เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    คุณคือตัวตนที่มีการสั่นสะเทือน อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือน :cool:

    เราจะรู้ได้ด้วยตัวเองเสมอว่า เรายอมให้มีการเชื่อมโยงอย่างเต็มที่ระหว่าง พลังงานต้นกำเนิด หรือเปล่า?

    ยิ่งคุณรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะยอมให้มีการเชื่อมโยงมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคุณรู้สึกแย่ลงเท่าไหร่ คุณก็จะยอมให้มีการเชื่อมโยงน้อยลงเท่านั้น

    ความรู้สึกที่ดีๆ เท่ากับคุณ ยอมให้มีการเชื่อมโยง ในขณะที่
    ความรู้สึกไม่ดี เท่ากับคุณ ต่อต้านการเชื่อมโยง กับ "ต้นกำเนิด" ของคุณนั่นเอง

    การให้ความสนใจกับความรู้สึกของตัวเอง จะทำให้เราเติมเต็มเหตุผลที่ตัวเองอยู่ ณ จุดนี้ได้ชัดเจนขึ้น และทำการแผ่ขยายตามที่ตั้งใจต่อไปอย่างเปี่ยมไปด้วยความสุขดังที่มุ่งหมายไว้ และยังจะเข้าใจถึง ตัวตน อื่นๆที่มีชีวิต ซึ่งเรามีปฎิสัมพันธ์ด้วย

    และคุณจะไม่มีคำถามเกี่ยวกับโลกของตัวเองโดยไม่ได้รับคำตอบอีกเลย แล้วคุณก็จะเข้าใจ...ในระดับที่ลึกซึ้งมากๆ จากมุมมอง "อันไร้รูป" ที่กว้างขึ้น..และจากประสบการณ์ส่วนตัวในทางรูปธรรมของคุณ..ถึงทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับว่า คุณเป็นใคร? ทั้งในตอนนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา และที่กำลังจะเป็น

    *จงไข่วคว้าความคิดที่ดี ที่ให้ความรู้สึกที่ดีที่สุด เท่าที่คุณจะเข้าถึงได้*
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  2. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เอ มีใครเคยอ่านหนังสือแนวลึกลับที่ในชุดจะมี 4 เล่มบ้าง หน้าปกจะออกสีดำๆ ที่มีเรื่องลึกลับเช่น ภาพถ่ายเคอร์เลียน, วิเคราะห์ผี, ไอ้ตีนโต, สัตว์ประหลาดแห่งล๊อกเนส, กระโหลกแก้วปริศนา

    จะมีอยู่เล่มนึงเขียนถึงโลกหลังความตาย ซึ่งเป็นความเชื่อของ..อะไรซักอย่างจำไม่ได้ มีพูดถึงตอนที่ขึ้นสวรรค์ประมาณว่า วิญญาณเราจะไปรวมกับวิญญาณพี่น้องเรา แล้วจะไปรวมกับกลุ่มใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ อะไรประมาณนี้

    คือหนังสือก็น่าจะอยู่ในบ้านแหล่ะ แต่ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ในหนังสือกองไหนก็ไม่รู้
     
  3. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    พอจะเข้าใจค่ะ.. คิดว่าคุณโซลคงจะมีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน เพราะเห็นเคยฝึกกรรมฐานมาด้วย ก็คงคงรับรู้อารมณ์หลากหลายที่เกิดจากเวทนาใช่มั้ยคะ ดีค่ะมาต่อยอดความรู้กับพี่นักเขียนด้วยกันค่ะ เคล็ดลับของการศึกษาแนวนี้ให้เข้าใจได้เร็วขึ้นก็คือการเปิดใจที่จะรับความรู้ใหม่คืออิสระแห่งความปรารถนาค่ะ.. จะว่าเป็นความรู้ใหม่ซะเลยทีเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะจริง ๆ แล้วท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่าเราเคยศึกษาความรู้ในแนวนี้มาก่อนแล้วเพียงแต่เราลืมไปแค่นั้นเองค่ะคุณโซล..

    ส่วนการพูดคุยกันทาง m นั้น ขจรวรรณไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมีเวลาค่ะ อีกอย่างช่วงเวลาทำงานต้องใช้สมาธิและสติพอสมควร จึงแว๊ปมาคุยในกระทู้นี้ในช่วงพักน่ะค่ะ คุยวันละนิดจิตแจ่มใสค่ะ.. อิอิ.. ปรกติแล้วขจรวรรณจะไม่เข้าไปคุยในกระทู้ไหน ที่มาคุยที่นี่เพราะตามพี่นักเขียนมาจากเวป novaanalai.com ค่ะ เพราะหลังจากที่อ่านหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยแล้วก็ปรารถนาที่จะได้พูดคุยและถามคำถามกับพี่นักเขียนอย่างเป็นกันเอง และก็ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสนั้นเพราะไม่รู้ว่าจะติดต่อพี่นักเขียนได้อย่างไร ต้องขอขอบคุณคุณ Mead หัวหน้าห้องของเรามาก ๆ เลยค่ะที่ช่วยให้ความปรารถนานั้นเป็นจริง..
    (good) (good) (good)
     
  4. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2008
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    แนวความรู้ก็คล้ายกันค่ะ แต่ถ้าเป็นการจินตนาการคงไม่มีเวลามาวัดเหลี่ยมมุมหรือองศากันแล้วค่ะคุณ Mead เพราะแค่นึกก็มาแล้ว.. อิอิ..(sing)
     
