จะหลอกกันไปทำไมว่าถึงยุคพระศรีอาริย์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tutong, 11 เมษายน 2014.

  1. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    [​IMG]
    ได้หนังสือเล่มนี้มาครับปกเล่มมีข้อความบอกว่า"(ยุคพระศรีอารย์ถึงแล้ว)":boo: ขอค้านอย่างคอเป็นเอ็นว่าคุณพิมพ์มาหลอกชาวบ้านชาวเมืองยุคพระศรีอาริยเมตไตรยยังมาไม่ถึงครับช่วยกันแชร์ต่อไปด้วยนะครับ
    ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะของทางวัดท่าซุงหลวงพ่อฤๅษีฯท่านกล่าวไว้ว่ายุคพระศรีอาริย์ไม่มีการลักขโมยแต่นี้เป็นยุคสมัยของศาสนาสมเด็จพระสมณโคดม(ยังเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันอยู่)ถ้านี้เป็นยุคพระศรีอาริย์จริงหญิงสาวอายุ500ปีครับถึงจะแต่งงานมีสามีได้และคนก็อายุยืนเป็นหลายหมื่นปี (ประมาณ80,000ปี)แล้วเป็นยังงั้นไหมล่ะครับก็ไม่ใช่ ใช่มั้ยล่ะ
    เมื่อวันก่อนผมยังได้ยินว่ามีการยักยอกเงินของฝ่ายการเงินในบริษัทที่ผมทำงานอยู่เลยครับไปสารภาพที่โรงพักว่าเอาเงินไปสี่หมื่นกว่าบาท
    ก่อนจะถึงยุคพระศรีอาริย์หลายๆคนในนี้คงรู้กันแล้วนะครับว่าต้องมีช่วงพุทธันดรมาขั้นกลางก่อนคือหลังจากพ.ศ.5000จึงสิ้นพุทธกาลแล้วมีช่วงพุทธันดรมาขั้นกลางช่วงพุทธัรดรนี้จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาแล้วหลังจากนั้นจึงจะถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย:cool:
     
  2. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    แล้วในหนังสือยังมีการบอกอีกว่าอนุญาตให้ฆ่าสัตว์เพื่อบริโภคได้
     
  3. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    เรื่องพระศรีอาริยเมตไตรย
    พระศรีอาริย์ฯท่านตรัสว่า คนที่ต้องการไปเกิดในสมัยผม ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ
    (๑) ตั้งใจรักษาศีล๕และกรรมบถ๑๐ให้ครบถ้วนเสมอ ถ้ารักษาครบทุกวันไม่ได้
    วันอื่นอาจจะพร่องบ้างก็ไม่เป็นไรแต่ทุกวันพระต้องรักษาให้ครบทั้งศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐
    (๒) จงหมั่นให้ทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ สังฆทาน ถ้าจนมาก ทรัพย์มีน้อย ก็จัด
    หาอาหารหรือผลไม้ ผล๒ผล ถวายพระที่มีตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปก็เป็นสังฆทานมีอานิสงส์มาก
    (๓) จงเจริญภาวนาเสมอๆ ถ้าทำไม่ได้มากเมื่อศีรษะถึงหมอนก็ให้ภาวนาเล็กน้อยแล้วหลับไป
    เพียงเท่านี้เขาจะเกิดในสมัยผม(พระศรีอาริย์)ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน

    เอามาจากบ้างตอนของธัมมวิโมกข์นะครับ ใครอยากเกิดทันพระศรีอาริย์ก็ทำให้ได้ตามนี้นะครับ
     
  4. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    ตอนนี้ถึงแม้ยุคพระศรีอาริย์ยังมาไม่ถึงแต่ท่านก็ช่วยเหลือในฐานะที่เป็นพระโพธิสัตว์ได้ครับและท่านก็ยังเป็นเทวดาอยู่ที่ชั้นดุสิตอยู่ถ้าท่านทำสมาธิให้ถึงขั้นได้ทิพจักขุญาณ
    หรือมโนมยิทธิได้ก็ไปคารวะพระศรีอาริย์ได้ที่สวรรค์ชั้นดุสิตเลยครับ
     
