ระบบการเวียนว่ายตายเกิดจากการวิจัยของผม (นะ)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ป้อม, 11 มิถุนายน 2014.

  1. ป้อม

    ป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +223
    การเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น โดยการเวียนว่ายตายเกิดเกิดจากสภาพกิเลศ และการตามใจจากพระเจ้า พระเจ้าที่ดูแลการเวียนว่ายตายเกิดคือพระญัตติ ส่วนพระเจ้าที่จดบัญชีกรรมมนุษย์คือพระปุคะละ ส่วนพระบัญญัติมีหน้าที่กำหนดความเป็นไปใน โลกและเอกภพโดยดลบัลดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ จากสภาพอารมณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์ การเวียนว่ายตายเกิดถูกกำหนดได้โดยสมการ ลิมิต โดยที่ลิมิต จะเป็นเส็นตรงขนานกับโลกหรือเรียกว่าลิมิตอนันต์นั่นคือสภาพนิพพาน เมื่อกิเลศดับหมดไม่มีความต้องการใด ๆ เลยสภาพของ ภู จะเข้าไกล้อนันต์ ถ้าดับกิเลศหมดจะเป็นอนันต์ แต่การจะดับกิเลศหมดคุณต้องบวชเป็นพระเท่านั้น การบวชเป็นพระแล้วไม่ซื้ออาหารกิน ไม่ใช้เงินสามารถทำให้ดับได้ เพราะ ถ้าคุณเลือกกินอาหารเท่ากับว่าคุณมีความต้องการในอาหารนั้น ๆ คุณเลยเกิดมาเพื่อกินอยู่ร่ำไป พระไม่เลือกฉันอาหารเพราะ การเลือกฉันจะเท่ากับว่า ตัวเองมีกิเลศในอาหารนั้นอยู่ มีความจับจ้องในอาหารนั้น ๆ จึงไม่สามารถทำให้ ภู ของตนเข้าสู่สภาวะอนันต์ได้ กล่าวคือ คุณต้องรอให้เค้าเอามาให้เองแล้วบริโภคคุณถึงจะมีสภาพนิพพานได้ ไม่เหมือนคนธรรมดา อยากินอะไรก็ ไปซื้อ ซึ่งเท่ากับว่าคุณกำลังสนองตัณหาของตนเองอยู่จึงนิพพานไม่ได้ ดังนั้นภิกษุจึงไม่ควรรับเงินหรือซื้อของเอง และควรงดเว้นจากการแสวงหาสิ่งต่าง ๆ นอกจากคนมาถวายให้ถึงจะไม่เป็นไร การดู ก็ต้องดูอย่างมีสติ และต้องไม่เลือกดูถ้าคนนำมาถวายให้ดูก็ดูได้แต่ต้องดูด้วยอาการวางเฉย ความห่วงใยความสันโดดก็ต้องตัดทิ้งไป พูดง่าย ๆ คือต้องเคร่งครัด ในเรื่องการให้และการรับปัจจัยเป็นอย่างมาก เมื่อดับได้หมดแล้วก็จะเป็น ลิมิต อนันต์ คือเป็นโลกคู่ขนาดกับโลกมนุษย์ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว สภาพนิพพาน เป็นสภาพที่บรมสุข ไม่มีทุกข์เจือ และสามารถท่องไปในโลกส่วนตัวของตนได้อย่างไม่จำกัด ตามประสบการณ์ที่ได้พบได้เห็นในโลก ซึ่งคือโลกส่วนตัวของคุณคนเดียว เป็นการยากที่จะปฏิบัติ พระสงฆ์ถ้ายังมีความจัดจ้องต่อสิ่งใด แล้วระงับไว้ไม่ได้ ก็จะกลับมาเกิดอีกได้ การตามใจตัวเองยิ่งมากเท่าไหร่จะนำมาสู่การเวียนว่ายตายเกิดถี่ ๆ รวมทั้งการรื่นเริงเกินไปด้วยเช่นกัน ผู้ที่ตัดสินหรือพระปุคะละปัญญัตติ จะตัดสินโดยการให้คนที่มีกิเลศมากมาเกิดก่อนคนที่เห็นว่าโลกสนุกสนานมาเกิดก่อน ส่วนคนที่เบื่อหน่ายโลกก็ต้องดูว่าตามใจตนมากแค่ใหนถ้าเบื่อมากแต่ไม่ปฏิบัติเพื่อความพักผ่อนเลยก็ต้องเกิดอีก พระสงฆ์ถ้าประพฤติพรหมจรรย์จะได้ไปอยู่บนพรหมโลกยาวนานรวมทั้งฆารวาทด้วย ถ้าปฏิบัติโดยไม่เลือกปัจจัยไม่แสวงหาเลยก็จะนิพพาน คืออยู่ตามมีตามเกิด แต่ถ้าเลือกอาหารเลือกปัจจัย มากน้อยเพียงไร การพักก็จะยาวนานตามลำดับลงมาเรื่อย ๆ