  6. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    ค่ะ คุณขจรวรรณ..หากเป็นอารมณ์เวทนาอย่างเดียวคงเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ว่าเรื่องของจิตนี่ซิคะ สลับซับซ้อนมากทีเดียว เรื่องที่พิสดารก็คือว่า...
    เคยเป็นแบบตัวเองเหมือนคนสองร่างมั๊ยคะ..สลับไปสลับมา..เหมือนเราเป็นอีกคน
    ที่เฝ้าดูอีกคนว่าทำอะไร โดยที่เราได้แต่ดูเฉยๆ ว่าร่างนี้จะทำอะไร แรกๆ ควบคุม
    ตัวเองไม่ได้ทำ แต่เหมือนเราคุมไม่ได้ ก็เลยได้แต่ตามดูว่าเค้าจะทำอะไร ..
    แปลกมาก ความคิดเราไม่มี คิดไปอดีตหรือไปอนาคตก็ไม่ได้ ...เมื่อเราเป็นอีกคนเราก็จะพูดในอีกเสียงนึง นิ่มนวลมาก ความรู้หลายๆ อย่างที่
    เราปกติไม่รู้ เช่น รู้ใจคนอื่นขณะที่เป็นว่าเค้าคิดอะไรเป็นต้น..และยังมีอีกหลายๆ
    เรื่องที่ไม่ขอเล่าในที่นี้..เป็นอยู่ 2 อาทิตย์ แล้วก็กลับสู่สภาพปกติ เพราะว่าเราพยายามฝืนและไม่ยอมรับในสิ่งที่เป็น...อธิษฐานจิตขอตายหน้าในห้อง
    พระ อย่าให้เราเป็นอะไรแปลกๆ แบบนี้ อาการจึงหายไปค่ะ....ปัจจุบันถ้าหากปฎิบัติดี ถือศีลเคร่งครัด มีสติประมาณว่า จิตละเอียดบริสุทธิ์หน่อยก็จะสัมผัสอะไรบางอย่างได้...น่าแปลกมั๊ยคะ จึงทำให้สนใจมาศึกษาเรื่องจิตหลายๆ แนว ก็เปิดกว้างเรื่องการรับฟังข้อมูล ...และในบางครั้ง เวลาเรานั่งสมาธิ จะเป็นโยคะเอง ร่างกายปรับเอง แต่ส่วนตัวได้แต่คิดว่า ร่างกายคงปรับธาตุ ดินน้ำ ลมไฟ อะไรแบบนี้.. และคิดว่า เป็นสภาวะธรรมที่เกิดให้เราตามรู้ตามดู ก็ปฎิบัติไปค่ะ ไม่รู้ว่า สิ่งที่ิเกิดเป็นสัญญาณอะไร หรือเปล่า ....ก็อย่างที่บอกไงคะว่า ปัญญาทางโลกยังไม่ถึง เลยยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น.....
    ถึงอยากได้ครูบาอาจารย์ที่เข้าใจมาช่วยชี้แนะสภาวะที่เป็น แก้ไขอย่างไร ถึงจะผ่านเพราะว่า มีอะไรให้ตามดูตามรู้มากมายเหลือเกิน.....
    ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ เพราะว่าภาวะที่ตัวเองอยากจะหาคำตอบอยู่พอดี คิดว่าอยากศึกษาเรื่องจิตหลายๆ แนว คิดว่า น่าจะมีคำตอบอะไรดีๆ ให้เราได้ ดีใจค่ะที่พอเข้ามาแล้ว ก็มีแนวทางนี้ให้เราศึกษาอีกแนว แล้วยังมีโอกาสดีที่พี่นักเขียน ซึ่งเป็นเจ้าของงานเขียน มาตอบข้อสงสัยแบบใกล้ชิดและเป็นกันเองแบบนี้ แถมมีเพื่อนๆ ร่วมห้องที่ใจดีัแบ่งปันและเป็นกำลังใจให้กันอีก ถือว่าโชคดีจริงๆ ค่ะ..
    ยังไงเพื่อนๆ ก็แนะนำบ้างนะคะ เพราะยังใหม่ๆ จริงๆ กับแนวนี้
    ***วันนี้คงได้อ่านงานเขียนของพี่นักเขียนแ้ล้วค่ะเพราะฝากเพื่อนซื้อมาให้แล้วในร้าน
    ที่หาดใหญ่ ใน อ. เมืองสงขลานี่ไ่ม่มีขาย เพื่อนบอกว่ามีอยู่ 3 เล่ม เลยให้ซื้อมาทั้ง 3 เล่ม แล้วจะตามต่อให้ครบ 10 เล่มค่ะ ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2008
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    มีหนังสืออีก 2 เล่มที่อยากแนะนำ เพราะอ้างอิงเช่นเดียวกับความรู้ของอาจารย์อนาลัย เล่มหนึ่งคือ "พลังวิเศษแห่งอารมณ์" จากผู้เขียนที่ได้รับการสื่อจาก อับบราฮัม (คงเป็นท่านเดียวกับที่คุณมี้ดเอ่ยถึง) และ อีกเล่มคือ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" เล่มหลังนี้ได้มีการพิมพ์ออกมาหลายครั้งแล้ว ถ้าได้อ่านแล้วโดยเฉพาะเล่มหลังคุณจะพบว่า ความรู้ของอาจารย์อนาลัยนี้ไม่ได้ขัดแย้งกับหลักการศาสนาเลย
     
  8. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ***วันนี้คงได้อ่านงานเขียนของพี่นักเขียนแ้ล้วค่ะเพราะฝากเพื่อนซื้อมาให้แล้วในร้าน
    ที่หาดใหญ่ ใน อ. เมืองสงขลานี่ไ่ม่มีขาย เพื่อนบอกว่ามีอยู่ 3 เล่ม เลยให้ซื้อมาทั้ง 3 เล่ม แล้วจะตามต่อให้ครบ 10 เล่มค่ะ ***

    <!-- / message --><!-- sig -->
    คุณโซลคะ แนะนำให้โทรสั่งซื้อกับสำนักพิมพ์เอทีมโดยตรงค่ะ เบอร์โทรและแฟกซ์อยู่ในหนังสือน่ะแหละ ใช้โอนเงินทางตู้เอา ทางสำนักพิมพ์จะส่ง อีเอ็มเอสมาเลย วันสองวันเท่านั้น ระบุเล่มที่ต้องการได้เลยค่ะ
    ถ้าคุณโซลอยากได้คำตอบที่ตามหา ลองตั้งใจอธิษฐานด้วยจิตมั่นคงแน่วแน่ ขอให้ทราบเหตุผลและวิธีแก้ไขในฝันสิคะ ไม่แน่คุณจะได้คำตอบ วิธีนี้ จินตวดีใช้บ่อย และได้ผล บางอย่างทราบแล้วนำมาแก้ปัญหาชีวิตได้ บางอย่างรู้แล้วก็ต้องปล่อยวาง
     
  9. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    โห...หนังสือที่หลายเล่มที่กรุณาแนะนำกันมาน่าสนใจทั้งนั้น...แต่ต้องไปค้นดูที่บ้านก่อนว่าอ่านเล่มไหนมาแล้วบ้าง เพราะณ.ไม่ค่อยจำชื่อหนังสือ มีหลายครั้งที่ไปซื้อหนังสือที่เคยอ่านแล้ว มาอ่านอีกรอบ...สงสัยจิตวิญญาณต่างร่างอาจจะมาเตือนว่า เล่มนั้นยังไม่เข้าใจดี หรือมันถึงช่วงที่ต้องใช้แล้ว เลยทำให้ต้องได้อ่านอีกครั้งแหงๆ เลย...อิอิ...(ping)

    อ๋อมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ฟัง เมื่อคืนก่อนนอนคิดว่าจะแยกจิตดูอีกสักที แล้วแค่ไม่ถึงนาที ก็มาเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียง แล้ว ณ. ก็ออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันจะไปไหนไกล ทำให้ต้องกลับเข้ามาอยู่ในตัวเองที่นอนอยู่อีกครั้ง ที่ปลายเตียงมีผู้ชายที่มองไม่เห็นหัวคนหนึ่งยืนอยู่ ไม่ใส่เสื้อด้วย เหมือนกำลังจะล้มทับลงมา ในความรู้สึกไม่มีความกลัวเลย รู้สึกแค่ว่าใครมาทดสอบอะไรเรา และตอนนั้นคืออยากจะออกไปเล่นข้างนอก ก็เลยยันไปซะเต็มๆ แล้ว ณ. ก็แวบออกไปเป็นครั้งที่สอง จำอะไรต่อจากนั้นไม่ค่อยได้ แต่นี่เป็นประสบการณ์ที่แยกจิตติดๆกันสองครั้ง ณ.คิดดูแล้วเหมือน ณ.กำลังสนุกอยู่ ณ.เวลานั้นก็เลยกลายเป็นเรื่องง่ายๆ...:boo: ^-^

