภรรยาคู่นี้เคยมาช่วยเหลือให้ความสะดวก เมื่อพี่นักเขียนเปิดบ้านให้สาธารณะชนเข้าชมสมบัติของสมเด็จโต เขาทั้งสองมีอัธยาศัยดี จึงเปิดประตูรับเขาอย่างเต็มใจ และเข้าใจว่าเขาต้องการมาเยี่ยมชมนอกเวลา

    แต่แทนที่สองสามีภรรยาจะเดินเข้ามาในบ้าน เขากลับไปขับรถเล็กๆซึ่งเป็นพาหนะที่สมเด็จโตท่านมอบให้พี่นักเขียนไว้ใช้งาน เพื่อดูแลรักษาของมีค่าในสถานที่อันใหญ่โตนั้น รถนั้นเป็นเหมือนรถเด็กเล่น ไม่มีหลังคา มีแค่ล้อเลื่อน ขนาดพอดีสองคนนั่ง เขาขับแล่นเข้าไปในบ้านอย่างถือวิสาสะ แล่นผ่านวัตถุสิ่งของมีค่าเหล่านั้น โดยไม่ระวังหรือให้ความเคารพต่อของล้ำค่าเหล่านั้น หรือ พี่นักเขียนในฐานะเจ้าบ้านเลย

    แต่พี่นักเขียนเห็นว่าเป็นคนที่รู้จักกัน เคยช่วยเหลือกัน จึงไม่อยากจะว่ากล่าวรุนแรง ตนเองเป็นเจ้าบ้าน มีทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิสูงกว่าเขา หากว่ากล่าวรุนแรง เขาก็จะมีแต่เสียหน้าและโกรธเคืองกันโดยใช้เหตุ และตระหนักว่าสองสามีภรรยาคู่นี้หยั่งไม่ถึงถึงคุณค่าของของเหล่านั้น และหยั่งไม่ถึงถึงหน้าที่ของพี่นักเขียน หากไปว่ากล่าวรุนแรงเขาก็คงไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด จึงบอกกล่าวอย่างสุภาพว่าให้เขาหยุดรถและลงจากรถทั้งสองคน เพราะสิ่งของในห้องนี้ล้วนแต่เป็นของมีค่า หายาก และอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของพี่นักเขียน ส่วนรถเล็กคันนั้นก็เป็นสิ่งที่สมเด็จโตท่านมอบไว้ให้ทำหน้าที่ได้โดยสะดวก ไม่ใช่ไว้ให้หาความสุขสบายใส่ตน จึงไม่เป็นการสมควรที่จะนำไปขับเล่นเช่นนั้น

    ปรากฏว่าแทนที่เขาจะหยุด สองสามีภรรยากลับแล่นรถผ่านลึกเข้าไปในห้องโถง ชนของชิ้นแรกล้มลง ภรรยาของเขาเอื้อมมือออกไปคว้าของนั้น พี่นักเขียนใจหาย แต่คิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจและภรรยาของเขาคงพยายามจะเอื้อมไปจับของไว้ให้ทันก่อนที่จะล้มและแตกหักเสียหาย แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เธอกลับเอื้อมไปจับของเพียงเพื่อที่จะผลักให้พ้นทาง เพื่อให้สามีของเธอขับรถต่อไปได้สะดวกขึ้นเท่านั้น

    พี่นักเขียนเห็นดังนั้นจึงร้องบอกให้เขาหยุดทันที แต่เขาก็ไม่หยุด ทั้งสองสามีภรรยากลับเอื้อมมือออกจากรถไปหยิบจับ ลูบคลำของมีค่าทุกชิ้นที่รถแล่นผ่านไปอย่างย่ามใจ ทั้งสองคนเอื้อมเลือนไปหยิบจับของเหล่านั้นขึ้นมาดู แล้วก็โยนกลับออกไปนอกรถ จนของเหล่านั้นล้มระเนระนาด