  5. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    เท่าที่เคยทำมโนมยิทธิมาไปคารวะท่าน(พระศรีอาริย์)ตอนนี้ท่านให้เรียกท่านว่า
    "ท่านปรีชา ทรงธรรม" ก่อนเพราะท่านยังไม่ได้ตรัสรู้จึงยังไม่ใช้ชื่อว่าพระศรีอาริยเมตไตรย วิมานของท่านอยู่หลังที่สองของชั้นดุสิตครับรัศมีกายท่านสว่างมากเป็นแสงขาวๆ
     
  6. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ขออนุญาติเล่านะครับ
    พระพุทธองค์กล่าวว่า เหตุที่ทำให้ ศาสนาหมดลง ก็เกิดจากพุทธบริษัท4
    เป็นผู้กระทำ

    ยุค2500 ปีท่านว่าเป็นยุคเสื่อม(อันนี้ไม่ทราบว่าใครพูดนะครับ)
    อีกไม่ถึง2500ปี ศาสนาพุทธจะดับ

    เมื่อก่อนก็ผมดิ้นนะ ดิ้นไปดิ้นมา จนคนบอกว่า
    ให้ปล่อยวางบ้างคิดไปทำไม
    แต่ผมคิดว่าถ้าปล่อยวางมากๆความเสื่อมยิ่งเยอะๆขึ้น
    ผมก็ดิ้นๆๆๆๆ ต่อไป
    จนกลายเป้นว่าผมเอาอารมณ์ไปเกี่ยว หน้าตาเปลี่ยนตัวหมองคล้ำ
    หยาบกร้าน ผมจึงกลับมาคิดพิจารณาว่า

    1 พระพุทธองค์ ตรัสว่า ชอบสิ่งไหน สิ่งนั้นจะเอาความทุกข์มาให้
    2 ศาสนา มีอายุ5000ปีจะดับ ถ้าท่านตรัสแล้วคงไม่มีทาง แก้ได้ ต้องเป็นตามนั้น
    ไม่ว่าเราจะ ทำหรือไม่ทำ มันก็คงเหมือนเดิม
    จนถึงเรื่อยๆว่า
    4 ครูบาอาจาย์เยอะเกินไป สอนสิ่งที่ผมไม่ชอบ (มั่วเยอะ) แล้วบางคนก็กล่าวว่า คิดว่าตัวเองเก่งกว่าครูบาเหรอ
    หรือบางคนก็ด่าว่า น้ำลายฟูมปากทำอะไรไม่ได้ 5555 เพื่อยั่วโมโหกันไป
    3 ความเสื่อมจะมาก็ เพราะ พุทธบริษัท4
    เมื่อคิดได้ผมเลยคิดว่าถ้า ผมอยู่ศาสนาต่อไป อาจจะเป้นคนทำลายศาสนาก็ได้
    ในเมื่อถ้าผมอยู่ศาสนาต่อไปผมอาจจะ ทำศาสนาพังก็ได้
    ถ้างั้นผมออกจากศาสนาดีกว่า
    แล้วปล่อยให้โลกหมุนตามวันเดือนปีตามเดิม


    ปล่อยวางงง
    ทุกวันนี้เวลาบอกไม่มีศาสนา คนมักจะมองว่า พวกนรก
    หรือพวกนอกรีต
    ถึงเขาไม่พูดแต่ผมก็ดูจิตเขาออก แต่ถึงเขาจะมองยังไง ผมก็สบายใจกว่าเมื่อก่อนเยอะครับ
     
  7. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เอานะ มันเป็นเรื่องของแนวคิด ความเชื่อ เป็นลัทธิ
    มีบุคคลสูงปัญญาบ้าง เบาปัญญาบ้าง ก็แบ่งๆกันไป เราไปช่วยอะไรไม่ได้
    เมื่อเราศึกษาเรื่องอนัตตาธรรม ทุกอย่างเป็นอนิจจัง เขาทำอย่างนั้นเขียนอย่างนั้น
    ก็ช่างเขาเถิด ศาสนามีมากมายแล้วแต่จะมีใครสมมติขึ้น
    ก็คิดว่ามันก็เป็นอีกศาสนาอีกลัทธิ ที่มีคนคิดต่อยอดเอาเองจากพุทธศาสนาก็แล้วกัน
    เมื่อเรารู้ว่าอะไรใช่ อะไรไม่ใช่ เราก็เดินตามทางที่ถูกก็พอ
     