    แล้วเมื่อวันเสาร์ขณะที่กำลังรอให้คุณคณานันท์สอนฝึกสมาธิที่สวนลุมฯ ณ.ก็ไปนั่งอ่านหนังสืออ.โนวา อนาลัย อีกมุมนึ่ง ระหว่างนั้นก็มีคนมาขอนั่งด้วย ปรากฏว่าเธอเข้ามาชักชวนให้เข้าไปศึกษาศาสนาที่เธอนับถืออยู่ เธอนั่งพูดให้ฟังตั้งแต่ยังไม่แปดโมง การชักชวนของเธอออกแนวบอกเล่าปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นกับเธอและคนรอบข้าง หลังจากได้เข้าศาสนาแล้ว และมีการปฏิเสธศาสนาอื่นอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ใช่เชิงดูหมิ่นอะไรนะ ณ.ก็ได้แต่ฟังเธอคุยไป ยิ้มรับไป โต้ตอบบ้างในบางเรื่อง เพราะสำหรับ ณ.แล้วไม่ได้จำกัดความแค่คำว่าศาสนา เพราะณ.รู้ดีว่า ณ.ต้องการอะไร เธอชวนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วก็ถอยทัพ คงคิดว่าไม่เป็นผลมั้ง ดูเวลายังไม่ถึงเวลานัด ณ.ก็กะว่าจะอ่านหนังสือต่อ แต่แล้วก็มีคุณป้าอีกคนเข้ามาชักชวนอีก ณ.ก็ฟังไป ยิ้มไป มองเวลาไปเรื่อยๆ จะเก้าโมงแล้ว...คือใจณ.อยากไปแล้ว หลังจากนั้นไม่เท่าไหร่ได้ยินเสียงตีปีกพับๆ ของนกอยู่บนต้นไม้ แล้วงูตัวนึ่งก็ล่วงลงมาใกล้กับเก้าอี้ที่ณ.กับคุณป้าคนนั้นนั่งอยู่ ตัวไม่เล็กเลย ขนาดกว้างสุดของลำตัวประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1เมตรได้ ณ.ดึงคุณป้าให้ลุกหนี และได้จังหวะพอดี เลยปลีกตัวออกมาได้ คิดแล้วก็ยิ้มๆ นึกถึงคำว่าของ อ.โนวา อนาลัย ขึ้นมาได้ว่า "ไม่มีความบังเอิญ" ณ.คิดว่าความคิด ณ.คงสื่อออกไป ว่าอยากจะไปจากตรงนี้เต็มที่แล้ว ทำอย่างไรจึงจะไปแบบไม่น่าเกลียดได้ เมื่อเจ้าสองตัวได้รับสื่อ ก็เลยมาเกิดอาการปิ๊งกันตรงนี้...แต่เจ้างูคงเคล็ดขัดยอกหน่อย หล่นตุ๊บลงมาจากที่สูงซะขนาดนั้น...ยังไงก็ชอบคุณนะจ๊ะ(deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  10. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    ขอบคุณนะคะ สำหรับคำแนะนำ แล้วจะลองดูค่ะ :d:d
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    คุณ ณ.
    มีทั้งนกทั้งงูมาช่วยตีระฆังพักยกให้เวลาที่ไม่อยากจะคุยกะคนแปลกหน้า..แค่คิดก็สมใจปราถนานะครับ

    คุณจินตวดี
    คงมีเล่มสองแล้วสิครับ "พลังวิเศษแห่งอารมณ์" ส่วนที่ผมมาลงไว้เอามาจากเล่มที่ชื่อ"คัมภีร์สมใจนึก"ที่สื่อจาก อับบราฮัม น่าอ่านดีครับ


    คุณซิปฯ
    ชอบอ่านหนังสือแนวลึกลับคล้ายๆผมเลย..ความอยากรู้มันก็เลยพาไปหาเองบ่อยๆ
    คงเป็นแนว ต่วยตูนภาคพิเศษ


    คุณโซล
    ก็คงได้รับคำตอบในไม่ช้าครับ เพราะเป็นแนวความรู้ใหม่ที่น่าศึกษามากคงมีอะไรให้ติดตามและปฎิบัติได้ในรูปแบบของฆราวาส เพื่อสร้างสรรค์ขยายมิติความรู้ออกไปเรื่อยๆครับ


    คุณขจรวรรณ
    บ่นถึงพี่เฉลยว่าหายไปไหน ผมว่าคงถึงเวลาตามหาฝันที่แท้จริงของพี่เฉลยแล้วล่ะครับ..แวะมาบ้างนะครับ

    แวะมาทักทุกคน พี่นักเขียนด้วย..ไปทำงานกันต่อครับ +
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ต้องขอออกตัวกับคุณโซลก่อนนะคะว่าถึงแม้ว่าขจรวรรณจะเคยฝึกสมาธิในแนวนี้มาก่อน ก็ฝึกมาได้อย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ต้องหยุดฝึกสมาธิในแนวนี้ไป เพราะเหตุว่าอาจารย์ที่สอบอารมณ์ที่เราคุ้นเคยท่านได้เสียชีวิตไปก่อน จึงไม่กล้าฝึกต่อไปอีก เพราะอาการของเราก็พอดูเหมือนกันค่ะ แรก ๆ อาจารย์ถึงกับต้องคุมตัวต่อตัวเลยค่ะเพราะแรงสมาธิของเราจะสูงมาก.. สติตามไม่ทัน.. เป็นเหตุให้เปลี่ยนมาฝึกสมาธิแนวพลังจักรวาลน่ะค่ะ..

    ระหว่างอ่าน Post ของคุณโซลอยู่ก็รู้สึกขุนลุกอยู่ตลอด ก็เลยเกิดความสงสัยจึงโทรไปถามพี่ที่เค้าก็เคยฝึกสติปัฎฐาน 4 มาแล้วอย่างเข้มข้นเหมือนกัน พี่เค้าบอกว่าสภาวะธรรมที่คุณโซลกล่าวถึงนี้มีจริง ๆ แต่ผู้ฝึกจะต้องมีสติที่จะรู้ให้เท่าทันปัจจุบัน เพราะถ้าเรากำหนดไม่ทันอาจจะมีสภาวะอื่น ๆ แทรกเข้ามาอีกก็ได้ เป็นสภาวะที่สัมผัสกับตัวตนของตัวเองหลาย ๆ ตัวตนในสมาธิ ซึ่งตัวตนเหล่านี้อาจจะพูดคุยกันเองก็ได้ แต่ยังงัยก็ตามถ้าคุณโซลจะปฏิบัติในแนวนี้ต่อไปควรหาพระที่เก่ง ๆ ไว้สอบอารมณ์ด้วยก็จะดีค่ะ..ซึ่งก็พอจะแนะนำให้ได้ถ้าหากคุณโซลต้องการ ( แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นสภาวะที่เกิดจากการปฏิบัติอย่างแท้จริง.. )

    หมายเหตุ ไม่รู้ว่าจะถูกรึปล่าวนะคะเพราะไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง คิดว่าพี่นักเขียนน่าจะมีประสบการณ์ในการฝึกสมาธิมามากพอสมควร ยังงัยรอฟังคำแนะนำกับพี่นักเขียนอีกทีนะคะคุณโซล
    (tm-love)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  13. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    ขอบคุณค่ะ คุณขจรวรรณ. สำหรับความห่วงใย..และคำแนะนำค่ะ สภาวะที่เกิดกับตัวเองทั้งหมดที่เล่ามาเกิดจากการปฎิบัติค่ะ ไม่ได้ลอกเลียนแบบหรือไปอ่านสภาวะนี้มาจากไหน ปกติเป็นคนที่ถ้า ไม่เกิด
    ไม่รู้ ไม่เห็นด้วยตนเอง ก็จะเฉยๆ ...แค่รับฟังไว้แค่นั้น ถึงจะเกิดกับตัวเอง ก็ยังไม่ปักใจเชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะมีอะไรที่แสดงให้มั่นใจจริงๆ ...ตอนนี้
    ก็เลยเหมือน ยังไม่เจออะไรที่ใช่คำตอบ ...คงเป็นคนมีปัญญานำศรัทธา เลยยังติดสงสัย วิจิกิจฉามาก...ปกติก็จะไม่คุยเรื่องนี้กับใคร นอกจากกับน้อง
    ที่อยู่ในสถานการณ์ตอนที่เราเป็น เค้าจะรับรู้ทุกอย่างที่เกิดกับเรา อยู่ร่วมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ รับรู้ทุกเรื่อง และ โซลเองเป็นคนชอบศึกษาค้นคว้าเอง หาหนังสืออ่าน หลากหลาย ครูบาอาจารย์ที่สอนวิปัสสนากรรมฐาน สติปัฎฐาน 4 ท่านก็บอกให้กำหนดตามดู
    ตามรู้ไป ให้มีสติ แต่ว่าภาวะก็ยังเกิดอยู่ตลอดเวลา หลากหลาย จิตโซลคงจะสั่งสมอะไรไ้ว้มากพอดูหล๊ะค่ะ สำหรับการปฎิบัิติ ก็อย่างที่บอกได้แต่รู้แล้วก็วางไปขณะปฎิบัติ ไำม่ว่าจะเกิดภาวะอะไร .. หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน จะหาคำตอบ หรือว่า ปล่อยไปเฉยๆ ...คิดว่า สักวันหนึ่ง คงจะได้คำตอบและผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ.....:d
     