    พี่นักเขียนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อตั้งสติได้ นึกถึงน้องนกและนึกถึงที่พี่นักเขียนบอกน้องนกว่าให้ปกป้องความยุติธรรมด้วยสันติวิธีและถามตนเองว่า วิธีการดังกล่าวนั้นจะใช้การกับสองสามีภรรยาคู่นี้ได้หรือไม่ เพราะเขาปราศจากสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง แม้เขาจะไม่รู้ค่าของสิ่งของที่พี่นักเขียนเก็บรักษาไว้ ซึ่งเป็นความเขลาหรือความไม่รู้จริงๆ แต่การกระทำของเขาก็ขาดมารยาทและขาดคุณธรรมเบื้องต้นโดยสิ้นเชิง

    พี่นักเขียนรีบวิ่งไปขวางหน้ารถ แล้วสั่งให้สองสามีภรรยาหยุดและลงจากรถทันที เขาพยายามหยุดรถอย่างเสียไม่ได้โดยหักเบีียดผนังบ้านและชนเอาแจกันใบใหญ่ใบหนึ่งอย่างจงใจ เพียงเพื่อให้รถหยุดอย่างฉับพลัน แจกันนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
    [​IMG]
    ความคิดในขณะนั้นเหมือนมีความจำอีกชุดหนึ่งที่ไม่ใช่ความจำของตัวตนยามตื่น ย้อนระลึกถึงอดีตที่สมเด็จโตท่านสั่งให้พี่นักเขียนนำแจกันใบนั้นเพียงใบเดียว ซึ่งเป็นของส่วนตัวของพี่นักเขียน มาตั้งปนกับของล้ำค่าของท่าน ทำให้พี่นักเขียนตระหนักได้ว่า ท่านรู้การณ์ล่วงหน้าว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะเข้ามาทำลายของของท่าน และแจกันใบนั้นเป็นเสมือนกันชนที่ทำให้เขาหยุด และทำให้พี่นักเขียนสามารถรักษาของของท่านไว้ได้สำเร็จ

    พี่นักเขียนบอกกับสองสามีภรรยาว่า "แจกันใบนี้มีมูลค่าหลายพัน หากเธอเห็นเป็นเรื่องจิบจ้อย อย่างน้อยที่สุดที่เธอจะทำได้ก็คือ ควรจะรู้จักใช้จ่ายเงินหลายพันนั้นไปในทิศทางที่ฉลาดกว่านี้ และถ้าหากเธอเห็นว่าเงินหลายพันนี้เป็นเรื่องใหญ่ เธอก็ไม่สมควรจะสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น"

    แม้พี่นักเขียนจะฉุกคิดถึงน้องนกกับการใช้ความรุนแรงขึ้นมาด้วยความโกรธ แต่ก็อดคิดต่อไปไม่ได้ว่า ตนเองจะใช้ความรุนแรงในหน้าที่ที่กำลังทำอยู่นี้ไม่ได้ จะทำได้อย่างมากก็คืออบรมเขาด้วยวาจา แต่เมื่อกล่าวเช่นนั้นไปแล้ว สองสามีภรรยากลับมองหน้ากัน ยิ้มอย่างไม่แยแสกับสิ่งที่เขาทำลงไปและพูดพร้อมๆกันว่า "เราไม่ชดเชยให้พี่หรอก" พี่นักเขียนกำเศษแจกันที่แตกละเอียดอยู่ในมือ เขาก็คว้าเอาไปแล้วกล่าวว่า "เศษแจกันนี่ ก็คงไม่สำคัญสำหรับพี่เหมือนกัน"

    พี่นักเขียนตระหนักว่า เขาคิดว่าแจกันที่แตกนั้นเป็นของสมเด็จโตท่าน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น แม้จะแตกเป็นเสี่ยงๆก็ยังมีค่ามหาศาล แต่เขาเห็นว่าพี่นักเขียนยังมีชิ้นอื่นๆอีกมากมาย จะประสาอะไรกับเศษเหล่านั้น จึงถือวิสาสะเอาไปครอบครองโดยปริยาย ส่วนพี่นักเขียนตระหนักดีว่า เศษแจกันนั้นเป็นเพียงของส่วนตัวของเรา หาใช่ของสมเด็จโตไม่ เขาจะเอาไปก็ช่างเขาปะไร เพราะอย่างมากที่สุดพี่นักเขียนก็เสียไปเพียงแค่เศษแจกัน แต่รักษาสมบัติทั้งหมดของสมเด็จโตไว้ได้ จะว่าไม่ได้เสียอะไรไปเลย ก็ว่าได้ เมื่อสำรวจดูของที่ล้มระเนระนาดก็พบว่ามีรอยขีดข่วนมากมาย และเปรอะเปิื้อนฝุ่นจากเศษแจกันที่แตก แต่ก็ที่สามารถลบออกให้หมดจดเหมือนเดิมได้ โดยการทำความสะอาด

