" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

เรื่องฝันเต็มๆ คือ

ฝันว่า

มีการแย่งชิงของวิเศษมีค่า (อะไรไม่รู้)

สรุปคือ

แล้วไงไม่รู้ ของวิเศษ นั้นอยู่ที่เรา คราวนี้ก็อลหม่าน

มีเพื่อนๆ เรา คอยป้องกันไว้ แล้วฝ่ายศัตรู หรือคน(หรือไม่น่าใช่คน)อยากได้ ตามมาแย่งชิง ใช้สารพัดแผนการทุกอย่าง

ทั้งมีกลายมาเป็นงูสีดำสนิท พุ่งฉกมา แต่มีหมาดำสนิท มาวิ่งกัดดระชากงูเป็นท่อนๆ น่าสงสารมาก

แล้วมี คนคล้ายๆ หลานเรา วิ่งหนีขึ้นรถไป กะคนขับ
แล้วก็มี ผู้หญิงสาวสวยจัด ทรงเครื่อง ใส่ชุดสีทองอร่าม เหมือนเทวดา ซ้ำมีแสงระยิบระยับจับตา แต่มีกระแสจิตคิดร้าย แกเข้าใจว่า ของวิเศษ อยู่ที่ในรถยนต์
ผู้หญิงสาวสวยจัด นั้นก็ใช้อิทธิฤทธิ์ เสก ย้ายหลานสาวเรา มาไว้ข้างนอก แล้วแฝงกายไปกะคนขับรถเราแทน

ลุ้นน่าดู แต่ ของวิเศษที่อยู่ที่ข้าน้อย (ซึ่งเก่งยังกะขี้โม้) ซึ่งกำบังกายกำบังกระแสจิตไว้สุดความสามารถ ไม่มีทั้งผี เทวดา และคนเห็นได้

แล้วคณะเรา ได้นัดหมาย เพื่อนและญาติว่า เราไปเจอกันที่ อาศรมพระฤาษี กันนะ แล้วเจอกัน โน้นเลย ขอให้ข้าน้อยอย่าเป็นห่วงพวกเขา เลย

ข้าน้อยจึ่งได้ เหาะมา โดยที่หายตัวมาด้วย เหาะมาจนถึงห้วงจักรวาลหนึ่ง

แล้วมาเจอ เทพยดา ผู้หญิงใจดี ผู้หนึ่ง อยู่ท่ามกลาง ดวงดาว นั้น ในฝันรู้ชื่อท่านด้วย ชื่อว่า พระนาง ทุรคากันยาหรือกาลี นี่ล่ะจำไม่ได้ละ แต่ในฝันรู้ชื่อนะ (ปางหนึงของพระแม่อุมา)
ไม่ได้คุยกัน เหมือน ท่านยิ้มให้เล้กน้อย แล้ว เราผู้น้อย คารวะ พร้อม เซ็นต์ชื่อตัวเองในสมุดเยี่ยม ลง วันที่ ๑/๑/๒๕๕๘

แล้วเราก็หล่นตุ๊บมาที่โลกมนุษย์ แล้วตามหา พระฤาษี แต่ยังตามไม่เจอก็ตื่น เสียก่อน

ฝันนี้ตื่นเต้นดี แต่ไม่ค่อยสนุก เลย เครียด ค่ะ เพราะกลัวคนแย่งของวิเศษ ไปทำสิ่งชั่วร้าย ภารกิจเราคือ เอามาฝากพระฤาษีไว้ก่อน (เป็นการผลักภาระให้ผู้ใหญ่นั่นเอง)

 

.. น่าสนุกดีนะคะ .. เมื่อกี้เราก็เขียนเล่าความฝันเหมือนกัน .. อยู่ ๆ กดไปโดนปุ่มไหนไม่รู้ .. หายเกลี้ยง !! หรือมันเป็นเรื่องไม่ควรเล่า ... เห้อ ๆ แต่เราฝันถึงเรื่องเกี่ยวกับบ้านหลังนี้มาสองคืนติดกันละ ... ใจไม่ดีเลย

.. คืนแรกฝันว่า เกิดพายุลมสนั่นหวั่นไหว มีคนเดินกลางสายลมที่น่ากลัวแถมเขามาเคาะประตูบ้านยายเราด้วย เรารุ้แค่ว่าหญิงคนนี้น่ากลัว และ มีฤทธิ์ ไม่แน่ชัดว่ามิตร หรือ ศัตูร .. แต่พอหญิงคนนี้หายไปเราก็ฝันต่อไปอีกว่าซื้อไก่จะมาทำกับข้าวกินมีคนมารุมซื้อหลายคนต้องแบ่งกัน .. ในกะละมังนั้นมีไก่สดเป็นตัว และ ไส้หมู เราซื้อแค่ไก่มาแต่มีีคนมาขอไส้จากเรา .. เราเลยแบ่งให้ไปเพราะเราเอาแค่ไก่จะไปทำอ่อม ... งงว่าทำไมถุงไก่ถึงมีไส้หมู .. แล้วมันมาได้ไง ... แต่ภาพหญิงคนนั้นติดตามาก ๆ พลังอันน่ากลัว บรื๊ออออ ..

... วันนี้เราก็ฝันถึงบ้านหลังเดิม ... ฝันว่ายายนั้งอยู่กกับเด็กผู้ชายตัวขาวแกบอกจะยกบ้านหลังนั้นให้เราอยู่ต่อไป .. แล้วแกก็ตาย ... ญาติเราแม่เรามีเรื่องขัดแย้งกันเพราะสมบัติขิงยาย คือ บ้านหลังนี้ แต่แปลกที่เรายืนมองอยู่นอกบ้าน .. ทั้งที่ตอนแรกอยู่ในบ้าน ... เราก็เป็นห่วงยายเราเหมือนกันด้วยแกอยู่บ้านคนเดียวอายุก็แปดสิบกว่าแล้ว .. วัน ๆ แกก็ไปวัดทำบุญ .. นั้นคือความสุขแก ... พระดัง ๆ หรือ พระชั้นผู้ใหญ่จะรู้จักแกดีพอสมควร .. แกมีความสุขที่ได้เดินสายทำบุญ ไหว้พระ .. อยากให้แกแข็งแรงไปนาน ๆ

 

... อีกอย่างหนึ่ง หลังจากที่เรากลับจากไปหลี้ภัยนอกบ้านแฟนเราเขาก็มาบอกเราว่า .. เขาฝันว่าเขาเห็นเป็น " หญิงตัวอ้วน ดำ น่ารังเกรียจ ยืนอยู่ด้านหลังร้านเราเอามือเท้าสะเอวสองข้างคอยบังหน้าร้านไม่ให้ใครมองเห็นร้านเรา .. " หึ ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ ..