  14. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    สวัสดีครับ คิดถึงทุกๆคนมาก
    เดี๋ยวขอตามอ่านทีละหน้า
    เพิ่งกลับจาก เกาะช้าง จังหวัดตราด
    ไปดำน้ำ นอนฟังเสียงคลื่นทะเลอ่าวไทย
    มีภาพสวยๆมาให้ดูด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • I010500011.JPG
      I010500011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.9 KB
      เปิดดู:
      39
    • I010500031.JPG
      I010500031.JPG
      ขนาดไฟล์:
      40.9 KB
      เปิดดู:
      34
    • I010500021.JPG
      I010500021.JPG
      ขนาดไฟล์:
      35.5 KB
      เปิดดู:
      36
    • I010500441.JPG
      I010500441.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.5 KB
      เปิดดู:
      30
    • I010600661.JPG
      I010600661.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.2 KB
      เปิดดู:
      38
    • I010600711.JPG
      I010600711.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.4 KB
      เปิดดู:
      36
    • IMG0853A.jpg
      IMG0853A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.5 KB
      เปิดดู:
      216
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
  15. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สาระและเป้าหมายจากหนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัย

    ดีใจจังที่หัวหน้ามาให้การบ้าน พี่นักเขียนเลยแอบไปวาดรูปอยู่ใต้โต๊ะหลังห้องบ้าง ใต้โต๊ะของหัวหน้าห้องเรามีหุ่นยนต์กับปิรามิดเพียบเลยค่ะ

    คำถามของหัวหน้า : เนื้อหาและเป้าหมายของอาจารย์อนาลัยคืออะไร ?
    คำตอบของพวกเรา เรียงตามลำดับไหล่ดีไหมคะ?
    คุณเฉลยยังไม่มา พี่นักเขียนกลัวว่าเรียงตามอายุแล้วจะไปอยู่ท้ายแถว เลยรีบชิงตอบก่อนคุณเฉลย

    คุณน้องนก ตอบว่า :
    อาจารย์อนาลัยมาสอนมาย้ำเตือนสิ่งที่เราเคยเป็น
    เราไม่ได้เป็นแค่เรา แต่เราเป็นมากกว่าหนึ่ง มีหลายหลายตัวตน แต่ที่สุดแล้วเราทุกคนคือหนึ่งเดียว
    ให้เราเข้าใจถึงความจริงทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง เข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น
    เมื่อเรารู้ตัวเอง รู้คนอื่น เราจะใช้ชีวิต มองสิ่งต่าง ๆ บนโลกนี้ จักรวาลนี้อย่างมีค่าและมีความสุข
    ----------------------------------------
    คุณน้องขจรวรรณ ตอบว่า:
    จำได้ว่าในหนังสือธรรมชาติของชาติภพ ได้กล่าวไว้ว่าท่านเคยให้สัญญากับพวกเราไว้ว่าเมื่อจิตวิญญาณของเราลืมความรู้เดิมแล้ว ท่านจะกลับมาเตือนความทรงจำของพวกเราอีกครั้ง แล้วพวกเราได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้วหรือยังคะ? และท่านก็กล่าวว่าเราเคยเจอกับท่านอาจารย์มาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยค่ะ..
    ของขจรวรรณขอเพิ่มคำตอบอีกนิ๊ดนึงค่ะว่า ท่านต้องการให้พวกเราเข้าถึงเป้าหมายในการมาหาประสบการณ์ในร่างกายเนื้อหนังที่แท้จริงคือการเรียนรู้ที่จะมอบความรักอันปราศจากเงื่อนไขให้กันและกันค่ะ..
    -----------------------------------------
    คุณน้อง ณ ตอบว่า:
    คิดว่าจุดประสงค์หลักคือ เพื่อให้เรารู้จักและเข้าใจถึงจิตวิญญาณของตนเองในทุกแง่มุม ...
    นั่นคือเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เป็นอยู่ และสามารถนำความรู้ ความเข้าใจที่ได้มาพัฒนาจิตวิญญาณของตนให้เปิดกว้างยิ่งขึ้น เข้าถึงยิ่งขึ้น
    -----------------------------------------
    คุณน้อง Jintawadee ตอบว่า:

    จุดมุ่งหมาย เพื่อเตือนให้เราระลึกถึงที่มา ความสามารถของพวกเรา จิตวิญญาณ ที่มีต้นกำเนิดจากแหล่งเดี่ยวกัน (ตัวตนรวม) ถึงความสามารถของจิตวิญญาณที่สามารถทำได้ มีได้ ดังที่เราต้องการ หรือปรารถนา เพราะเมื่อเราระลึกได้ เราสามารถที่จะใช้มันในการเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ให้ได้มากที่สุด ยิ่งจิตวิญญาณสามารถเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้มากขึ้นเท่าไร การพัฒนาก้าวหน้าทางจิตวิญญาณของตัวตนรวมก็จะเพิ่มมากขึ้น (ยังไม่แน่ใจเป้าหมายของตัวตนรวมที่แท้จริง) เราเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนรวม การที่เราได้พบกัน เพราะจิตวิญญาณเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไม่มีวิญญาณใดเป็นเอกเทศ ตอนนี้พวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องนี้ เปรียนเสมือนไฟทีกำลังกระพริบ ก่อนจะสว่าง และกำลังส่งต่อพลังงาน (ความรู้) ไปให้กับดวงไฟที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วย
    -----------------------------------------
    คุณ Mead หัวหน้าห้อง เฉลยคำตอบการบ้านว่า เนื้อหาในหนังสือ- เน้นไปที่การเปลื่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ การเป็นอิสระจากขีดจำกัดของมนุษย์ ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของระยะทาง-ช่องว่าง- กาลเวลา และช่วยพัฒนา-เติมเติม-ความรู้ความสามารถให้สูงขึ้นตามทางเลือกของตนเองได้อย่างเป็นสุข บรรเลงเพลงชิวิตอย่างวงดุริยางค์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นครับ

    ส่วนเป้าหมาย-คือการยกระดับจิตสำนึกมนุษย์ ให้ CONTACT กับจิตวิญญาณที่เป็นความรู้ ข้อมูล ความทรงจำอันหลากหลายมิติ จนเกิด ตระหนักรู้ตัวตนที่แท้จริงอย่างมีสติสัมปชัญญะและเป็นธรรมชาติที่สุดครับ