    สองสามีภรรยาเดินจากไปด้วยความพอใจ พร้อมกับเศษแจกันอันไร้ค่า และหันมาบอกกับพี่นักเขียนว่า "เราต้องการมาชมของอีกแล้ว" แต่พี่นักเขียนกลับรู้สึกหนาวแทน เพราะได้ยินเสียงดังกังวาลกล่่าวว่า สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าชมสมบัติเหล่านี้อีกต่อไป และเขาไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเขาจะมาชมหรือไม่ด้วยซ้ำไป

    พี่นักเขียนมีหน้าที่เก็บรักษาของมีค่าขององค์สมเด็จโต เพื่อเปิดให้ผู้อื่นมีโอกาสเข้าชมตามเวลาที่กำหนดเสมอๆ มีคนแปลกหน้าที่เข้าชมของเหล่านี้จำนวนมากมายเป็นประจำ พวกเขาล้วนให้ความเคารพในสิ่งของเหล่านี้ และตระหนักได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องบอกกล่าวว่าสิ่งของเหล่านี้ คือของใคร คืออะไร และมีค่าเพียงใด

    เมื่อมีผู้เข้าชม พี่นักเขียนอยู่ในหน้าที่ที่เป็นเสมือนแม่ลูกอ่อนที่อุ้มลูกที่ตนรักราวแก้วตาดวงใจ และเดินไปรอบๆห้องเพื่อนำลูกน้อยนี้ไปวางบนตักของผู้เข้าชมคนแต่ละคน ซึ่งพวกเขาจะมีโอกาสได้อุ้มคนละไม่กี่นาที พี่นักเขียนบอกกับผู้ชมว่า อย่าเพียงแค่ชมสมบัติล้ำค่าเหล่านี้เท่านั้น แต่ขอให้รักอย่างหมดใจ เช่นเดียวกับที่พี่นักเขียนรักเหมือนแม่ที่รักลูกน้อย และผู้ชมแต่ละท่านจะได้รับความรักที่บริสุทธิ์กลับคืนมาอีกหลายพันเท่า ผู้เข้าชมทั้งหลายยินดีรับเอาของมีค่าเหล่านี้ไปวางบนตัก แต่ละคนพยายามอย่างดีที่สุดที่จะอุ้ม หรือโอบกอดทารกน้อยนั้น บางคนก็อุ้มเป็น บางคนก็ยังอุ้มไม่เป็น แต่ทุกคนก็พยายามอย่างดีที่สุดที่ีจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ พี่นักเขียนรู้สึกปลื้มใจมากที่ได้แบ่งปันสิ่งที่มีค่าที่สุดกับทุกคน

    แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ซึ่งรู้จักพี่นักเขียนเป็นการส่วนตัว กลับมองข้ามโอกาสทองของเขาที่สามารถเข้าชมของเหล่านี้ได้ทุกเมื่อไปโดยสิ้นเชิง แม้เขาจะเดินยิ้มจากไปเพราะดีใจที่นอกจากพี่นักเขียนจะไม่เรียกค่าเสียหายจากเขาแล้ว เขายังเชืี่อว่าเขาได้ชิ้นส่วนแจกันของสมเด็จโตไปอีกด้วย พี่นักเขียนตระหนักว่า สามีภรรยาคู่นี้ถูกตัดสิทธิ์อย่างรุนแรงที่สุดที่คนเราจะถูกตัดสิทธิ์ได้ แต่การตัดสิทธิ์ดังกล่าวเกิดจากการกระทำของเขา ไม่ใช่จากการลงโทษของผู้มีอำนาจใดๆ

