ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    ข้อความแปลที่จะนำเสนอต่อจากนี้ เป็นของ Kara Schallock
    ซึ่งชื่อของเธออาจจะไม่คุ้นสำหรับกระทู้นี้...
    แต่หลังจากที่ได้ติดตามงานของเธอมาตั้งแต่ปีก่อน ...
    ก็รู้สึกว่าเธอมีความเห็นที่ค่อนข้างแตกต่างไปในบางเรื่อง
    อย่างเช่น....ข้อความที่นำเสนอนี้
    ก็มีเรื่องของ Twin Flam ซึ่งดูเหมือนเธอจะมีความเห็นที่แตกต่างออกไปมากเลยทีเดียว....
    ก็เลยแปลมาให้ได้ศึกษาร่วมกันดู...

    อจิตตะ...
     
  2. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]
    image from internet

    Flying More into the New
    a message from Kara Schallock
    Thursday, 3 July, 2014

    http://spiritlibrary.com/kara-schallock/flying-more-into-the-new
    ผู้แปล: อจิตตะ
    ตอนที่ 1

    ในขณะที่ฉันยืนดูลูกนกที่เริงร่าที่กำลังกระพือปีกเพื่อเตรียมพร้อมที่จะบินอยู่ข้างนอกอยู่นั้น
    มันช่างเหมือนเป็นวิธีการที่หลาย ๆ คน ได้ประสบการณ์ของคำว่า “New”
    ใช่ล่ะ ...the New อยู่ที่นี่ ... แต่เดี๋ยวก่อน...
    พวกเราควรต้องรู้และรู้สึกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของมันซะก่อนนะ...

    พวกเราได้รับการดาวน์โหลดมากมายใน ความรัก/แสงสว่าง (Love/Light)
    ซึ่งกว่าเราจะได้ใช้แสงสว่างนี้ไปกับการเดินทางแล้ว
    มันก็จะยังคงสงบนิ่งอยู่เพื่อรอให้เรามีความพร้อมที่จะบินอย่างแท้จริง
    งั้น…แล้วอะไรล่ะ ที่คอยดึงให้พวกเราหวลกลับอยู่เรื่อย ?(ไม่บินสักที=ผู้แปล)
    ส่วนใหญ่แล้ว ก็คือชีวิตเก่าๆ ที่เราได้ยึดเอาไว้และอยู่กับมันต่อไป
    โดยทำเป็นไม่เห็นว่า”New”นั้นมีอยู่ที่นี่จริง ๆ…
    ซึ่งฉันได้มาอยู่ตรงนี้ ก็เพื่อที่จะบอกคุณว่า “มันถึงเวลาที่คุณจะต้องออกเดินทางละนะ”
    “it is time to take flight”

    เซลล์ของพวกเราได้ปรับตัวไปสู่สถานะที่สูงยิ่งขึ้น
    DNA ทั้ง 12 เกลียวของพวกเราก็ยังคงทำงานอยู่
    ซึ่งพวกเราก็ได้มีการปลดปล่อยความหนาแน่นนี้ออกไปมาก
    และก็ยังมีพวกเราอีกมากที่ยังคงลังเลที่จะปลดปล่อยมันออกไป
    ซึ่งก็ด้วยเหตุที่ไม่มีความเชื่อว่า “New” ที่อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้
    กำลังมีความพร้อมที่จะให้พวกเราได้บินออกไปโดยปราศจากพันธนาการ
    และจากการกดมันไว้ด้วยกรอบของมิติที่ 3…
    …พวกเราพร้อมแล้วที่จะรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน
    ซึ่งมันต้องไม่ใช่แค่เชื่อด้วยหัวใจและเชื่อด้วยจิตใจที่ถูกจำกัด
    มันจึงต้องใช้หนึ่งในพวกเรามาอธิบายในสิ่งที่ไกลเกินกว่าประวัติศาสตร์ของพวกเราเอง
    และอธิบาย แสงสว่างที่พวกเราเป็นอยู่นี้…
    …ซึ่งก็ยังมีผู้คนมากมายที่ยังคงคุ้นเคยและอยู่กับสิ่งเก่า ๆ
    ไม่ว่าจะเป็นความกลัวที่ต้องออกจากงานที่ตนไม่พอใจหรือ ในด้านสัมพันธภาพ….
    และกลัวว่า”New” นี้ มันไม่ได้อยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้จริงๆหรือมันเป็นเรื่องที่ไม่มีจริง

    ดังนั้น…เมื่อใดที่คุณรู้และเมื่อใดที่คุณเชื่อ
    คุณก็จะปล่อยความยึดมั่นให้มันแตกหน่อออกมา
    แล้วสบัดปีกบินไปในขณะที่คุณก็ยังคงยึดมั่น
    เพื่อสลัดตัวเองให้หลุดพ้น(จากความยึดมั่น=ผู้แปล) มากขึ้น…


    แต่ สำหรับ“New” นั้น คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ
    ฉนั้น…จงปล่อยอะไรๆเก่า ๆ ที่จำกัดให้คุณอยู่แต่ในกรอบ
    จงปล่อยภาพลวงตาของโลกภายนอกที่คุณได้ยึดมันเอาไว้
    จงปล่อยอะไร ๆที่มันคอยดึงคุณให้ถอยหลังและรั้งไม่ให้คุณมีอิสระออกไปซะ…

    พวกเราทุกคนต่างก็ได้มีประสบการณ์กับสิ่งที่เรียกว่า “อาการของการเลื่อนระดับกันแล้ว”
    และหลายคนก็ยังคงติดแหง็กอยู่กับอาการเหล่านี้
    ก็เลยทำให้ละเลยความสนใจกับสิ่งที่ได้สร้างพวกเขามาแต่แรกซะงั้น…
    และก็เข้ารอบเดิม ๆ กับการติดแหง็กกับอาการเหล่านี้
    ด้วยการเลือกที่จะโทษคนอื่น โทษสถานะการณ์ โทษเศรษฐกิจ การเมือง โทษชีวิตในวัยเด็ก
    และโทษกฏระเบียบแบบแผนที่คุณต้องทำตามในที่ที่พวกเขาอยู่กัน...

    ทั้งๆที่จุดประสงค์ของ All That Is เป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ ของทิศทาง
    ที่หัวใจของคุณได้กระซิบบอกคุณอย่างแผ่วเบา...
    แล้วก็อย่าได้เพิกเฉยกับเสียงนั่นล่ะ....เพราะนั่นคือเสียงของจิตวิญญาณคุณเอง...


    ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ยังคงเคลื่อนตัวต่อไป
    ไม่มีใครสักคนในพวกเราที่เป็นคนเดิมเหมือนเมื่อเดือนที่ผ่านมา
    มันเหมือนกับว่าเราอยู่กับ “New” & “Old” ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
    บางสิ่งก็ปลดปล่อยไปได้ง่าย ๆ แต่บางสิ่งก็ไม่ง่ายนัก
    จึงต้องอดทนต่อความตั้งมั่นที่จะเคลื่อนไปข้างหน้ากับ “New” ของคุณ...
    ...จงเลือกที่จะอยู่กับ “New” และเลือกที่จะทิ้ง”Old”ไปเถอะ...
    จงรับผิดชอบทั้งชีวิตของคุณอย่างเต็มความสามารถ
    กับทางเลือกที่แท้จริงที่ไม่มีใครทั้งสิ้นที่ตกเป็นเหยื่อ
    (ยกเว้นกรณีที่คุณเลือกที่จะมองชีวิตว่าคุณเป็นเหยื่อ
    ...ชีวิตชนิดที่คุณไม่ได้เป็นคนสร้างก็จะเกิดขึ้นกับคุณ)...


    ...ซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริงแล้วตอนนี้คุณก็มีแสงสว่างมากพอที่จะบินได้แล้วนะ
    ทั้งยังมีแรงหนุนใต้ปีกของคุณจากกระแสลมแล้ว...
    จากการที่พวกเราได้รับเกียรติ์จากมิติที่มีคลื่นความถี่สูง
    ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายพวกเรานี้
    ซึ่งจริง ๆ มันก็คือของขวัญที่พวกเราถามหากันนั่นแหละ
    (ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามเถอะนะ)
    และก็จริง....ที่พวกเราต่างก็มีความรู้สึกเช่นนี้กับประสบการณ์ของการเลื่อนระดับ
    การปรับตัว และการเปลื่ยนแปลงที่เกิดกับร่างกายเรานี้...
    กับแสงสว่างที่บ่งบอกว่า “พวกเราคือใคร”(This Light is Who we are )
    ซึ่งนั่น...เป็นไปได้ที่มีคุณเป็นหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  3. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]
    image from internet
    Flying More into the New
    a message from Kara Schallock
    Thursday, 3 July, 2014

    http://spiritlibrary.com/kara-schallock/flying-more-into-the-new
    ผู้แปล: อจิตตะ
    ตอนที่ 2

    พวกเราไม่ได้มีเวลาพักจากการ downloads แสงสว่าง
    ที่เรามีความตั้งอกตั้งใจและเต็มใจที่จะรับเลย
    และนี่ก็ยังคงเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเรากำลังรับเพิ่มมากยิ่งขึ้น
    เพื่อใช้ในการขยายหัวใจของมนุษยชาติโดยเฉพาะ
    ซึ่งในเวลาที่พวกเรากำลังอัพเกรดหัวใจของพวกเราเองอยู่นี้
    การที่พวกเราคือผู้ที่สามารถเชื่อมโยงได้ทั้งหมด
    จึงทำให้หัวใจของมนุษยชาติได้รับการขยายและอัพเกรตไปด้วย...
    และนี่ก็คือสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง
    ที่ทำให้เกิดปัญหาอย่างมากมายซึ่งปรากฏอยู่ทั่วโลกในเวลานี้...