... ด้วยเหตุการหลาย ๆ อย่างนี้เองเราเลยตัดสินใจเดินทางเร่ร่อนในแบบของเราเพียงแต่รอบนี้ไปนานหน่อย ปกติ สามวัน เจ็ดวัน สิบสี่วัน .. ไม่เกินนี้เป็นที่รู้กัน .. อนึ่งเป็นวิธีแก้ดวงที่ อ.ต๋องแนะนำเราไว้เช่นกัน .. ด้วยเรา กับ แม่เรา ดวงขัดกัน .. เรียกว่า ดวงศัตรู กันเลยดีกว่า ... เลยต้องห่างกันสักพัก .. เพื่อเป็นการดีแก่ทั้งสองฝ่าย .. แต่แม่เราเขาไม่เชื่อเรื่องนี้ .. เอาเป็นว่า " เขาไม่เชื่อเราดีกว่า เขาเชื่อตัวเอง และ เชื่อคนอื่น .. แต่เราก็ทำใจมานานแล้ว .. ด้วยเห็นเหตุแห่งเรื่องนี้มากพอสมควรเราเลยต้องเป็นฝ่ายประณีประนอม "

 

... เราเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้าเพื่อจะได้ไม่ถึงค่ำเพราะกว่าจะต่อรถไปที่พักในกรุงเทพ เพื่อทำภาระกิจแรกที่ห้องเช่าที่ได้เช่าทิ้งไว้ .. นั้นคือ ทำความสะอาดห้อง สวดมนต์ไหว้พระ .. แฟนเราบอกว่ามีคนรอเราอยู่ที่ห้องนี้เป็นผู้หญิงผมยาว หุ่นดี มักมาแสดงตนให้เขาเห็น มาร้องไห้ อยากให้เรามาที่ห้องนี้บ้างอย่าทิ้งไว้นานแบบนี้ และ แน่นอนไปไหว้พระแม่ที่วัดแขกอันถือปฏิบัติเป็นประจำ และ รายงานเรื่องที่เกิด .. เสร็จแล้วเราก็เดินทางสู่หัวหินในวันถัดมาเพื่อทำภาระกิจที่สองให้เรียบร้อย ...

... เราเช่าห้องติดทะเลราคาไม่แพงเช่ามอเตอร์ไซด์ไว้ใช้ขับในหัวหิน ภาระกิจที่สองของเรา คือ " แก้บนให้แม่ " เนื่องด้วยแม่ของเรานั้นเคยมาไหว้ปู่ทวดที่วัดห้วยมงคลเมื่อปีที่แล้ว แม่เราได้ " ขอพรแบบไม่คิด .. ว่าขอให้นางถูกหวย ถ้านางถูกหวยนางจะกลับมาไหว้พระที่นี้เพื่อแก้บน " .. เชื่อไหม๊คะว่าแม่เราเขาถุกหวยบ่อยมากตั้งแต่ไปไหว้พระที่นี้มา .. แต่แกก็ไม่ได้ไปแก้บนตามที่แกได้พุดไว้ .. ตอนนั้นเรากับแฟนก็ทักแม่เหมือนกันว่า .. ที่ขอให้ถูกหวยนะขอให้ถูกเท่าไหร่ .. แกบอกว่าไม่ได้พูดลืมแกเลยโมเมเอาตอนอยู่ในรถว่าขอให้ถูกสักห้าแสน .. แต่ไอ้ที่ถูกมานั้นแกได้เกินห้าแสนไปแล้วคะ ... แต่แกก็ไม่ได้ไปจนทุกวันนี้ .. เราสองคนเตือนแกก็โดนด่ากลับจนเราพากันเบื่อหน่ายไปตาม ๆ กัน

.. เราได้พากันไปแก้บนแทนแม่เราจนเรียบร้อย และ ไหว้พระตามแบบฉบับของเรา .. เราไม่ได้เน้นการทำบุญด้วยเงินทองมากมายนะคะ เอาแค่ตามศรัทธากำลังเราเองพอประมาณ และ ถือโอกาศฟ้องหลวงปู่ทวดด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา .. เราพักที่หัวหินสามวันแล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ

 

... เพื่อไม่ให้เสียเวลาจะขอข้ามส่วนที่เราอยู่กรุงเทพไปก่อนนะคะว่าเราไปผจญอะไร และ เจออะไรมาบ้าง .. แต่ที่แน่ ๆ ก่อนจะเดินทางไปครั้งนี้แฟนได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า " อ้วนเชื่อเขาไหม๊ว่าถ้าเราไปครั้งนี้แล้วกลับมาชีวิตเราจะดีขึ้น เราจะได้ทำอะไรเล็ก ๆ ด้วยกันแล้วมันจะใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ " เขาบอกว่าเขาเห็นแบบนั้น และ มันก็ได้ทำจริง ๆ โดยพี่ชายเขาเป็นคนให้ทุนก้อนหนึ่งเล็ก ๆ ให้มา และ พี่ชายอีกคนที่เพิ่งมาเยี่ยมที่บ้านเมื่อวานนี้ก็เอ่ยปากจะให้ทุนเพิ่มอีกหมื่นหนึ่งเป็นทุนให้กับร้านขายของที่เราทำกับแฟนที่ตลาดนัด ... ถ้าโปรเจคนี้เขาผ่าน .. คล้ายจะบนเล็กน้อยนะเราแซวแฟนเราไป ..

... เรามักฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในหมู่บ้านเราบ่อยครั้งที่เราออกมารอบนี้ปกติไม่เป็นนะ แล้วคนที่เราเจอในฝันส่วนมากจะเป็นญาติเราที่มีชีวิต และ เสียไปแล้ว .. บางครั้งก็เหมือนมีงานศพที่วัดบ้าง งานศพในหมู่บ้าน .. เราเดินอยู่ป่าข้างทุ่งนาใกล้ร้านของเรามีหญ้าแห้ง ๆ ขึ้นสูงท่วมหัวทางเดินแคบ ๆ แล้วก็เป็นทุ่งนามีข้าวเขียวขจีกำลังจะออกรวง เป็นบริเวณหลังร้านหลานสาวเราเดินมายิ้มให้พาเรากลับบ้าน .. จิตเราเหมือนจะวนเวียนอยู่แบบนี้ทุกครั้งที่หลับ ... เราเกิดเป็นกังวลห่วงแม่ กับ ลุกชายที่บ้านแต่แฟนเราก็บอกแค่ว่ายังกลับไม่ได้รอไปก่อน .. เราจึงได้แต่ รอ ๆๆ

... ยี่สิบห้าวันเราจึงได้กลับบ้านพร้อมสิ่งที่ของที่จะนำมาขาย ... ในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี้นั้นเกิดเรื่องราวมากมายจนเราไม่เป็นอันอยู่สุขกันเลย .. แฟนเรามักถามเราว่า " การเป็นคนดีนี้มันยากจริง ๆ " " ถ้าเราช่วยเขาสักวันชีวิตเราจะดีขึ้นใช่ไหม๊ " " เขาไม่ใช่คนดีมากมายอะไรนัก ทำไมต้องมาช่วยคนอื่นแบบนี้ด้วย หรือ เพราะตอนเป็นคนเขาไม่ค่อยทำบุญเหรอถึงต้องมาทำแบบนี้ " " ทำไมคนเราถึงชอบคิดไปเอง โลกคนตายมันไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจทำไมต้องคิดกันไปเอง " เยอะคะเพราะเราจะปล่อยให้เขาพูด ... ที่เรียกว่า " ปล่อยปาก "

 

... พอเรามาถึงบ้านเราดีใจมากที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปบรรยากาศที่ดีขึ้นแทบจะเป็นปกติ .. แสดงว่าสิ่งที่เราทำเป็นผล .. พวกเราไม่ง่วงนอนแบบไม่ลืมหูลืมตา .. การค้าขายก้ไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติ .. เราไม่ฝันถึงพวกนั้น .. โล่งอก !!!

... ส่วนครอบครัวนั้นเขาก็ไม่ได้เอาเนื้อสดเลี้ยงผีให้เห็น .. หรือ ไหว้อะไรแบบก่อนที่เราจะไป แต่เราตกใจว่าหน้าตาของพวกเขา " ไร้สง่า ราศรี หน้าตาหมองคล้ำ กิจการลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบเดิม " ดึก ๆ ก็ไม่อึดอัดกดดันเอาเป็นว่าเราสามารถนั้งเฝ้าร้านขายของได้คนเดียวก็แล้วกัน ..

... หลังจากกลับจากกรุงเทพได้ไม่กี่วันแม่เราก็ให้เราพาไปกราบหลวงปู่สรวง .. การไปครั้งนี้เราก็ได้ประสบการณ์ดีได้ของดีมาพอสมควร .. เช่น แม่เราบอกว่าคนในหมู่บ้านศรัทธาหลวงปู่องค์นี้มากแทบจะทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านพากันไปกาบไหว้บูชาของขลังกันจนแทบจะหมดวัดแม่แกเลยอยากไปบ้างอีกอย่างญาติแกที่โดนฟ้าผ่าไม่ตาย ( ที่ยืนติดกับเด็กผู้ชายที่ฟ้าผ่าตายนั้นเอง ) แกมากราบหลวงปู่เพื่อแสดงความเคารพที่แกรอดตายมาได้เพราะตอนนั้นแกเชื่อว่าเพราะแกสวมสร้อยหลวงปู่แกเลยรอดมาได้อย่างหวุดหวิด .. แม่แกมาก็เพราะหวังจะได้ของขลังของดีเลขเด็ด ๆ กับเขาสักชุด ... ตามประสาแกละคะ ... แต่แกเอ่ยมาอย่างหนึ่งที่แกบอกว่าพวกที่มาด้วยกันไม่มีใครเคยได้นั้นคือ .. " ผ้าจีวรหลวงปู่สรวง " ( จีวรห่อสังขารที่จะมีการผลัดเปลี่ยนทุกปี ) เราเลยบอกแกว่าถ้าท่านจะให้เดี๋ยวก็ได้เองแหละ .. ไม่น่าเชื่อว่า " ได้มาจริง ๆ " ขนาดประมาณ 4x5 เซ็นต์ แม่แกได้มาแล้วให้เราเก็บไว้บูชาเหรียญมาด้วยและแน่นอนไม่พลาด " น้ำมนต์ " ตามสเต็ปกาลีนะ .. เรียกว่า อิ่มอกอิ่มใจกันไปเต็มที่ แล้วเราก็แยกจากคนอื่นเพื่อไปกราบสังขารของหลวงปู่หงษ์ต่อ .. เราเองก็ถือโอกาส " ร้องเรียน " เพื่อความมั่นใจอีกรอบ ... ใครจะว่ายังไงเราไม่แน่ใจนะคะ ถ้าไม่มานั้งเป็นเราบ้างก้แล้วไป ..

 

... หลังจากกลับมาเราก้มีความคิดแปลก ๆ ขึ้นมาโดยการเอาพระ ยันต์ มาตีใส่ไม้กรอบไปแขวนไว้ตรงคานทางเดินเข้าร้าน เอาน้ำมนต์มาใส่โอ่งใบใหญ่หลังบ้านไว้ตักมาล้างหน้าร้านทุกวัน ... ไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนแต่ทุกอย่างมันดีขึ้นแค่นั้นก็พอใจแล้วคะ

... ทุกวันนี้ครอบครัวนั้นกลับเข้ามาพยายามตีสนิทพูดคุยกับบ้านเราทุกวัน .. แล้วมีอยู่วันหนึ่งแฟนเราก็เล่าว่าเขาฝันแปลกมาก .. ฝันว่าเขาไปเจอฝูงลิงมากมายอาศัยอยู่บนเขาลูกหนึ่ง .. ลิงพวกนี้มีหัวหน้าลิงที่อาศัยอยู่บนเขา ... หัวหน้าลิงโดนไฟเผาที่หัวไหม้ดำไปหมด ... เราก็ฟังแล้วก็ .. อ้อ .. เพราะอย่างนี้นะเอง ...