    เมื่อสองสามีภรรยาเดินจากไป เขาสองคนแหงนขึ้นมองดูบางสิ่งบางอย่างเหนือศีรษะของเขา แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรเลย และเอื้อมมือปัดเหนือศีรษะราวกับปัดแมลง พี่นักเขียนแลเห็นบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายของท่านอาจารย์อนาลัย ลอยอยู่เหนือศีรษะของสามีภรรยาคู่นั้น และตระหนักได้ว่าเป็นบุคลิกภาพรวมขององค์สมเด็จโตกับท่านอาจารย์อนาลัย หรือองค์ความรู้ที่ปราศจากร่างกายตัวตน ท่านชี้นิ้วไปที่ตาที่สามของสามีภรรยาคู่นี้

    พี่นักเขียนตระหนักว่าท่านกำลังให้ดวงตา หรือให้ปัญญาที่ทำให้เขาตระหนักถึงความชอบธรรมแก่เขา แต่ปรากฏว่าทั้งสองคนกลับมองไม่เห็นท่าน และปัดไล่ท่านราวกับไล่แมลง ในบัดดลสามีมีรอยช้ำเกิดขึ้นรอบตา ส่วนภรรยาก็มีรอยช้ำทั่วร่างกายราวกับถูกทำร้าย พี่นักเขียนได้ยินเสียงที่ดังราวฟ้าลั่นว่า

    บุคคลผู้จดจ่อกับเป้าหมายส่วนตน ซึ่งไม่คล้องจองกับเป้าหมายของฉัน ไม่ต่างไปจากนักวิ่งที่พุ่งเข้าสู่เส้นชัย เพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ตนปรารถนา แม้ว่าเขาจะคิดว่าพลังอำนาจของฉันจะทำให้เขาถึงเส้นชัยได้รวดเร็ว หรือทำให้ชีวิตของเขาสะดวกง่ายดายเหมือนการขับรถคันเล็กเข้าสู่เคหะสถานอันกว้างใหญ่ไพศาล โดยไม่ต้องออกแรงเดิน

    แต่การจดจ่อเป้าหมายส่วนตน และความเห็นแก่ได้แต่เพียงถ่ายเดียวจนปราศจากสามัญสำนึกและคุณธรรม ทำให้เขากลายเป็นผู้ที่ตาบอดอย่างฉับพลันในขณะที่กำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยอย่างสุดแรงเกิด เพื่อไข่วคว้าสิ่งที่ตนปรารถนา ทำให้เขาวิ่งชนหรือปะทะกับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตนเองอย่างมหันต์ เพราะเขาปราศจากคุณธรรมที่เป็นเสมือนดวงตา หรือปัญญาอันสว่างไสว ที่จะทำให้เขามองเห็นทางข้างหน้า และปกป้องตนเองให้พ้นจากอันตรายทั้งหลายได้

    [​IMG]
    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า โลกแห่งความฝัน คิือโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ซึ่งคือภาวะจิตของเรา
    ซึ่งหมายถึงอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเรา
    และความฝันยังสะท้อนให้เห็น เหตุการณ์ในอดีต-ปัจจุบันและอนาคต ที่มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบันอีกด้วย

    พี่นักเขียนเผชิญกับภาวะจิตของตนเองที่ตระหนักในหน้าที่ ความรับผิดชอบ และในขณะเดียวกันก็เผชิญกับปัญหาการปกป้องรักษาคุณค่าข้อมูลความรู้ หรือหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย โดยเชื่อว่า ตนเองจะปกป้องได้โดยปราศจากความรุนแรง หรือปกป้องได้ด้วยการแลกกับทรัพย์สินส่วนตน

    วันก่อนพี่นักเขียนวินิจฉัยน้องนกของเราว่า น้องนกเชื่อว่าจะปกป้องความยุติธรรมไว้ได้ด้วยการใช้ความรุนแรง
    วันนี้พี่่นักเขียนวินิจฉัยความฝันของตนเองว่า พี่นักเขียนเชื่อว่าจะปกป้องความชอบธรรมไว้ได้ด้วยการอบรมด้วยวาจา


    ความฝันสะท้อนให้เห็นความเชื่อของเรา และสะท้อนให้เราเห็นด้วยว่า ความเชื่อนั้น เป็นเพียงความเชื่อหรือความเป็นจริง เพราะเหตุใด และหากเราสดับฟังความเป็นจริงที่ถ่ายทอดมาสู่เราจากองค์ความรู้ภายใน เราจะได้ยินความเป็นจริงอีกชั้นหนึ่งที่สอนให้เราเข้าใจความเชื่อของตนเอง และสามารถเปลี่ยนความเชื่อนั้นๆเป็นความรู้ได้