  8. ใบโพริ์

    ใบโพริ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +212
    จะกี่ปีพุทธก็ไม่ดับ จะดับลงก็เมื่อพร้อมโลกดับไม่มีสิ่งมีชีวิต. เถียงกันได้อะไร มีเหตุแล้วนะ. มีปัจจัยแล้วนะ ผลยังไม่เกิด. อย่าเชื่อ เห็นผลเมื่อไรไม่ต้องเถียงกัน.
     
  9. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ยุคไหนๆหากมีใจมุ่งมั่นอย่างจริงแล้วก็ย่อมจะสำเร็จเป็นอริยะได้....
     
  10. nunmk

    nunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +108
    นี่แหละที่บางท่านบอกการทำหนังสือเผยแพร่ แทนที่จะเป็นบุญเป็นกุศลแต่นำความไม่รู้จริงมาทำให้บางคนที่ยังไม่รู้มาเกิดความเข้าใจผิดๆ แล้วทำให้บางคนหลงทิศหลงทาง แทนที่จะเข้าถึงมรรคผลนิพพานเร็ว กลับทำให้หลงไป กว่าจะหาทางกลับได้ก็แสนนาน ผู้ที่อุส่าห์สละทรัพย์ร่วมพิมพ์เผยแพร่ก็ได้รับผลกรรมไม่ดีไปด้วย พุทธสมัยให้อย่างไรก็ไม่สามารถมาซ้อนกันได้ดอกครับ และพระโพธิสัตว์ท่านก็ยังไม่ถึงวาระที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ ทรงพระนามว่า พระศรีอริยะเมตตรัย เลย ยังต้องผ่านไปอีกพุทธันดรหนึ่งก่อนจึงถึงวาระของท่าน และพระศาสนาขององค์บรมครู พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า พระสมณโคดม ของเราในสมัยนี้ยังไม่ถึงวาระสิ้นอายุพระศาสนาเลย เมื่อพระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่าอายุพระศาสนาจะสิ้นเมื่อครบ 5000 ปี หลังพุทธปรินิพพาน ก็จะเป็นไปตามนั้น ในช่วง 5000 ปี นี้ความเป็นอริยะยังคงสืบเนื่องต่อกันไปจนครบแน่นอน เพียงแต่จะลอหย่อนกำลังลงไปบ้างเท่านั้น แต่ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่พระพุทธศาสนาจะกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง สังเกตุได้จากการที่มีผู้ประพฤติปฏิบัติกันมากขึ้น มิใช่นับถือเพียงแค่ในทะเบียนบ้าน มีผู้คนพูดถึงพระนิพพานกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพียงแต่ถ้าพระสงฆ์ผู้นำคำสอนที่เป็นคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสั่งสอน มิใช่นำสิ่งที่ตนแต่งเองตึกเองคิดเองมาสั่งสอน หรือเหมือนดังคำในหนังสือ ที่ จขกท. นำมาแสดงให้ดูนี้มันผิดหลักผิดทางไป
     