... ครั้งถัดไปจะมาเล่าเรื่องของผู้ต้องสงสัยรายต่อไปนะคะ

 

นี่ไง

ฮาวทู ป้องกัน ตัวจาก ปอบ

ค้นคว้า โดย คุณกาลีนะ

มาให้กำลังใจ (ตลอด)

 

55555555 ขอบคุณคะทั้มาตอบกระทู้ให้กำลังใจตลอดมา ..

... เราถือคติว่า " ก่อนที่เราจะขอให้ใครช่วยเรา .. เราต้องพยายามช่วยตัวเองก่อน .. ไม่ได้แล้วค่อยขอให้คนอื่นช่วย .. แล้วเราจะได้รับความช่วยเหลือแบบเต็มใจ " .. พ่อเราสอนแบบนั้นคะ .. ส่วนพวกเทคนิคต่าง ๆ เราก็เก็บเอามาจากที่อ่านเจอบ้าง พี่ระมิงค์เคยโพสไว้ พี่นบภากาญจน์ ฯ หลายท่านในพลังจิตนี้แหละคะเอามาลง กับ ที่เคยมีท่านผู้เมตตาหลายท่านแนะนำมา .. แต่ไอ้เทคนิคหาพวกช่วยนี้ ..... มาจากพี่นบภากาญจน์ กับ อ.ต๋อง คะ 55555 แกเคยเตือนสติว่า .. กาลีนะ เป็นพวกบ้าพลัง โหด ... โดนกัดชนิดว่า .. แกดุขนาดนี้ใครจะกล้าไปจีบ !!! ... เห้อ ๆ แต่การใช้พลังเราอย่างเดียวอาจสู้ไม่ไหว .. มันต้องเล่นพรรคเล่นพวกบ้าง ... ยังไงพวกมากก็ได้เปรียบ ... นั้นแหละคะจุดประกายไฟความคิดให้เราเลย ...

.... เราจึงนำความคิดนี้มาพลิกแพลงตามสภาพสถานการณ์ .. มันก็ใช้ได้นะคะ

 

คนมากน้ำใจอย่างแม่กาลีนะเนี่ยต้องมีพวกเยอะเป็นธรรมดานิ
ก็อานิสสงค์จากการที่ได้ช่วยชาวบ้านชาวเมืองทั้งคนทั้งผีเอาไว้มากด้วยกัน
พอจะเข้าทางคับขันก็จะมีทั้งผีทั้งคนตามช่วยให้รอดไปได้ทุกทีสิน่า
แม้ทุกวันนี้จะยังมีบ้างที่ต้องยิ้มระรื่นหน้าชื่นอกตรมแต่ก็ยังเห็นอดทนอดกลั้นจุกอกจนเลยมาจุกยันคอหอยแล้วนิ แต่ก็ยังไม่ท้อเพราะท้อไม่ได้เหลียวไปข้างหลังยังมีห่วงอยู่อีกเป็นกระพรวนเชียว...สู้ต่อไปนะจ๊ะ...ยังไงก็ยังมีพวกเราหลายๆคนคอยช่วยคอยเชียร์ หนูพายุนี่ก็บ้าพลังเหมือนกันแหละถ้าลองเอาไม้ไปแหย่ๆบ่อยๆเข้าเธอรำคาญหนักๆล่ะก็จะได้เห็นพลังเหมือนกันนะ:boo:

ปล.ช่วยไปตอบวิธีดูปอบอาคมในกระทู้ให้หน่อยสิ...จะตอบเองก็เกรงจะกระทบหลายคนอ่ะจ่ะ...นะ...

 

คุณกาลีนะ มีพวกมากทั้งคนและผีเพราะสงเคราะห์คนและผีไว้มากน่ะเอง

นี่เองที่ว่าพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง (spiderman)[เช่นนี้น่ะเอง (เนอะ)






คล้ายๆ พายุอยู่ในรูนะคะ เหมือนแย้ เลยค่ะ (อยู่ในรู ไม้แหย่ดู กุ๊กกู กุ๊กกู)

ที่จริง ขี้รำคาญ เหมือนหมีสีน้ำตาล ตัวใหญ่ๆ ค่ะ
ถ้าถูกเอาเปรียบ หรือถูกใส่ร้าย ด่าทอ ลับหลัง หรืออยู่ห่างๆ จะให้อภัยได้ทั้งหมด

แต่จริง ถ้าเอาไม้มาแหย่ มาแย่งอาหาร หรือมากวนเวลาหลับ จะดุร้ายกระหายเลือดมากๆ ค่ะ

(เคยฝันว่ามีผีมาแกล้งตอนหลับในที่นอนที่บ้าน มาดึงหู จับผม หัวเราะคิกๆๆ โกรธปนรำคาญมาก เลย เลยล้วงเอาหนังสือหลวงพ่อฤาษีลิงดำใต้หมอน ฟาดกะโหลกผี แล้วในฝันก็หลับต่อ แล้วก็ตื่น)

 

... รับทราบคะพี่ .. จะไปตอบเท่าที่ตอบได้นะคะ ...

... ใจจริงช่วงนี้อยากเก็บตัวเงียบ ๆ สักพัก ... งานนอกเข้าเยอะช่วงนี้ .. และ เรียกว่าหนักหลายคนเลยที่แบกช่วยเขา ... ก่อนหน้านี้สักสองอาทิตย์นี้เรียกได้ว่า " ตัวจะลุกเป็นไฟ " กันเลยทีเดียว ... แขนขานี้จะกลายเป้น " อุทัยเทวี " ออกตุ่มแข็ง ๆ เยอะมากไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ ... ไม่รวมแผลปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณคอที่รอบนี้เรียกว่าขึ้นทั้งคอเลยก็ว่าได้ .. นี้ถ้าตุ่มขึ้นที่หัวด้วยละก็ .... คงจะหายไปสักเดือนเลยคะ ... ก้ท่องไว้อดทน ๆๆๆๆๆ ... ตอนนี้เริ่มยุบแล้ว ... " โรคเวร โรคกรรม " นั้นคือสิ่งที่ กาลีนะ ต้องทนทรมานมานานหลายปีกับอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณตั้งแต่ช่วงคอขึ้นไปถ้ามีโอกาศจะเอาให้ดูนะคะ

 