    ----------------------------
    เนื่องจากเนื้อหาสาระจากหนังสือครอบคลุมกว้างไกล-ลุ่มลึก ไม่อาจสรุปออกมาได้เป็นเพียงหนึ่งเรื่อง หนึ่งประเด็น แม้ว่าเราต่างก็ตระหนักว่าเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณคือ การเปลี่่่ยนความเชื่อเป็นความรู้ แต่เพียงเป้าหมายเดียวนี้ก็ครอบคลุมเป้าหมายทางกาย ทางจิต และจิตวิญญาณ ซึ่งแตกแขนงออกไปอีกมากมายหลายเป้าหมายด้วยกัน

    เนื้อหาสาระจากหนังสือครอบคลุมถึงที่มาของแก่นแท้ของเรา อันได้แก่จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง รากเหง้าหรือต้นกำเนิดของความเป็นไปทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมอดึต-ปัจจุบันและอนาคตของเรา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าครอบคลุมสาระเกี่ยวกับภาวะของการดำเนินชีวิต-ความตาย-ชีวิตหลังความตายและก่อนมาถือกำเนิดในวงจรของชาติภพ และนอกเหนือวงจรของชาติภพ ซึ่งส่งผลกระทบถึงกันหมดเป็นปัจจุบัน

    สาระหลักทั้งหมดเกี่ยวพันกับต้นกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวงที่ปรากฏในประสบการณ์ชีวิตของเรา ซึ่งมีรากเหง้ามาจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ เรามักแบ่งแยกร่างกายเนื้อหนัง ออกจากจิตวิญญาณ แบ่งแยกโลกทางกายภาพ โลกยามตื่น โลกยามฝัน และโลกของจิตวิญญาณออกจากกันโดยเด็ดขาด เรามองไม่เห็นความสัมพันธ์ของร่างกายของเรากับจิตวิญญาณ และมองไม่เห็นความสัมพันธ์ของโลกทุกโลกเหล่านั้น ซึ่งท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า มันคือโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ซึ่งคือภาวะจิตของเรา และเป็นโลกที่เป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในชีวิตของเรา? ณ ปัจจุบันนี้ ดังเช่นที่ท่านกล่าวเสมอๆว่า

    เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริง-ตลอดจนสุขภาพร่างกายและประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของตนเอง

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า สาระในหนังสือชุดนี้ แม้จะให้คำตอบมากมายแก่พวกเรา ทำให้เราสามารถรู้จักตนเองได้ดีขึ้น ซึ่งความหมายของการรู้จักตนเองนั้นลุ่มลึกและสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน และสำคัญต่อความตาย-ชีวิตหลังความตายและก่อนมาถือกำเนิดในวงจรของชาติภพ และนอกเหนือวงจรของชาติภพ เพราะความรู้เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์และควบคุมชีวิตของตนเองได้อย่างแท้จริง แทนที่จมปลักอยู่กับความเชืิ่อ ความงมงายและตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ และปล่อยให้พลังอำนาจประหลาดทำให้ชีวิตของเราเป็นไปในทิศทางที่เราไม่อาจจะควบคุมหรือแก้ไขได้

    ความรู้เหล่านี้ที่ท่านอาจารย์อนาลัยให้ไว้ในหนังสือ จะทำให้เรารู้จักตนเองและรู้ถึงพลังอำนาจอันแท้จริงที่จิตวิญญาณของเราได้รับมอบมาจากต้นกำเนิด ข้อมูลจากหนังสือจะทำให้เราตระหนักได้ว่า เราเป็นจิตวิญญาณอยู่ ณ วันนี้ เป็นจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนัง และมีพลังอำนาจดังกล่าว พร้อมด้วยความสามารถทั้งหมด ณ ปัจจุบันนี้ และท่านก็กล่าวว่า เราสามารถใช้พลังอำนาจเหล่านี้ได้ ณ ปัจจุบันนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องรอให้เราปราศจากร่างกายเสียก่อนค่อยใช้การมัน และมันก็ไม่ใช่อำนาจลึกลับที่มนุษย์บางคนมี บางคนไม่มี หากแต่เราทุกคนมีเสมอเหมือนกัน เราจะต่างกันก็ตรงที่ว่า บางคนรู้จักที่จะใช้มัน และตระหนักได้ว่าตนเองมีพลังอำนาจเหล่านี้

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า หนังสือชุดนี้จะทำให้เราตั้งคำถามมากมายยิ่งกว่าคำตอบที่ได้รับเสียอีก ซึ่งท่านคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น พวกเราชาวห้องวิทย?์คงจะตระหนักในความจริงข้อนี้ได้ดี เพราะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา พวกเราตั้งคำถามและตอบคำถามมากมายหลายพันข้อ (สถิติ ณ วันนี้ 3,515 คำตอบ มีผู้เปิดอ่าน 74,298 ครั้ง) หนังสือรวมกันทั้งหมด 10 เล่มมีเพียง 3,125 หน้า และใช้เวลารวบรวมและเขียน 7 ปี 7 เดือน กว่าที่เวลาจะผ่านไปนานเท่าเวลาที่พี่นักเขียนรวบรวมข้อมูลและนำมาเขียนหนังสือ คำถามก็คงจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวจนมากมายกว่าคำตอบในหนังสือหลายร้อยหลายพันเท่า

    แต่คำถามมากมายของพวกเรา เป็นสิ่งที่จะได้รับคำตอบจากการช่่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวเตือนไว้ว่า เราจะไม่มีวันได้รับคำตอบด้วยการตั้งตนเป็นผู้รู้-ผู้ตอบคำถาม เพราะเมื่อเราตั้งตนเช่นนั้น มันย่อมทำให้เราถึงทางตัน เพราะใครเล่าจะตอบคำถามของผู้รู้ และผู้รู้ก็คงไม่ต่างไปจากชาเต็มถ้วยที่ไม่อาจรับความรู้ใดๆเพิ่มเติมงอกเงยไปจากเดิมได้

    ห้องวิทย์ของเราเกิดขึ้นโดยปราศจากความบังเอิญ เพราะพวกเราคือนักถามที่ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ โต๊ะเรียนของพวกเราเป็นโต๊ะกลมที่ขยายรัศมีออกไปทุกครั้งที่มีสมาชิกเพิ่ม เราผลัดกันให้การบ้าน ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ และผลัดกันเล่าประสบการณ์ และผลัดกันวินิจฉัยเพื่อให้ความคิด ความรู้และปัญญาของเราแตกฉาน
    [​IMG]
    เป้าหมายของพวกเราในการรับสาระหรือประเด็นหลักจากหนังสือ ย่อมแตกต่างกันไปตามบุคลิกภาพและความปรารถนาของเราว่า เราแต่ละคนต้องการเรียนรู้หรือพัฒนาสิ่งใดเกี่ยวกับตนเอง แต่เป้าหมายของท่านอาจารย์อนาลัยคือให้พวกเราสามารถตั้งคำถาม และค้นหาคำตอบได้จากภายในด้วยตนเอง ทั้งยามตื่น ยามหลับและยามฝัน เพื่อเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ และให้เราช่วยเหลือเกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อให้ได้คำตอบเหล่านั้น และเกิดความมั่นใจในคำตอบที่เราได้ร้บจากภายใน หรือจากประสบการณ์ทางจิตของตนเอง เพราะเราทั้งหลายเคยชินกับการรับคำตอบจากภายนอก จากประสบการณ์ของผู้อื่น ทำให้เรามักขาดความมั่นใจเมื่อเราเผชิญกับประสบการณ์ภายในของตนเอง เรามักไม่ให้เครดิตและคิดว่าเราแปลกแยกและอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่น