  11. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    ประสบการ์ณคนใกล้ชิด"สาวกลัทธิ พระศรีอาริย์"
    ผมเองนับถือศาสนาพุทธแห่งพระสมณโคดมหรือพระพุทธเจ้า รับศึลห้าและปฏิบัติตัวเป็นอุบาสกตามสมควรแก่ฐานะและเวลา ผมต้องมาข้องเกี่ยวกับผู้คนที่นับถือ"พระศรีอาริย์"(ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วในเวลานี้ก็นับเวลาได้เพียงสองพันห้าร้อยกว่าปี ยังอีกนานทีเดียวกว่าจะถึงเวลาของพระองค์ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายไว้)ก็เพราะแฟนและแม่ยายนับถือ โดยส่วนตัวแฟนผมก็พอจะเข้าใจแต่ผมก็ต้องใช้เวลากล่อมเกลาและชี้แนะความเห็นความเป็นจริงอยู่พอสมควรจึงจะหันกลับมาเป็นสัมมาทิฐิ ซึ่งแตกต่างไปจากในเวลา
    แรกๆที่คบหากันนั้นอย่างสิ้นเชิง ก็เคร่งครัดอยู่กะเขาเหมือนกันชนิดไม่ยอมเข้าไปที่วัด,ไม่ยกมือไหว้พระ,มีบทสวดซึ่งเรียกกันในหมู่คนที่นับถือเหมือนๆกันว่า"กฏหมาย"เป็นสมุดเล่มหนาคล้ายกับสมุดบัญชีเขียนขึ้นด้วยลายมือวางเป็นตั้งๆในห้องพระ ซึ่งผมเคยย่องไปเปิดดูว่าจะมีคำสอนอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์หรือนำมาปรับใช้ ยึดเหนี่ยวทำให้จิตใจปราศจากความเศร้าหมองหรือที่แตกต่างไปจากหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาบ้าง แต่เปิดๆอ่านไปก็ไม่สามารถจับประโยชน์ใดๆนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย มีเน้นมากๆเพียงการไหว้หรือสวดอ้อนวอนบูชาและการทำพิธีอ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็ปวดหัวขึ้นมาเลย ตอนแรกๆนั้นแฟนก็กล่าวอ้างว่าพอหันมานับถือทางนี้(พระศรีอาริย์)ตัวเขาก็ได้ดิบได้ดี เช่นปรับเงินเดือนขึ้น ผมก็ไม่ว่าอะไรไม่ก็ไม่อยากจะขัดใจปล่อยไปก่อนส่วนแฟนผมก็ไม่ได้คาดคั้นจะต้องให้ผมมานับถือตามเรียกว่า"ใครใคร่นับถือและปฏิบัติอย่างไรก็ตาสบาย"แต่กับแม่ยายผมนั้น พอผมได้ไปมาหาสู่ที่บ้านเท่านั้นเองก็มาคาดคั้นให้ผมต้องนับถือและปฏิบัติตาม ผมเองก็ไม่อยากจะขัดใจเลยรับปากไปส่งเดชอย่างนั้นเองทั้งๆที่ไม่มีใจที่จะนับถือด้วยเพราะขัดกับความรู้ที่ได้รับมา จากที่แฟนบอกเล่าให้ฟังถึงมูลเหตุแห่งการหันเหมานับถือก็เนื่องมาจาก เดิมทีนับถือพุทธศาสนาเช่นเดียวกับคนไทยอื่นๆทั่วไปและคุณแม่เป็นคนที่ค่อนข้างเคร่งและธรรมะธัมโมด้วย ใส่บาตรเช้าแทบจะไม่เคยขาดหรือถึงวันสำคัญๆทางศาสนา ก็จะพาบรรดาลูกๆเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นอันดี แต่แล้วพอคุณพ่อแยกทางกันคุณแม่ก็ต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงลูกๆ3คนด้วยความยากลำบาก