.... วันนี้ได้นิมิตรที่ดีมากคะ ... กาลีนะ ฝันว่าได้เจอกับ อ.ต๋อง ท่านมาให้เห็นในรูปของพระสีจีวรเข้มมาก .. ผ้าจีวรยังใหม่อยู่เลย .. ทำให้คิดได้ว่าท่านคงจะแจ้งให้ทราบว่าบัดนี้ท่านได้บวชเป็นพระเรียบร้อยแล้ว .. น่าปลาบปลื้มมาก ๆ คะ รูปงามนั้งเหมือนตอนสมัยที่เคยไปกราบท่าน .. ท่านยิ้มให้ และ ได้พูดกับ กาลีนะ ว่าเรื่องนี้มันยากเกินไปสำหรับ กาลีนะ ท่านจะเป็นคนจัดการเอง ... แล้วก็เป็นภาพตัวเรากับพวกยืนคุยอะไรกัน .. แล้วเหมือนเราสะพายขวดทรงประหลาดอยู่ .. ที่มันประหลาดก็เพราะมันเหมือนขวดน้ำอัดลมไซร้ใหญ่สองขวดซ้อนกันที่สำคัญมันมีคนแคระอยู่ข้างในขวดด้วยนี้สิคะ .. เขาโดนน้ำท่วมถึงเอวมันเป็นน้ำมนต์ที่เราเอาใส่ไว้เพื่อขังชายคนนี้ไว้ .. เหมือนเขาจะทำเรื่องไม่ดีเอามาก ๆ เขาเป็นชายผมทรงนักเรียนแต่ยาวหน่อยใส่เสื้อสีขาวอายุน่าจะสามสิบสี่สิบกว่าได้ .. เรากำลังจะเอาเขาไปส่ง อ.ต๋อง .. นั้นคือที่เราจำได้ ..

... เราไม่อยากจะคิดว่าชายคนนั้นเป็นชายเจ้าของร้านใกล้ ๆ กันนี้เอง ..

 

แม่กาลีนะเคยได้ยินสมุนไพร ฮว่านง็อก บ้างหรือเปล่า
อาจจะลองกินหรือลองทาดูก็ได้นะว่าอาการของนางอุทัยเทวีจะดีขึ้นบ้างไหม
ส่วนตัวผมใช้แก้เกี่ยวกับกรดไหลย้อน ก็ได้ผลดีนะ

ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้โพสแล้วเหมือนกัน ห่างๆไปทำธุระสักหน่อย
แต่ก็ไปแอบเปิดชมรมปลูกต้นไม้สไตล์คนเมืองเอาไว้นิดนุง
ปลูกต้นไม้ก็เป็นงานอดิเรกที่ดีอย่างนึงเหมือนกัน
กะว่าจะรวบรวมสมุนไพรที่สามารถกินเป็นอาหารได้และรักษาโรคได้ด้วยมาขยายพันธุ์เอาไว้ สำหรับกินเองด้วย แบ่งปันไปด้วย ตอนนี้ก็หามาได้สัก10ชนิดแล้วแหละนะ ว่าจะทยอยๆลงสรรพคุณกับรูปภาพเอาไว้ให้ดู...

 

... ก็ระวังนิดแล้วกันนะคะ .. สมุนไพรนี้มันมีทั้งคุณ และ โทษ เห้อ ๆ หนูเคยลองมาละ .. เอาแค่ว่านชักมดลูกนี้ก็ลองกินแบบต้มจนน้ำงวด .. ชนิดเข้มข้นมากคนอื่นกินด้วยไม่ได้เลย .. ซัดไปแก้วเดียวเท่านั้น ... ไข้แตก ... ตัวร้อน ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ( คาดว่ามันทำให้มดลูกหดตัวอย่างเร็วเกินไป ) อันนี้ก็ โรคเวร โรคกรรม .. อีกอย่างของ กาลีนะ เนื่องจากใช้ความสามารถบางอย่างไปเปลี่ยนแปลงชะตากรรมตัวเองแล้วมันไปทำร้ายคนอื่นอีกหลาย ๆ คน ... ก้มหน้ารับมาสิบกว่าปีละ .. พระท่านทักมาหลายองค์ละ ..

... วันนี้ก็นอน นิมิตเจอตะขาบตัวน้อยกัดพอเจ้บ ๆ คัน ๆ แต่ไม่ฆ่ามันแค่พยายามจับมันแล้วเอาไปปล่อย ... นับจากนี้อีกสี่เดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีในชีวิต กาลีนะ มากแค่ไหนจะมาเล่าให้ฟังนะคะ .. ส่วนวันนี้จะไปตอบกระทู้ให้คะ

 

.. มาถึงคำถามที่จะตอบด้านบนนี้นะคะ .. ( เด้วจะเอาไปแปะที่กระทู้ตัวเองด้วย อิอิ )

.. อันดับแรก กาลีนะ ไม่ได้มีตาเนื้อที่สามารถมองเห็นภพภูมิได้มีเพียงสัมผัสเท่านั้น น้อยครั้งที่จะเห็นในลักษณะภาพซ้อน ( ตาเนื้อมองไม่เห็นแต่ในจิตจะมีภาพซ้อนขึ้นมาแว๊บ ๆ หูจะอื้อ ๆ ออกแนวเหมือนอาการวู๊บเดียวพอตกใจมันจะหายไป .. ) แต่ถามว่าเคยเจอแบบที่โดนเข้าแล้วเราไปเจอเขาไหม๊ ... เคยคะ แต่จะพยายามบอกตัวเองว่า ไม่ใช่ ไม่จริง คิดไปเอง มากกว่า ... เหมือนจิตเราสั่งว่า " อย่าไปยุ่งกับเขา " ... แต่เหมือนพวกเขาจะอยากยุ่งกับ กาลีนะ มากกว่านะคะ ..

... แต่จะพยายามนำมาเล่าเท่าที่รู้คะ ..