    เพราะในขณะที่หัวใจของไกอาได้ขยายใหญ่ขึ้น...สิ่งเก่า ๆ ก็ต้องจากไป....
    ในขณะที่ยังคงมีอยู่ในพวกเราบางคน...
    และความแตกต่างที่แท้จริงคือ พวกเราต้องตระหนักรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
    ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากในโลกไม่ยอมรับรู้

    ดังนั้น..ความรุนแรงจึงสร้างแรงต้านออกมาอย่างมากมายเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง
    และเพิ่มความเจ็บปวดแก่พวกเขาให้มากยิ่งขึ้น...
    นี่...พวกเรากำลังได้รับคลื่นที่เกิดภายหลังคลื่นของแสงสว่าง...
    ซึ่งเหมือน” ซึนามิ” เลยนะ...
    แต่คุณก็สามารถที่จะใช้คลื่นเหล่านี้ละลายทุกอย่างที่ยืนขวางทางคุณ
    เพื่อที่จะได้เดินออกจากทางแยกนี้ของคุณออกไปได้...
    ซึ่งก็เหมือนลูกนก....ที่บางทีคุณอาจจะวนเวียนอยู่กับการมีชีวิตเดิม ๆ
    สัมผัสอยู่แต่สิ่งเดิม ๆวันแล้ววันเล่า....แต่เมื่อถึงวันที่คุณเริ่มเข้มแข็งขึ้น
    การเดินออกจากสิ่งเดิม ๆ ทั้งหมดและการสร้างชีวิตใหม่ของคุณเองก็จะเริ่มต้นขึ้น...

    มีบางสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ คือจากการขยายตัวของหัวใจ
    จึงทำให้ จักระที่ 3 (Solar Plexus) และ จักระที่ 4 (Heart Chakra) มีการอัพเกรด
    เพื่อผสานเข้าสู่หัวใจในระดับสูง (Hight Heart) และ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณ
    คุณอาจรู้สึกไม่ค่อยสบายในจุดจักระที่ 3 และ การทำงานของหัวใจ
    (บางทีก็มาในรูปของใจสั่น ๆ หรือ เจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ)
    ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนอารมณ์และอัตตาของคุณลงสู่หัวใจ-ความรู้สึก
    และจะขยายการรับรู้ในด้านของความรัก
    จะเปิดกว้างกับความรัก / รักที่ไม่มีเงื่อนไข / เมตตา
    และเป็นการทำให้หัวใจระดับสูงของคุณเข็มแข็งยิ่งขึ้น...
    คุณจะสามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้
    ด้วยการวางมือลงในตำแหน่งหัวใจระดับสูงของคุณ
    (ระหว่างหัวใจและคอจักระของคุณ) และ ”หายใจเข้า “ ไปยังตำแหน่งนั้น...
    และนี่...คือการเชื่อมโยงที่งดงามทางกายภาพ
    ทั้งร่างกาย- จิตใจ -อารมณ์ และจิตวิญญาณของคุณ...

    เดือนนี้เป็นเดือนที่นำมาซึ่งการขยายตัวของ “New”
    ในการนำความแข็งแกร่งมาให้แก่รากฐานใหม่ทั้งหมด
    ที่คุณได้สร้างขึ้นใหม่และคัดเลือกจากประสบการณ์ที่มีแก่นสารสาระ
    โดยเฉพาะความเบิกบาน อิสระภาพและ ตามความชอบของคุณ..
    ใช่ละ...คุณรู้ดีว่าสาระสำคัญเหล่านี้ล้วนมาจากต้นกำเนิดทั้งสิ้น (Source)
    และนั่นก็คือ “ความรักของแม่” (Mother Love)
    เพราะเมื่อคุณนำความเป็นแก่นสารสำคัญของประสบการณ์นี้ออกมาเลือก
    ก็ย่อมบังเกิดผลขึ้นอย่างแน่นอน…ซึ่งนั่นก็จะทำให้การรับรู้ของคุณเปลี่ยนไป
    คุณจะมองโลกใบนี้ด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
    ซึ่งนั่นก็คือดวงตาของต้นกำเนิด(Source)ที่ใช้มองทุกสรรพสิ่ง
    โดยไม่มีการตัดสินว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี
    แต่จะมองในมุมที่สูงขึ้นไปว่านั่น คือ บัญชาจากเบื้องบน

    …คุณจะเริ่มมองความสมบูรณ์แบบของทุกๆคน
    ที่ได้เลือกเส้นทางเดินของพวกเขาเองได้ง่ายขึ้น
    ถึงแม้มันจะแตกต่างจากคุณก็ตามทีเถอะ
    คุณจะเลิกแยกแยะและรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างในแบบระดับชั้นวรรณะ
    และแทนที่ด้วยการมองทุกสิ่งทุกอย่างและทุกๆคนโดยไม่มีการแยก
    แทนที่การแข่งขัน ด้วยการ ให้ความร่วมมือ
    แทนที่ความแตกต่างของประเทศและวัฒนธรรม
    ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกับโลก และ ความเป็นหนึ่งเดียวกับหมู่มวลมนุษย์…
    ….แน่นอน…ช่วงนี้เป็นช่วงของการตื่นรู้
    เป็นช่วงตรวจสอบตนเองทั้งความคิดและคำพูด
    และจาก”การตื่นรู้” นี้ “New” หรือ “Old” ดีล่ะ…ที่คุณควรที่จะมอบให้…

    รู้สึกยินดีที่ได้เห็นการยอมรับกับเป้าหมายในมุมมองของทุกๆคน
    (ถึงจะแตกต่างก็เถอะนะ)
    และนี่ก็จะช่วยให้คุณมีความชัดเจนยิ่งขึ้นในสิ่งที่คุณได้เลือกไว้ให้กับตัวคุณเอง…
    อีกไม่นานคุณจะได้เห็นว่าประโยชน์นั้นมันมิได้เกิดแก่คุณคนเดียว
    แต่จะเกิดแก่สรรพสิ่งทั้งมวลในโลก
    และเมื่อคุณมีความเห็นอกเห็นใจในสรรพสิ่งทั้งมวล
    นั่นก็เท่ากับคุณได้สร้างทางเลือกบนรากฐานของการรับรู้ที่สูงกว่านั้นแล้ว…

    จงปลดปล่อยในสิ่งที่คุณยึดไว้ ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม
    และจงทำตามคำแนะนำที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน
    ของความรู้สึกและ “ความมีแก่นสารสาระ”ของคุณเองก็พอ
    เพราะไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร….มันก็จะเป็นไปตามนั้นแหละ…

    แล้วคุณรู้ไม๊…ว่าสิ่งที่คุณยึดไว้น่ะ ล้วนเป็นของขวัญอันล้ำค่า
    ที่จะแสดงให้คุณรู้ว่า คุณควรจัดการโดยการหันกลับมามองตัวเองซะที…
    เพราะพลังงานในการไปยึดไว้นี่…
    มันจะแสดงตัวออกมาในที่ที่คุณไม่ต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง
    คุณลองสังเกตุดู…เช่น…คุณจะเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า ”ฉันหวังว่า….”
    แทนคำว่า “ยอมรับ”ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงนี้และเดี๋ยวนี้
    แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…ทั้งหมดคือ “บัญชาของเบื้องบน”…


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=L0MK7qz13bU"]FROZEN - Let It Go Sing-along | Official Disney HD - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2014
  4. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]
    image from internet
    Flying More into the New
    a message from Kara Schallock
    Thursday, 3 July, 2014

    http://spiritlibrary.com/kara-schallock/flying-more-into-the-new
    ผู้แปล: อจิตตะ
    ตอน3 จบ

    วัตถุประสงค์หลักของการเลื่อนระดับก็คือ
    การแสดงออกของเบื้องกับทุกสิ่งที่คุณทำ
    กับทุกความคิด ทุกความรู้สึก และ ทุกๆการแสดงออกของคุณ…
    ซึ่งในตอนนี้…แต่ละคนก็ได้อยู่ในที่ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวตนกับจิตวิญญาณอยู่แล้วนะ
    และคุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่าที่ไหนเป็นที่ที่คุณต้องไปขยาย
    และที่ไหนคือที่ที่คุณต้องปลดปล่อยไปซะ…
    จงจดจำได้ว่า เบื้องบนมิได้ยึดมั่นที่ผลหรือหวังในสิ่งที่แตกต่างและวิธีการของมัน
    เพราะเบื้องบนรู้ดีว่า แม้ทุกสิ่งจะไม่ได้เป็นไปตามที่เห็น
    แต่สิ่งนั้นก็ยังคงเดินหน้าที่จะเปลี่ยนแปลงต่อไปอยู่ดี…
    ดั่งคำที่ว่า As Above, So Below” หรือ “สิ่งที่อยู่เบื้องล่างย่อมเหมือนสิ่งที่อยู่เบื้องบน”
    และยิ่งคุณเป็นผู้ที่มาจากสภาพความเป็นอยู่ที่มีความเข็มแข็ง
    “New” ที่คุณนำมา มันจะไม่ใช่เพียงแค่เพื่อชีวิตของคุณคนเดียวเท่านั้น
    แต่เพื่อทั้งหมดของมวลมนุษยชาติและ ไกอา ...