เกิดอาการเครียดจนมีอาการทางประสาทต้องเข้ารับการรักษา ฐานะทางบ้านก็เริ่มแย่ลงลูกๆบ้างคนต้องออกจากโรงเรียนบางคนต้องทำงาน ก็มีผู้หวังดีและเป็นสาวกลัทธิ"พระศรีอาริย์"(ผมขอเรียกอย่างนี้ละกันเพราะผมไม่เชื่อที่เผยแพร่ในเวลานี้จะเป็นของจริง)แนะนำให้หันไปนับถือจะได้สบายเหมือนกันกับเขา(ผู้หวังดี) ซึ่งก็พอดีกับจังหวะเเฟนได้บรรจุเข้างานประจำที่ใหม่และย้ายไปที่อยู่ใหม่ที่ดีขึ้นสะดวกสบายมากขึ้นอย่างที่เล่าในตอนแรก จึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำได้เป็นอย่างดีในเรื่องความเชื่อที่เห็นเป็นจริงจับต้องได้ ซึ่งตรงนี้จะสังเกตได้ว่าเป็นการปฏิเสธในเรื่อง"กรรมดีกรรมชั่ว"ผลและเหตอย่างสิ้นเชิง จากนั้นผมก็ยังได้เคยไปร่วมงานพิธีขึ้นบ้านใหม่ ที่เรียกกันในหมู่ผู้นับถือว่า"พิธีเปิดตำหนัก"ที่ต่างจังหวัด เจ้าของบ้านและตำหนักใหม่ก็พรรคพวกกันนั่นแหละไม่มีเงินก็เลยมายืมเงินเอากะแฟนผมโดยผ่านการรับรองคุณ(ว่าที่)แม่ยายผมในเวลานั้นแกก็ว่า"คนที่นับถือทางนี้ไม่มีการมาโกงกันหรอกให้ไปเถอะ"ผมได้ยินเข้าถึงกับขำก๊ากเกือบตกเก้าอี้เลย ดีแต่ยั้งไว้จึงได้แต่บอกสั้นๆเมื่อเเฟนมาเล่าให้ฟังเชิงขอความเห็นผมก็บอกไปเพียงแค่ว่า"ก็ให้มันได้อย่างนั้นจริงๆเถอะ"แต่ในใจคิดว่าหนี้เสียแหง๋ แล้วก็ได้รับการพิสูจน์ในเวลาต่อมาในสิ่งที่ผมคาดการ์ณไว้ก็เป็นจริงคือ ไปตามทวงเมื่อไหร่ก็ไม่มีไม่เจอจนกระทั่งต้องตามไปในละแวกบ้านที่อยู่ ก็ไม่พบๆก็แต่ผู้หวังดีคนเดิมคนที่แนะนำมานั่นแหละและเป็นหนึ่งในสาวกก็ตอบมาแทนลูกหนี้ตัวแสบคนนั้นให้เจ็บใจเสียอีกว่า"ไม่ต้องไปทวงมันหรอก คิดเสียว่าเคยไปติดหนี้มันเมื่อชาติก่อนก็แล้วกัน"ดูๆมันพูดเข้า มันช่างตรงข้ามกับสิ่งที่คุณแม่ยายให้คำรับรองไว้ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าเสียจิงๆ ผมก็ได้แต่ปลอบใจไปว่า"ทำใจเสียเถอะนึกว่าซื้อบทเรียน ต่อไปแม่คุณจะได้เลิกพฤติกรรมแบบนี้เสีย" ในเวลาต่อมาเมื่อผมต้องมาอยู่ร่วมกันกับแม่ยายซึ่งอันที่จริงผมก็มีบ้านอยู่ แต่ด้วยเหตุที่ว่าคุณแม่ยายผมเกิดเป็นโรค"เบาหวาน"และเกิดอาการช๊อกหมดสติไม่มีลูกๆอยู่ด้วย ซึ่งอันนี้ก็ผมก็ไม่ได้คิดจะแยกแม่ลูกละคับแต่คุณแม่ยายผมแกรับรองก่อนที่ผมกับแฟนจะไปแยกไปอยู่ว่า"อยู่คนเดียวได้และมีปู่(เทพหรือสิ่งศักดิสิทธิ์)อยู่ด้วยไม่เป็นอะไรหรอกดูแลตัวเองได้"และใช้เงินที่ลูกส่งมาให้ กินอยู่ตามใจปากไม่ห่วงสุขภาพแม้จะมีลูกแวะเวียนมาหาก็ออกปากเตือนให้ยั้งๆไว้บ้างก็แล้ว แต่ไม่ว่าจะมีใครตักเตือนในเรื่องการกินอยู่อย่างไร ก็จะยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียวว่า"ปู่ให้กินได้ไม่เป็นไรมารู้ตัวอีกทีก็เป็นชนิดหนักหนาเข้าขั้นทำให้ตาเกือบบอด