    แท้จริงแล้ว เราทุกคนแปลกแยกและเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง
    ประสบการณ์ทางจิตของทุกคนมีความหมาย
    เรามาชุมนุมกัน ณ ห้องวิทย์แห่งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และนำข้อมูลจากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยมาช่วยอธิบายประสบการณ์เหล่านั้น ซึ่งเราไม่เคยได้รับคำตอบหรือการสนับสนุนมาก่อน แต่ทั้งนี้ ทัั้งนั้น ท่่านอาจารย์อนาลัยก็ได้กล่าวย้ำว่า เราควรพิสูจน์ข้อมูลจากหนังสือของท่านด้วยการปฏิบัติและพิสูจน์ด้วยตนเองก่อนแล้วจึงเชื่อถือข้อมูลเหล่านี้

    พวกเราหลายคนอ่านหนังสือ ทดลองปฏิบัติและพิสูจน์หลายอย่าง ทั้งยามตื่นและยามฝัน
    และเราก็นำประสบการณ์เหล่านั้นมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อสนับสนุนกันและกัน


    เป้าหมายของสาระจากหนังสือครอบคลุมหลายระดับด้วยกันคือ:
    เป้าหมายทางกาย ครอบคลุมถึงการสร้างสรรค์สุขภาพที่ดี การได้มี ได้เป็น ได้ทำ ในสิ่งที่เราปรารถนา
    เป้าหมายทางจิต ครอบคลุมถึงการมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่เต็มไปด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข ความเมตตาและการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน การตระหนักในพร และความสมบูรณ์พูนสุขที่เราต่างก็ได้รับมาเสมอเหมือนกันจากต้นกำเนิด
    เป้าหมายทางจิตวิญญาณ ครอบคลุมถึงการรับและการถ่ายทอดความรู้ การแสดงออกซึ่งความสามารถและการสร้างสรรค์ อย่างเป็นเอกลักษณ์ เพื่อการพัฒนาก้าวหน้าอย่างเป็นระบบเครือข่ายอันเป็นหนึ่งเดียวกัน

    เป้าหมายทั้งหมด เป็นสิ่งที่เราทั้งหลาย ในฐานะจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง สามารถจะบรรลุได้ ณ วันนี้ ด้วยพลังอำนาจแห่งปัจจุบัน ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถของเรา ?ณ จุดยืนและมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อการสร้างสรรค์อย่างดีที่สุด เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นและตนเอง และด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2008
  16. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คำตอบที่จะตอบคำถามคุณ Mead นั้น เหมือนๆ กับคุณนกเลย นั่นก็คือ รู้จักตัวเอง รู้จักความเป็นจริงในธรรมชาติ ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต ของการใช้ชีวิต

    ปีใหม่ที่ผ่านมา ได้ฟังเพลง Itsumo Nando Demo หรือที่แปลเป็นอังกฤษได้ว่า Always with me เพลงนี้เป็นเพลงจบของการ์ตูน Spirited away

    ได้ฟังเป็นครั้งแรก รู้สึกว่าโมเลดี้เพราะมาก ฟังแบบที่เป็นเสียงเปียโนอย่างเดียว กับแบบมีคนร้อง ก็ได้อารมณ์คนละแบบ

    ยิ่งมาหาเนื้อร้อง ก็รู้สึกชอบเพลงนี้ยิ่งขึ้น ฟังไปก็เหมือนว่าเอาเนื้อร้องไปผูกกับคำสอนของ อ.อนาลัย ไม่รู้ว่าเป็นการจับแพะชนแกะหรือคิดมากไปหรือเปล่า แต่ดูเนื้อหาไป ก็รู้สึกว่าบางส่วนก็เหมือนกับที่อ.อนาลัยสอนยังไงไม่รู้

    จำได้ว่าเคยคุยเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้ อาจจะจำไม่ค่อยได้ว่าเพลงเป็นยังไง ก็เดี๋ยวจะเอาทั้งเพลงทั้งเนื้อร้องมาลงไว้เลยล่ะกัน หาโน๊ตเพลงเจอด้วย เผื่อว่าใครอยากจะเอาไปดีดเปียโนเล่น

    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/VuT0rC-zGvg&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/VuT0rC-zGvg&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

    yondeiru mune no dokoka okude
    itsumo kokoro odoru yume wo mitai
    บางครั้ง ฉันได้ยินเสียงเรียก จากส่วนลึกในใจฉัน
    ฉันอาจจะตกอยู่ในห้วงฝัน ความฝันที่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ได้


    kanashimi wa kazoekirenai kedo
    sono mukou de kitto anata ni aeru
    ผ่านน้ำตากี่ร้อยพันหยดแห่งความโศกเศร้ากี่ร้อยพันอย่าง
    แต่ฉันรู้ว่าในอีกฝั่งหนึ่ง ฉันจะได้พบเธอ


    kurikaesu ayamachi no sonotabi hito wa
    tada aoi sora no aosa wo shiru
    hateshinaku michi wa tsuzuite mieru keredo
    kono ryoute wa hikari wo dakeru
    ทุกครั้งที่เราล้ม เราจะมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน
    และระลึกว่าฟ้ายังเป็นสีฟ้าเหมือนครั้งแรกที่ได้มอง
    ทางสายเปลี่ยวนี้อาจจะยาวไกล และไม่อาจเห็นปลายทาง
    แต่ฉันสามารถรับสัมผัสแห่งแสงที่โอบล้อม ด้วยสองมือและหัวใจ


    sayonara no toki no shizukana mune
    zero ni naru karada ga mimi wo sumaseru
    ยามฉันเอ่ยคำลา หัวใจฉันหยุดนิ่งในสัมผัสละมุน
    ร่างกายว่างเปล่าเริ่มระลึกถึงสิ่งจริงแท้ในความสงัด


    ikiteiru fushigi sinde iku fusigi
    hana mo kaze mo machi mo minna onaji
    la la la la la la...
    ความหมายของการดำรงอยู่ ความหมายแห่งการดับสูญ
    สายลม เมืองและดอกไม้ทุกสิ่งล้วนมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน
    ลา..ลา..


    yondeiru mune no dokoka oku de
    itsumo nando demo yume wo egakou
    บางครั้ง ฉันได้ยินเสียงเรียกจากส่วนลึกในใจฉัน
    จงเรียนรู้ที่จะฝันและเก็บรักษามันไว้


    kanashimi no kazu wo iitsukusu yori
    onaji kuchibiru de sotto utaou
    อย่าพร่ำบ่นถึงความเศร้าโศกหรือความเจ็บปวดใดในชีวิต
    จงใช้ริมฝีปากเดียวกันขับขานบทเพลงหวานให้กับตัวเอง


    tojiteiku omoide no sono naka ni itsumo
    wasure takunai sasayaki wo kiku
    konagona ni kudakareta kagami no ue nimo
    atarashii keshiki ga utsusareru
    เสียงเพรียกแผ่วเบาของทุกความทรงจำที่เลือนหาย
    จะคอยนำทางเธอเสมอ
    แม้แต่เศษกระจกแตกร้าวกระจัดกระจายบนพื้นดิน
    ยังสามารถสะท้อนภาพชีวิตใหม่ได้


    hajimari no asa shizuka na mado
    zero ni naru karada mitasarete yuke
    หน้าต่างแห่งชีวิต นิ่งเงียบในแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ
    ร่างกายว่างเปล่าจะถูกเติมเต็ม และก่อกำเนิดใหม่


    umi no kanata niwa mou sagasanai
    kagayaku mono wa itsumo koko ni
    watashi no naka ni mitsukerareta kara
    la la la la la la...
    ไม่จำเป็นที่จะออกไปค้นหา ไม่จำเป็นที่จะฝ่าข้ามผืนทะเล
    เพราะฉันได้เจอสิ่งล้ำค่าที่อยู่ในตัวฉันเอง
    ฉันได้เจอสิ่งล้ำค่าที่จะอยู่กับฉันตลอดไป
    ลา..ลา..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เดือนมกราคมนี้-พวกเรากำลังสนทนาหนังสือเรื่อง
    ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ กันอยู่

