ความลับของคำว่า " ไฟดับแล้ว ไม่ปรากฎว่าอยู่ที่ใด "

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 20 ธันวาคม 2007.

  1. 00008

    00008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63
    ครับผมขอบคุณคุณขันธ์ครับ แต่ตรงคำว่า อนุสัยนั้น คุณขันธ์ได้ให้ความ

    หมายว่า นิสัยที่ดองอยู่(ในกมลสันดาร) แม้พระอรหันต์ก็มี หากคุณขันธ์จำ

    ศัพท์ผิดแล้ว ความหมายคงไม่ผิดนะครับ ผมจะได้พิจารณาตามดูเพียง

    อาการเท่านั้นไม่เอาชื่อเรียกมาเป็นตัวตั้ง
     
  2. 00008

    00008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63

    ผมก็เข้าใจว่าคุณเล่าปังหมายความว่าดังนั้น แต่กลัวว่าจะเข้าใจผิดไปเอง

    เลยถามครับ ผมไม่ค้านหลอกครับเพราะผมชอบฟังครับ ขอบคุณครับ
     
  3. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    เก่งๆ กันทั้งนั้น ก็อย่าหลงกับคำชมหรือยกยอปอปั้นกันเองว่าเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาธรรม ก็อย่าเป็นเพียงแค่รู้ทฤษฏี ปฏิบัติให้ได้ดั่งที่พูดก่อนเถอะ ที่สำคัญหากคิดว่าตนเองบรรลุธรรมแล้ว ก็อย่าลืมเขียนบทความหรือหนังสือเพื่อเป็นเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้เป็นที่ยอมรับแก่นักปฏิบัติธรรมผู้อื่น นับว่าประเสริฐยิ่งแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  4. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    กระทู้นี้ไม่มีคนหลงกับคำชมครับ มีแต่คนที่หมั่นไส้คนอื่นครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไม่มีอะไรหรอกคุณ วิมุตตติ คุณ eddy เขาทำถูกต้องแล้ว

    คุณ eddy เขาเป็นคนมีครู มีองค์ เรากล่าวเหมือนผาดพิงลบหลู่
    แต่เพราะคุณ eddy อ่านข้อความของเราแล้วคิดว่าเราปฏิเสธการมีครู
    เขาก็เลยขุ่นเคือง ก็ด้วยความกตเวที(กระทำวาจา)จึงทำให้เขาโพสอย่างนั้น

    แต่เมื่อไหร่เขา กต-ตัญญู (กระทำด้วยปัญญา) เขาก็จะไม่กล่าวไปมากกว่าที่
    ครูเขาสอนมา ที่ว่าให้เป็นคนดี ละอายชั่วกลัวบาป มีพหรมวิหารสี่เป็นที่ตั้งไม่พร่อง
    นี้คงยังเรียนจากครูมายังไม่ครบ เลยยังมีได้แค่ กต ( กระทำ ) ครึ่งเดียว

    ส่วนเราๆ นี้ไม่มีองค์แบบที่เขามี เพราะเราถือไว้เบื้องสูง ไม่ดึงฟ้าต่ำ
    ถือสรณะ ไว้เหนือหัวเหนือเกล้า เรารู้ตัวเราว่าต่ำกว่าไตรสรณะ
    แต่เป็นฐานะที่เราคิดว่า ดี และ ควรแก่เรา นำพาเราพ้นทุกข์ได้จริง
    ไม่ใช่ลำพังพาไปเป็น เทวดาในอานัติ เป็นพรหมในอานัติ

    คนละครู คนละเจ้า เราก็อย่างไปก้ำเกินล่วงครูของเขา ครูของเขามีมาก
    เทวดามีหลายเหล่า พรหมก็มีหลายเหล่า พรหมที่สร้างโลกนั้นก็อีกเหล่า
    แต่ก็มีหลายเหล่า(พราหม์ คริสต์ กรีก อียิป ฯลฯ) เราคงไปไม่ไปตามเคารพครู
    หรือองค์เหล่านั้นจนครบ เพราะครูของเราพาตัดตรงเข้านิพพาน

    แต่องค์ หรือ ครู ที่เป็นพระพุทธองค์นี้ ท่านไม่มาเข้านะ
    เราต้องรับมาถือไว้เอง เลยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะถือได้ตลอด
    จะทำดีอะไรสักอย่างไม่มีการดลใจ ไม่มีการมาสิงเพื่อให้ทำ
    เราต้องตัดสินใจทำดี ด้วยตัวเอง ทุกอย่าง แล้วยังต้องตรวจเองอีก
    แต่แปลกนะ ถ้าทำดีได้ถึงที่สุดแล้ว องค์เหล่านั้นก็มายินดีด้วย -- แปลกดี

