ผมว่าที่ทำอยู่นี้ ก้ดีแล้วนะครับ สิ่งที่ปรารถนาอยากจะเหนบางครั้งไม่ถึงเวลามันก้ยังไม่เหนนะ เรื่องทิพอำนาจทางจิต มันเปนประสบการณ์ที่ซ่อนอย่ข้างใน อาศัยสมาธิและความว่างของจิต จะเหนหรือไม่เหนให้เกบความอยากตรงนี้ไว้ก่อน ฝึกจนแน่วแน่พอที่อารมณ์ภายนอกไม่สามารถส่งมารบกวนจิตของเราได้แค่นี้ก้ใช้ได้แล้วครับ ประมาณว่าแม้เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ดังอย่ใกล้ๆเรา นั่งสมาธิอย่เราก้ไม่ตกใจ ไม่สะทกสะท้านอะไรแม้แต่น้อย ยังคงหลับตาทำสมาธิเปนปกติได้ ถ้าทำได้อย่างนี้ถือว่า "สมาธิดีมาก" ครับ จะเริ่มเข้าใจถึงคำว่า "เอกัคคตา" ได้อย่างชัดเจน ยิ่งจขกท. เปนคนพื้นฐานจิตใจดี ชอบทำบุญ และมีความเมตตาอยู่แล้ว การปฏิบัติ เพื่อให้จิตละเอียดลึกลงไปจะทำได้ง่าย เพียงแต่ต้องขยันทำพุทโธทุกวันก้แค่นั้น เมื่อจิตมันถึงแล้ว เราถึงจะเหนสิ่งละเอียดที่เปนทิพย์ด้วยตัวเราเองคับ เช่นเหนได้เพราะมีสิ่งดลใจให้เราฝันถึง หรือเหนเพราะเป็นอุคหนิมิตรในสมาธิ ไม่ใช่เหนเพราะแค่ความอยากเห็น
คิดว่าจะฝึกมโนมยิทธิครับผม เพราะมีครูบาอาจารย์คอยแนะนำที่บ้านสายลม อีกอย่างผมเป็นคนไม่ค่อยมีเวลาเดินทางไปไหนยิ่งช่วงนี้กำลังทำเรื่องสอบภาค ก. เพื่อรับราชการ เลยไปไหนไม่ได้นอกจากอ่านหนังสือเลยขอนั่งสมาธิอย่างเดียวก่อน เดี๋ยวพอมีเวลาว่างมากๆก็ว่าจะฝึกมโนมยิทธิแล้วครับ ขอบคุณคุณ ยุทธ มากๆนะครับ
โอ้ นี่เจ้าของกระทู้เรียนจบแล้ว กำลังจะสอบเข้าทำงานหรือนี่? ดีครับดี การฝึกมโนมยิทธินี้ มีประโยชน์สำหรับนักเรียน นักศึกษาและผู้ทำงานรับราชการอย่างยิ่ง ในตอนนี้สมควรต้องแบ่งเวลาในการปฏิบัติทั้งทางโลกและทางการเจริญกรรมฐานให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม และสมควรให้ความสำคัญกับการสอบภาค ก. เป็นเรื่องแรกไว้ก่อน 1.การสอบภาค ก. ทั่วไปก็จะมีสองส่วนย่อย คือวิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทย ในส่วนของวิชาคณิตศาสตร์ ควรจะหาข้อสอบเก่าหรือโจทย์มาฝึกหัดทำให้มากๆ จะเกิดความคล่องตัว ส่วนวิชาภาษาไทย ก็เป็นเรื่องทั่วไปที่เราพอจะตอบได้อยู่แล้ว ดังนั้น วิชาภาษาไทยควรต้องทำอย่างรอบคอบ เก็บคะแนนให้หมด หากทำได้อย่างนี้ การสอบภาค ก. น่าจะผ่านได้อย่างสบาย หลังผ่านการสอบภาค ก. แล้ว ก็รอการสอบภาค ข.และภาค ค. หากสอบผ่านอีก ก็ขึ้นบัญชี รอการบรรจุเข้าทำงานต่อไป ยังต้องเดินไปอีกหลายขั้นตอนนะครับ จึงควรให้ความสำคัญกับการสอบเข้าทำงานเป็นเรื่องแรกไว้ก่อน 2.