จักรพรรดิเปิดโลก หลวงปู่ทองหล่อ วัดโปรดสัตว์

ประวัติหลวงปู่​

-....เกจิผู้เฒ่า ศิษย์เอกหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ศิษย์องค์เดียวที่ทันหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สืบเชื้อสายวิชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน สืบสายบรมครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ครูหลวงราชสำนัก ร.5 หลวงปู่ท่านทันกรมหลวงชุมพร

เปิดตัวเกจิผู้เฒ่า ๔ แผ่นดิน เพชรแท้ เมืองคนดีกรุงศรีอยุธยา เรียนกับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ขนานแท้ ศิษย์ทันหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้วิชามามากโขเจอหลวงพ่อปานครั้งสุดท้ายบนเรือแจว เรียนวิชา หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จากหลวงปู่เขียว วัดท้ายน้ำ หนึ่งไม่มีสองคุณครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ครอบครูต่อเพลงให้

หลวงปู่ทองหล่อ วัดโปรดสัตว์ เสกผ้ายันต์บินว่อน เสกตะกรุดลองปืน หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่สีวัดสะแก หลวงพ่อหน่ายวัดบ้านแจ้ง ออกปากชมเปาะ...

นี่แหละ...ของจริงหลวงปู่พระอุปัชฌาย์ ทองหล่อ อภินนฺโท
- เรียนวิชากับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติสมัยเป็นสามเณรคะนอง วัย 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ
- เรียนวิชากับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายหลวงพ่อปานอยู่ในเรือแจวท่านมอบคาถาเคล็ดวิชาให้
- เรียนวิชากับ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เจ้าตำรับธรรมกายอย่างถึงแก่น
- เรียนวิชาชั้นหัวกะทิจากบรมครู หลวงปู่เขียว วัดท้ายน้ำ เพื่อน หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
- เรียนกับหลวงพ่อลือ วัดทำเลไท
- หลวงพ่อถม วัดชีปะขาว
- เรียนหนังเหนียวและจารตะกรุดให้หลวงพ่อบุญ วัดช่างทอง เกจิเหนียวมือหนึ่งอยุธยา
- เรียนสายวัดประดู่ในทรงธรรมกับหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ
- หลวงปู่ทองหล่อมีหลวงพ่อฟัก วัดทำเลไท ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์และเป็นพระอุปัชฌาย์เดียวกับ หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ด้วยหลวงปู่ทองหล่อเป็นเพื่อนสนิทสนมเล่นกันมากับหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนืออีกด้วย
- หลวงปู่เป็นพระทรงปาติโมกข์ สวดตั้งแต่พรรษาแรก ถึงอายุ 92 ปี(เลิกสวดเมื่อชราภาพมากแล้ว) เสียงใสชัดเจน ถึงกับ ได้ที่ ๑ ชนะเลิศทรงปาติโมกข์ ได้รับถวายเงิน 1,000 บาท และผ้าแพรพระราชทาน

หลวงปู่ทองหล่อ รูปนี้แหละที่สมัยหนุ่มๆ ตีระนาดเอกและได้รับครอบครูต่อระนาดเอกจาก คุณครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลชั้นหนึ่งและพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ พระราชทานเหรียญราชรุจิเป็นบำเหน็จรางวัล ต่อมาคณะปี่พาทย์ ลิเก มาให้หลวงปู่ครอบให้แล้วเจริญรุ่งเรืองหลายคณะ เข้าวัยชราหลวงปู่จึงเลิกครอบ

หลวงปู่ทองหล่อ วัดโปรดสัตว์ ปรมาจารย์เมืองกรุงศรี

สมณศักดิ์ที่ในหลวงพระราชทาน “ พระครูบรรหารนวกิจ” ตั่งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๑๗ หลวงปู่ อายุ 94 พรรษา 73 (ปัจจุบัน 96 ปี) มากที่สุดในอยุธยา ต้องกล่าวว่า หลวงปู่ทองหล่อ สืบวิชา สำนักวัดประดู่ในทรงธรรมอย่างแท้จริง เพราะหลวงปู่บวชตั่งแต่เป็นสามเณร ไปอยู่กับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ร่องเรือไปเรียนวิชากับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พออายุ 21 บวชกับหลวงพ่อฟักวัดทำเลไท เกจิอดีตเสือเก่าอยุธยา รูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ เป็นอุปัชฌาย์เดียวกับหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ต้องบอกว่า

อาจารย์รูปที่ 1 หลวงปู่ทองหล่อ ศิษย์หลวงพ่อฟัก วัดทำเลไทย ซึ่งเป็นอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ด้วย