    ภู ภู คือแก้วรัตนะที่แสดงความเป็นอัตตาในร่างของเรา เป็นนิรันด์ เมื่อประกอบกับขันธ์ 5 จะมีอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมา สภาพของ ภู จะมีสภาพหลายอย่าง คือ 1 สภาพที่ฝันอยู่เพราะได้รับชีวิตจากพระญัตติ ซึ่งจะฝันตามกิเลศของตนไปเรื่อย ๆ จนเกิดใหม่เป็นมนุษย์ ภูที่ฝันอยู่เพราะรอคิวมาเกิดส่วนภูที่ฝันอยู่และมีกิเลศน้อยพระญัตติจะยังไม่จับมาเกิดจนกว่าจะถึงเวลาที่ควรจะเกิด พระญัตติเป็นเหมือนเครื่องจักรที่มีความยุติธรรมเที่ยงตรงและแม่นยำมาก ภู ที่มีกิเลศมาก ๆ จะวิ่งเข้าไปหาพระญัตติอย่างรวดเร็วแล้วได้เกิดส่วนภูที่มีกิเลศน้อยจะลอยเข้าหาพระญัตติช้า ๆ และได้เกิดช้า ส่วนภูที่ดับกิเลศได้หมดจะไม่ลอยเข้าหาพระญัตติเลยและจะฝันตลอดไปในสภาพที่เป็นสุข ส่วนภูที่ประพฤติพรหมจรรย์จะได้ไปเกิดบนพรหมโลกชั้น จตุตฌาณได้พักนานเช่นกัน ทั้งนี้กิเลศที่กำลังจะกล่าวถึงจะต้องเป็นกิเลศที่ปฏิบัติสำเร็จเท่านั้น กิเลศที่ไม่มีผลคือ เช่น พระอยากกินไก่ทอด นึกถึงไก่ทอดแต่ไม่ได้ไปซื้อมากินถือว่า กิเลศยังไม่สำเร็จ ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าอยากกินไก่ทอดแล้วไปซื้อไก่ทอดทันทีเลยด้วยตนเองถือว่ากิเลศสำเร็จจึงจัดเป็นอุปทานกิเลศหรือกิเลศเป็นมูลเหตุทำให้เกิดอีก การปฏิบัติให้เข้าถึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตลอดชีวิต แค่ ทำไปจนชิน แม้แค่ 5 - 10 ปี ก็นิพพานได้แต่อย่าหยุดจนกว่าจะตายจึงจะสำริตผล ภู ประเภทที่ 2 คือ ภู งี่เง่า หรือภู ซีโร่ ภูแบบนี้ มีความสุขอย่างเดียวเห็นแสงสว่างสีฟ้าขาวอยู่ตลอดเวลามีความสุขล้น แต่ข้อเสียคือมันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตอนสิ้นกัป ภู มากมายจะถูกล้างแล้วทำให้เป็นแบบนี้ยกเว้นภูที่นิพพานจะไม่มีใครไปยุ่ง แล้วเริ่มกัปใหม่ โดยที่พระญัตติจะเลือกภูที่มีอยู่โดยการสุ่มมาเป็นมนุษย์ยุคแรก ๆ แล้วเมื่อพวกเค้าตายและยังไม่ตรัสรู้จะถูกจับมาเวียนเกิดเรื่อย ๆ เพราะไม่มีความรู้และยังมีกิเลศอยู่จนคนเริ่มมากขึ้นจึงจับ ภู ซีโร่ มาเกิดใหม่อีก ภู ซี่โร่ จะไม่ถูกรบกวนจนกว่าคนบนกัปจะมากขึ้น ถ้าภูหมดยุคปลายกัป สูญญตา จะมีชีวิต เมื่อตายจะกลายเป็น ภู น้องใหม่และเท่ากับว่า กัปมีภูเพิ่มขึ้น การดับขันธ์ปรินิพพานแบบ สูญญตา หรือดับแบบไม่ฝันก็จามาถทำได้ แต่แล้วแต่โชคของคน ๆ นั้นด้วย แต่ไม่ควรกระทำคือ การ พาหญิงมาเป็นภรรยาแล้วเกาะกินไปจนจากกัน จะถูกทำให้บาดเจ็บสาหัสจนดับไป อีกวิธีหนึ่งคือการรักและไขว่ขว้าหญิงใดก็ตามมาครอบครองเมื่อตนแก่ชรา หรือเรียกว่า ภาสิตา คือรักหญิงที่เป็นเด็กไข่วขว้าปักใจจนวันตาย ก็สามารถดับได้เช่นกัน โดยการทำให้บาดเจ็บแล้วดับไป แต่ข้อเสียคือมันเป็นสภาพว่างเปล่าและไม่ได้เกิดอีกแล้ว