    ความฝันนี้ทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า ความเชื่อของพี่นักเขียนที่ว่า จะปกป้องความชอบธรรมไว้ได้ด้วยการอบรมด้วยวาจานั้น ก็ไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้องเช่นกัน เพราะวิธีการดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลกับผู้ที่ปราศจากมารยาทและคุณธรรมเบื้องต้น และทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า การทำหน้าที่ให้สมเด็จโตเป็นหน้าที่ที่ต้องเสียสละ เช่นเดียวกับที่คุณเฉลยได้รับสารมาจากความฝัน และการเรียนรู้ข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัย เปรียบเสมือนการรับทารกมาสู่อ้อมกอด เราจะตระหนักในคุณค่าของข้อมูลความรู้ของท่านได้ก็ต่อเมื่อเราใส่ใจอย่างละเอียดละออ เสมือนแม่ที่ใส่ใจต่อทารกน้อย เราจึงจะได้รับคุณค่ามหาศาลกลับมา

    มาถึงตรงนี้พี่นักเขียนคงต้องขอขยายความว่า สมเด็จโตเป็นบุคลิกภาพที่มาปรากฏเป็นร่างกายตัวตนในความฝันของพี่นักเขียนก่อนที่จะส่งมอบพี่นักเขียนให้เดินทางไปกับอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่เป็นลมใต้ ปราศจากร่างกายตัวตน ซึ่งภายหลังพี่นักเขียนเรียกท่านว่า ท่านอาจารย์อนาลัย และได้รับมอบข้อมูลความรู้จากท่านมาเขียนเป็นหนังสือชุด 10 เล่มนี้

    ในความเข้าใจจากประสบการณ์ความฝันของพี่นักเขียน สมเด็จโตกับท่านอาจารย์อนาลัยคือบุคลิกภาพเดียวกัน ต่างกันเพียงว่า
    เมื่อปรากฏเป็นบุคลิกภาพที่มีร่างกายเนื้อหนัง ท่านปรากฏเป็นสมเด็จโต
    เมื่อปรากฏเป็นบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตน ท่านมีบุคลิกภาพที่เป็นอิสระจากความปรารถนาทางกายภาพ และเต็มไปด้วยความรู้ ซึ่งเป็นความหมายของคำว่า โนวา อนาลัย หรือที่พี่นักเขียนเรียกว่า ท่านอาจารย์อนาลัย


    สำหรับพี่นักเขียนแล้ว ทุกวันนี้ไม่ว่าองค์ความรู้จะปรากฏในความฝันเป็น สมเด็จโต ท่านอาจารย์อนาลัย พระแม่มารี นักบุญโยเซฟ เจ้าแม่กวนอิม พระเยซู ฯลฯ ล้วนเป็นหนึ่งเดียว เพียงแต่ต่างวาระ ต่างบุคลิกภาพ ต่างสถานการณ์ ต่างบุคลิิกภาพ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิด เท่านั้น

    สาระสำคัญจึงไม่ใช่สาระที่ว่า องค์ความรู้นั้นปรากฏเป็นใคร แต่น่าจะเป็นสาระที่ว่า ความรู้ที่เราได้รับนั้นคืออะไรมากกว่า

    ความรู้ที่พี่นักเขียนได้รับจากท่านอาจารย์อนาลัยคือ เมื่อมารับทำหน้าที่ให้ท่านแล้วนั้น การเห็นแก่ได้ เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน หรือเห็นแก่ความสุขสบายส่วนตนนั้น เป็นการสูญเสียสิทธิ์ที่จะได้รับสิ่งที่มีค่ามหาศาล ซึ่งเป็นการสูญเสียที่เปรียบไม่ได้กับการเสียทรัพย์สินส่วนตนหรือทรัพย์สินทางกายภาพเลย เพราะมันเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่าเสมือนเศษแจกัน เมื่อเปรียบกับข้อมูลความรู้ที่ท่านมอบให้ ซึ่งเปรียบได้กับสิ่งล้ำค่าที่มากมายมหาศาลและทนทานมั่นคง ผู้ที่มีความเขลาหรือไร้ปัญญามารยาทไม่อาจทำให้แตกหักเสียหายได้ แม้เขาจะมาย่ำยี-ขีดข่วน รอยขีดข่วนเหล่านั้นก็สามารถจะลบล้างและทำให้งดงามได้ดังเดิมเสมอ