    ก็รู้กันอยู่นะ...ว่าแนวคิดในเรื่องของเส้นทางแห่งเวลา(timeline)นี่มันมีจำกัด
    ดังนั้น...คุณจึงควรที่จะปล่อยมันไปนะ(ถ้ามันตรงใจคุณนะ)
    เพื่อให้พวกเราจะได้ไม่ต้องติดอยู่กับเส้นทางของเวลาไหนๆทั้งนั้น
    ส่วนการจะไปได้ช้าหรือเร็วนั้น....ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของพวกเราละนะ...

    และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการละลายกรรมเก่าที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ
    และละลายเหล่าคำมั่นสัญญาอีกทั้งความเชื่อต่างๆให้หมดไป...
    เพราะแท้ที่จริงแล้ว พวกเรามีอิสระที่จะเลือกประสบการณ์เอง
    ซึ่งต้องไม่ใช่อยู่ในกรอบหรือรูปแบบ
    แต่อยู่ในความเป็นแก่นสารและความรู้สึกต่างหากเล่า...
    ซึ่งจะทำให้พวกเราได้เห็นภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น
    ของสถานะการณ์ของการตัดสิน การแยกแยะ
    และผลประโยชน์ที่คอยขยายตัวอยู่ใต้พื้นผิวนั่น...

    แล้วนี่คุณได้เห็นวัตถุประสงค์ที่สูงขึ้นของการควบรวมตัวกันของจักระที่ 3 (Solar Plexus)
    และจักระที่ 4(Heart Chakras)เพื่อการเลื่อนขึ้นสู่หัวใจในระดับสูงหรือยังล่ะนี่...?

    มีเรื่องให้ต้องสดุดใจกับ “New” อยู่นิดนึงกับความจริงที่ว่า …
    เมื่อใดที่คุณได้สังเกตุเห็นการเล่นตลกของ “Old world”
    คุณก็จะมองเห็นด้านหลังฉากที่จะก้าวสู่ “New”อย่างชัดเจน…
    ตัวอย่าง…ในด้านสัมพันธภาพ
    มีหลายคนกลายเป็นไปยึดติดแน่นกับคำว่า “Twin Flame”
    และพากันสับสน กับคำถามของความสมบูรณ์แบบของ Twins
    เมื่อมันไม่ได้เป็นไปตามที่ใครบางคนได้คาดหวังไว้...

    ....ก่อนอื่น...ต้องมารู้กันก่อนนะว่า Twin Flames นี้น่ะ
    มันเริ่มต้นจาก “หัวใจของคนผู้นั้นเอง” ( one’s own Heart)
    มันไม่ใช่บางสิ่งหรือบางคน “ภายนอก”(out there)ที่จะมาช่วยเหลือหรือมานำทางหรอก...
    คุณจำได้ไม๊...ว่าเมื่อคุณต้องการเก็บเงินด้วยการหยอดกระปุก
    คุณก็ได้ใส่พลังงานลงไปในกระปุก นั่นจึงทำให้ไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่...
    (หมายความว่า...เป็นเพราะพวกเราได้แบ่งพลังงานออกไปแปะไว้กับเหล่า คน สัตว์ สิ่งของ
    ทีนี้ พอถึงเวลาต้องการใช้พลังงานขึ้นมาจริง ๆ มันจึงไม่เต็มกำลัง= ผู้แปล)

    และเมื่อมีคน(คิดว่า = ผู้แปล) “เจอ” Twin ของพวกเขา
    พวกเขาก็จะใส่ความสัมพันธ์ทั้งหมดลงไปในกล่องที่ถูกเรียกขึ้นว่า “Twin Flame”
    แล้วก็พากันคาดหวังอย่างเพ้อฝันว่า มันจะต้องมีความสุขชั่วนิรันทร์กาล (happy ever after)…

    …. Twin หลายคู่ก็อยู่ร่วมกันได้แค่แป๊ปนึง
    และก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เพ้อฝันซะสูงส่งว่า มันจะมีความสุขชั่วนิรันทร์กาลอะไรนั่น
    ส่วนบางคู่ก็มาอยู่ร่วมกันเพื่อเป้าหมาย
    ของ”ปรากฎการณ์ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ”(Synchonishtic) ที่สูงขึ้นไป……….
    แต่ไม่ว่าจะอยู่ร่วมกันในรูปแบบไหน…
    หรือความสัมพันธ์ที่ว่ายาวนานแค่ไหน ท้ายสุด มันก็ต้องสิ้นสุดลงอยู่ดี
    จะเหลือทิ้งไว้ก็แต่ ”รักที่แท้จริง” (True Love)ที่จะไม่มีวันสิ้นสุด
    และยังจะคงเดินหน้าต่อไปในรูปแบบที่อาจเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้…

    ดังนั้น...สัมพันธภาพจะมาในรูปของความสัมพันธ์แบบ “Twin Flame” หรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็น
    สิ่งสำคัญคือ...การ ”รู้” ว่าสัมพันธภาพนี้มันเป็นความสัมพันธ์ที่แตกต่างอย่างมากของ “New”
    ซึ่งตั้งอยู่บนฐานของ “อิสระภาพและการเกื้อกูล”
    มากกว่าการอยู่ภายใต้กฏระเบียบเก่าที่สังคมกำหนดไว้...
    แต่หากการพัฒนาสูงสุดนี้เป็นไปด้วยเรื่องของสัมพันธภาพละก็
    ไม่ว่าจะเป็นแค่นาทีเดียวหรือตลอดชีวิต ทั้งหมดก็ล้วนเป็นบัญชาจากเบื้องบนทั้งสิ้น...


    ...ในแต่ละความสัมพันธ์ของ the New นี้ จะขึ้นอยู่กับภายในเอกภาพของแต่ละคน
    มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ขาดไม่ได้...ไม่ใช่เรื่องของการแย่งชิง ...
    ไม่ใช่เรื่องของอุปสงค์ (demand) และก็ไม่ใช่เรื่องของกฏระเบียบแต่อย่างใดเลย…
    เพราะ the New คือการอยู่กับปัจจุบันขณะด้วยความเบิกบาน... ด้วยความรักและอิสระภาพ...
    ซึ่งพวกเราจะเห็นได้ว่ามันได้เพิ่มมากขึ้น ๆ
    ในขณะที่พวกเรากำลังจัดการให้ “New” นี้ให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
    ดังนั้น...สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเคารพตัวเอง ...เป็นตัวของตัวเอง
    และจงรักษาความสั่นสะเทือนระดับสูงของคุณเอาไว้...
    จงรักษาสุขภาพด้วยการฟังคำเตือนของร่างกายคุณให้ดี...
    และจงรู้ว่า “ทั้งหมดคือบัญชาของเบื้องบน”...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  5. lighter

    lighter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +100
    It is time to take flight:cool:
    ปล.ขอบคุณท่านผู้แปลมากๆครับ โดนใจผมได้ทุกครั้งสิน่า...
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความจากครายออน
    เรื่อง จงเข้าใจในความเป็นทวิภาวะของตัวพวกคุณเอง
    (Understanding your Duality)

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 28 กรกฎาคม 2007
    ที่มา: KRYON - Lightworker's Handbook Lesson Two


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    ตอนที่: 1 อธิบายเรื่องความเป็นทวิภาวะ (Defining Duality)

    สิ่งแรกที่พวกคุณจะต้องรู้
    นอกเหนือไปจากความเป็นจริงที่ว่าภายในตัวของพวกคุณ
    มีความศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ก็คือ
    บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้มันยังมีสิ่งที่เรียกว่า
    “ความเป็นทวิภาวะ” (Duality) อยู่อีกด้วย

    ซึ่งความเป็นทวิภาวะที่ว่านี้
    มันมีไว้เพื่อถ่วงดุลความศักดิ์สิทธิ์ในตัวพวกคุณเอาไว้
    มันคือพลังงานด้านมืดที่มืดมิดที่สุดเท่าที่พวกคุณจะรู้จัก
    ที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณเอง
    มันจะเข้ามาอยู่กับพวกคุณ ในตอนที่พวกคุณเกิด
    แล้วมันก็จะอยู่กับพวกคุณไปจนตลอดชีวิต
    จนลมหายใจสุดท้ายของพวกคุณ

    ซึ่งพวกคุณบางคนก็เรียกมันว่า “เงามืดของตัวเอง” (shadow-self)
    แต่บางคนก็เรียกมันว่า “ด้านมืดของตัวเอง” (dark-self)
    แต่บางคนก็เรียกมันว่า “ความชั่วร้าย” (evil)
    แต่บางคนก็เรียกมันว่า “ด้านมืด” (dark side)
    ซึ่งคุณสมบัติอันนี้ของพวกคุณมันมีชื่อเรียกว่า “ความเป็นทวิภาวะ” (duality)

    ความเป็นทวิภาวะนี้มันเป็นสิ่งที่มีความถูกต้องเหมาะสมอย่างบริบูรณ์
    เพราะว่ามันคือส่วนหนึ่งของพวกคุณที่ถูกออกแบบมา
    มันถูกมอบหมายให้มาอยู่กับพวกคุณ ในตอนที่พวกคุณเกิด
    แต่มันไม่ได้ติดตัวพวกคุณมาจากฟากฝั่งโน้นของม่านพราง
    เพราะว่าดาวเคราะห์โลกดวงนี้คือหม้อผสมความเป็นทวิภาวะขนาดใหญ่
    แต่ว่า “การทดสอบ” นี้ ก็ใกล้จะเสร็จสิ้นลงแล้วหละ

    ซึ่งการทดสอบที่ว่านี้ก็คือ เหล่าทวยเทพทั้งหลาย จะพากันลงมาเกิดเป็นมนุษย์โลก
    เพื่อทำให้สนามเด็กเล่นแห่งนี้อยู่ในความสมดุลให้ได้ แต่ว่าจะลงมาเกิดพร้อมกับความเป็นทวิภาวะ
    (ความมืด และ แสงสว่าง) แล้วพยายามทำให้ขั้วทั้งสองของความเป็นทวิภาวะนี้อยุ่ในความสมดุลให้ได้
    มันคือการทดสอบเกี่ยวกับพลังงานอย่างหนึ่ง ไม่ใช่การทดสอบเกี่ยวกับมนุษย์
    แต่ว่ามันอาจจะรู้สึกราวกับว่ามันเป็นการทดสอบของจิตวิญญาณของพวกคุณเอง...