    สิ่งที่เป็น ภพภูมิ ที่เป็นมายาลวงหลอกคนเราคือสภาพวิญญาณ วิญญาณ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน เราจึงเกิดอุปทานเวลาวิปัสสนา ว่าเห็นนรกเห็นสวรรค์ แต่จริง ๆ แล้ว นรกสวรรค์ เปรต อสูร มันเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน เป็นสภาพที่สิ่งอยู่ในตัวเรา มีคติที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่ตัวเรา คือถึงเห็นก็คงไปไม่ได้ แต่การเวียนว่ายตายเกิดน่ะจริง

    โลกของสัตว์เดรัจฉาน สัตว์ ไม่มีภู แต่ถ้าคุณอยากเกิดเป็นหมาสักชาติหนึ่งคุณ อธิฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิก็คงน่าจะได้แต่คงไม่มีใครทำกัน

    มหานิกาย มหานิกาย บวชแล้ว โอกาศหน้าพบกันใหม่ เมื่อนิพพานแล้วมีแต่สุขกับแสงสว่าง เพราะหนีเข้าไปอยู่ในพันธะสีมา ออกมาไม่ได้แ
     
  2. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    อยากอ่านกระทู้นี้ให้จบ...แต่ขอไปพักสายตาก่อน


    ตอนนี้....[​IMG]
     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    การสุ่มเดาไปตามจินตนาการของตน หรือได้เสพส้องกับอสัตตบุรุษมากย่อมนำความวิปลาสในความเห็นให้ผิดเพี้ยนไปได้เช่นนี้ นับว่าไม่น่าปลอดภัยแก่ตนเลย....
     
  4. ป้อม

    ป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +223
    นรกมีไว้เพื่อให้คนแผ่เมตตาและให้อภัยแก่คนผิด เป็น อนัตตา มิใช่ตัวตน