    คราวหน้าถ้าพี่นักเขียนฝันว่าเปิดบ้านให้ใครมาเข้าชมสมบัติล้ำค่าของสมเด็จโตฯ ขอเชิญน้องนกมาเป็นเจ้าหน้าที่นำ tour ค่ะ แต่กรุณาวางมีดอีโต้ไว้นอกบ้านก่อนนะคะ(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  16. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
     
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    หลักการวาดภาพเหมือน

    น่าประทับใจจังค่ะ เพียงแค่พวกเราหันมาใส่ใจในการมองเห็นสัดส่วน ภาพวาดของเราดูเสมือนเป็นภาพที่แปลกตาไป และใกล้เคียงภาพเหมือนของบุคคลมากขึ้น อย่าเพิ่งแอบดูผลงานชิ้นแรกของเรานะคะ เราจะพัฒนากันต่อไป แล้วเราจะนำชิ้นสุดท้ายนี้ไปเทียบชิ้นแรกเมื่อเรานำหลักการที่พี่นักเขียนแนะนำวันนี้มาใช้จนครบหมดทุกข้อแล้ว

    พี่นักเขียนได้แนะนำการจับสัดส่วนตามความเป็นจริงแล้ว วันนี้ขอนำหลักการเป็นข้อๆมาแนะนำให้วาดภาพต่อไปพร้อมๆกัน ใครที่วาดล่วงหน้าไปแล้ว ลองหันมาพิจารณาหลักการเหล่านี้ดูว่า ภาพวาดของเราบกพร่องข้อใด และลองปรับแก้ตามนะคะ เพราะภาพที่ส่งมาใหม่นี้สัดส่วนถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว แก้ไขส่วนอื่นได้ไม่ยากค่ะ

    ให้นำภาพถ่ายต้นฉบับมาตีกรอบ ลากเส้นแกน X-X' Y-Y' ตั้งฉากกัน และหาระยะและสัดส่วนของตา จมูก ปากตามที่แนะนำไปแล้ว ต่อไปแทนที่จะลากเส้นทันทีให้ เราจะฝึกการมองเห็นส่วนต่างๆของภาพตามนี้ :

    1.การมองเห็นริมหรือขอบของส่วนต่างๆของภาพ
    ให้มองดูว่า ริมหรือขอบของส่วนต่างๆของภาพห่างจากขอบบน-ล่าง หรือขอบด้านข้างของเส้นกรอบที่เราตีไว้เพียงใด หรือห่างจากเส้นแกน X-X' Y-Y' เป็นระยะเท่าใด และเส้นเหล่านั้นทำองศาอย่างไรกับขอบหรือเส้นแกนเหล่านั้น การจับตำแหน่งของเส้นและองค์ประกอบในลักษณะนี้ ประกอบกับการจับสัดส่วนที่พี่นักเขียนได้แนะนำไปแล้ว จะช่วยให้เราได้ภาพที่นอกจากจะมีสัดส่วนที่ถุกต้องแล้ว ยังมีรูปทรงของชิ้นส่วนต่างๆแม่นยำ ถูกขนาดและตำแหน่งมากขึ้น


    2.การมองเห็นพื้นที่ว่าง
    พื้นที่ว่างกับชิ้นส่วนในภาพวาดมีค่าและความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน หากเราให้ความสำคัญแต่เฉพาะชิ้นส่วน เรามีแนวโน้มที่จะวาดชิ้นส่วนใหญ่เกินขนาด แต่ถ้าหากเราให้ความสำคัญกับชิ้นส่วนมากเท่ากับพื้นที่ว่าง เราจะจับขนาดได้แม่นยำขึ้น