1. ดูจากแววตาเปลี่ยน

... พูดมาแบบนี้ก็อาจจะยากถ้าเราไม่เคยเจอกับตัวเองบ่อยครั้งจนสามารถแยกได้ .. ถ้าเป็นคนที่เราเคยรู้จักบอกได้เลยคะว่า " แววตาเขาจะเปลี่ยนไป " อย่าไปคิดว่าผีเข้าแล้วต้องตาแข็ง ๆ คุณคิดผิดถ้าเป็นพวกปอบอาคมรุ่นเดอะไปแล้ว .. เพราะเขาจะซ่อนแววตาอันน่าสงสัยได้ .. แต่มันจะมีแว๊บ ๆ เท่านั้นที่เราจะจับได้ ... พวกนี้มักพกพาสายตา เจ้าเล่ห์แฝงไว้ด้วยความอำมหิต ดุร้าย ไร้ความอ่อนโยน ( เทพ หรือ ผู้มีศีลธรรมย่อมไม่แสดงแววตาแบบนี้แน่นอน แม้จะอยู่ในภาวะดุร้าย )... ปอบธรรมดามันจะไม่ค่อยสู้ตาคนเพราะความละอาย อับอายในใจยังมีสูงแต่พวกนี้มันหมดไปนานแล้ว .. ถ้าจ้องตานาน ๆ จะเหมือนโดนสะกด ( คนธรรมดาไปจ้องเพราะจิตสุ้ไม่ได้ )

2. น้ำเสียงเปลี่ยน

... คนเราทุกคนย่อมมีเอกลักษณ์ในการพูด คำพูด การแสดงตามคำพูดของตน ... แล้วในเมื่อมีคนอื่นเข้ามาใช้ร่างกายเราสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ( ใช้ได้กับการโดนเข้าทุกกรณี )

3. นิสัยเปลี่ยน

... ด้วยปอบอาคมพวกนี้ส่วนมากจะหลงในอำนาจของตน มีโมหะจริตสูง ย่อมไม่ค่อยแคร์ใครเท่าไหร่ เพราะพวกเราไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน พวกนี้ไม่จำเป็นต้องแสดงตนให้เหมือนเจ้าของร่าง .. ทำให้นิสัยเปลี่ยนไปเหมือน ปอบอาคมตนนั้นมากกว่า

4. ความรู้สึกของเราเอง

... เพราะคนเราทุกคนย่อมมีสัญชาติตญาณการเอาตัวรอด และ เตือนภัย อยู่แล้วทุกคนอยู่ที่เราจะสนใจสังเกต หรือ ไม่ ... เพราะพวกนี้จะรังสีแห่งความอำมหิต เรียกว่า เราจะรู้สึกแปลก ๆ เมื่ออยู่ใกล้ สัมผัสที่บ่งบอกเราว่า " อันตรายอยู่ไม่ไกล " บรรยากาศรอบตัวคนนั้นจะเปลี่ยนไปเป็น แนว นิ่ง ๆ อึมครึม ไม่ปลอดดปร่ง เอาเป็นว่าเราจะรุ้สึกแบบคล้าย ๆ เวลาเจอผี หรือ แถวนี้มีผี ประมาณนั้นนะคะ

.... นี้เป็นข้อสังเกตพื้นฐานนะคะ .. แล้วปอบพวกนี้เขาไม่ได้เข้าตลอด 24 ชม. นะคะเพราะไม่งั้นร่างอาจะรับไม่ไหว แต่อาจจะแฝงอยู่ ยืนขนาบข้าง ใช้จิตสั่ง แล้วแต่กรณีคะ

... ด้วยอาสัยหลักพื้นฐานของความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละดวงจิตเป็นองค์ประกอบ เมื่อปราศจากซึ่งกายเนื้ออันเป็นข้อจำกัดแล้วมักจะกลับไปเป้นเหมือนจิตต้นที่กำเนิดมา คือ การรับรู้ที่มากขึ้นอาจทำให้ดวงจิตนั้น ๆ ดีขึ้น หรือ ต่ำลง ได้แล้วแต่สภาวะ ณ จุดนั้น .. บางดวงจิตเดินทางมานานมากอาจจะอยากหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด หรือ นิพพาน ก็จะสรรหาหนทางแห่งการหลุดพ้นมัน ... แต่บางดวงจิตยังมีความลุ่มหลงในสิ่งต่าง ๆ อยู่มาก กระหายอำนาจ ความยิ่งใหญ่ ต้องการสิ่งต่าง ๆ มาตอบสนองความอยากของตนไม่มีที่สิ้นสุดก็จะแสวงหาหนทางเพื่อให้ตนสมปรารถนา .. ก้เปรียบเสมือนดวงจิตของพวกปอบอาคม หรือ สัตว์นรก หรือ พวกที่ยังวนเวียนในกิเลสทั้งปวงที่หาทางออกให้ตนเองไม่เจอ หรือ หลงไปในทางผิด ความเชื่อผิด ๆ .. จนตนเองต้องตกลงสู่ " วงเวียนแห่งกรรมอันหนักนี้ "

 

... จะแนะนำเพิ่มในส่วนของบุคคลเป้าหมายที่มีโอกาศตกเป็น " เหยื่อของปอบอาคม หรือ คนที่จะกลายเป็นปอบอาคมเสียเอง "

1. ผู้ที่เล่นคุณไสยย์แบบที่เรียนโดยตรง หรือ เป็นต้นวิชาพวกนั้นเอง

2. ผู้ที่รับขันธ์ทั้งหมด

3. ผู้ที่แก้ไขความทุกข์ สนองความอยากของตนเองด้วยคุณไสยย์

4. ผู้ที่มีเคยกรรมร่วมกับปอบ มาก่อน ..

5. ทายาทของ ผู้เล่นคุณไสยย์ ผู้ใช้คุณไสยย์ ผู้รับขันธ์ ( ทายาทข้อ 1-4 )

... อย่าตกใจมากไปนะคะ การจะเป็น หรือ เจอได้ทุกอย่างมันต้องมีเหตุมีที่มาเสมอ .. หากเรามั่นคงในความดี ศีลธรรมกฏข้อบังคับจต่าง ๆ ไม่ใจอ่อนไปกับเล่ห์กลหลอกลวงของหมู่มาร .. มันก็ยากที่เกิดเหตุการณ์แนวนี้กับเราคะ .. จิตใจเข้มแข็งไว้นะคะ

 

... เมื่อคืนนี้เกิดเรื่องน่าตกใจที่ห้องนอนของ กาลีนะ พระประธานบนหิ้งได้หล่นลงมาจนแก้วน้ำหน้าหิ้งพระแตกกระจาย ... เห้อ ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเกิดขึ้น แต่ว่าหิ้งที่ทำไว้พระประธานนั้นไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วและลาดหน้าลงไม่ตรงอาจทำให้พระท่านเลื่อนหล่นลงได้เพราะท่านเป็นพระทองเหลืองหนักพอสมควร และ หนูที่ร้านเยอะมากวิ่งไปมาแถวนั้น .. หรือ จะเป็นเพราะเหตุใดยังไม่ทราบ แต่คืนนี้คงต้องทำอะไรสักอย่าง

... ความฝันนั้นก็เยอะมากคะ .. แต่มีอยู่ตอนหนึ่งที่เหมือนมีคนมาทำไม่ดี .. คิดละก็กลุ้มใจพอควรขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเถอะสาธุ ..