    คุณเข้าใจคำว่าอนิจัง ทุกขัง อนัตา หรือไม่ จริงอยู่ คุณอาจมองเห็นนรก แต่คุณกล่าวติติงคนอื่นให้ผู้อื่นเกิดความทุกข์ ย่อมไม่ปลอดภัยต่อตนเองเลย ผู้ที่รู้ย่อมวางเฉยไม่กล่าวติติงผู้ใด ให้เกิดทุกข์ เรียกว่า อุเบกขา ท่อนย่อมเข้าสู่อบาย แต่การกล่าวถึงสิ่งที่ทำให้เกิดสุขแก่ปวงชนและการให้อภัยย่อมเกิดกุศล แก่ท่าน แสดงว่าท่านสมน้ำหน้าคนตกนรก พระพุทธเจ้าสร้างนรกให้คน อภัยแก่พวกเค้า มิใช่ให้สมน้ำหน้าพวกเค้า เพราะเค้าผิดไปแล้วเหมือนคนปล้นบ้านคุณ ๆ ย่อมไม่ว่าอะไรเค้าเพราะเค้าได้ตกนรกแล้ว แต่คุณไม่เคยให้อภัยผู้ใดเลย
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท พึงทราบว่า การกล่าวสิ่งที่ไม่จริงนั้นเรียกว่ามิจฉาวาจา เมื่อแสดงสิ่งเท็จในที่สาธารณะ นำชนผู้ไม่รู้ให้เชื่อสิ่งผิด เขาเหล่านั้นเข้าถึงความเห็นผิดตาม..ท่านจขกท ไม่สงสารเมตตาเขาบ้างหรือครับ...

    ท่านจขกทไปได้ไอเดียนี้มาจากใหนครับ?....


    ถ้าบอกว่าคิดได้เอง ก็ให้ระวังความคิดเช่นนี้ให้มาก ..เพราะมัน"ไม่ปลอดภัย"จริงๆครับ...
     
  6. ป้อม

    ป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +223
    คุณก็ติเค้าไปเรื่อแหละ มีทิฐิเยอะเกิน ดูชื่อเสียงคุณสิขจอนขจายไปไกล ผมสมัครมา 10 ปี ผมยัง เฉย ๆ เลย พูดแต่สิ่งที่สวยงาม แล้วผมก็ไม่ดังเท่าคุณด้วย คถาคตยัง มิให้เชื่อว่าเป็นปิดก เลย ที่เรียกว่า กาลามสูตร ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ พระศรีอริยะเมตไตรคงเป็นคนบ้าน่ะแหละครับ ไม่ต้องมาหรอกมั้ง เหาะโชว์คงโดนยิงตกน่ะแหละ คุณสังเกตุบ้างไหมว่า สาวก และ พระอินทร์ ต่างกล่าวสอพลอ คถาคต คุณก็อีกคน
     
  7. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    "การเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น โดยการเวียนว่ายตายเกิดเกิดจากสภาพกิเลศ และการตามใจจากพระเจ้า"

    "โลกของสัตว์เดรัจฉาน สัตว์ ไม่มีภู แต่ถ้าคุณอยากเกิดเป็นหมาสักชาติหนึ่งคุณ อธิฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิก็คงน่าจะได้แต่คงไม่มีใครทำกัน"

    ในความคิดของผม ผมคิดว่า ไม่น่าจะใช้ ถ้าเป็นอย่างที่พี่กล่าว สิ่งที่เกิดในภพภูมิต่างๆ ก็ไม่สามารถ เกิดใน ภพภูมิมนุษย์อีกเลยรึครับ และสุนัขต้องเป็นสุนัขตลอดไปทุกๆชาติ ผมว่าการเวียนว่ายตายเกิด มีอยู่ทุกภพภูมิมากกว่าครับ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว)
     
  8. PANG69

    PANG69 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63

    นั่นสินะ ยิ่งคนที่ชอบเอาพระไตรปิฎกหรือพระธรรมที่เป็นของสูงไปใช้ไม่ถูกสถานการณ์ เอาไปอ้างอิงกิเลสตัวเองปรามาสคนอื่นไปทั่ว ไม่เว้นพระสงฆ์องค์เจ้าที่ท่านเป็นพระอริยะ ปรามาสขนาดว่าสมเด็จองค์ปฐมก็ไม่มีจริง
    คิดว่าอีกนานแค่ไหนนะ ที่คนแบบนั้นจะได้เกิดมาเป็นคน เกิดมาแล้วก็ต้อง
    เป็นบ้าสติไม่ค่อยสมบูรณ์ด้วยหรือเปล่า
     