    3.การมองเห็นความสัมพันธ์ของชิ้นส่วนต่างๆ
    ช้ินส่วนต่างๆของภาพมีทิศทางการทำองศา และทิศทางของตำแหน่งที่ตั้งของมันสัมพันธ์กันเสมอ แต่ละชิ้นส่งผลกระทบต่อชิ้นส่วนอื่นๆเสมอ หากเราวาดช้ินส่วนหนึ่งผิดขนาด ผิดองศาไป ชิ้นอื่นๆจะผิดตามไปหมด เราจึงจำเป็นต้องมองหาความสัมพันธ์ของชิ้นส่วนเหล่านั้นให้พบ โดยไม่ต้องกล่าวเป้นคำพูด แต่มองให้เห็น และลากเส้นตามความคล้องจองกลมกลืนและสัมพันธภาพเหล่านั้น เช่นเส้นผมที่มีทิศทางทีสัมพันธ์กับหมวก รอยย่นบนแก้มที่สัมพันธ์กับมุมปาก หรือดวงตา เป็นต้น


    4. การมองเห็นน้ำหนักของแสงและเงา
    แสงและเงา มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่่าชิ้นส่วนบนใบหน้าเช่น ตา ปาก จมูก
    ให้สังเกดว่า จมูกไม่ใช่ชิ้นส่วนที่มีเส้นรอบรูปอย่างแท้จริงเช่นตา แต่เป็นเพียงช้ินส่วนที่เห็นได้จากการตกของแสงและเงาข้างสันจมูกและใต้จมูกเท่านั้น และปากก็เป็นเพียงน้ำหนักหรือสีของผิวหนังที่แตกต่างกันเท่านั้น หากเราลากเส้นสีดำรอบจมูก หรือเส้นสีดำรอบปาก เราจะไม่ได้ภาพจมูกหรือปากที่เหมือนจริงเลย ลองใช้ดินสอดำระบายเบาๆ ถูด้วยกระดาษ Tissue ที่ทำปลายเรียวๆให้สีดำที่ระบายไว้กลมกลืนขึ้น เพื่อให้ได้แสงเงาของสันจมูก และสีของริมฝีปากที่แตกต่างกัน ได้แสงและเงาของโหนกแก้ม ทำให้เห็นโครงสร้างของกระโหลกศีรษะ และ กล้ามเนื้อบนใบหน้า ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง

    พี่นักเขียนจะกลับมาขยายความเกี่ยวกับหลักการทั้งสี่ข้อนี้ และความสัมพันธ์ของการมองเห็นทั้ง 4 ข้อนี้กับประสาทสัมผัสที่หกต่อไป

    วันนี้ขอให้สนุกกับการวาดภาพชิ้นต่อไปค่ะ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • HelenPhoto_w_lines.jpg
      HelenPhoto_w_lines.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      47
    • Helen_1_line_n_space.jpg
      Helen_1_line_n_space.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.9 KB
      เปิดดู:
      69
    • Helen_1.jpg
      Helen_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      310.7 KB
      เปิดดู:
      60
    • Helen_2.jpg
      Helen_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316.7 KB
      เปิดดู:
      55
    • Helen_3.jpg
      Helen_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      348.6 KB
      เปิดดู:
      56
    • Helen_4.jpg
      Helen_4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      433.4 KB
      เปิดดู:
      54
    • Helen_5.jpg
      Helen_5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      493.9 KB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ส่งการบ้านของเก่าก่อนค่ะ

    naha.jpg nah4.jpg

    ดูแล้วยังไม่ค่อยเหมือนเลย...เดี๋ยวต้องทำการบ้านต่อ
    จินตนาการไปก่อนว่าเห็นตัวเองวาดได้เหมือนจริง...อิอิ

    อ้อรูปนี้เป็นรูปหลานสาวค่ะ น้องไนซ์ 6 เดือนค่ะ
    แหะๆ...เลอะไปหน่อยเพราะกำลังหม่ำฟักทอง อาหย่อย..