    วิธีการทำศึกของมิติที่ 3

    วิธีการทำศึกของมิติที่ 3 ก็คือ ถ้าพวกคุณมีศัตรู พวกคุณก็จะต้องเอาชนะมันให้ได้
    ซึ่งในมิติที่ 3 นี้ พวกคุณก็จะไปสู้รบกัน แล้วก็ฆ่ามันให้ตาย แล้วมันก็จะหายไป
    แล้วพวกคุณก็จะลุกขึ้นมาพร้อมกับชัยชนะ แล้วพวกคุณก็จะพูดว่า
    “สิ่งชั่วร้ายที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉันเอง ตอนนี้ได้ถูกสังหารไปเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้มันก็หมดไปแล้ว”
    ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับพวกคุณ ดังนั้นมันจึงมีที่อื่นๆอยู่อีกมากมาย
    ที่พวกคุณจะต้องไปแล้ว “สังหาร” สิ่งชั่วร้ายที่อยู่ภายในตัวเองให้หมดสิ้นเสีย
    และพวกคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องมองไปไกลเพื่อหาความช่วยเหลือแต่อย่างใดเลย

    แต่ว่าวิธีการนี้จะเอามาใช้กับความเป็นทวิภาวะไม่ได้
    เพราะว่าความเป็นทวิภาวะนั้น
    มันจะต้องอยู่กับพวกคุณไปจนตลอดชีวิตของพวกคุณ
    เพราะว่าวิธีการที่จะกำจัดมันไป
    ก็คือการที่มนุษย์โลกคนนั้นจะต้องตายลงไปเท่านั้นเอง

    แต่พวกคุณหลายคนก็อาจจะพูดว่า “มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ที่จะยอมให้มีศัตรูที่แข็งแกร่งมากๆเช่นนี้
    มาอยู่ในตัวของฉันได้ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย มันจะต้องทำอะไรซักอย่างกับมันบ้างสิ”
    แต่ว่า..พวกคุณก็กำลังจัดการกับพลังงานอันนี้ ที่อยู่ในตัวของพวกคุณเองนี้อยู่แล้ว
    โดยที่ไม่ต้องไปกำจัดมันทิ้งไปแต่อย่างใดเลย เพราะว่าพวกเราจะเรียกมันว่า
    “ความสมดุล” (balance) แทน

    และที่รักทั้งหลาย การทำให้มันอยู่ในความสมดุลเช่นนี้
    ก็คือหลักการณ์ชั้นสูงสำหรับมนุษย์โลกเกือบจะทุกคนเลยที่ยังมีชีวิตอยู่
    เพราะว่ามันจะต้องทำให้ความเป็นทวิภาวะนั้นๆ
    กลายเป็นกลางหรือหมดฤทธิ์ไปให้ได้
    โดยไม่โผล่ขึ้นมารบกวนตามธรรมชาติของมันอีก

    มันจะเป็นเป็นสภาวะที่อยู่เหนือความรู้สึก “หนี” หรือ “สู้”
    และมันก็คือการแทนที่ความเป็นทวิภาวะด้วย “ภูมิปัญญา” (wisdom)
    ซึ่งพวกเราได้พากเพียรพยายามสอนพวกคุณมากว่า 18 ปีแล้วนั่นเอง...


    .................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • yin_yang_1.jpg
      yin_yang_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      1,112
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2014
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความจากครายออน
    เรื่อง จงเข้าใจในความเป็นทวิภาวะของตัวพวกคุณเอง
    (Understanding your Duality)

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 28 กรกฎาคม 2007
    ที่มา: KRYON - Lightworker's Handbook Lesson Two


    ตอนที่: 2

    ความเป็นจริงเกี่ยวกับทวิภาวะ

    ...การทดสอบเกี่ยวกับพลังงานบนดาวเคราะห์โลก ถูกกระทำโดยบรรดาชิ้นส่วนของพระผู้เป็นเจ้า
    ที่ปลอมตัวมาเป็นมนุษย์โลก (ซึ่งก็คือมนุษย์โลกทุกๆคน – ผู้แปล) พวกเขามาแล้วก็ไป
    เพื่อสลับสับเปลี่ยนกันเล่นในพลังงานอันนี้ แต่พวกเขาไม่ได้ถูกทดสอบ
    เพียงแต่ว่าพวกเขามาเป็นผู้ทดสอบมันด้วยตัวของพวกเขาเองเท่านั้นเอง

    ว่าพวกคุณจะสามารถทำให้เกิดความสมดุลขึ้นได้หรือไม่
    ถ้าพวกคุณได้รับมอบทั้งความมืดและแสงสว่างมาให้แบบนี้ ?
    และว่า..จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้?

    ซึ่งคำตอบของมันได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้พวกคุณรู้
    แต่ว่าคำตอบเหล่านี้ หรือผลลัพธ์จากการทดสอบ
    ที่กำลังเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์โลกอยู่ในขณะนี้
    ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็ตาม มันก็จะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลด้วย
    และมันก็จะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย
    ที่จะไปส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างอีกด้วย
    เพราะว่าดาวเคราะห์โลก เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีเพียงดวงเดียว
    ที่มีอยู่ในขณะนี้ ในจักรวาลแห่งนี้

    ใครก็ตามที่ยินยอมพร้อมใจพลีตัวเองให้กับพลังงานด้านมืดของความเป็นทวิภาวะ
    ที่มีอยู่ในตัวของพวกเขาเองแล้ว พวกเขาก็จะยิ่งถลำลึกลงไปในความมืดมิดอันนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
    ไม่ว่ามันจะคือ ความโกรธ, ความเกลียด, ความรุนแรง, ความตาย,
    หรือการฆาตกรรมโดยไร้จิตสำนึกก็ตาม แต่พวกคุณก็อาจจะพูดว่า
    “แน่นอนเลย! คุณครายออน ตอนนี้คุณกำลังพูดถึงปีศาจร้ายอยู่ใช่ไหม๊?”

    จริงเหรอ? แล้วปีศาจร้ายคืออะไรหละ? ฉันจะบอกพวกคุณให้นะ
    ว่ามันก็คือด้านมืดที่อยู่ภายในตัวมนุษย์โลกเองนั่นแหละ
    และมันก็พร้อมที่จะเติบโตขึ้นและกลายเป็นตัวเต็มวัยขึ้นมาได้ทุกเมื่อซะด้วย

    และถ้าพวกคุณต้องการที่จะเดินบนทางสายนั้น คือต้องการเป็นคนชั่วร้ายหละก็
    พวกคุณก็จะได้รับสิทธิ์ในการใช้พลังอำนาจทุกๆอย่างที่พวกคุณต้องการอย่างเต็มที่เลยทีเดียว
    พวกคุณจะสามารถที่จะเดินตรงไปเอามันมาได้ในทันทีเลยทีเดียว
    เพราะว่ามันเป็นทางเลือกอิสระของพวกคุณ และพระผู้เป็นเจ้าก็จะไม่ขวางทางพวกคุณด้วย
    พวกคุณรู้เรื่องนี้มาก่อนไหม๊?

    โอ..แต่ยังมีหลายคนที่อาจจะพูดว่า “โอ..เมื่อใดที่เข้าไปเกี่ยวพันกับปีศาจแล้ว ปีศาจก็จะช่วยฉันได้
    และปีศาจก็จะฉุดดึงฉันลงไปสู่ความชั่วร้ายนั้น” ซึ่งมันก็มีบางลัทธินิกายที่บูชาสิ่งนี้อยู่จริงๆ
    แล้วความจริงหละคืออะไร? ไม่มีใครหรอกที่จะฉุดดึงพวกคุณลงไปสู่ที่ไหนได้
    มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย เพราะว่ามันเป็นทางเลือกอิสระของพวกคุณเอง
    และมนุษย์โลกหลายคนที่ลงไปสู่ความชั่วร้ายอันนั้น ก็เพราะว่าพวกเขาได้พบกับพลังอำนาจของพวกเขาที่นั่น
    และเพราะว่าพวกเขาสามารถมีพลังอำนาจอยู่เหนือมนุษย์โลกคนอื่นๆได้
    ผ่านทางการก่อให้เกิดความวิตกกังวล, ความทุกข์, และการควบคุม-บงการ...

