การเล่นแร่แปรธาตุ, วิชาที่มีผู้แสวงหากัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย aekple, 25 กรกฎาคม 2008.

  1. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    การเล่นแร่แปรธาตุมีจริงๆ คนไทยแต่โบราณศึกษาปฏิบัติกันมานานแล้ว แต่มีครูบาอาจารย์และผู้เรียนกันได้จริงๆน้อยมาก เท่าที่ทราบกันมา เล่าว่า มีลูกศิษย์สายหลวงปู่เทพโลกอุดรนี่แหละ ที่เก่งจริงๆ เช่น หลวงปู่ละมัย เพชรบูรณ์ เป็นต้น ที่สามารถเรียนสำเร็จวิชาปรอทได้ (อย่างอื่นก็คงทำได้เช่นกัน)ทำปรอทจากของเหลวมาเป็นของแข็งได้ ทำปิรามิดปรอทออกให้บูชาได้ องค์ละเป็นหมื่นๆบาท ศิษย์สายธรรมกายไปบูชามาเป็นครั้งละเป็นร้อยๆองค์ คนไทยโบราณสมัยก่อนทำทองคำได้เอง นำมาหล่อพระ สร้างพระใหญ่โตมากมาย ตอนเป็นเมืองขึ้นประเทศอื่นๆ ก็ต้องทำทองคำนี่แหละส่งส่วยเขาปีละจำนวนมากๆด้วย จะให้ไปขุดจากไหนจึงจะหามาให้เขาพอและทันได้ ก็ต้องใช้วิชาความรู้พิเศาแบบนี้แหละ คนไทย เมืองไทยจึงเอาตัวรอดมาได้จนทุกวันนี้....หลวงพ่อฤาษี ก็ยืนยันว่ามีจริง และท่านเคยบอกสูตรทำทองคำไว้ให้ด้วย ในหนังสือเรื่องอ่านเล่นของท่าน ลองไปหาอ่านกันดูซิครับ เผื่อจะรวยกับเขาบ้าง.....
     
  2. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    แรกนี้ ก็ขอเปิดตัว เล่นแร่แปรธาตุ ในเรื่องแขนกลคนแปรธาตุเวลาจะใช้วิชานี้จะต้องวาดวงแหวนเวทย์ละรายเวทย์ก่อนและจะทำการเปลี่ยนโลหะเป็นชนิดโลหะหรืออาวุธอื่น
    ความจริงแล้ววิชาเล่นแร่แปรธาตุคืออะไรกันแน่
    หลายคนอาจจะคิดว่า การเล่นแร่แปรธาตุ (เป็นสิ่งที่เหลวไหล เป็นไปไม่ได้ ฟังดูก็ไม่ค่อยจะ วิทยาศาสตร์เท่าไรนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่า เพราะความพยายาม ที่จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของธาตุนี่แหละ ที่ทำให้เราสามารถค้นพบ สาร (materials) ชนิดใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติ แปลกๆ น่าสนใจ แตกต่างกันออกไปขึ้นมาได้
    วิชาเริ่มมาจากนักปรัชญากรีกชื่อดังอย่าง อริสโตเติล (Aristotle) มองสสารบนโลก ในรูปของ ดิน (earth) น้ำ (water) ลม (air) และ ไฟ (fire) ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ถูกสร้างมาจาก การรวมตัวของธาตุทั้งสี่นี้ ตัวอย่างเช่น กระดูก ประกอบด้วย ไฟ 3 ส่วน และ ดิน 4 ส่วน
     