    ลุยการบ้านข้อต่อไป สู้ๆ(deejai)
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การเปลี่ยนอดีตและแก้ไขอนาคต จากปัจจุบัน ในความฝัน

    ผู้อ่านหลายท่าน รวมทั้งคุณน้องขจรวรรณ เคยเขียนมาถามพี่นักเขียนว่า เราจะเปลื่ยนแปลงอดึตหรือแก้ไขอนาคตจากปัจจุบัน ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ได้อย่างไร

    พี่นักเขียนเคยตอบไว้ว่า เราสามารถเปลื่ยนแปลงอดึตหรือแก้ไขอนาคตได้จากปัจจุบัน ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อของเราที่มีต่อปัจจัยในอดีตหรืออนาคต หากเราจดจ่อกับความต้องการที่จะเปลี่ยนความเชื่อในแง่ลบของเราให้เป็นแง่บวกได้ทุกลมหายใจ ความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงมักจะปรากฎในความฝัน ดังเช่นที่คุณน้อง jintawadee ได้เล่าประสบการณ์ให้พวกเราฟัง

    การเผชิญกับประสบการณ์ในความฝันเช่นนี้ มักทำให้เราตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เป็นเสมือนคนใหม่ เพราะมุมมองและทัศนคติที่เรามีต่อบุคคลที่เราเคยผิดใจ โกรธเคือง บาดหมาง ทะเลาะเบาะแว้ง หรือมุมมองที่เรามีต่อตนเอง มักจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ความรู้สึกที่เรามีต่อบุคคลอื่นๆ หรือตนเองจะเปลี่ยนแปลงไปราวกับว่า ประสบการณ์ในความฝันนั้นเป็นประสบการณ์จริง

    บุคคลทั้งหลายที่ปรากฏในความฝัน ล้วนแต่เป็น จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดึต จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบัน หรือจิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างแต่ต่างมิติ ในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตของเราทั้งสิ้น

    การเผชิญกับบุคลิกภาพเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเรา ทำให้เราสามารถตระหนักได้ถึงภาวะอันเป็นตัวตนรวมของเราได้อย่างลึกซึ้ง เพราะเราและเขาต่างก็เผชิญกับประสบการณ์เดียวกัน ต่างขั้วกันจากคนละมุมมองบ้าง หรือ ขั้วเดียวกันจากคนละมุมมองบ้าง แต่ละบุคลิกภาพล้วนทำหน้าที่เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์เดียวกัน ซึ่งทำให้เราเผชิญกับประสบการณ์ทางอารมณ์ที่หลากหลาย และทำให้รู้จักที่จะสำรวจความเชื่อของเราจากมุมมองต่างมุมเหล่านั้น

    หากเราเผชิญกับประสบการณ์ในมุมมองที่แตกต่างไปจากยามตื่น และตื่นขึ้นพร้อมกับนำอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกที่ดีกลับมาด้วยเช่นเดียวกับคุณน้อง jintawadee เราควรจะตระหนักได้ว่า ความเชื่อในแง่ลบที่ทำให้เราเคยไม่มีความสุข เคยมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดในแง่ลบ ได้เปลี่ยนเป็นความเชื่อในแง่บวก หรือเปลี่ยนเป็นความรู้แล้ว เราจึงตื่นขึ้นพร้อมด้วยความรู้สึกที่ดี

    แม้โลกของความฝันจะเป็นเสมือนโลกที่ไร้ความเป็นจริง แต่ใครเลยจะปฏิเสธความรู้สึกอันลุ่มลึกประทับใจที่ตนได้รับจากเหตุการณ์ในความฝัน และสลัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปราวกับว่ามันไร้ค่า ปราศจากความหมาย ไม่มากก็น้อยเราต่างก็รับเอาความรู้สึกเหล่านั้นไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตยามตื่นต่อไปอย่างปฏิเสธิไม่ได้ คุณค่าและความหมายของความฝันเหล่านั้น สามารถพลิกผันความเชื่อ พลิกผันทัศนคติ มุมมอง ตลอดจนพฤติกรรมของบุคคลได้เสมอ
    [​IMG]
    โลกของความฝันจึงเป็นโลกที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อโลกยามตื่น ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า โลกแห่งความฝันคือแบบพิมพ์เขียวของโลกแห่งความเป็นจริง-ยามตื่น เราจึงสามารถแก้ไขโลกแห่งความเป็นจริง-ยามตื่นของเราได้เสมอ เช่นเดียวกับที่สถาปนิกสามารถแก้ไขแบบพิมพ์เขียวก่อนที่จะสร้างอาคารได้เสมอ (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  20. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    นึกชื่อไม่ออก

    ช่วงนี้จัดประชุม ยุ่งมากครับ ทั้งๆ ที่อยากวาดรูปมาให้ดู
    ขอเวลาอีกสักสองวันนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...