    ใครจะถือพระพุทธองค์เป็นครู จะมาคิดหรืออยากได้อะไรง่ายๆ ไม่ได้นะ
    ต้องเข้ามาทำอย่างถึงจิต ถึงใจ แล้วก็ไม่ต้องไปแสวงหาอะไรทีไหน
    ไม่ต้องมีท่าทาง ลีลาอะไร ไม่ต้องสรรหาสีของอาหาร ไม่ต้องกำหนดจำนวน
    ธูปจำนวนเทียน ไม่ต้องรำพัด ไม่ต้องแสร้งเมา

    นั่งนิ่งๆก็ได้ ทำงานไปเรื่อยๆก็ได้ -- แปลกดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  6. 00008

    00008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63
    ครับผมไม่ได้เข้ามาเถียงช่วยคุณ พี่ๆ ทั้งสามนะครับ แต่ผมว่าไม่น่าพูดแบบนี้

    ครับ เพราะมันบอกถึงความมีคอคติในใจ ของผู้พูดครับผม ขอบคุณครับ
     
  7. 00008

    00008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63

    คุณขันธ์ครับผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมต้องถามคุณขันธ์ซ้ำอีก ถึงคุณ

    ขันธ์จะได้ให้อนุโทนากับคำถามของผมก็จริงแต่ผมก็ยังสงสัยมันค้างใจครับ

    ช่วยผมหน่อยนะครับไม่งั้นผมคงเดินต่อไปไม่ได้ครับผม ขอบคุณครับ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    eddy ผีน่ารัก ก็ผมบอกไปแล้วไง ให้มาพิสูจน์ว่า ไม่ได้มีแต่ทฤษฎี
    ให้ถามคำถามมาเลย สากกระเบือยันเรือรบ ที่เกี่ยวกับเรื่องชีวิตนี้ถามมา ผมจะตอบอย่างมีเหตุมีผล แม้ไม่ได้คำตอบที่เฉพาะเจาะจง แต่รับรองว่ามีคำตอบที่ดีกว่าเฉพาะเจาะจงแน่นอน และเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้

    เอ็ดดี้ ผีน่ารัก จะได้หันมาศรัทธาในพระพุทธองค์อย่างหมดไส้หมดพุงเสียที ขยักขย่อนเอาไว้ เชื่ออย่างอื่นทำไม

    พระพุทธองค์ เผยสิ่งลับ ให้ไม่ลับ เปิดเผยหมดจด ไร้ซึ่งกิเลสแอบแฝง และผลประโยชน์ในทางโลก

    คนอื่น แม้ให้ประโยชน์เราแต่ต่างก็หวังผลตอบแทน
    เจ้าเข้าทรง หรือว่าจะเป็นเทพนั้นนี่ เขามาช่วยเราเขาก็หวังผลตอบแทน แต่เราจะเห็นเขาหรือเปล่า ใครๆ ที่ยังไม่สิ้นเชื้อกิเลสหรือ หรือยังไม่เป็นพระอริยะบุคคล ต่างช่วยเราก็หวังผลตอบแทน

    พระพุทธองค์ ท่านไม่ได้หลอกใคร และ ไม่ได้พูดแต่ตามแนวทางท่านนะ ท่านเห็นแล้วว่า ศาสดาคนอื่นๆ พูดไม่ครบ พูดไม่ใช่ธรรม แก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่ท่านพูดเรื่องจริงว่า อะไรก็ช่วยเราไม่ได้ เว้นแต่ตัวเราเท่านั้น ทีนี้ เราต่างหากที่หลอกตัวเองว่า มันมีสิ่งที่ช่วยเราได้ เราเลยไปนับถืออะไรลมๆแล้ง แล้วก็บอกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


    ย้อนกลับมาที่คุณ 00008 ผมไม่เข้าใจคำถาม แต่จะลองตอบดู

    จริงๆ แล้ว อนุสัย นั้นจะเรียกว่า กิเลสก็ไม่ได้ เพราะกิเลสหมดเชื้อไปแล้ว ไม่มีอีก แต่ต้องเรียกว่าอนุสัย หรือ นิสัย สันดาน พฤติกรรมที่ทำมาช้านาน
    เปรียบเหมือนกับ คนกินข้าวด้วยมือเป็นประจำ เขาก็จะกินด้วยมือ ให้ไปกินด้วยช้อนก็ไม่ถนัด ทั้งนี้ กินด้วยมือนี้ก็ไม่มีกิเลสเข้ามาเกี่ยวข้อง ถูกไหม
    พระอรหันต์ที่ตวาด เพราะว่านิสัย สันดานท่าน ที่ทำมาช้านาน ท่านก็ทำแบบนั้นมาเป็นประจำ จะไปให้ท่านพูดจา จ๊ะจ๋า ท่านก็ทำไม่ได้ มันไม่ถนัด แล้วก็ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม จริงไหม แต่ไม่ใช่โทสะ หรือ โมหะ หรือกิเลส