  3. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    ความเชื่อนี้เกิดมาจาก นักมายากล ชื่อ เอ็มพิดอเคิลส์ (Empedocles) เมื่อกว่า 2000 ปีที่แล้ว เอ็มพิดอเคิลส์ เชื่อว่า โลกเกิดจาก ธาตุทั้งสี่ชนิดนี้รวมตัวกันด้วยความรัก แต่แล้วก็เกิดทะเลาะวิวาทกัน จึงแบ่งแยกไปเป็น ท้องฟ้า (sky) กับ ดวงอาทิตย์ (sun) และ โลก (earth) กับ มหาสมุทร (oceans) เอ็มพิดอเคิลส์ ยังเชื่ออีกว่า ในที่สุด ความรัก จะสามารถรวบรวมธาตุทั้งหมดเข้าด้วยกัน อีกครั้งหนึ่ง (เหมือนนิยายน้ำเน่าหน่อยๆ เลยเนอะ)
    แล้วเมื่อเข้าสู่ยุคของไอแซก นิวตัน (รวมถึงไอแซกนิวตัน เอง) ความเชื่อนี้ได้พัฒนาจากความคิดเป็นศาสตร์ของการเปลี่ยนธาตุราคาถูก เช่น ตะกั่วให้เป็นธาตุราคาแพง คือ ทอง เป็นศาสตร์ที่แพร่หลายและรู้จัก ที่เรียกว่าเป็น อัลเคมี ( Alchemistry) ซึ่งมักเรียกว่าเป็น ศาสตร์ของการเล่นแร่แปรธาตุ
    นักอัลเคมีในอดีต แข่งขันในการหาวิธีเปลี่ยนธาตุ คือ ตะกั่ว ให้เป็นทองคำ โดยแข่งขันหาของวิเศษ ที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนธาตุ ได้คือ " หินนักปราชญ์ " และเมื่อเวลานานเข้าเรื่องของการเล่นแร่แปรธาตุโดยอัลเคมี ได้เสื่อมสลายไปกับการเริ่มต้น ของยุคเคมีใหม่ กับนักเคมีดัง เช่น ลาวัวซิเอ (Lavoisier ) เมื่อสองร้อยปีเศษในอดีต
     
  4. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงยุคของวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน จริง ๆ แล้ว สิ่งนี้นัก อัลเคมี พยายามทำกัน ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นคือ นักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่สามารถเปลี่ยนธาตุจากธาตุหนึงไปเป็นอีกธาตุหนึ่งได้ เพราะธาตุ ทุกชนิด ล้วนมีองค์ประกอบพื้นฐานเหมือนกัน คือ โปรตรอน นิวตรอน และ อิเล็กตรอน ความแตกต่างของชื่อธาตุต่าง ๆ ก็ขึ้นอย่างกับจำนวนของ โปรตรอน เท่านั้นเป็นหลัก นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน ก็สามารถ ทำหน้าที่เป็น นักอัลเคมียุคใหม่ ได้ โดยวิธีทางนิวเคลียร์ ทำให้เกิดปฏิกริยานิวเคลียร์ เปลี่ยนธาตุหนึ่งไปเป็นอีกธาตุหนึ่งได้
    แล้วนักอัลเคมียุคใหม่ เปลี่ยนตะกั่วเป็นทองคำได้หรือไม่

    คำตอบคือไม่คุ้ม เพราะค่าใช้จ่ายในการลงทุน เปลี่ยนธาตุ ตะกั่วเป็นทองคำจะศุงกว่าคาราทองคำ ที่ถูกสร้างขึ้นมามาก
     
  5. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์

    อะตอมที่รวมกันเป็นวัตถุนั้น ประกอบด้วยตัวที่ว่างเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ตัวเราเองก็ประกอบด้วยช่องว่างเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน แต่ทำไมเราเดินทะลุประตูที่ปิดอยู่ไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง อะไรทำให้สะสารคุมกันอยู่ได้

    อะตอมได้ปะทะกันเป็นล้าน ๆ ครั้งทุก ๆ วินาที หากในเชิงกลศาสตร์ มันยิ่งกลับคงตัวอยู่ได้