    ...มนุษย์โลกคือผู้ที่มีพลังอำนาจในทั้งสองทิศทาง คือมีทั้งพลังงานของเทพและปีศาจอยู่ในแก่นแท้ของตัวเอง
    “ครายออนที่รัก คุณเพิ่งบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นี่เองว่ามันไม่มีหรอกนะสิ่งที่เรียกว่าปีศาจหนะ
    แต่ฉันไม่เชื่อที่คุณบอกหรอก เพราะว่าฉันเคยไปมาหลายที่ แล้วฉันได้พบกับปาฏิหาริย์มาแล้วด้วย
    ฉันเคยเห็นเขาไล่ปีศาจออกจากร่างมนุษย์มาแล้ว และฉันก็เคยเห็นตัวอะไรคลานไปรอบๆพื้นห้องแล้วก็หนีไปมาแล้วด้วย”

    มนุษย์โลกเอ๋ย พวกคุณเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม๊?
    ถ้าเชื่อ, แล้วใครบอกพวกคุณหละว่า
    พวกมันจะต้องเป็นปาฏิหาริย์ด้านสว่างเท่านั้น?
    พวกคุณจำที่ฉันบอกพวกคุณไปแล้วเกี่ยวกับความสมดุลได้ไหม๊?

    มนต์ดำ (black magic) ก็คือปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
    ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังอำนาจด้านมืดของมนุษย์โลกคนใดคนหนึ่ง
    เพราะว่ามนุษย์โลกสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้

    แต่ก็จะมีบางคนพูดขึ้นมาอีกหละว่า “ฉันเคยเห็นมนต์ดำวูดูมาแล้ว มันมีอยู่จริงๆ มันเป็นของจริง
    เพราะมันทำให้ผู้คนยอมสยบต่อมัน แล้วพวกเขาก็ถูกฆ่าตายและก็ป่วย
    เพียงเพราะว่าถูกสั่งให้เป็นเช่นนั้นเท่านั้นเอง มันคือสิ่งชั่วร้าย” และฉันก็จะพูดอีกครั้งหนึ่งว่า
    ยินดีต้อนรับสู่พลังอำนาจของมนุษย์โลก ลองมองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของพวกคุณเองสิ
    ลองดูที่เหล่าผู้นำเผด็จการทั้งหลายสิ พวกเขาสามารถที่จะพูดโน้มน้าวจิตใจผู้คน
    ให้เห็นด้วยว่าพวกเขามีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะไปฆ่าคนนับล้านๆคนได้
    ฉันจะบอกพวกคุณว่า นี่แหละคือศักยภาพของมนุษย์หละ และมันก็ทรงพลังอำนาจมาก...

    .................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2014
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความจากครายออน
    เรื่อง จงเข้าใจในความเป็นทวิภาวะของตัวพวกคุณเอง
    (Understanding your Duality)

    ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
    วันที่: 28 กรกฎาคม 2007
    ที่มา: KRYON - Lightworker's Handbook Lesson Two


    ตอนที่: 3

    อีกด้านหนึ่งของเหรียญ

    คราวนี้ ทำไมฉันถึงได้บอกเรื่องพวกนี้กับพวกคุณ? อย่ากลัวสิ่งเหล่านี้เลย
    เพราะว่าฉันแค่บอกพวกคุณว่ามีอะไรอยู่ในแก่นแท้ของความเป็นตัวตนของพวกคุณเองเท่านั้นเอง
    และพวกคุณก็สามารถควบคุมพวกมันได้ทั้งหมดด้วย...

    ...พวกคุณลงมาเกิดยังดาวเคราะห์โลกดวงนี้ พร้อมกับชิ้นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณ
    ส่วนด้านมืดที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณนั้น ก็คือสิ่งที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อเอาไว้บั่นทอนพลังอำนาจของพลังงานเริ่มต้นอันนั้นลง
    (พลังงานของพระเจ้า – ผู้แปล) ซึ่งมันก็จะไปทำให้เกิด “กรรม” ขึ้นมา
    ด้วยเหตุนี้ พวกคุณจึงมีด้านมืดอยู่ในตัวเองตั้งแต่ตอนที่พวกคุณเกิด

    มีพวกคุณซักกี่คนที่สอนลูกหลานว่าให้โกรธเมื่อมีเด็กคนอื่นมาขอเล่นของเล่นด้วย?
    มีพวกคุณซักกี่คนที่เป็นพ่อแม่ ที่สอนลูกหลานว่าให้เป็นคนขี้อิจฉา หรือเป็นคนขี้โมโห?
    ซึ่งพวกคุณก็อาจจะพูดว่า “ฉันไม่เคยสอนลูกหลานในเรื่องพรรณนี้เลย”
    แล้วฉันก็จะบอกว่า ฉันรู้..เพราะว่าเด็กๆพวกนั้นเกิดมาพร้อมกับสิ่งเหล่านี้เอง
    เช่นเดียวกันกับพวกคุณนั่นแหละ พวกคุณเริ่มที่จะเข้าใจบ้างหรือยัง?

    ...ต่อจากนี้คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นมา: ภายในตัวพวกคุณ มีระบบอันศักดิ์สิทธิ์
    สำหรับการทำให้ความเป็นทวิภาวะเข้าสู่สมดุลอยู่ ซึ่งเป็นระบบที่จะทำให้ความเป็นทวิภาวะไม่มีที่จะอยู่เลยทีเดียว...

    ...ความเป็นขั้วระหว่างความมืดและแสงสว่าง ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นระบบๆหนึ่งของดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    แต่ว่าพลังงานทั้งสองขั้วนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก...

    ...เมื่อใดที่พวกคุณก้าวเข้ามาอยู่ในแสงสว่างแล้ว และเริ่มเดินอยู่บนเส้นทางนี้แล้ว
    ความมืดที่เคยสร้างปัญหาให้กับพวกคุณมาชั่วชีวิตของพวกคุณ
    ก็จะถูกเนรเทศออกไปอยู่ในเขตแดนที่ไม่สำคัญในทันที
    แล้วมันก็จะทำตัวเหมือนเด็กน้อยที่นั่งอยู่ในเบาะหลังของรถยนต์
    ที่คอยทุบเบาะอยู่ปังๆเพื่อก่อความรำคาญให้กับพวกคุณ และมันก็ต้องการที่จะรู้ว่า
    “พวกเราไปถึงที่นั่นหรือยัง?” ด้วย นั่นแหละคือสิ่งที่มันสามารถทำได้หละ คือการทุบเบาะที่นั่งเท่านั้นเอง
    แต่ว่า..มันก็จะยังอยู่ที่นั่นตลอด และบางครั้งมันก็อาจจะทุบเสียงดังกว่าปกติก็เป็นได้

    ซึ่งบางคนก็อาจจะถูกมันรบกวนได้ แม้ว่าจะเป็น lightworker ก็ตาม และพวกเขาก็อาจจะพูดว่า
    “ทำไมเรื่องนี้มันถึงได้วนเวียนเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกอยู่แบบนี้?
    เพราะว่าฉันคิดว่าการฝึกจิตของฉันได้ทำให้มันเงียบสนิทไปแล้วซะอีก”

    มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก เพราะว่ามันพร้อมที่จะผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา
    ดังนั้น มันจึงจะมีวัฏจักรของความอ่อนแอหมุนเวียนมาซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ เพราะว่ามันคือการถ่วงดุลอย่างหนึ่ง

    คราวนี้..ฉันจะต้องบอกพวกคุณไหม๊ว่า Light worker ที่รักทั้งหลาย อย่าไปเกรี้ยวกราดกับตัวเองนักเลย
    ถ้าพวกคุณได้เจอกับวักจักรเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะหนักหน่วงมากหน่อย
    แต่บางครั้งมันก็อาจจะเบาลงไปหน่อย มันจะมีช่วงขึ้นๆลงๆแบบนี้แหละ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดามากๆ

    มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย ที่มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาก็เพราะว่า
    พวกคุณจะต้องแก้ไขปัญหาความสมดุลระหว่างความมืดและแสงสว่างนี้อยู่เสมอ
    มันเป็นศึกที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวันจบสิ้น
    จนกว่าจะถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพวกคุณเอง

    แต่ว่าพวกคุณคนใดที่สามารถก้าวเข้ามาอยู่ในแสงสว่างได้แล้ว
    จะมีข้อได้เปรียบกว่าอยู่อย่างหนึ่ง แม้ว่าคำพูดนี้อาจจะฟังดูแล้วเหมือนจะเกินธรรมดาอยู่บ้างก็ตาม
    แต่ฉันก็จะเตือนให้พวกคุณระลึกถึงคำสอนเกี่ยวกับแสงสว่างของฉันเมื่อหลายปีที่แล้วอยู่ดีว่า:
    ในสนามกีฬาที่มืดมิด และมีคนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ถึง 1 หมื่นคน
    ถ้าหากมีคนหนึ่งคนใดเปิดไฟขึ้นมาแม้เพียงหนึ่งดวงก็ตาม
    ก็จะทำให้สนามกีฬาทั้งสนามนั้นหลุดพ้นจากความมืดมิดได้ เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณเปิดไฟขึ้นมาดวงหนึ่ง
    ไม่ว่าก่อนหน้านั้นมันจะมีความมืดมิดอยู่มากน้อยแค่ไหนก็ตาม ความมืดมิดที่ว่านั้น มันก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
    นี่แหละคือพลังอำนาจหละ เพราะฉะนั้น พวกคุณเห็นความยุติธรรมตรงนี้ไหม๊?