เรื่องการเจริญกรรมฐาน ในตอนนี้ หากพอจะมีเวลาว่างเว้นจากการอ่านหนังสือ ทบทวนตำรา ไม่ต้องพูดคุยกับใครหรือติดต่อธุระการงานกับใคร ขอให้พยายามหาเวลาปฏิบัติไปเรื่อยๆนะครับ เพื่อเป็นการปูพื้นฐานไว้สำหรับการเข้ารับการฝึกมโนมยิทธิ ดังนี้ 2.1 ศีล 5 ถือไว้ให้เป็นปกติวิสัย 2.2 พรหมวิหาร 4 ถือไว้ให้เป็นปกติวิสัย 2.3 หมั่นเจริญอานาปนสติกรรมฐาน อย่างที่เคยทำมาให้ต่อเนื่อง โดยปรับเปลี่ยนคำภาวนาจากเดิม มาใช้เป็น “นะ มะ พะ ธะ” อานาปนสติกรรมฐานเป็นกรรมฐานสำคัญ สมควรเจริญไว้ให้มาก แต่ไม่ใช่ล่อทั้งวันทั้งคืน จนเสียงานเสียการ อย่างนี้ก็ไม่สมควร ที่ถูกคือ หากมีเวลาว่างเว้นจากการอ่านหนังสือ ทบทวนตำรา ไม่ต้องพูดคุยกับใครหรือติดต่อธุระการงานกับใคร ก็ให้เข้ามาปฏิบัติในอานาปนสติกรรมฐานในทันที 2.4 หากมีเวลาว่างมากจริงๆ จะฝึกตามอย่างข้างล่างนี้ไปด้วย ก็จะทำให้มีความคล่องตัว ก่อนที่จะไปเรียนกับครูมโนมยิทธิได้มากขึ้น ด้วยความปรารถนาดี ยอยุทธ 10 มิถุนายน 2557
การจะไปไล่หาดูเทวดา ตรงโน้น ตรงนั้นเป็นเรื่องยาก แล้วที่บอกมาให้ไปฝึกอย่างโน้น อย่างนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนแนะนำเอง เห็นกับตัวเองมาบ้างหรือยัง ของพวกนี้ เป็นของนอกกาย แม้เรื่องความเป็นทิพย์ก็เป็นของภายนอก เราไม่สามารถคาดหวังอะไรได้จากของภายนอก เหมือนเรากำลังคาดหวังให้เพื่อนเราเป็น คนแบบนั้น แบบนี้ สุดทายมักจะจบด้วยการ fail แล้วจะลงเอยว่า อุตสาห์ ปฏิบัติมาตั้งนาน ทำไม ไม่เห็นผล จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเป็นหลักประกันว่า ปฏิบัติแล้วจะเห็น โน้น นั้น นี้ ดูขนาด พระสารีบุตร เป็น พระอรหัตน์ ท่านยังมองไม่เห็น ภพอื่นเลย เอาเป็นว่า อย่าไปคาดหวังอะไรเยอะ ว่าจะต้องได้เห็นโน้น นั้น นี้ จริงๆ แล้ว ปฏิบัติแล้วรู้สึกว่ากิเลศลด เป็นคนดียิ่งขึ้น แบบนี้น่าจะดีกว่า จะได้มีกำลังใจ หากเรามีจิตเป็นกุศล หมั่นกุศลกรรม 10 ก็มีจิตเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา ก็ไม่ต้องไปดูเทวดาที่ไหน ดูเทวดาในตัวเราเอง
คลิปวิธีฝึกมโนมยิทธิ โดย พระราชพรหมยาน [ame="http://www.youtube.com/watch?v=N2aj-VPFAMw"]???????????????? ? ???????@?? ??????? ???? ????????????????????? - YouTube[/ame]
ตอนเที่ยงคืนเปะๆ เอาแบบกำลังง่วงๆเลย นั่งทำสมาธิให้จิตนิ่งสักแว้บ กี่นาทีก็ได้ เอาแค่พอให้ใจสบายๆโล่งๆ แล้วก๋เอนตัวลงนอน ท่องในใจไว้ จะขอเห็นเทวดานางฟ้า ตั้งจิตไว้ว่า เมื่อหลับไปจะขอเห็นนางฟ้าเทวดา เมื่อหลับไปแล้ว กำลังฝัน ต้องทำสติให้กลัามา เมื่อรู้ตัวระลึกถึงความต้องการที่อยากจะทำได้ หยุดฝันฟุ้ง กำหนดจิตไปดูเทวดานางฟ้า ก็จะได้เห็น แต่เมื่อได้เห็นแล้ว ก็อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนที่คิดไว้ก็เป็นได้ แต่เห็นแล้วก็รู้ว่าเห็น อย่าไปยึดติดยึดมั่นมาก ( จะระลึกชาติก็ได้นะ รู้ได้หมดยันชื่อเก่า ชื่อคู่ครอง ตายอย่างไร ก็สุดแต่จะกำหนดรู้ ) ถามว่า ที่เห็นนั้นเห็นจริง แล้วจริงไหม? นั่นสิ จะพิสูจน์ได้ยังไง ฝึกให้คล่องแล้วลองกำหนดดูอนาคตในวันรุ่ง ก็น่าจะดี )