ซ้ำคำว่า"ไม่เป็นไร"นี้ยังก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากในการรักษาไปพบหมอและพยาบาลหรือเมื่อเกิดอาการทางประสาทคลุ้มคลั่งในเวลาต่อมาอีกมาก ก็ด้วยหลังจากที่ผมได้เข้าอยู่รวมกันได้ระยะหนึ่งแล้ว วันนึงในเวลาดึกมากคุณแม่ยายก็ตามมาปลุกและคาดคั้นให้ผมหันไปนับถืออย่างตะแกบ้าง ผมก็ตอบไปเสียงดังฟังชัด"ผมหันไปนับถืออย่างแม่ไม่ได้หรอกเพราะผมไม่ได้ศรัทธา และผมปฏิบัติตามอย่างพุทธศาสนาที่เป็นของจริงมีตัวตนมีหลักฐานอย่างแน่นหนามากกว่าสองพันปีอย่างนี้แน่นอนกว่าสิ่งที่ยังมาไม่ถึงผมขออยู่กับปัจจุบันและเป็นของจริงดีกว่า ส่วนแม่อยากจะนับถือสิ่งใดก็ว่าไปเถอะผมไม่เข้าไปก้าวก่าย"ซึ่งเรื่องนี้สร้างปมขัดแย้งให้แม่ยายกับผมเป็นอย่างมาก ถึงขนาดแกตั้งป้อมโกรธและเกลียดทั้งยังพยายามหาเรื่องใส่ความผมเสียๆหายๆบ่อยจน ชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินเสียงตะโกนด่าทอผมไปทั่ว ผมจึงต้องประกาศและอธิษฐานจิตว่า"ขอสิ่งศักดิสิทธิ์เป็นพยานผมไม่เคยทำดังที่แม่ยายผมว่า หากแกพูดไม่จริงก็ขอให้ลงโทษเป็นการสั่งสอนด้วยเถิด"สามวันหลังจากนั้น แกก็เกิดอาการช๊อกด้วยความผยองไม่ยอมกินยาตามที่ลูกๆได้จัดไว้ ทั้งนี้โดยมีผมอาสาเป็นผู้ดูแลเฝ้าแกอยู่ห่างๆ ก็ต้องหามส่งโรงพยาบาลโดยความเอื้อเฟื้อของเพื่อนบ้านด้วยโชคดีที่ไปทันก็เลยรอดอยู่ใช้กรรมกันต่อ แต่หลังๆจากนั้นมาท่าทีที่เคยผูกใจเจ็บและคิดจะเอาเรื่องกะผมในเรื่องทำนองที่จะชักจูงให้ผมมานับถือตามแกก็เลยเบาๆลงไป แต่หันไปเล่นงานและคาดคั้นเอากับลูกๆที่พากันมาเยี่ยมในวันสำคัญอย่างสงกรานต์แทน โดยเน้นเรื่องการทำพิธีไหว้ปู่ต้องทำให้ได้ซึ่งก็มุกเดิมคือไหว้แล้วจะรวย ซึ่งข้อสังเกตที่ผมเห็นการประพฤติปฏิบัติก็คือ 1.ไม่ไหว้หรือไม่นับถือพระก็ไม่ทราบบางเวลาที่มีข่าวไม่ดีเกี่ยวข้องกับพระก็จะแสดงอาการประมาณสะใจพร้อมชี้แนะให้หันมานับถือแต่ผมก็สงสัยอยู่เวลาตายเผากันเองหรือจะนำไปฝังกันอย่างไรหรือที่ไหนก็ไม่ทราบ2.เวลากินข้าวร่วมกันก็ต้องบอกกล่าวปู่และลาข้าวกินเป็นยา อันนี้พอรับได้คงคล้ายๆกับการปลงในทางพุทธ 3.ต้องมีการไหว้ยิ่งไหว้หรือมีงานต้องทำให้บ่อยยิ่งทำยิ่งรวย ก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะก็เห็นน้องชายเขาทำแล้วก็ไม่เห็นว่าจะดีหรือวิเศษขึ้นไปกว่าเดิมตรงไหน เห็นมีแต่ประพฤติตัวแย่ลงจากที่เคยทำงานสบาย มาตอนนี้งานหนักขึ้นรายได้น้อยลงที่อยู่เงินเก็บไม่ต้องพูดถึงคือไม่มีและที่แน่ๆคือ น้องชายคนนี้งานไหว้ที่ว่าจัดต้องไปกู้หนี้ยืมเขามาจนป่านนี้ใช้หมดหรือยังก็ไม่ทราบ 4.