    อะตอมตามการอธิบายแบบดาวเคราะห์ ตามกฏกลศาสตร์ดั้งเดิม เมื่อชนกันแล้วจะไม่คงสภาพอยู่ได้ อะตอมของออกซิเจนจะจัดเรียงตัวของอิเล็กตรอนได้เสมอ ไม่ว่าจะปนกับอะตอมอื่นมากี่ครั้ง

    แรงซึ่งยึดเหนี่ยวสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันนี้เอง ทำให้เป็นช่องว่างที่ผ่านไม่ได้

    เมื่อแรงยึดเหนี่ยวระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้นสูงมาก ทำให้เกิดเป็นช่องว่างที่ผ่านไม่ได้ แต่ถ้ามีความเร็วที่สุดกว่าเกิดขึ้น จะผ่านได้หรือไม่ กับการเรียงตัวของอะตอมในผลึกต่าง ๆ ถ้าแรงยึดเหนี่ยวถูกจัดให้เปลี่ยนไป ผลึกเหล่านั้นจะเปลี่ยนหรือไม่

    สรุปก็คือ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ไม่มีอะไรที่จะผ่านช่องว่างนั้นไปได้ เพราะวัตถุมีการปะทะกันของอตอมนับล้าน ๆ ครั้งในแต่ละวินาที
    ....แต่..... ถ้ามีความเร็วกว่านั้นที่จะผ่านไปได้ และสามารถเปลี่ยนรูปผลึกใหม่ได้ล่ะ?

    มนุษย์เชื่อเรื่องทุกเรื่องที่วิทยาศาสตร์บอก แต่มนุษย์ไม่ยอมเชื่อพระพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่ท่านรับสั่งไว้แล้วว่า อย่าเชื่อโดยไม่พิสูจน์ มนุษย์ไม่พิสูจน์แล้วก็ไม่เชื่อ
     
  6. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
  7. หล่อลากดิน

    หล่อลากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,202
    ค่าพลัง:
    +235
    ปรอทสำเร็จ vs หินนักปราชญ์ vs ตุ๊กแกไฟ vs อำนาจแห่งเวทมนต์ ---> ทองคำ
     
  8. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    ใครมีข้อมูลเกี่ยวข้องที่น่าสนใจเพิ่มเติมบ้าง
     
  9. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    เป็นหนึ่งในหลายสาขาของเวทมนต์ซึ่งเริ่มมีขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 23 สมัย โรซีครูเชียน (Rosicrucian :โรซีครูเชียนคือ กลุ่มคนชาวอียิปต์ที่อ้างว่าาเข้าใจพลังอำนาจของเอกภพ) พลังลึกลับที่เปลี่ยนเหล็กธรรมดาให้เป็นทองได้ยังรวมไปถึงการทำยาอายุวัฒนะ หรือที่คนจีนเรียกว่า ตัน---Tan ซึ่งกินแล้วช่วยให้เป็นหนุ่มสาวตลอดกาล อายุยืนหมื่นปี หรือเป็นอมตะและการสร้าง มนุษย์สังเคราะห์ในหลอดแก้ว โฮมูนคูลัส---Homunculus ด้วย
    ว่ากันว่า ศาสตร์แขนงนี้ได้รับการสั่งสอนถ่ายทอดมาจาก เทพเจ้าอียิปต์ ที่มีนามว่า ธอธ---Thoth ซึ่งเป็นเทพผู้สร้างวิทยาศาสตร์ ชาว กรีก กับชาว โรมัน เรียกเทพองค์เดียวกันนี้ว่า เฮอร์เมส---Hermes ถือกันว่าเป็นเทพประจำอาชีพหลายอาชีพ
    แม้กรรมวิธีจะยุ่งยากและสับสน ความพยายามที่จะเข้าใจรายละเอียดในกระบวนการของมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย การค้นคว้าหาสูตรที่จะเปลี่ยนแร่ธาตุต่าง ๆ ให้กลายเป็นทองนั้นอาจถูกมองว่า เป็นเพราะความโลภมากกว่าความต้องการที่จะค้น
     