    ว่า..ถึงแม้ว่า ด้านที่เป็นปัญหาของมนุษยชาติ
    จะสามารถแสดงตัวตนของมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติก็ตาม
    และด้านที่เป็นพระเจ้าของมนุษย์โลก
    กลับไม่สามารถแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบนั้นบ้างก็ตาม
    แต่เมื่อใดที่พวกคุณค้นพบแสงสว่างในตัวเองแล้ว
    มันก็จะไปผลักดันให้ความเป็นทวิภาวะเข้าไปอยู่ในสถานะถูกคุมขังในทันที
    ซึ่งเป็นสถานะที่ความมืดมิดจะถูกกักขังเอาไว้
    เพราะฉะนั้น ด้านสว่างจึงเป็นผู้กุมพลังอำนาจอยู่แทน
    เพราะว่าเมื่อใดที่แสงสว่างเริ่มแอ๊คทิฟแล้ว ความมืดก็จะไม่แอ๊คทิฟ
    เพราะว่าความมืดจะไม่สามารถโผล่ขึ้นมาได้ เพื่อมาเปลี่ยนแปลงห้องที่สว่างไสวอยู่แล้วได้!
    แต่แสงสว่าง สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงห้องที่มืดอยู่ให้สว่างไสวขึ้นมาได้อย่างสิ้นเชิง...

    ...ฉันจะบอกพวกคุณอย่างที่ฉันเคยบอกคู่หูของฉัน (นาย Lee)ไปแล้ว
    เมื่อสมัยตอนที่เขาเริ่ม channeling ใหม่ๆว่า “คู่หูที่รัก ด้วยแสงสว่างของคุณ
    ตอนนี้คุณมีความสามารถที่จะต้านทานเทพปกรณัมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดาวเคราะห์โลกได้แล้ว
    (เทพปกรณัมเรื่องซาตาน หรือลูซิเฟอร์ ที่เวลาทำพิธีจะใช้สัญลักษณ์ดาว 5 แฉก – ผู้แปล)
    คุณสามารถที่จะไปยืนอยู่ในดาว 5 แฉก แล้วปล่อยให้พวกเขาแต่งชุดประหลาดๆ
    และร่ายมนต์พิลึกๆเหล่านั้นเพื่อทำร้ายคุณได้เลย ปล่อยให้พวกเขาเล่นมนต์ดำใส่คุณได้เลย
    และทั้งหมดที่คุณจะต้องทำก็คือ ยิ้มให้กับความพยายามของพวกเขา
    เพราะว่าแสงสว่างของคุณมีความยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดๆที่มนุษย์คนใด
    จะสามารถเสกขึ้นมาได้ด้วยมนต์ดำของเขาเองซะอีก..
    และก็ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งชั่วร้ายใดๆที่มนุษย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ซะอีก
    เพราะว่าตอนนี้คุณได้เชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดเรียบร้อยแล้ว”

    ลองถามเขาดูสิ และเขาก็ทำมาแล้วด้วย เพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง
    ที่มีคนกลุ่มหนึ่งปล่อยมนต์ดำมาใส่เขาในระหว่างการเดินทางไปพูดที่ UN (United Nations) ครั้งแรก
    แต่ผลลัพธ์คือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะว่าเมื่อความมืดถูกขว้างมาใส่แสงสว่างแล้ว
    ก็จะไม่เกิดผลกระทบอะไรขึ้น นั่นคือความจริง

    ที่รักทั้งหลาย วัตถุประสงค์ของบทเรียนนี้ก็คือ
    เพื่อที่จะให้พวกคุณได้รู้ความจริงว่า
    พวกคุณมีพลังอำนาจมากมายซะยิ่งกว่าสิ่งชั่วร้ายใดๆที่อยู่บนโลกใบนี้ซะอีก
    และพวกคุณก็มีพลังอำนาจมากมายยิ่งกว่าปีศาจร้ายใดๆที่พวกคุณถูกบอกเล่าว่า
    มันอยู่ภายในตัวพวกคุณซะอีก

    และถ้าหากว่าพวกคุณอยากจะพิสูจน์เรื่องนี้หละก็ ก็จงไปเคาะประตูห้องของพระเจ้าดู
    และยินยอมให้พวกเราเข้าไป แล้วพวกคุณก็จะรู้ว่าสิ่งที่ฉันบอกพวกคุณไปในวันนี้ คือความจริง
    และนั่นแหละคือสาเหตุที่ว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกมันว่า “ม่านพราง” หละ
    เพราะว่ามันทำหน้าที่ปกปิดสิ่งที่อยู่ที่นั่นเอาไว้อย่างมิดชิด...

    Kryon

    ..............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2014
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สาบานได้ว่าผมไม่ทันได้ดูว่าคุณอจิตตะก็เอารูปหยิน-หยางมาโพสต์เหมือนกัน
    และผมก็เอามาโพสต์ซ้ำอีกที รวมถึงข้อความของครายออนชุดนนี้ด้วย

    บังเอิญดีจริงๆ

    .............................................................................
     
  10. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    กำลังเกิดรู้สึกผิดด้านมืดของตัวเองอยู่เหมือนกันเหมือนใจมันไม่ยอมตัดขอมีไวัสักหน่อยก็ดี
    ได้มาอ่านบทนี้แล้ว ok เลยปล่อยไว้บ้างก็ได้แต่อย่าให้เกินคุมเท่านั้น
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตรงกันเป๊ะทั้ง 100% ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเลย
    กับข้อความจากต่างมิติทั้งหลาย
    โดยเฉพาะข้อความของท่านเมตาตรอนที่ผมกำลังแปลอยู่นี้..

    ..ใกล้เสร็จแล้วครับ..


    ................................................................

    8 สิ่งที่ "น้องชายวายร้าย" ของฉันสอนฉันเกี่ยวกับความตาย

    By Annie Kagan, OmTimes / The Afterlife of Billy Fingers, A True Story by Author Annie KaganThe Afterlife of Billy Fingers | A Book by Annie Kagan

    (ผู้แปล: คุณสันโดษ)


    ในครั้งที่น้องชายของฉัน "บิลลี่" ปลุกฉันให้ตื่น หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปเเล้ว 3 สัปดาห์
    เขาได้เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากที่เขาจากไปสู่ชีวิตหลังความตาย
    ฉันคิดว่าบางที่ฉันกำลังจะเสียสติ เป็นไปได้ยังไงที่น้องชายผู้ที่ชอบสร้างปัญหา,
    ผู้ซึ่งตายจากเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว,ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิ่งเสพติดตลอดทั้งชีวิต
    ผู้ที่ใช้ชีวิตในรูปเเบบที่คนทั่วไปไม่ได้เรียกว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
    เขาสามารถเล่าความลับที่ยิ่งใหญ่จากมิติอื่นได้

    เเต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสงสัยเเละความลังเลใจ
    ก็ได้เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
    ในสิ่งที่บิลลี่สอนฉันให้รับทราบเกี่ยวกับความตาย


    รายละเอียด

    1.สิ่งเเรกที่เกิดขึ้น คือ ความสุขกายสบายใจเเละโล่งใจ
    ทันทีที่ตายคุณจะถูกดูดออกมาจากร่างไปสู่ห้องเเห่งการรักษา
    เเสงในห้องนั้นจะลบล้างความเจ็บปวดที่คุณทุกข์ทรมาณมาทั้งชีวิต
    ทั้งกาย จิตใจ ความคิดเเละอารมณ์ เพียงชั่วระยะเวลาที่น้อยกว่า 1 วินาทีนาโน
    ทุกความเจ็บปวดที่ผ่านมาในอดีตได้หายไปจนหมดสิ้น

    2.คุณยังรู้สึกเหมือนตนเองอยู่ ถึงเเม้ว่าคุณจะไม่มีร่างกายอีกเเล้วก็ตาม
    คุณยังรู้สึกเป็นปัจเจก ความจริงคุณรู้สึกเป็นตัวเองมากกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
    มีอิทธิพลมากมายบนโลก ที่ส่งผลกระทบทางจิตใจ จนทำให้คุณไม่มีโอกาสได้เป็นคุณอย่างเเท้จริง

    3.เเสงสว่างมีบุคลิก ในชีวิตหลังความตายรังสีจากเเสงต่างๆมีพลังเเห่งภูมิปัญญา,
    ความเมตตากรุณา,ความเห็นอกเห็นใจเเละสติปัญญา เเสงสว่างเหล่านี้
    ทำให้มองเห็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้บนโลก เป็นเนื้อเเท้เเห่งพระเจ้าของทุกสรรพสิ่ง

    4.ความบาปเเละการลงโทษเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
    มีคำร่ำลือบนโลกเกี่ยวกับสิ่งที่รอคอยคุณอยู่ในชีวิตหลังความตาย
    การทำผิดพลาดในขณะที่มีชีวิตอาจจะเป็นข้อตกลงของโลกมนุษย์
    ถ้าเราจะต้องทำตัวให้สมบูรณ์เเบบถึงจะได้ไปสวรรค์ คงจะไม่มีใครไปถึงที่นั้นเเน่นอน

    5.ชีวิตบนโลกก็ไม่ใช่การถูกลงโทษเช่นเดียวกัน เเน่นอนว่า
    คุณจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดในชีวิต เเต่ไม่ใช่เพราะว่าคุณทำบางสิ่งบางอย่าง
    ที่สมควรถูกลงโทษ ความเจ็บปวด คือ ส่วนนึงเเห่งการเรียนรู้
    เป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนกับการที่เราหายใจ หรือ มองเห็น หรือ เลือดสูบฉีดในเส้นเลือด