อันนี้แฟนเล่าให้ฟัง แบ่งเกรดพวกที่มาร่วมงานกันโดยเมื่อไปรวมกลุ่มสาวกในบ้านงาน คนมีเงินจะได้รับการดูแลต้อนรับจัดที่นั่งรวมไปถึงน้ำท่ามาเลี้ยงรับรองอย่างดี ส่วนพวกที่ไม่มีเงินก็ไปออกแรงและแยกไปอีกพวกสองพวกนี้จะมักจะไม่เสวนาร่วมกัน และผู้ร่วมงานทุกคนต่างกล่าวอ้างแตกต่างกันไปว่ามีเทพองค์โน้นองค์นี้เรียกขานไป โดยมีสายสะพายปักชื่อเรียงนามไปว่าชื่อองค์...ฯลฯ อย่างน้องชายนี่เรียกว่าองค์"จมื่นไวยวรนาถ"ผมเองก็ไม่ทราบว่าสาวกคนอื่นๆจะประพฤติปฏิบัติกันตามนี้ทั้งหมดหรือเปล่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คืออาการทางประสาทที่มักจะพูดคนเดียวอ้างว่าปู่สั่งอย่างโง้นอย่างงี้แต่ที่ร้ายกาจทำความหนักใจที่สุดเห็นจะเป็น การไม่กินยาบางครั้งที่เป็นเอามากจะไม่ยอมไปพบหมอ และพร่ำเพ้อวนเวียนฝังใจกับการไหว้โดยไม่ดูฐานะและความพร้อม หรือเห็นตามความเป็นจริงแต่อย่างใด ซึ่งอันนี้ถ้าในความเห็นผมแล้วถ้าหากในเวลาที่ยังเป็นพุทธอยู่ตอนนั้นหากคุณแม่ยายผมอดทนรับเวรกรรมต่อไปอีกสักนิด ก็จะพบทางออกอยู่แล้วและสามารถใช้ชีวิตอยู่กับลูกๆหลานๆได้อย่างมีความสุข ด้วยเหตุด้วยผลในปัจจุบันตามสมควร การที่ท่านไปหลงเชื่อกับผู้หวังดีผมว่าเป็นคราวเคราะห์ร้ายมากกว่าด้วยไม่ทำให้ยึดติดอยู่กับความจริงแต่ไปเพ้อฝันหลงทางชนิดกู่ไม่กลับอย่างน่าเสียดาย ทั้งหมดที่เล่าไว้ให้พวกท่านที่นำเรื่องราว"พระศรีอาริย์"มาเผยแพร่จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามได้พึงระลึกและสังวรณ์ไว้ให้มากๆถึงผลดีผลร้าย ในทางพุทธศาสนาท่านได้ละเมิดศีลข้อมุสาวาท ทำให้คนอื่นๆหลงเชื่อเป็นบาปมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก ความร้ายแรงยิ่งเชื่อมากบาปเคราะห์ของท่านก็ยิ่งมากพวกท่านมีนรกเป็นที่หมาย ในทางกฎหมายไทยท่านมีสิทธิทำได้มีเสรีภาพที่จะเชื่อโดยไม่ทำความเดือดร้อนหรือไปทำการต้มตุ๋นหลอกตบทรัพย์ให้กับผู้อื่นท่านก็ไม่ผิด และผมก็เคารพความเชื่อเช่นนั้นแต่ขอให้ท่านเตรียมตัวเตรียมใจยอมรับผลกรรมนั้นๆด้วยเช่นกัน
     
  12. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    โอ้.., ฟังคุณพงพันเล่าแล้วน่ากลัวจริงๆ

    คนเรานับถือผิดแล้ว ไม่นับถืออะไรเลยยังจะดีกว่า
    ถ้าต้องเป็นหนี้ บางทีอยู่เฉยๆ ยังจะดีกว่า

    เพราะเลขศูนย์ คูณอะไรก็ได้ศูนย์
    แต่ติดลบแล้ว ลบได้อีกเป็นอนันต์.
     
  13. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ก็ไม่ทราบซินะครับฝีมือใคร ภาพล่าสุดจาก จ.เชียงราย เชียงใหม่

    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...