  10. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    ภาพของ นักรสายนเวท ในวรรณคดีและศิลปะ คือ นักวิทยาศาสตร์ยุคต้น ๆที่นั่งอยู่หน้าเตาไฟที่ร้อนระอุ พยายามทุกวิถีทางที่จะหลอมแร่ธาตุและแปรให้เป็นทอง โดยแท้จริงแล้ว ความตั้งใจจริงของ รสายนเวท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทางเคมีใด ๆแต่เป็นความต้องการจะค้นหาสัจธรรมและความบริสุทธิ์ของมนุษย์ซึ่งประกอบด้วย ปรัชญา ศีลธรรม และจิตวิญญาณ นักรสายนเวท ไม่ได้ต้องการค้นหาเวทมนต์ใด ๆ แต่ต้องการค้นหาคำตอบของเอกภพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากและลึกลับสำหรับมนุษย์ 0รสายนเวท มีความเกี่ยวพันกับทอง เนื่องจากทองเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ มีความทนทานต่อปฎิกิริยาต่าง ๆซึ่งทำให้ ทองไม่หมองคล้ำและไม่ถูกกัดกร่อน นอกจากคุณสมบัติเฉพาะตัวแล้ว ทอง ยังเป็นอุปมาของความงาม ความบริสุทธิ์ และความอดทน ทอง จึงเป็นตัวแทนของสิ่งที่ นักรสายนเวท ค้นหา สิ่งใดที่ทำให้แร่ธาตุเปลี่ยนสภาพเป็นทองได้เร็วเท่าไรก็จะมีอำนาจต่อมนุษย์มากตามไปด้วยพิธีกรรมที่ประกอบขึ้นเป็นเพียงการแสดงประกอบการค้นหาสัจธรรมโดยใช้ ทอง เป็นตัวแทน
    ประวัติ รสายนเวท มีมากว่า 2,000 ปี ในแถบตะวันตก ตะวันออก และแถบประเทศอาหรับ ถือว่าเป็นความเชื่อและพิธีกรรมที่มีอายุยาวนานที่สุด อาจจะเป็นเพราะว่า วัตถุที่นำมาประกอบพิธีคือ ทอง นั้น เป็นที่หมายปองของมนุษย์ทุกสมัยความไม่ซื่อสัตย์และการหลอกลวงย่อมมีขึ้นแน่นอน แต่จุดมุ่งหมายหลักของ รสายนเวท ก็ยังคงอยู่ที่ความสมบูรณ์เป็นเลิศที่แทนด้วยวัตถุที่เป็นเลิศอย่างทองและหมายถึง จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของมนุษย์รสายนเวท นี้มีขึ้นก่อนคริสตกาลทั้งใน จีน และ ยุโรปตะวันออก เริ่มต้นเมื่อประเพณีของ อียิปต์ และ กรีก ถูกนำมารวมกันเพื่อค้นหากุญแจสู่เอกภพ ต่อมา 500 ปี
     
  11. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    รสายนเวท ใน ยุโรป ก็เสื่อมลงแต่กลับไปเจริญในแถบ อาหรับ และ ตะวันออก แทน กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในยุโรป ในพุทธศตวรรษที่ 17 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นกว่าเดิม จนการศึกษาค้นคว้าแตกแขนงออกไปเป็นศาสตร์หลายแขนง เช่น ปรัชญา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เป็นต้น
    นักรสายนเวท แต่ละคนต่างต่างสมัย ต่างก็มีวิธีของตนที่จะค้นคว้าหาคำตอบของตนเอง จึงทำให้ไม่มีวิธีที่ซ้ำกันเลย แม้จะมีความแตกต่างในกลวิธี ใจความสำคัญ 3 ประการ ก็ยังคงเหมือนกัน
    ประการแรก เน้นการศึกษาในวัตถุแร่ ศึกษาในรูปธรรมของวัตถุในห้องทดลอง และการทดลอง
    ประการที่ 2 คือ ความเข้าใจในความสำคัญของการบำบัดรักษาโดยใช้สมุนไพรและสารเคมีต่าง ๆ ให้เป็นยาที่มีประโยชน์ใช้รักษาได้
    ประการที่ 3 เกี่ยวข้องกับปรัชญาและความลึกลับของมนุษย์ค้นหาแสงสว่างแห่งสัจธรรมเกี่ยวกับชีวิตและหน้าที่ของมนุษย์ต่อเอกภาพ
    ทุกสาขาของ รสายนเวท จะประกอบด้วยใจความสำคัญทั้ง 3 นี้ จะต่างกันก็ตรงที่การเน้นความสำคัญของแต่ละใจความ
     