    6.หลังจากที่คุณเสียชีวิต,เเทนที่จะต้องรอคำตัดสินใด "มันไม่มีวันเเห่งการตัดสิน"
    เมื่อคุณย้อนกลับไปดูชีวิตของคุณ คุณมองเห็นเส้นทางที่คุณเลือกเเละไม่ได้เลือก
    คุณรู้ว่าคุณเป็นอัจฉริยะในเรื่องอะไรเเละอะไรที่คุณสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น
    เเต่คุณก็ไม่ได้คิดลงโทษตัวเองที่เลือกในสิ่งที่คุณต้องการในตอนนั้น
    เเละถึงว่ามันจะดูเหมือนไม่สมเหตุสมผลกับคุณเลย หลังจากที่คุณตาย
    คุณเข้าใจเเล้วว่า คุณมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุดถึงเเม้ว่ามันจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก

    7 คุณมีความสุขที่มีหน้าตาเหมือนตัวเอง คุณเลิกกังวลใจในภาพลักษณ์ภายนอก
    ไม่มีการต้องเเกล้งทำเป็นคนอื่น หรือ ต้องพยายามทำอะไรในการปรากฎตัว
    คุณเปล่งประกายงดงามโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย

    8.ความรักไม่เหมือนกับความรักบนโลกมนุษย์ คุณไม่ได้ถูกรักเพราะว่าคุณทำอะไร
    หน้าตาเป็นเเบบไหน คุณโด่งดังเเค่ไหน หรือ คุณสามารถสร้างเงินได้มากเเค่ไหน
    มันไม่เหมือนกับเมื่อวานฉันรักเธอเเต่วันนี้ฉันไม่รักเธออีกเเล้ว

    ความรัก คือ สิ่งที่ไร้เงื่อนไขจริงๆ

    สิ่งที่ขัดเเย้งมากที่สุด คือ ชีวิตหลังความตาย
    มีความเมตตากรุณาที่สมบูรณ์เเบบ
    เเละไม่ว่าคุณจะใช้ชีวิตยังไงคุณก็ยังคงได้รับความรักอย่างดีที่สุด

    .............................
     
  12. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ทำไมคุณรู้ล่ะคับ?:p
    ปล.คุณอจิตตะคับ ผมมีปัญหาจะถาม ผมขออนุญาตถามหลังไมค์ได้ไหมคับ({)
     
  13. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สิ่งที่ผมเห็น กับสิ่งที่มันเป็น.มันเรื่องเดียวกันหรือเปล่า?
    การปล่อยวางจะทำได้..ก็ต่อเมื่อเราต้องทำความเข้าใจกับมันซ่ะก่อน ถึงจะปล่อยไปได้ ผมคิดว่างั้นนะ..:cool:
     
  14. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    อ้าว....คุณชยุต ยังคงใช้คำว่า "บังเอิญ" อยู่อีกหรือ...นี่น่าจะใช้คำว่า
    "แหม... มันช่างพอดีซะเหลือเกิน" อะไรทำนองนี้มากกว่านะ...

    สงสัยช่วงเวลานี้คงต้องพูดคุยเรื่องนี้กันมั้ง...
    เลยมาพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย...
    อืม...ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊กตอก...
     
  15. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    ถามได้เสมอจ๊ะ...แต่ต้องว่ากันแบบแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะ...
    เพราะแต่ละคนส่วนใหญ่ก็มี "สัญญา" ที่แตกต่างกันไป
    ที่นำมันมาคิด มาวิเคราะห์....ผลของความคิดมันก็เลยแตกต่างกัน
    หากไม่ตกลงกันก่อน ต่างก็จะพาลวัดหาความถูกผิดกัน
    ให้เกิดความเสียหายต่อความเป็นกัลยาณมิตรกันไปเปล่า ๆ...นะ...

    ส่วนประโยคนี้ของคุณที่ว่า...

    "การปล่อยวางจะทำได้..ก็ต่อเมื่อเราต้องทำความเข้าใจกับมันซ่ะก่อน
    ถึงจะปล่อยไปได้ ผมคิดว่างั้นนะ"...


    ก็ต้องขอถามก่อนว่า...."ความเข้าใจ"ที่คุณเข้าใจนี่...
    คือผลจากการประมวลของเหล่า "สัญญา" เดิมๆมากมาย
    ที่ใครไม่รู้ใส่ให้ในสมองคุณตั้งแต่เกิดหรือเปล่า...
    หากคุณตอบว่า ใช่......"คุณจะไม่มีวันปล่อยวางอย่างแท้จริงได้เลย"...


    อจิตตะ...
     
  16. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    505
    ค่าพลัง:
    +433
    จากเหตุการณ์น่าสลดใจ น้องแก้ม

    ว่าจะโพสต์หลายวันล่ะ แต่ทำใจและยากจะทำใจ

    พูดไม่ออก อึ้ง เข้าใจได้ยากยิ่ง







    Little Sally--a Difficult Story to Tell, or Understand

    I'd like to tell you about little Sally. Some of you aren't going to like this story. Oh, my partner [speaking to Lee], what I'm about to do is appropriate, but you've never channeled anything like it before. It will be over shortly, for I know you will feel it, and it will become uncomfortable, as the other Humans in the room will attest to later.

    Little Sally was only three. Like many in so many cultures around the world, she was abducted--literally taken away to a dark place, by a man of low vibratory energy with a contract that most of you sitting here wouldn't begin to understand. For you see, all Human contracts with the other side are sacred. His contract was not predestined, but predisposed. He had a choice to change it... free will to follow a groove, one where he would meet little Sally. His name is not given, for this is about little Sally. Another time we will give the mechanics of his story, so you'll understand even better how such a dark thing could exist within the sacred scope of the love of God. He met little Sally, and in his own way, lusted for this child. That's why he took her.

    When it was discovered that little Sally was missing, the community supported the parents, who were distraught. They all prayed with great fervor, and they went on their knees before God. They plead with the angels before them. They called the names of God. They went to the clergy for solace. All of the spiritual people around them prayed for little Sally to be safe and sound. They prayed to God: "Let this be a quick and nonharmful event. Bring her back, please, dear God, bring her back. We pray for a miracle."

    They asked the angels to be with her, and to help her in all that she might be going through. They asked that the angels would protect her and bring her back. They went to their knees, and they wept and sobbed, as loving parents do in a horrible situation like this. Then their friends came out and put their hands upon them and hugged them and held their hands.

    Little Sally was discovered later. She didn't make it, and the details of what she went through would scar the parents' memories for life. When all was known, some of the friends who prayed so hard turned against God. They said, "What good is it when we pray, if it doesn't work? Where were the angels when we needed them? Where was our belief system and the power of prayer when we needed it?" Some discarded their angels, and many had to ask the question: "Where was God when little Sally needed him?"

    And here's what I want to tell you. You know that master who you sat in front of? The one who radiated wisdom, love, tolerance, and understanding? That master has his third DNA layer activated! He would look at this situation differently than you might. That master is able to weigh the light and the dark, and that master knows something about little Sally that perhaps you didn't think of, or that the parents didn't think of, or the ones who discarded their belief didn't think of.

    Here's another postulate: (3) Regardless of prayer--regardless of potential angelic intervention, no outside entity on this planet can change the absolute free choice of another Human Being. Little Sally was connected to her Higher-Self in ways you cannot understand. In those moments that were the darkest for her... seemingly all alone, she called upon that Higher-Self and said, "Help me! What are we going to do?" And together on a level that is higher and grander than you might think a child could go, she and her Higher-Self reviewed what she had come to Earth for. When this review was over, the question was put to her from her divine Higher-Self: "Sally, are you going to go through with this? We can help you co-create distractions and circumstances, and perhaps it will turn our differently. The angels are ready. What is your decision?"

    And between the divine Higher-Self and the lower-self of that spiritual group whom Humans see in a singular way, Sally made a decision that you will never understand, Lightworker. Sally stood tall within her divinity, and through free choice said, "We're going through it. We're going to do what I came to do." And with the synchronicity generated by the man who took her, they did... together.

    Why should this be? Unbeknownst to you is what little Sally knew. At a level that was filled with sacredness, she knew that what happened in that moment would affect hundreds and hundreds of people. Some would have to examine their spirituality, some would have to get off the fence and decide what God meant. None of them would be unaffected. No. Each of them would have a reaction... one that might last a lifetime. The seeming sacrifice of one, in what seems to be a horror of an event, was poised to provide the enlightenment for many. And so "little Sally" wasn't so little. She was a giant among Humans... welcomed back into the domain of Spirit, into the fold. She participated in a grand party, turning right around and going back again as soon as it was appropriate. She even rejoined the same karmic group that she left. They never noticed, maybe wouldn't even believe it.

    How can I describe this? The Lightworker will seldom understand it, but the master will. When you begin to activate that third layer, your master-hood begins to understand these situations. It sees the earth as all one item. It sees all situations and weighs them in appropriateness. The master weeps with appropriateness as a Human, but also the master sees the overview. He knows that any difficult death of a child is far more profound for those left behind than for the child who crossed over. The master celebrates what is going on in the heavens. He knows the "whys," and is settled with the overall picture.

    What really happened? Little Sally's Higher-Self overruled all other energies. It overruled the prayers and the angelic helpers. At that moment, it was king of its own reality, and it made a choice that was well known within the layers of the DNA that we have not even broached yet. The giant called "little Sally" had made her choice, and the heavens rang with the ramifications of it. Many were changed, and some found their divinity that day. The Earth changed, too, and the situation went into the energy of the planet, and the balance between light and dark balanced itself slightly more to the light side.