    พระโมคคัลลานะ ท่าน ใช้ฤทธิ์ เป็นประจำ ท่านก็ใช้ ก็มันใช้ได้ก็จะใช้ ถ้าให้ท่านไปอยู่เฉยๆ ท่านก็ทำไม่ได้ เพราะว่านิสัยสันดานเป็นอย่างนั้น
    แต่สุดท้าย ท่านก็ฉุกคิดขึ้นว่า เราหนีกรรมแบบนี้มานาน หนีไปที่ใดก็ไม่พ้น ก็ไม่ได้รักตัวกลัวตาย แต่ไม่จำเป็นต้องให้โจรมันทำลาย ท่านมีปัญญาท่านก็แก้ไขไปตามจริตท่าน ไม่ได้เรียกว่า กิเลสนะ

    อันนี้ขอแย้งท่านเล่าปัง ซึ่งท่านเล่าปัง ท่านเข้าใจถูกแล้วแต่เรียกไม่ถูก เพราะว่าไม่เข้าใจคำว่ากิเลส ชัดเจน ท่านเล่าปังคงคิดว่ามันเป็นแค่ชื่ออะไรที่แปลว่า เชื้อที่ไม่ดี แต่จริงๆ แล้วกิเลสคือ ตัณหานั่นแหละ ซึ่งพระอรหันต์ดับแล้วอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่มีกิเลสเหลือ เพราะถอนอวิชชาซึ่งเป็นสังโยชน์ตัวสุดท้ายได้แล้ว


    ก็คงจะเข้าใจนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  9. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    ดับก็ดับไปจิ สนใจทำมัยกันเนี่ย ดับคือดับ ดับสินสุญไปหมดแล้วไม่เหลือแล้วงัย ไฟก็ไฟแห่งกิเลสงัยท่านผู้เจริญทั้งหลาย ประโยคนี้คือคำยืนยันว่ากิเลสได้ดับสิ้นลงหมดแล้วงัยท่าย เอาประโยคเต็มๆมาจิอย่าตัดมันเสียความนะท่าน
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทุกข์ ก็ ทุกข์สิ สนใจทำไม
    ต้องมาศึกษาทำไม ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มันก็ง่ายๆ ไม่เห็นยาก

    รู้ไหมว่า ผมพูดทำนองนี้ เมื่อสมัยเด็ก ๆ ตอน 7 ขวบ เพราะไม่รู้อะไรเลยจึงพูดแบบนี้ออกมา

    ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เอาความเต็มๆ มาสิ มาตัดความเหลือ 4 อย่างนี้ทำไม

    คำถามแบบนี้ ผมคิดตอน 2 ขวบ
     
  11. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ก่อนจะแก้โจทย์เลขCalculus จำเป็นต้องรู้วิธีการก่อนมั๊ย ว่ามีกระบวนการอย่างไร ใช้สูตรอะไรบ้าง หลักการของCalculusมีว่าอย่างไร บอกจะว่าดับก็ดับได้หรอ...เหอๆๆ
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ฟังๆ ดู ดูเหมือนว่า อาสวะ กับ อนุสัย จะเป็นคนละตัวกันไปเสียแล้ว

    พระอรหันต์ ได้อาสวะขยาญาณ กิเลสอาสวะต้องหมดไป ส่วนอนุสัย ยังคงอยู่

    อันนี้พิจารณาตามตัวหนังสือนะ...
     
  13. 00008

    00008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63
    ครับผม
     
  14. 00008

    00008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2008
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +63
    โอ้โห คุณขันธ์สนใจเรื่องแบบนี้แต่เด็กเลยนะครับ
     
  15. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    เรียน คุณขันธ์ ขอถามเป็นข้อๆ ดังนี้

    1) คำนิยามที่คุณให้มานะครับ หากเปรียบว่า "ไฟดับแล้ว ไม่ปรากฎว่าอยู่ที่ใด" กับสิ่งที่พระพุทธทาสกล่าวว่า "เอาน้ำรดลงบนกองเพลิง แล้วดับมอดและเย็นลง" เป็นสิ่งเดียวกันไหมครับ เพราะเหตุใด