  12. aekple

    aekple สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +17
    เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไป
     
  13. ปรัม

    ปรัม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +4
    พระพุทธองค์ทรงห้าม อวิชชา ทั้งหลายไว้แล้ว
     
  14. อิทธิปาฏิหาริย์

    อิทธิปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,834
    ค่าพลัง:
    +1,472
  15. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,163
    ลป.ละมัย เคยบอกว่าท่านเคยทำทองคำเอาไปขายสร้างวัดได้หลายวัดเลยตอนอยู่ฝั่งลาว แร่สำคัญที่เอาไว้แปรธาตุนั้นอยู่ฝั่งลาวโน่น
    ...ที่สำคัญเคยถามท่านว่าที่โบราณว่า เล่นแร่แปรธาตุผ้าขาดไม่รู้ตัว นั้นจริงหรือเปล่าครับปู่ ท่านหัวเราะแล้วว่า ของฉันขาดจนนับไม่ได้แล้ว ที่ขาดก็เพราะว่ามันระเบิดนั่นแหละ แต่ท่านไม่เป็นไรครับ
    ...นี่แหละอริยบุคคลที่ยังคงเหลืออยู่ ส่วนพระปรอทของท่านนั้นตัวผมกล้าอมให้ดูเลยเพราะไม่กลัวพิษหรอกลป.ท่านฆ่าพิษเกลี้ยงครับ แต่สำนักอื่นไม่กล้านะ
    ....พระปรอทที่สำนักท่านนั้นท่านทำเองหมดทุกองค์ท่านไม่ให้ใครช่วยเพราะเกรงว่าจะสู้พิษไม่ไหว
    ....รับรองได้ครับว่า ในโลกที่เราๆรู้จักกันนี้ ไม่มีใครสู้ท่าน(ลป.ละมัย)ได้จริงๆและของจริงไม่ต้องอ้างตำนานโบราณ หรืออุปโลกให้เชื่อ เมืองไทยเรานี่แหละสุดยอดครับ ความรู้ท่านกว้างไกลจริงๆและรู้จริงทำได้จริงทุกอย่างครับ
     
  16. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    ผมใช้เวลาศึกษา สองเดือนเต็ม ๆ จบ ทำได้จริงครับ...แต่จะเรียกว่าเล่นแร่แปรธาตุก็คงไม่...หรือจะเรียกว่าเล่นแร่แปลธาตุก็ได้....แต่ที่ผมทำได้ก็อาศัยหลักวิทยาศาสตร์นะครับ....ธาตุหนึ่งไปเป็นอีกธาตุหนึ่ง...จริง ๆ ที่ทำได้ของผมต้องมีองค์ประกอบ มีทองคำผสมอยู่จึงทำได้....เรียกว่า การรวมแร่ธาตุทองคำ แยกได้ รวมได้ สกัดได้...คือว่า ถ้ามีทองคำผสมอยู่ ทองคำจะอยู่ในรูปไหนก็แยกออกมาได้ ทำให้บริสุทธิ์ได้ เคยทำได้ประมาณ 98-99 % คือถ้าไปขายก็ได้ราคามากกว่าทองรูปพรรณนะครับ