  9. colapop

    colapop สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +15

    สาธุ เค้ากล่าวเปรียบเทียบนะไม่ใช้ให้ทำจริงๆ ที่คุณพูดบอกได้เลยว่าคุณ คิดว่าทุกคนต้องเป็นเหมือนคุณหมดทุกคน ในโลกใบนี้มี คนหลายประเภท ประสบกับสภาพแวดล้อมที่ต่างๆกัน และ พบเห็นหรือรับรู้ที่ต่างๆกัน จะสรุปว่าคนทุกคนจะคิดเหมือนคุณหรือตามใครได้นั้น คุณต้องเข้าใจในสิ่งที่เค้าได้ เจอกันก่อน ยกตัวอย่างนะ อย่าเอามาเป็นปัจจัยของคำถาม เช่น ถ้าคุณวันๆก็เรียน หนังสืออยู่ในโรงเรียน เลิกเรียนก็เรียนพิเศษ แล้วกับบ้านนอน ตื่นๆเช้าก็ไปเรียน วันๆคุณก็จะรับรู้แต่ บทความในหนังสือและ ครูสอนในห้องเรียน กับอีกคน ได้เรียนน้อย แต่ได้พบเจอโลกแห่งความเป็นจริงภายนอกทีเค้าต้องออกไปหากินในเวลานอกเวลาเรียน คุณคิดว่านักเรียน 2 คนนี้มีความคิดคล้ายกันไหม คนอายุ 12 กับ อายุ 75 การพบเจอหรือรับรู้ก็ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านไกลเมืองกันสงบ อีกคนอยู่ในเมืองที่ยุ่งวุ่นวายทั้งวัน ก็คิดไม่เหมือนกันแล้ว นะ แล้วทำไมคนมีมากๆขึ้นเรื่อยๆ กว่าเมื่อก่อนเป็นพันเท่า แล้วในภพเมื่อก่อนมีคนน้อยมากกว่ามาก ยังไม่รวมที่อยู่ในนรกและบนสรรค์นะมีเท่าไหน แล้วคนภพนี้มีคนมากกว่าหลายเก่า แถมเกิดมามีกรรมติดตัวทุกคนจากชาติก่อนทุกคนได้ไหงไม่รู้ ในเมื่อคนภพนี้มีจำนวนมากกว่าภพก่อนหลายเท่าตัวนั้น แล้วคนที่เกิดเกินจำนวนคนภพก่อนต่อมากมาย เค้าจะไปทำกรรมในชาติก่อนได้อย่างไหง ผมคนหนึ่งที่เชื่อ ทำดีได้ดีมีบาง ทำชัวได้ดีมีเยอะมาก ลองอ่าน Post นี้ผมประสบมาเอง ไม่เจอไม่รู้