    พี่นักเขียนอ่านประสบการณ์ความฝันของพวกเราหลายคน และต้องขอขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังอย่างเปิดเผยด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจที่เรามีให้แก่กัน วันนี้พี่นักเขียนขออนุญาตยกความฝันของน้องนกมาเป็นตัวอย่าง และขอแสดงความคิดเห็นและตั้งข้อวินิจฉัย เนื่องจากว่าน้องนกของพวกเราเป็นสมาชิกมาแต่แรกเริ่ม และ post ความฝันสม่ำเสมอที่สุด จนทำให้พวกเรารู้จักน้องนกดีในฐานะนักบู๊ในโลกแห่งความฝัน

    กล่าวได้ว่าน้องนกทำให้พวกเรามองเห็น pattern ของความฝันของน้องนกได้ชัดเจนที่สุดก็ว่าได้ จนพวกเราให้ฉายาน้องนกว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จอมบู๊ พี่นักเขียนจึงขอเลือกความฝันของน้องนกมาเป็นประเด็นสนทนาในวันน้ี ไม่ว่ากันนะคะน้องนก และหากพี่นักเขียนวินิจฉัยไม่ตรงกับความรู้สึกที่แท้จริงของน้องนก ต้องขอรบกวนให้คัดค้านและแก้ไขความคิดเห็นของพี่นักเขียนด้วยค่ะ

    น้องนกของเรามักมีความฝันเป็น บุคลิกภาพที่เป็นผู้พิทักษ์ความชอบธรรมด้วยการพะบู๊เสมอๆ ล่าสุดคว้าปังตอมาสองไม้สองมือเพื่อปราบอธรรมและปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า โลกแห่งความฝันคือโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ และคือภาวะจิตของเราเอง ไม่ว่าเราจะเผชิญกับบุคคลตัวตนใดในความฝัน เผชิญกับประสบการณ์หรือสถานการณ์ใดๆในความฝัน ทุกสิ่งที่ปรากฏในความฝันสะท้อนให้เห็นภาวะจิตของเรา

    โลกแห่งความฝัน เป็นเสมือนแบบพิมพ์เขียวของโลกแห่งความเป็นจริงยามตื่น ไม่ว่าเราจะรู้เห็นหรือเผชิญกับประสบการณ์ใดๆในความฝัน บางส่วนของความฝัน-ซึ่งเราจดจ่อ-ย่อมมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงยามตืิ่นเสมอ เสมือนการนำแบบพิมพ์เขียวที่เราสร้างไว้ในความฝัน-มาสร้างโลกแห่งความเป็นจริง หรือประสบการณ์ชีวิตจริง-ยามตื่น


    แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า หากเราเผชิญกับประสบการณ์ใดๆในความฝัน เราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้อีกเลยยามตื่่น ผู้ที่เชื่อว่าตนเองฝันแม่น เพราะมักรู้เห็นบางสิ่งในความฝันและมันกลายเป็นจริง แต่หากเราตระหนักในธรรมชาติความเป็นจริงที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคตมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน เราคงจะตระหนักได้ด้วยว่า ความฝันในอดีต กับ ความเป็นจริงที่เราเรียกว่าอนาคต ไม่ได้เป็นไปบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก เพราะจิตวิญญาณรู้เห็นสิ่งต่างๆนอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ดังนั้นจะเรียกว่า เรารู้กาลล่วงหน้า ก็แทบจะไร้ความหมาย และคำว่าฝันแม่นก็แทบจะปราศจากความหมาย เพราะอำนาจประหลาดที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมาสู่ความเป็นจริงเกิดจากการจดจ่อของเราเอง กล่าวได้ว่า ไม่ว่าเราจะฝันดีหรือฝันร้าย หากเราตื่นขึ้นและจดจ่อกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ความฝันนั้นๆต่อไป เราย่อมดึงดูดประสบการณ์เหล่านั้นมาสู่ความเป็นจริงในที่สุด

    ในทางตรงงกันข้าม แม้เราจะรู้เห็นสิ่งต่างๆที่ไม่พึงปรารถนาในความฝัน เราก็ยังคงมีพลังอำนาจที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงมันได้เสมอ ณ ปัจจุบัน

    พี่นักเขียนกำลังอ่าน Conversation With God ตามคำแนะนำของคุณ Zip และคุณ VeggieGuy ทำให้พี่นักเขียนอดนำพลังอำนาจดังกล่าวนี้ไปเปรียบกับสิ่งที่เรียกว่า Free Will ไม่ได้ เพราะทุกขณะจิต ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า เรามีพลังอำนาจ ณ ปัจจุบันที่สามารถพลิกผันทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอ

    ตัวอย่างเช่่น หากเราฝันดีหรือฝันรู้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับตนเองหรือผู้อื่นในแง่บวกล่วงหน้า การที่เราจะบอกกับตนเองว่า เราฝันแม่นและจดจ่อกับความรู้สึกที่ดีเหล่านั้นต่อไป จนกระทั่งมันมาสู่ความเป็นจริง มันย่อมเป็นประโยชน์ต่อเรา

    ในทางตรงกันข้าม หากเราฝันร้ายหรือฝันรู้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับตนเองหรือผู้อื่นในแง่ร้ายล่วงหน้า การที่เราจะเชื่อว่าเราฝันแม่น และต้องกลั้นใจคอยว่าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อไร ย่อมไม่ช่วยให้เราสามารถนำความฝันนั้นๆไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และการจดจ่อของเราก็ย่อมนำมันมาสู่ความเป็นจริง

    แต่หากเราตระหนักได้ในพลังอำนาจแห่งปัจจุบัน หรือ Free Will เราจะพบว่า เราสามารถแก้ไขหรือพลิกผันสถานการณ์ทุกสถานการณ์ได้เสมอ ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ณ ขณะปัจจุบันนี้ เช่นเดียวกันกับที่เราทุกคนสามารถแก้ไขแบบพิมพ์เขียวได้เสมอก่อนที่เราจำนำมันไปสร้างอาคารบ้านเรืิอน หรือก่อนที่ความฝันนั้นๆจะมาสู่ความเป็นจริง


    เรามีโอกาสแก้ไขความฝันซึ่งเป็นแบบพิมพ์เขียวของโลกยามตื่นได้อย่างน้อยสองสภาวะด้วยกันคือ :
    1. เมื่อเราเผชิญกับประสบการณ์ในแง่ลบในความฝัน และเราตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ดี เปรียบเสมือนเราได้พิมพ์เขียวที่ไม่เป็นไปดังปรารถนา แต่เราก็ยังสามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้เสมือนสถาปนิกที่แก้ไขการก่อสร้างอาคาร ณ สถานที่ก่อสร้าง เมื่อเล็งเห็นว่าหากทำตามแบบพิมพ์เขียวนั้นๆ จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา หรือแก้ไขปัญหาบางอย่างไม่ได้ผลดังปรารถนา