    จริง ๆ แล้วใช้ตะกั่วทำทองคำ ทำให้มันบริสุทธ์ก็คือ เอาตะกั่วไปจับทองคำนั่นเอง หรือใช้ปรอทจับก็ได้แต่ไม่ค่อยดีนัก แต่มันออกอันตรายกับไอตะกั่วและไอปรอท...ผมไม่ทำ....ผมใช้ ทองแดงจับ หรือไม่ก็เงินจับ....ผมก็เลยจบ ธาตุทองคำ ส่วนธาตุ เงิน ทองแดง(อิอิ โม้หน่อย ๆ สนุกดี) พอรู้บ้างจับได้แยกได้ แต่ราคาไม่สูงเลยไม่สนใจ.....การทำทองคำ ต้องอดทน ทนร้อน ความร้อนจากเตาหลอม จากถ่านที่เราใช้ ต้องเพียรพยายามสูง...เสี่ยงอันตรายจากไอน้ำกรด(ตอนน้ำกรดกลายเป็นไอ ยิ่งอันตราย)...ซึ่งขั้นตอนมันมากพอตัว....ถ้ายังไม่ได้อาจทำซ้ำไปซ้ำมา เพราะบางทีมีธาตุอื่นปนมากน้อย เราต้องแยก
    ธาตุอื่นออกให้หมด....ผมทำอย่างชาวบ้านก็สามารถกระทำได้...ทำได้สิบบาทกว่า ๆมั๊ง เอาไปดาวรถเก๋งมาขี่เล่นคันหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วอันตราย...ที่ทำ ผมทำจากกระดาษปิดทองพระ ซึ่งเป็นทองคำแผ่น ๆ แผ่นล่ะ5-7 บาท เก็บรวมไว้ห้าหกปีเป็นร้อย ๆกิโล เลยนึกลองทำดู
    ก็ทำได้ ใช้เวลาสองเดือนศึกษาจบ...พอทำได้มันก็จะสามารถแยก สกัด ทองคำ จากอะไรก็ได้ ขอแค่ว่าแร่นั้นมีทองคำปนอยู่ ....ในหิน ทองดอกบัว ทองสัมสิทธแต่ต้องมีทองคำผสมอยู่ด้วยนะ....แยกทองคำจากนาคก็ได้...ฟันปลอมหรือทำครอปฟัน ที่มีทองคำผสมอยู่ก็แยกได้หมด...มันเป็นธาตุอื่นแล้วผสมกับทองคำกับแร่อื่น จนมันมีความแข็ง ทนเหนียว สึกกร่อนยาก...แต่ก็แยกได้....ที่ผสมใน ซีพียู หรือทองคำผสมอยู่กับอะไรก็ได้แยกได้หมด...แยกแล้วนำมารวมกัน ทำให้บริสุทธ์ ก็ได้ทองคำแล้ว...