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A.524410/


    คนที่ปล้น ธนาคารที่ไม่เคยมีประวัติเกือบทุกคนไม่อยากทำลอก ถ้าไม่มีสภาพแวดล้อนหรือปัจจัยทางโลกหรือกิเลก มาบังคับเค้าต้องทำ ค่ารักษาอาการป่วย ทำไมมันแพงมากมายขนาดนั้น ทำไมยาถึงแพง และทำไมเค้าต้องป่วย การพนันไม่ดี ทำให้เค้าเป็นหนี้ ทำต้องไปเล่น ไปหาอาชีพทำก็โดนแกลง ขวางกั้น ขัดขวางเพราะเป็นคนขัดผลประโยนช์ สุดท้ายหาทางออกไม่ได้ก็ต้องปล้นเป็นหนทางที่เร็วที่สุด เพราะทำไมโรคที่เป็นต้องรักษาโดยเร็ว แล้วแพงโครตๆ แล้วทำไมต้องเป็น แล้วทำไมหาทางที่ดีดีกับไม่ช่วยเค้า แต่พอเค้าปล้นกับช่วยทำให้สำเร็จ แล้วก็โดยกล่างหาว่าทำชัว โดนประนาม
    คุณเคยไปพบเจอกับชีวิตคนเหล่านี้ไหมเคยได้ไปสัมพัธหรือพูดคุยไหม แต่ผมเชื่ออยู่อย่างคนเราจะดีจะชัว อยู่ที่ฟ้าลิขิต 80% อีก 20% ก็คือการยอมรับกับสิ่งที่ฟ้าลิขิต และการคิดในทางที่ดีและทำให้จิตสงบ ตอนนี้ฟ้าอาจลิขิตสิ่งดีๆให้คุณอยู่ ก็เหมือนที่เค้าไม่ได้ป่วย แต่พอฟ้าลิขิตให้คุณป่วยมันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เหมือนสุภาพสิต ตกบรรไดพล้อยโจร เหมือนคุณเป็นคนดีไปทำงานราชการ คุณตั้งใจไฟแรงมาก จะทำให้ดีเป็นคนดีที่สุด พอคุณไปทำ มีแต่คนชัวโกงกิน คนก็ต้องโดยบังคับไปโดยบริยาย ถ้าคนขวาง ก็โดนคนประนาม โดนยัดข้อหาเป็นคนชัวไปโดยบริยาย คนตั้งใจและเชื่อทำดีได้ดี ทำชัวได้ชัว แบบที่คุณว่า มันกับเป็นตรงข้าง ถ้าคุณพยายามทำดี ก็จะโดนประนามว่าชัวในสายตาอื่นๆ ทัวไปที่ไม่รู้ หรือรับรู้ข่าวสารด้านเดียว แต่พวกชัวกับโดน ทำลายกั้นแกลง น่าสงสาร จากคนดี แต่ คนทั้วไปมองว่าคุณนั้นชัว ทุกอย่างฟ้ากำหนดเอา หรือคำกล่าวหรือที่หลายคนคิดแบบง่าย คนชัวเหล่านั้นทำบุญมามากเทพย่อมคุมคลอง คนดีอย่างคุณทำกรรมกับเค้าไปเยอะต้องมารับกรรม

    แล้วถ้าคุณทำบุญเยอะๆ ไปเพื่อชาติิหน้าคุณจะได้เกิดมา มีบุญไปทำชัวกับคนนั้นได้แบบไม่ผิดหรือ
    หรือพูดง่าย ทำบุญเพื่อให้ชาติหน้าคุณไปทำกรรมกับคนอื่นๆ ได้มากกว่าเดิม แล้วชาติต่อไปกรรมกับบุญ ก็คือตัวเดียวกัน บุญไปสร้างกรรม กรรมทำให้คนอยากทำบุญ หมุนกลับมาหาท่านอีกไปเรื่อยๆในชาติต่อๆไป ก็แบบที่เค้าบอก คุณต้องบวชเป็นพระแล้ว ถอดกิเลสออกให้หมด เมื่อกิเลสหมด เพื่อให้หลุดจาก คำว่ากรรมกับบุญ ทำบุญก็คือกรรมบุญเพื่อไปใช้ในชาติหน้าตามความเชื่อของคน ทำบุญเยอะจะได้สบาย ทำชัวกับใครก็ได้ ทำบุญมามากแต่เอามาช่วยสร้างกรรมให้ตัวเอง แล้วชาติหน้าก็ต้องมาต่อในความเชื่อของท่านใช้ไหม คุณทำบุญให้เค้า ชาติหน้าจะได้มีบุญร่วมกัน มีบุญแต่ดันเอาบุญไปใช้ในทางที่สร้างกรรมกับมาหาตัวเอง เห็นกรรมได้รับกรรมก็อย่างทำบุญเพื่อชาติจะได้ไม่มีกรรม
    มีบุญเพื่อไปสร้างกรรม ตัวกรรมทำให้คนอยากทำบุญเพื่อจะได้มีบุญ แล้วมันก็หมุนไปกลับไปกลับมา