    2) เมื่อกล่าวถึงพระนิพพาน ช่วยกำหนดนิยามให้ชัดเจนได้ไหมครับ ทั้งสภาวะและลักษณะที่ถูกต้องของคำว่าพระนิพพาน เอาแบบฟันธงครั้งเดียว แต่ไม่เอาแบบว่าไม่สามารถพรรณาเป็นภาษามนุษย์ได้ ต้องรู้ด้วยตนเอง เพราะฟังแล้วปัญญาอ่อน

    3) คุณขันธ์คิดว่าคำว่า พระนิพพาน นี้เป็นอุมดมคติหรือมายาหรือเปล่าครับ หากเป็นจริงจะพิสูจน์อย่างไรครับ เอาแบบชาวบ้านทำได้นะครับ หรือย่นย่อก็ได้ครับ และที่สำคัญท่านต้องเล่าจากประสบการณ์จริงที่ได้พบพานกับสิ่งนี้ให้ฟังด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  16. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คราวนี้ คุณ ขันธ์ เจอคำถามตอบยากส์ซะแล้ว เหมือนลองของเนอะ แต่ก็ รอฟังคำตอบอยู่เช่นกัน...
     
  17. jinnivan

    jinnivan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +250
    ha ha ha
    มารอฟังคำตอบเหมือนกัน ดูสิว่าจะตอบตรงใจเรารึป่าว
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตอบว่า เราไปเทียบกันสองอย่างนี้ไม่ได้ คำหนึ่งเป็น พุทธพจน์ คำหนึ่งเป็น พุทธทาสพจน์ ถ้าท่านพระพุทธทาส เปรียบสิ่งที่พูดกับพระนิพพาน ก็ยังเปรียบแบบสมมติ ไม่ชัดเจนดังพุทธพจน์ ผมจึงบอกว่า ไม่เหมือนกัน

    เพราะเหตุใด ไฟดับไปแล้ว ไม่บอกว่าอยุ่ที่ใด เปรียบกับ พระนิพพาน เพราะไม่เหลืออะไรเลย
    ส่วน น้ำลด ไฟมอดดับไป ยังเหลืออยู่ คือ เหลือ น้ำ เหลือ ตอ เหลือ ความเย็นของตอ ไม่ได้ว่างไปเหมือนพระนิพพาน
    คำเปรียบของท่านพระพุทธทาส นั้น ควรเปรียบกับ กุศลจิต ที่รดลงไปกับ อกุศลจิต

    ตอบว่า ผมก็ตอบไปแล้วไงว่า ไฟดับแล้วไม่ได้ไปอยุ่ที่ไหน นี่แหละฟันธง คุณจะเอาธรรมสูงสุดของศาสดาเอก มาเปรียบอย่างง่ายๆ เอาแบบคุณรู้ทันทีได้เหรอ มันเหมือนกับ คุณเป็นเด็ก ป 1 มาถามว่า อาจารย์ ช่วยบอกเรื่อง DNA แบบฟันธงทีเดียวเลยได้ไหม เอาให้ผมเข้าใจเลย มันก็ไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า อาจารย์ พูดไม่ได้ แม้อาจารย์พูดไปแล้ว คุณก้ไม่เข้าใจ
    ตอบ ผมไม่คิดหรอกว่าเป็นมายา เรื่องพิสูจน์นี้ผม บอกหลายหนแล้วว่า พิสูจน์ในสิ่งที่ตนทำได้ แล้วพัฒนาศักยภาพของเราไปเรื่อยๆ เราจะพบเอง เราจะค่อยๆ พิสูจน์ธรรมอย่างง่ายๆ เมื่อมีปัญญาแล้วเข้าใจแล้ว ให้ขยับขึ้นไปอีก สุดท้ายแล้วจะพบเอง แต่ถ้าวันนี้จะพิสูจน์ มันเหมือนเด็ก ป 1 จะพิสูจน์ แคลคูลัส เที่ยวบอกให้คนพิสูจน์ให้ดู

    เอานะ เท่านี้พอ
     
  19. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    "ไฟดับแล้วไม่ได้ไปอยุ่ที่ไหน นี่แหละฟันธง" โมทนาครับ ตรงที่สุดแล้วครับ

    คำว่าอนุสัยที่คุณขันธ์ใชั ถ้าผมจำไม่ผิด พระท่านจะใช้คำว่า วาสนา ครับ
     
  20. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ฟังแล้วปัญญาอ่อนจริงๆ คนที่ถามให้ฟังธง เรื่อง พระนิพพาน นี่แหล่ะ ปัญญาอ่อนจริงๆ เหอๆๆๆๆ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...