ถ้าคนเราเกิดมาตามกรรม ที่เราได้ทำไว้แล้ว พอเราตายไป ก็จะไปตามกรรม ผมมีข้อสัยครับ 1 ก่อนจะได้มาเป็นวิญญาณ หรือ ดวงจิต เราเป็นอะไรมาก่อนหน้านั้นครับ สรุป คือ วิญญาณเกิดมาจากไหน ทำไมจึงมีเยอะมากมาย? 2 แล้ว ถ้า คนทำกรรมชั่วจะต้องตกนรกแล้ว นรกในที่นี้ผมหมายถึงนรก ที่ คน ทำกรรมชั่วโดนทรมาน อยากรู้ว่า ยมบาล หรือ ผู้ที่ดูแล นรก มาจากไหน ?
งง ถ้าทุกคนนิพพานแล้วทำไมต้องลงมาเกิดใหม่ด้วยเพื่ออะไร มีคนเล่นสนุกกับเรางั้นหรอ แต่ถ้ามันวนอยู่อย่างนี้ แล้วไอ้คนที่เพิ่มมาคืออะไร
1.เคยถามพระอาจารย์และเคยตั้งกระทู้ถามคนในนี้แล้วครับได้คำตอบออกมาว่า"ไม่รุ้" เพราะแม้แต่ใช้สัมมาโพธิญาณของพระพุทธเจ้าไล่ย้อนอดีตชาติไปก้อยังไม่รู้เลย 2.ท่านเป็นพรหม ครับมารับงานนี้ มีกายใสเนื้อแก้วนะครับเครื่องประดับอย่งพรหมทั่วๆไป ไม่ได้แต่งตัวน่าเกลียดน่ากลัวแบบในหนัง นั่นคนจิตนาการไปเองคับ พอวันใดวันหนึ่งหากทุกคนไปนิพพานหมด ไม่มีคนตกนรกแล้ว ท่านก้อจะขึ้นกลับไปสู่ชั้นพรหมเช่นเดิม ^ ^
คุณ undeath13 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ถ้าแบบนั้น ท่านยมบาลคนเสียสละตนน่าดู เพราะ รอคนนิพพานหมด ตนก็นิพพานหลังสุดเลยสิ ไม่รู้จะอีกนานเท่าไร ..
น่าสงสารพวกคนคุมมากกว่าครับ สัตว์นรกทั้งหลายยังมีวันไปเกิด แต่ผู้คุม คนทรหมานนี่สิทำงานวันละ24ชม.ไม่มีลาหยุดไม่มีพักร้อน ไม่ว่างแม้แต่วินาทีเดียว เพราะสัตว์นรกมันตายแล้วเกิดมาใหม่เรื่อยๆ ต้องฆ่ามันเรื่อยๆ ถือว่าเป็นงานที่หนักเหมือนกันนะ-.- ปล.พรหม นั้นมีอายุครับแต่นานมากๆพอท่านหมดอายุพรหมแล้วจะมีพรหมองค์ใหม่มาทำหน้าที่แทนครับจนกว่า สัตว์นรกจะไปนิพพานหมดอ่าแล
-เป็นไปไม่ได้มั้งคะ ไม่มีอะไรที่พระญาณของพระพุทธเจ้าจะไม่รู้ เพราะท่านเป็นสัพพัญู คือไม่มีอะไรที่พระพุทธเจ้าจะไม่รู้ (เข้าใจอย่างนี้ค่ะถ้าผิดยังไงก็ขออภัยด้วยค่ะ) -ถ้าเราขึ้นนิพพานไปกันหมดแล้ว แล้วจะเกิดมาอีกเพื่ออะไรคะ เพราะนิพพาน ไม่มีการเคลื่อนอีกไม่ใช่เหรอคะ ถ้ามีการเคลื่อนอีก ก็ไม่ใช่นิพพาน (เข้าใจอย่างนี้ค่ะถ้าผิดยังไงก็ขออภัยด้วยค่ะ)
ลองค้นหาอ่านในหนังสือกระโถนข้างธรรมมาศ ฉบับไหนผมจำไม่ได้แล้ว.ช่วง3-เดือนก่อนหรือไง..ยังไงลองหามาอ่านดูนะครับ
พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้แจ้งโลกทำไมท่านจะไม่รู้ล่ะ ที่เราไม่รู้เพราะเรายังไม่มีปัญญาที่รู้แจ้ง อย่าว่าแต่โลกอื่นเลยแม้แต่โลกของเรา เรายังไม่รู้แจ้งเลย ทำดีไปเถิดหมั่นสวดมนต์เจริญจิตภาวนาพอบารมีสูงขึ้นบรรลุซึ่งพระสัตธรรมคำสอนของพระองค์แล้วท่านจะรู้เองแหล่ะ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ควรเชื่อว่า นรก สวรรค์ นิพพานมีจริง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ฉะนี้แลฯ
1. เรื่องที่มาของวิญญาณ อันนั้นเป็นความรู้ที่เกินพอดี รู้แล้วใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าอยากรู้เรื่องวิญญาณ ก็ควรรู้ให้แคบๆ รู้มาที่วิญญาณของเราคนเดียว ก็ดูลงไปว่า มันน่าจะจริงไหมที่ตัวเราที่เป็นอยู่นี้ กำลังอยู่ในกระแสกรรมของอดีตชาติที่มีมาไม่รู้แต่ไหน มีไม่เหมือนคนอื่นซะด้วย ต่างคนต่างมีลักษณะเฉพาะของตน ตอนแรกมันคงจะเหมือนกันหมดนะ แบบว่าผ้าขาว แต่สุดท้ายมาแตกต่างเพราะอะไรกันนะ เพราะกรรมที่ทำมาหรือ กรรมนั้นปรุงแต่งเป็นวิบากหรือ แล้ววิบากนั้นเป็นตัวกำกับบอกสภาพสังขาร(กาย ใจ)หรือ คิดอย่างนี้แหละ แล้วตรองดูว่าเชื่อไม่เชื่อ ใช่ไม่ใช่ ถ้าใช่แล้วทำไง ถ้าไม่ประมาท ก็ต้องทำดีไว้ก่อน เผื่อชาติหน้าจะได้ดีกว่านี้ ไม่ลำบากกว่านี้ แต่ก็อีกนั้นแหละ ไม่พ้นการสร้างวิบาก เพราะกรรมปัจจุบันก็เพราะวิบากในอดีตมากำกับอยู่เห็นๆ ไม่เห็นจะหนีมันพ้น ( เช่นหน้าตา น้ำเสียง กริยา ความชอบ ที่กำกับกริยาโดยรวม ) ปรุงให้มันดีขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่เผลอปรุงผิด --- เอ.....ยังไงดีหนอ 2. นรก ก็มีไว้ไป เสพความชอบแบบแปลกๆ ชอบพูดโกหกเล่นลิ้น ก็โดนเล่นลิ้นให้ยืดยาว ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็ลงไปเล่นกับความตาย ชอบทรมารเขาเราก็ถูกทรมาร คือ ทุกอย่างเป็นการเพื่อเสพสิ่งที่ชอบ อย่างพรหม คือพวกชอบนิ่งๆ สงบๆ ตายไปก็ไปเสพภาวะนิ่งๆ สงบๆ มีอภิญญาแค่ไหนสุดท้ายก็ติดสงบ พวกเสพความสุขยินดีปรีดาที่ไม่เป็นบาป ตายไปก็ขึ้นไปเสพความสุขแบบยินดีปรีดาที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ก็เทวดา พวกนิรบาล คือไม่เอาทั้งสุข ไม่เอาทั้งทุกข์ มีสภาวะเป็นกลางๆ พวกอุเบกขาไม่เลือก ก็นิ่งอย่างพรหม ก็เลยได้ลงไปดูทุกข์แต่ไม่ทุกข์ มีอาหารทิพย์เสพแต่ไม่สุข ก็ดูดีๆ ว่าทั้งหมดคือ วัฏสงสาร กับ กฏแห่งกรรม ไม่ใช่เกมเล่นสนุกๆ ไม่มีการเลิกเล่นกลางทาง ถ้าเป็นเกม อยากหยุดเล่นก็ต้องหยุดได้ ถ้าหยุดไม่ได้ตามใจจะเรียกว่าเกมหรือ น่าจะเรียกว่า ของจริง ไม่ใช่ เกมส์