 

... มาแล้วคะ สภาพความทุกข์เวทนาที่ กาลีนะ ต้องเผชิญมานานหลายปี อย่างที่เคยบอกเล่าให้ฟังมาบ้างแล้ว นี้คือทายามาสองอาทิตย์แล้วกำลังจะหาย .. เมื่อไหร่ที่ร่างกายรู้สึกร้อนระอุเหมือนมีไฟวิ่งอยู่ในตัวมันจะเกิดอาการโรคนี้ขึ้น บางคนบอกว่า กาลีนะ น้ำเหลืองไม่ดีทำไมไม่ไปหาหมอละ ... คือ กาลีนะ ไปหาหมอหลายโรงพยาบาลทั้งกรุงเทพ และ แถวบ้าน ลงความเห็นว่า " ติดเชื้อในกระแสเลือด " ต้องรักษาตามอาการเท่านั้น สุดท้ายมาจบที่โรงพยาบาลสิรินธร ขอนแก่น ...

... ทางความเชื่อ อ.ต๋อง ระบุุว่าเป็นโรคโบราณ โรคเวรโรคกรรม ได้ถามถึงการรักษาท่านก็ได้เมตตาบอกมา .. แต่ดูท่าจะยากไปสำหรับชีวิตตอนนี้ ... ท่านให้เหตุผลมาด้วยว่ามันเกิดได้ยังไง และ สองสามปีที่ผ่านก็ลองสังเกตโรคนี้มาตลอด .. เพราะเวลาที่มันหายจะแทบไม่มีร่องรอยเหลือเลย หรือ อาจเป็นเพราะร่างกายของ กาลีนะ แผลหายไวก็ไม่ทราบได้ อ.บุญชู ท่านก็บอกให้ไปหาน้ำมันของพระผู้มีชื่อมารักษา แต่ก่อนหน้านี้ท่านได้ทำพิธีหนึ่งให้เพื่อบรรเทาอาการ .. ตอนแรก กาลีนะ เข้าใจว่าท่าน " ให้รับขันธ์ " เพราะมีผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งติดตาม กาลีนะ ตลอดเวลาพระอาจารย์ทั้งสองท่านให้ทำพิธียอมรับไว้เพราะถึงเวลาของเขา .. ส่วนการรับขันธ์ท่านให้เป็นทางเลือกสุดท้าย และ กาลีนะ ก็เคยพูดต่อหน้า อ.ต๋อง แล้วว่าจะไม่รับ .. ท่านก็ได้แต่ยิ้มแล้วหัวเราะ .. ท่านบอกว่าคอยดูต่อไปจะเจอหนักจนอาจทำมาหากินไม่ได้ .. เครียดอยู่พักหนึ่งเหมือนกัน ( จริง ๆ เตะถ่วงมาพอสมควรแล้ว ) นั้น คือ " สตรีในชุดส่าหรีสีขาว " ท่านให้ กาลีนะ พกสิ่งของอย่างหนึ่งไว้ติดตัว และ ทุกที่ที่ไปแม้แต่เวลานอนโดยพวกท่านให้เหตุผลว่าเพื่อบรรเทาให้ไม่ต้องรับเต็ม ๆ เพราะ บารมี ไม่ถึงกัน ... แต่ กาลีนะ ลืมพกติดตัวนานพอสมควรเพิ่งนึกได้ และ นำกลับมาติดตัวเมื่อไม่นานนี้เองคะ .. โดยสตรีท่านนี้ และ สตรีในชุดสีแดงได้แจ้งแก่ กาลีนะ ว่าท่านคือ ตัว กาลีนะ เองหากวันใด กาลีนะ ตายไปจะกลายเป็นสตรีท่านนี้ หรือ ง่าย ๆ เป็นจิตดวงเดียวกันนั้นเอง .. ไม่ใช่ครั้งเดียวที่มีนิมิตรแบบนี้ หรือ มีผู้บอกกล่าวเรื่องนี้กับเรา .. มันชัดเจนขึ้นทุกวันจนน่ากลัว ..

... จากการสังเกตอาการของโรค ..

1. แผลนี้มันไม่ได้เป็นทั้งตัว .. มันจะเป็นแค่ที่ คอ ( เป็นบ่อยสุด ) หัวตรงไรผมด้านหน้า น้อยจะเกิดที่แขนสองข้าง

2. จะรู้สึกร้อนตรงบริเวรที่จะเกิดแผลนี้ส่วนมากจะที่คอ หัว ( ตอนนี้ที่หัวไม่ค่อยเป็นเหตุนี้จึงต้องทำสีผม ) แล้วไล่ลงมาถึงตรงกลางฝ่ามือ แต่ถ้ากลับกันความร้อนเหล่านี้กลับตีขึ้นหัว .. อันนี้จะเริ่มไม่ดีแหละ ใครแหย่นิดเดียวอาจมีระเบิดลงได้ ... แต่ถ้าถึงขั้น " หูอื้อ ขนหัวตั้ง " ตัวใครตัวมันคะ

3. อาการร้อนเล่านี้จะไม่ไหลลงเบื้องล่างจากช่วงอกลงไป

4. มักเกิดอาการเช่นนี้เมื่อ เจอสถานการณ์ที่เหนือธรรมชาติ การไปทักชาวบ้าน การไปเปลี่ยนดวงชาวบ้าน หรือ ไปช่วยชาวบ้าน ( ไปเสือกเรื่องเขา ) อยู่ในสถานที่ที่มีภพภูมิที่ส่อแววว่าอันตราย ฯ

5. แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีอาการแปลก ๆ หลายอย่างเกิดกับร่างกาย แต่ถ้ามีอาการปวดไหล่ซ้ายประกอบด้วยคล้ายมีของบนบ่ากดอยู่ จะต้องรีบนำตัวเองออกจากจุดนั้นทันที หรือ ระวังภัย

.... อันนี้ก็แล้วแต่ทุกท่านจะพิจารณาเองละกันนะคะ กาลีนะ ถือว่านานาจิตตังเพราะยังไงก็ได้ตั้งใจแล้วว่าจะเอาประสบการณ์เรื่องราวในชีวิตเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจอยากศึกษาหาความรู้ใส่ตน

.... หลัง ๆ เวลาที่จิตเหนื่อยล้ามาก ๆ เริ่มจะมีนิมิต และ เสียงประหลาด เสียงภาวนาของสตรีนางหนึ่งดังตลอดเวลา ....