    บางความคิดนะ บุญกับกรรมมันก็ต้องมีเงิน คนมีบุญมากก็มีเงินมากก็ทำบุญได้มาก คนทำกรรมก็มีกรรม ก็คือมีเงินน้อย ก็ต้องทำกรรมจะได้มีเงิน เพื่อไปทำบุญจะได้มีกรรมน้อยลง โลกความเป็นจริงก็แบบนี้ เงินก็คือพระเจ้า กำหนดชะตาการเกิด บุญและกรรม คุณจะทำบุญก็ต้องหาเงิน มีกรรมก็ต้องหาเงินเพื่อจะได้ไปสร้างบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2014
  10. PANG69

    PANG69 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63
    แสดงความโง่แต่อวดรู้ออกมาอีกแล้ว แค่ของตื้นๆแค่นี้ ยังจับเอาใจความมาผิดเลย

    แล้วยังจะชอบเอาโพสธรรมลึกซื้งบทอื่นไปสอน ไปว่าคนอื่นอีกหนอ


    เอ้า.....ท่านสมาชิกทั้งหลายบอกหนูปังหน่อย ว่าผิดตรงไหน


    :boo:
     
  11. PANG69

    PANG69 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63

    ทำเพื่ออะไร ???????????????????????????????????
    ไม่รู้ตัวอีกเหรอ หนูปัง ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
     
  12. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    ข้อมความนี้ผมว่า ไม่น่าจะจริงนะครับ

    ตย.นักเรียน 2 คน
    ในการศึกษาปัจจุบัน ผลการเรียน , ห้องกิฟ , คะแนนสอบ , สถานศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการ ผมว่าเด็กพวกนี้ ต้องตั้งใจเรียน มีการมุ่งมั่น อุตสาหะในหน้าที่ที่เป็นนักเรียน ถ้า พ่อ แม่ มีเวลาสั่งสอนด้วย ด้าน eq ผมว่าเด็กพวกนี้ จะเป็นคนดีช่วยเหลือชาติบ้านเมือง ตอบแทนคุณแผ่นดิน อาจจะทำงานบริษัท , ประกอบกิจการส่วนตัว ได้มีโอกาสเลือกมากกว่า

    เด็กคนที่ 2 มีการเรียนรู้จากโลกภายนอก , เข้ากับบุคคลอื่นได้ดี มีความชำนาญเฉพาะด้าน ในสิ่งที่เค้าสนใจเป็นพิเศษ ก็อาจจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ถ้ามีความมุ่งมัน อุตสาหะ ถึงแม้จะไม่ตั้งใจเรียน แต่เค้าตั้งใจในสิ่งที่เค้าชอบ ทั้ง 2 ประเภทประสบผลสำเร็จได้เหมือนกันครับ

    คนปล้นธนาคาร
    ทำไมเค้าถึงเป็นโรคร้าย = ใช้ชีวิตอย่างประมาทไม่ดูแลสุขภาพร่างกาย
    ถ้าดูแลแล้วยังเป็นอีก ถ้าคนดูแลตัวเอง รักตัวเอง
    คงไม่ปล้นธนาคารหรอก

    ทำไมเค้าถึงเล่นการพนัน = เพราะเค้าคบเพื่อนไม่ดี , คิดไม่เป็น , อยากเล่น
    จะได้รวย , ความสนุก , ไม่วางแผนว่าเล่นแค่นี้
    แล้วพอ
    ทำไมเค้าถึงปล้นธนาคาร = อยากได้เงินแบบง่าย สบายๆ

    ผมว่าคนเราจะดีหรือชั่ว อยู่ที่ตัวเราเอง 100% ชาติก่อนทำบาป เกิดเป็นคนในชาตินี้ มีอุปสรรคเยอะแยะ ถ้าเลือกทางสายมรรค แล้วถึง ไม่ปล้นธนาคารแล้วตายไป ก็ไม่เสียดายครับ
     
  13. wisakha

    wisakha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +211
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=e72fH0kAZ64]พุทธวจน faq ใครเป็นผู้เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...