    Did you ever think of this? Or did you see it as something that darkened the planet? Do you understand now what divine wisdom is? It's an attribute that's almost beyond Human understanding. But the masters know. Sometimes what you see as some of the most difficult and negative things on the planet are instead working to create change... awakening those who would never be concerned with spiritual things, and creating situations out of the reach of what you consider to be appropriate for God. We told you years ago that in order to build this new temple called "peace on Earth," the old temple's foundation would have to be scraped clean... and that is what you're looking at.

    The third DNA layer modifies number two and number one. And that group, called group one [all three DNA layers together], changes the Human Being. It may surprise you that the first three layers that we would discuss would be the most important and potent ones when it comes to your own life, your ascension, your vibration, your master-hood, and your co-creation. All of the things that you strive for.


    บางส่วนจาก KRYON - Activating the third layer of DNA


    ขอให้สู่สุขคติ Little แก้ม :'(
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    กระทู้ใหม่ครับ แปลยากมาก แต่ก็แปลและโพสต์เสร็จแล้ว

    http://palungjit.org/posts/9134556

    .............................
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    การได้เจอพี่ชยุตตัวเป็นๆ เป็น1ในความฝันของผมเลยล่ะคับ.อิๆ
    (พี่ชยุตเป็นไอดอลของผมในแบบฉบับของความมีน้ำใจอ่ะคับ การมานั่งแปลบทความดีๆยาววๆแบบนี้ ถ้าไม่มีน้ำใจต่อสาธารณะชน ยากที่ใครจะทำได้ ผมให้พันดาวครับพี่(f))
     
  19. yaya12

    yaya12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุณมากมายที่นำสิ่งดีๆมาให้เราได้อ่าน ขอบคุณจากใจจริง คุณชยุต และคุณอจิตะ ข้าน้อยขอคาระวะ(f)
     
  20. A-jitta

    A-jitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +888
    [​IMG]

    image from internet...
    ***power of prayer***

    THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014

    June 13-20, 2014
    HILARION 2014 - The Rainbow Scribe
    วันที่โพสท์ _Tue ,15/6/2014

    ผู้แปล: อจิตตะ

    คุณคุณที่รัก…

    มีความเป็นไปได้อย่างมากในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
    กับความคืบหน้าของภายใน(ร่างกายและจิตใจ =ผู้แปล)
    และมีกิจกรรมอีกมากมายที่กำลังจะมีขึ้นกับพลังงานในระดับเดียวกัน
    บนพื้นผิวโลก ภายในโลก และกับพลังงานในระดับที่สูงกว่าอีกด้วย...

    ...นี่เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
    ที่จะนำมาซึ่งความชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าวันเวลาที่ผ่านมา
    ทั้งยังมีส่วนช่วยในการเชื่อมโยงกับโลกของธรรมชาติรอบ ๆ ตัวคุณ
    ด้วยการใช้เวลามากขึ้นกับโลกภายนอก
    ที่จะช่วยตรึงคุณให้เชื่อมต่อกับพลังงานของโลกได้
    ...การแช่ตัวในน้ำบ่อย ๆ จะทำให้คุณผ่อนคลาย
    และเป็นการรักษาเยียวยาให้คุณได้ดียิ่งขึ้น
    การดึงความสนใจในข่าวรายวันให้น้อยๆลงหน่อย ...คุณก็จะแข็งแรงขึ้น..
    ส่วนเรื่องราวมากมายที่ยังถูกเก็บซ่อนไว้ในเวลานี้นั้น
    มันจะไม่สามารถต่ออายุให้ยืนยาวไปกว่านี้ได้อีกต่อไปแล้วล่ะ....

    ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในการกุมอำนาจของทุกๆประเทศในโลกนี้
    ก็จะไม่สามารถเก็บซ่อนปฏิบัติการลับใด ๆจากการถูกเปิดเผยสู่โลกในที่สุด
    และพลังงานใหม่ที่ต้องการความโปร่งใสเพื่อการปฏิสัมพันธ์ร่วมกับทุกฝ่าย
    ทั้งในทุกบทบาทของทั่วโลกและในหมู่ผู้คนทั่ว ๆ ไปจะไหลบ่าเข้ามา
    ...............และเวลาของ “ความลับ” ก็จะสิ้นสุดลง.........
    ทุกๆ เซลล์ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้จะมีการเปลี่ยนรูปแบบ มีการชำระล้างและปฏิรูป...
    ในเร็ว ๆ นี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง จะได้เห็นฝ่ายมืดหรือเงามืดอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
    จากสนามพลังงานออร่าของแต่ละคน
    และสิ่งที่เปิดเผยออกมาในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้คนได้เดินไปตามทางแสงสว่างของพวกเขา
    และได้อยู่ร่วมกับความจริง และ รวมกันเป็นหนึ่งเดียว...

    ผ้าที่คลุมโลกเอาไว้จะละลายไปอย่างรวดเร็ว
    และใครก็ตามที่อยู่ในระดับแนวหน้าที่ได้ส่องแสงเจิดจรัส
    บนเส้นทางการเชื่อมโยงกับระดับที่สูงกว่าแล้วละก็
    จะรู้ได้ทันทีว่า... มันง่ายขึ้นมากเลยกับการนำความรู้
    และภูมิปัญญาต่าง ๆ มากมายมาแบ่งปันให้แก่ผู้ที่กำลังค้นหาคำตอบ...

    จงให้อภัยตัวเองเถอะนะ...คุณคุณที่รัก
    ต่อการเป็นมนุษย์ และ ต่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (New)
    ที่อยู่ในรูปแบบของความสง่างาม
    ซึ่งห่างไกลเกินกว่าหลายระดับที่ซึ่ง”ผู้หนึ่งผู้ใด” เคยทำมาก่อน...
    และนี่คือหลักมนุษยธรรมที่น่าปลาบปลื้มที่สุดของคุณที่มีอยู่
    ที่กองกำลังของมิติที่สูงกว่าได้เฝ้าดูความเจริญเติบโต
    และการขยายตัวที่เกิดขึ้นภายในตัวคุณ...
    ต่อไป...คุณคุณแต่ละคนจะถูกมองว่า เป็นของจริง ของแท้
    และเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญในการบุกเบิก”สิ่งใหม่”
    และมีแนวทางใหม่ที่เยี่ยมยอดที่คุณได้เรียนรู้ที่จะใช้ความสามารถของคุณเอง
    และจัดระบบให้ดีขึ้นทั้งหมด
    ไม่ว่าคุณเองจะต้องผ่านประสบการณ์เดียวกันนี้กับมนุษย์ที่ยังเหลืออยู่ก็ตาม...

    นี่อาจไม่ใช่เส้นทางที่ง่ายนักกับใครบางคนใน “ชั่วชีวิตนี้”
    แต่ก็เอาเถอะ...ขอให้เก็บไว้ในใจว่า...นั่นคือชัยชนะที่ได้ปรากฏออกมา
    ในชั่วชีวิตนี้กับแสงสว่างที่เป็นจริงในความสง่างามของคุณ...


    และนั่นคือคุณลักษณะของจิตวิญญาณที่คุณได้แสดงออกมา
    ซึ่งการที่คุณได้ผ่านโรงเรียนแห่งชีวิตบนดาวเคราะห์ทางกายภาพนี้
    ก็จะทำให้คุณเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจที่มีเพียงหนึ่งเดียว (unique) ในทั่วสากลจักรวาลนี้
    และประสบการณ์เหล่านี้ ก็จะถูกนำไปสู่ชีวิตในมิติที่สูงขึ้นไปในจักรวาล...
    ทั้งสิ่งที่อยู่ในระดับมิติที่ต่ำกว่า ก็จะถูกปรับขึ้นสู่แสงสว่างที่สูงกว่า
    เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับคุณได้...และนี่คือเหตุผลที่ว่า
    ทำไมจึงจำเป็นต้องปลดปล่อยและตัดใจให้ขาดไปซะบ้าง...

    ซึ่งผลกระทบในขั้นตอนนี้ก็คงยังมีอยู่ และกระบวนการนี้ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป
    จนกว่าร่องรอยจากการสั่นสะเทือนของรอยประทับภายในกายของทุกคน
    และสนามพลังงานจะรับการชำระล้างแล้วเท่านั้น...
    ซึ่งก็มีอยู่มากเหมือนกัน
    ที่มนุษย์สามารถแสดงออกของกายที่เต็มไปด้วยแสงสว่างให้ปรากฏได้เร็วขึ้น
    และสามารถเร่งความเร็วในการเลื่อนระดับได้อีกด้วย...

    ในครั้งนี้ เราขอร้องให้ใช้ “เปลวไฟสีม่วงในการเปลี่ยนรูปแบบ”
    เพราะนี่คือเครื่องมือของจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพ
    ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้กับทุกคน...
    และการใช้ชีวิตประจำวัน...มันไม่ใช่เกิดประโยชน์แต่ตนเองเท่านั้นหรอกนะ
    แต่เพื่อการเปลี่ยนรูปแบบของเหล่าพลังงานที่ล้อมรอบโลกอยู่ในเวลานี้ด้วย...
    ...จงใช้กระบวนการเล่นแร่แปรธาตุนี้ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง
    และให้ความรู้สึกที่เบิกบานสำราญใจนะ...

    แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ใกล้เข้ามาแล้ว
    The light at the end of the tunnel draws near.



    Until next week…
    I AM Hilarion
     

แชร์หน้านี้

Loading...