    ยังรู้สึกเสียดาย เมืองไทยมีแหล่งแร่ทองคำเยอะ แต่ให้ต่างชาติเข้ามาทำ สัปทานไปกิน น่าเสียดายมาก...คนไทยที่มีความรู้ทางนี้ผมเชื่อว่ามีเยอะอยู่...น่าจะทำได้เหมืองทองคำ...แต่ต้องซื่อสัตย์นะครับ ห้ามโกงกัน จัดระเบียบให้ดี มันก็จะเป็นของไทยเราไม่ต้องให้ต่างชาติขนไป...เขาไม่ได้แค่แร่ทองคำ เขาได้แร่อื่นด้วยที่มีค่า และอาจจะมีราคามากกว่าทองคำเสียอีก เช่น แร่ขาวทำหัวจรวดนิวเคลียร์ แร่อะไรประมาณนี้.......นอกเรื่องไปนิดหนึ่ง.....แต่การเล่นแร่แปรธาตุ โดยให้ตะกั่วอย่างเดียวทำให้เป็น
    ทองคำผมทำไม่ได้ โดยไม่ใส่อะไร หรือผสมอะไร ....ถ้าใช้ตะกั่วต้มไฟอย่างเดียวหรือใช้คาถาช่วยนี่ ผมทำไม่ได้แน่..แต่ถ้าใช้อย่างอื่นที่มีทองคำเป็นส่วนผสมทำได้.....หรือเป็นการสร้างแร่ทองคำขึ้นมาเลย ตรงนี้ผมยังทำไม่ได้...แต่ถ้ามีส่วนผสมที่จะเกิดเป็นแร่ทองคำ ก็อาจทำได้ เป็นการสร้างแร่ทองคำขึ้นมาเลย ซึ่งเราต้องรู้ส่วนผสมนั้น และอัตราส่วนนั้น
    และของสิ่งนั้นที่นำมาผสมต้องมีจริง ถูกต้อง ตามเกณฑ์ แห่งการเกิดแร่ทองคำ.
    ในการออกแบบ ก็ทำได้...เราออกแบบ แบบธรรมดาไปก่อน จากสิ่งเล็ก ๆ ค่อยทำชิ้นใหญ่ จนถึงการทำเครื่องผลิต แยก สกัดทองคำ...แต่ก็ต้องใช้เงินพอสมควร แต่ไม่ยากครับ ผมทำได้ ถ้ามีแหล่งเงินทุนให้พอสมควร...เหมืองทองคำถ้าเราทำเองจะดีแค่ไหน สมบัติของชาติก็จะอยู่ในประเทศไทยเรา....การออกแบบ หรือกระทำถ้ามีปัญหา ผมก็สามารถกำหนดรู้ไปได้เรื่อย ๆ คือถ้าเกิดปัญหาผมแก้ได้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุด สามารถได้ทุกเรื่อง ...ตรงนี้ใช้ใจกำหนดรู้วิธีต่าง ๆ ใช้พลังใจยั่งรู้เอาครับ
    ไม่มีคาถาใด ๆ....แต่หัวใจที่ปรารถนาอยากรู้ อยากทราบ อยากทำ อยากทดลอง .....แต่ถ้าได้ไปดูงานก็ยิ่งไว ต่อยอดไปเลย.....หรือไม่ก็เริ่มจากศูนย์ออกแบบเอง ทำเองก็ได้ แต่นานหน่อย...
    ดีนะตอนทำผมไม่โลภ...เลยทำสำเร็จ....มันเป็นวิชาเก่า ๆ ตั้งแต่อดีตชาติ เราแค่เอาใจเราเข้าไปสัมผัส ความรู้ความสามารถที่เคยทำได้...มันก็ค่อย ๆ สัมผัสได้ วันล่ะนิด วันล่ะหน่อย ประติดประต่อ จนสำเร็จ ใช้เวลาสองเดือนจบ....ในสายงานช่างรู้ได้หมด โชคดีไป อิอิ....(โม้มาเยอะพอดีกว่า):p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กรกฎาคม 2014
  17. chotipala

    chotipala Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +89
    พระมาลัย....แปรธาตุทั้งหลายเพื่อเดินทางข้ามจักรวาลคู่ขนานมากว่าสองพันปีแล้วขอรับจากการสิกขา....เริ่มจากเกศา..โลมา....ทันตา..มังสัง...ที่ภิกษุท่องกันนั้นคือธาตุดินฯ
    มีรายละเอียดมาก..วิทยาศาสตร์เริ่มจาก E=mc2......ทางพุทธเริ่มจาก....เกศา..โลมา
    ทฤษฏีทั้งสองทางเกี่ยวเนื่องกันจากการเคลื่อนย้ายมวลสารในจักรวาลนี้...ข้าพเจ้ากำลังสืบค้นมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว....กำลังเตรียมไปแบบพระมาลัย...ท่องเที่ยวในภพภูมิต่างๆโดยสะพานEPR .... แล้วจะมาแจ้งให้ทราบ...ขอรับฯลฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...