    2. แก้ไขในความฝันนั้นๆทันที ด้วยการฝึกฝนที่จะฝันอย่างมีสติ และตระหนักได้ว่าเราคือผู้สร้างประสบการณ์ความฝันนั้นขึ้่นมา เสมือนผู้กำกับเวทีละครโลกของความฝัน เราสามารถเปลี่ยนบทผู้แสดงได้ทุกคน เปลี่ยนฉาก และเปลี่ยนท้องเรื่อง เปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างฉับพลันในความฝัน โดยไม่ต้องรอให้ตื่น เสมือนสถาปนิกที่แก้ไขแบบพิมพ์เขียวก่อนที่จะนำไปส่งมอบให้ผู้เกี่ยวข้องในการก่อสร้างนำไปใช้

    มาถึงจุดที่พี่นักเขียน ขอนำความฝันของน้องนกมาเป็นตัวอย่างนะคะ
    น้องนกได้ก้าวไปสู่การปรับเปลี่ยนตนเองด้วยการนำประสบการณ์ในความฝันมาใช้ยามตื่น เช่นเดียวกับการแก้ไขในข้อ 1. แล้ว โดยแก้ไขปัญหา ณ จุดที่เผชิญกับประสบการณ์ยามตื่น
    [​IMG]
    พี่นักเขียนอยากจะขอแนะนำให้น้องนก นำความรู้นี้ติดตัวไปสู่โลกแห่งความฝัน และลองสร้างสรรค์ pattern ความฝันขึ้นใหม่ ด้วยการเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง ไม่ต้องใช้แรงกาย แต่ให้ใช้สันติวิธี เช่น ใช้คำพูด ใช้กริยาอ่อนโยน เพื่อแก้ไขสถานการณ์แทนที่จะใช้ความรุนแรง แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในความฝัน และเป็นสิ่งที่ไม่เป็นอันตราย เช่นเดียวกันกับที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า หากสงครามเกิดขึ้นแต่เพียงในโลกของความฝัน หรือการล้างแค้นเกิดขึ้นแต่เพียงในโลกของความฝัน มันก็ช่วยปกป้องไม่ให้เกิดความรุนแรงในโลกยามตื่นได้ระดับหนึ่ง

    แต่เราทุกคนคงไม่ลืมว่า โลกแห่งความฝันคือแบบพิมพ์เขียวของโลกยามตื่น หากเราสามารถสร้างสรรค์แบบพิมพ์เขียวที่ดีที่สุดได้ การก่อสร้างโลกแห่งความเป็นจริงยามตื่นของเราก็จะง่ายดาย สะดวกราบรื่นไปด้วยโดยปริยาย

    เราทุกคนฝึกได้ หากเราตระหนักได้ว่า เราคือผู้สร้างโลกแห่งความฝันขึ้นเอง ความฝันไม่ใช่โลกประหลาดที่เราหลุดลอยไปสู่โดยปราศจากพลังอำนาจที่จะต่อต้านหรือสร้างสรรค์ประสบการณ์ แต่เราคือผู้เขียนบทละครโลกแห่งความฝัน เราสร้างสรรค์ตัวละครทุกตัวขึ้นด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเรา ตัวละครและสถานการณ์ทั้งหมดในความฝัน สะท้อนให้เห็นภาวะจิตของเรา ที่เป็นไปตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อนั้นๆ

    ตามความเข้าใจของพี่นักเขียน ความฝันของน้องนกสะท้อนให้เห็นว่า น้องนกมีความเชื่อว่า ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่น้องนกจะได้รับก็ต่อเมื่อต้องต่อสู้หรือใช้ความรุนแรง พี่นักเขียนอยากจะขอให้น้องนกทดลองเปลี่ยนความเชื่อนี้ และนำความเชื่อใหม่พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะที่จดจ่อกับความเชื่อใหม่ที่ว่า ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่น้องนกจะได้รับโดยปราศจากการต่อสู้ ด้วยสันติวิธี หรือด้วยการติดต่อสื่อสารด้วยคำพูดเท่านั้น ไม่ต้องใช้กำลังหรือความรุนแรงอีกต่อไป

    ขอให้น้องนกทดลองนำความเชื่อใหม่ติดสติสัมปชัญญะไปสู่โลกของความฝันนับแต่วันนี้นะคะ แล้วสำรวจดูความฝันของตนเองต่อไปว่า จะเผชิญกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ หากน้องนกสามารถเปลี่ยน pattern ความฝันได้สำเร็จ น้องนกจะพบว่า เลิกฝันร้าย เลิกฝันบู๊ และจะเผชิญกับประสบการณ์ความฝันในแง่บวกมากกว่าเดิม และประสบการณ์ในทิศทางเดียวกัน จะส่งผลมาสู่ประสบการณ์ชีวิตยามตื่นของน้องนกด้วยเช่นกันค่ะ (rose)
     
  18. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    เข้ามาอ่านเรื่อยๆ ครับ ยังไม่มีความเห็นอะไร
     
  19. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขจรวรรณคิดว่าเราคงได้คุยกันไปเรื่อย ๆ อีกยาววววว เลยค่ะคุณโซล.. อิอิ..
    เมื่อคืนก็ไม่รู้ยังงัยค่ะคิดถึงคุณโซลอยู่ตลอดเวลา และมีอาการขนลุกเป็นระยะ ๆ เหมือนกับว่าตัวตนหนึ่งของเรากำลังบอกให้รู้และเข้าใจในสภาวะที่คุณโซลกำลังสัมผัสอยู่ ประมาณว่าเราก็เคยสัมผัสมาแล้วเข้าใจว่าเป็นความรู้สึกร่วมกันเพราะคุณโซลเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของขจรวรรณในการมาแสวงหาความรู้ในการปฏิบัติธรรมนั่นเองค่ะ ( อันนี้คิดตามทฤษฏีของท่านอาจารย์อนาลัยนะคะ )

    มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่าในชาติภพอื่น ๆ ขจรวรรณเคยปฏิบัติธรรมมาเยอะมากหลากหลายวิธี ลองผิดลองถูกมาก็เยอะ ศึกษาธรรมะมาก็แยะ พลังจิตก็สูงมาก แต่มีกรรมอย่างนึงค่ะคุณโซลอาจารย์ท่านนี้กล่าวว่าศึกษามาผิดวิธียังไม่พอยังจะไปสอนผู้อื่นแบบผิด ๆ อีก เลยทำให้เราต้องรับบททดสอบที่เข้มข้นกว่าคนอื่น ๆ ทั่วไป ( แฮ่.. แฮ่.. อันนี้ท่านเล่าให้ฟังค่ะ ) แต่ยังงัยก็ตามก็ยังเป็นไปตามทฤษฏีของท่านอาจารย์อนาลัยด้วยที่ว่า

    จิตวิญญาณจดจ่ออยู่กับภาวะใด จิตวิญญาณ มีชีวิตอยู่ - เป็นอยู่ - ดำเนินไป เป็นภาวะนั้น พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้น ๆ

    มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าอีกไม่นานคุณโซลคงจะได้รับคำตอบทุก ๆ คำตอบที่คุณโซลต้องการแน่ ๆ ค่ะ..
    (ping) (ping) (ping)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2008
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    หุหุ...ย่องมาดูตอนบ่ายมาเจอ...ตั้ง 2 คนแนะ Chalhoei, khajornwan แต่ไม่มีเวลาคุยอะ ต้องไปทำงานก่อนแล้วนะ คุยกันไปก่อนนะจ๊ะ...(good)
     

แชร์หน้านี้

Loading...