 

.... ลืมบอกไปคะ .. แม้แต่การนำเรื่องราวต่าง ๆ มาลงให้อ่านกันในนี้ ก้เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้โรคนี้กำเริบด้วยคะ ... ไม่เว้นแม้แต่แขกภพภุมิ กายทิพย์ ผู้มาเยือนแบบไม่เป็นมิตรทุกรูปแบบ .. ถึงมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้คะ .. แต่บางท่านก็อำ หรือ มโนไปเองว่าตัวเองถอดจิตมาหา กาลีนะ ได้ก็มีนะคะ คือ เจอมาหลายรูปแบบคะแต่ไม่ค่อยตอบโต้กลับอะไรไม่อยากสร้างกรรมให้ตนเองโดยไม่จำเป็น .. เพราะแค่นี้ก็ทำร้ายคนมามากแล้วโดยไม่รู้ตัว ... ก็ได้แต่หวังว่าไม่ต้องได้สร้างกรรมกับใครโดยที่รู้ และ ไม่รู้ .. พยายามขอขมาทุกวันเพื่อลดกรรมที่ต้องแบกต่อไปในภายหน้า

... หากท่านไหนเชื่อเรื่องดวง โหราศาสตร์ แบบ กาลีนะ ( บูรณาการ ) แล้วต้องมารู้ว่า

" มีวาจาสิทธิ์ ดวงนักรบ มีเทพคุ้มครอง เป็นมิตรกับผี ดวงชนะศัตรู ใครที่เป็นศัตรู ใครเป็นศัตรูคนนั้นจะต้องดวงซวย เช่น การเจ็บป่วยที่หนักมาก การตายของบริวาร สูญเสียเนื่องมาจากสัตว์เลี้ยง ใครคิดร้ายจะต้องแพ้ภัยตัวเอง มีชัยชนะแก่ศัตรูหรือคู่อริทุกคน ผ่านพ้นอุปสรรคขวางกั้นด้วยดี "

... เพราะหากใครตกดวงเช่นนี้ แม้เราไม่ได้ทำอะไรเขาแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีคนตั้งตนเป็นศัตรูพวกเขาก็จะต้องเจอกับเหตุการณ์ต่าง ๆ อันจะเป็นการเกิดกรรมไม่ดีต่อกัน .. มันไม่ใช่แค่ตัวคนที่คิดร้ายมันยังรวมถึงบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขาด้วย ... กรรมนี้มันยิ่งใหญ่น่ากลัวจริง ๆ .... ทุกวันนี้ก็พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้ตนเองอยู่เช่นกันเพราะศัตรูตั้งแต่กำเนิดนั้น คือ คนที่ กาลีนะ รักมากด้วยกรรมในอดีตชาติจึงต้องกลายมาเป็นศัตรูกันสร้างความเจ็บปวดให้ กาลีนะ จนทุกวันนี้หวังสักวันจะหาทางออกเจอเหมือนกัน ... และ มีหนึ่งคำทำนายของพระ อ.ต๋อง ที่อาจต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนานประมาณห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ... ความตายที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก ... ไม่รู้จะดีใจ หรือ เสียใจดีกับคำทำนายนี้ เพราะมันหมายความว่า กาลีนะ ยังต้องอยู่ในโลกนี้อีกนาน ไม่ตายด้วยอุบัติเหตุ ไม่ตายด้วยโรคเรื้อรังที่ฆ่าชีวิตคนในเวลาอันสั้น อายุหกสิบกว่าคงได้ออกบวช ( ไม่ได้พูดเอาฮานะคะซีเรียจ ) ... พูดแค่นี้ดีกว่าคะพูดมากไม่ดีเพราะโดนเตือนเรื่อง กรรมจากการปรามาส มาด้วยไม่อยากให้มีมากไปกว่านี้ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าช่วงนี้ กาลีนะ เล่าเรื่องน้อยลงไม่ว่าในกระทู้ไหน แสดงความคิดเห็นน้อยลง .. ก็เพราะเหตุนี้มีส่วนด้วย เพราะถึงแม้พวกคุณไม่ได้พิมพ์ข้อความใด ๆ ลงในกระทู้นี้ หรือ เวลาอ่านข้อความที่ กาลีนะ ได้พิมพ์ลงไป ... มันก็ยังคงมีคลื่นพลังงานบ่งบอกว่ามีคนกำลังคิดในทางไม่ดีกับเรา หรือ เรื่องที่เราเขียนลงไปถึงชี้ตัวตนไม่ได้แต่ก็รับรู้ได้ว่าได้เกิดความคิดแบบนั้นขึ้นแล้ว มันจะเกิดเป็นทุกข์ขึ้นในใจทันที ... จึงเลือกที่จะค่อย ๆ เขียนไปดีกว่าอัดเยอะ ๆ แบบแต่ก่อน นอกจากมีคำขอมา เพราะ กาลีนะ ไม่ได้มีจิตใจนิ่งสงบเช่นพี่ ๆ หลายท่านในเว็ปนี้ ความอดทนมีไม่พอคะ แต่ก็กลัวบาปติดตัวโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน .. จนบางครั้งอยากเลิกเขียน อยากล้มเลิกความตั้งใจเมื่อแรกซะคงดี .. วันนี้ไม่รู้ทำไมอยากเขียนบอกคนที่เข้ามาอ่าน ... เพราะในบางโพสที่พิมพ์ลงไปไม่ใช่ กาลีนะ ที่พิมพ์คนเดียว .. สตรีท่านนั้นก็พิมพ์แนะนำลงไปด้วย ....