จากนั้นไปเรียนกับ หลวงพ่อเขียว วัดท้ายน้ำผู้เป็นสหธรรมมิก กับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อเขียวองค์นี้สร้างพระกรุสนิมแดง ปี 2461 หลวงพ่อเขียวท่านอยู่กับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จำพรรษาที่แพน้ำใต้ต้นโพธิ์หน้าวัดท้ายน้ำ หลวงพ่อเงิน กับหลวงพ่อเขียว เคยนั่งสมาธิเข้าฌาน เยี่ยมโยมพ่อของท่านทั้งสองด้วยกัน และยังลองตะกรุดโทน หลวงพ่อเขียวยิงไม่ออก หลวงพ่อเงินออกดังปั้งแต่ไม่มีลูกปืน หลวงพ่อเขียว มาสอน หลวงปู่ทองหล่อ และขนตำราหลวงพ่อเงินบางคลานมาสอนหลวงปู่หล่อ องค์เดียว

อาจารย์รูปที่ 2 หลวงปู่ทองหล่อเป็นศิษย์สายตรง หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน และ หลวงพ่อเขียว วัดท้ายน้ำรูปเดียวที่ยังเหลืออยู่

จากนั้นไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อบุญ วัดช่างทอง เกจิเก่ายุคก่อน 2500 เจ้าตำรับ “คงกะพัน มหาอุด” ขึ้นชื่อที่สุดของมณฑลกรุงเก่า คอยจารตะกรุดให้หลวงพ่อบุญ

อาจารย์รูปที่ 3 หลวงปู่ทองหล่อ ศิษย์ หลวงปู่บุญ วัดช่างทอง สายตรงวิชาแม่มณฑลกรุงเก่า ที่ปัจจุบันหาทำยาได้ยาก

หลวงปู่หล่อ เป็นศิษย์เรียนวิชาสายวัดประดู่ในโรงธรรมสายตรงถึงองค์หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และเป็นศิษย์หลวงพ่อกลั่น องค์เดียวที่ยังอยู่(อายุมากถึง 94 ปี)หลังจากนั้นเรียนกับ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ ศิษย์เอกหลวงพ่อกลั่น และเป็นเจ้าอาวาสวัดพระญาติทรงภูมิที่สุดแห่งอยุธยา เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม และหลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ อีกด้วย

อาจารย์รูปที่ 4 ,5 หลวงปู่หล่อจึงเป็นศิษย์ วัดประดู่ในโรงธรรมอย่างมิต้องสงสัย จาก หลวงพ่อกลั่น พอหลวงพ่อกลั่นมรณภาพแล้วจึง เรียนต่อจากหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ

ช่วงหนึ่ง หลวงปู่ทองหล่อ เดินทางเข้าพระนคร ไปเรียนวิชา ธรรมกายกับพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด)วัดปากน้ำภาษีเจริญ เดินทางไปเรียนพร้อมกับ หลวงพ่อกัน วัดบ้านกลิ้ง อยุธยา (มรณภาพแล้ว) และยังได้เรียนสมณธรรมเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐานไปพร้อมกันเป็นการฝึกอบรมจิต หลวงปู่ให้ได้มรรค ผล นิพพาน

อาจารย์รูปที่ 6 หลวงปู่ทองหล่อจึงเป็นศิษย์ หลวงพ่อวัดปากน้ำ องค์จริงขนานแท้และดั้งเดิม

อาจารย์รูปที่ 7 อาจารย์ฆราวาส คนสำคัญ คือคุณครูจางวางทั่ว พาทยโกศล ผู้คุมปี่พาทย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต จางวางทั่ว ครอบและต่อระนาดเอกให้หลวงปู่ทองหล่อ

อาจารย์รูปที่ 8 หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สอนหลวงปู่หลายครั้งหลายหน เพราะเจอกันบ่อย ได้วิชามาเยอะ

อาจารย์รูปที่ 9 หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ ให้หลวงปู่ทองหล่อลง ยันต์มหาจักรพรรดิและ ตะกรุดคู่ชีวิตให้เพื่อเอาไปทูลเกล้าถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตะกรุดยุคกลางๆของหลวงพ่อนอ หลวงปู่ทองหล่อนี้แหละคนลงจาร เรียนกันตอนนั้นดับตะเกียงเรียนวิชาแต่ทำไม ชาวบ้านเห็นหลวงพ่อทั้ง 2 ลอยอยู่บนหลังคากุฏิก็ไม่รู้

หลวงปู่ทองหล่อท่านเป็นคนจริงพูดตรงเสกพระได้ขลัง ทายใจบอกเรื่องล่วงหน้าถูก เป็นเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกพระตั้งแต่ยุค 2500 ร่วมสมัยกับเกจิรุ่นแก่หลายองค์ เกจิรุ่นเก่าเหล่านั้นต่างยกย่องชมเชยหลวงปู่ทองหล่อ ว่ากระแสจิตดี มีพลัง เสกของได้ขลัง ถึงขนาด หลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์กบเจา หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อหน่าย หลวงปู่สีห์ ออกปากชมในวิชาอาคมและพลังจิต ยกย่องให้เป็น “เสือบางปะอิน สิงห์ขนอนหลวง” หลวงปู่ทองหล่อ ท่านเปรียบเหมือนเสือซ่อนเล็บ ที่ไม่ว่าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่เล็กต้องมีชื่อท่าน ท่านไม่คุยไม่ค่อยพูดมาถึงก็เสกแล้วเดินกลับ เคยมีงานหนึ่งท่านมาเร็ว พอเข้าเสกแล้วเกจิหลายรูปไม่สามารถจับสายสิญจน์ต่อจากท่านได้ หลวงปู่ทองหล่อ ท่านรู้ล่วงหน้า ท่านลืมตา มาวางสายสิญจน์และกราบพระประธาน จากนั้นเกจิที่นั่งมองท่านจึงกราบท่านแล้วค่อยจับสายสิญจน์ได้ แต่หลวงปู่ท่านก็เดินกลับวัดไปแล้ว

หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติสอนวิชาให้หลวงปู่ทองหล่อ หลวงพ่ออั้นเคยบอกว่า “หล่อ”นี่เป็นเกจิไม่ดังเปรี้ยงป้าง มีคนสองกลุ่ม ใช้คือ เสือ ปล้น กับ ยากจน เสือปล้นใช้แล้วมหาอุตม์ยิงไม่ออก แคล้วคลาด คนจนอยากรวยต้องใช้ของหลวงพ่อหล่อ เพราะ จะรวยแกลงมนต์สีวลีเรียกลาภขึ้น

หลวงปู่ทองหล่อลงผ้ายันต์พัดโบก 2 ผืน สีขาว สีแดงติดไว้หัวนอนเทวดามากราบไหว้หลวงปู่ขออานุภาพผ้ายันต์ผืนใหญ่ และมีอานิสงส์ให้คนที่ไปกราบท่านได้รับความสุขความเจริญ ไล่อุปสรรคได้สบาย หลวงปู่เสกผ้ายันต์บินได้ ใครๆก็รู้ผ้ายันต์ผืนนี้เจ๊กมาขอซื้อให้ราคา 3,000 บาทเมื่อปี 2499 คิดดูสมัยนั้นแพงขนาดไหน

คนอยุธยานับถือหลวงปู่มาก เจ็บไข้ได้ป่วยไม่รู้สาเหตุต้องมาให้หลวงปู่รดน้ำมนต์ หายสนิท หลวงปู่ทองหล่อท่านเป็นเกจิยุคเก่าแก่ เป็นเกจิมานาน สร้างเหรียญรุ่นแรกตั่งแต่ปี 2517 ครูดีสายดี พิธีใหญ่ อย่างพิธีจักรพรรดิ 2515 ต้องมีหลวงปู่ทองหล่อ พิธีวัดระฆัง สมเด็จโต ต้องมี หลวงปู่ทองหล่อ พิธีวัดพระแก้วงานหลวง มีบัญชาให้หลวงปู่ทองหล่อองค์นี้แหละเข้าไปเสก พระที่หลวงปู่ท่านสร้างเองเททองเองเสกเดี่ยวเองจะไม่ดี ได้หรอ...

อยุธยาเมืองไม่สิ้นคนดี หลวงปู่หล่อสร้างพระทั้งที ไม่เอาของดีแล้วจะเอาอะไร
สรุปสั้นๆ
* หลวงปู่ดู่ วัดสะแกแรงอย่างไร หลวงปู่ทองหล่อแรงอย่างนั้น เพราะเรียนมาด้วยกัน
* หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือขลังอย่างไร หลวงปู่ทองหล่อขลังอย่างนั้น เพราะทั้งเรียนและอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน
* ตะกรุดเหนียวหลวงพ่อบุญ วัดช่างทอง เจ้าตำรับคงกระพัน มหาอุตม์ ขึ้นชื่อที่สุดของมณฑลกรุงเก่า หลวงปู่ทองหล่อนี่แหละลงจาร
* หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ สำนักวัดประดู่ในทรงธรรม แรงอย่างไร หลวงปู่ทองหล่อองค์นี้แหละทำได้
* หลวงพ่อฟัก วัดทำเลไทย เสือเก่าเป็นอาจารย์และอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ทองหล่อ
* หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานเพื่อนหลวงพ่อเขียว หลวงพ่อเขียวถ่ายทอดวิชาหลวงพ่อเงินให้หลวงปู่ทองหล่อองค์นี้

 

หุ่นพระนารายณ์ทรงครุฑยึดนาคที่มาของตราจักรพรรดิ์

หุ่นพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาคตราโบสถ์พระราชทานวัดโปรดสัตว์ ที่มาของต้นแบบเหรียญจักรพรรดิ์เปิดโลกหลังยันต์จักรพรรดิ์ของหลวงปู่ทองหล่อ

 

เหรียญจักรพรรดิ์เปิดโลกเนื้อเงิน หลวงปู่ทองหล่อ

เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ลูกศิษย์รอนานมาก เหรียญที่บ่งบอกว่าเป็นตำรับตำราสายวัดประดู่ในทรงธรรมอันทรงพลังอย่างแท้จริง

พระนารายณ์ทรงครุฑตราหน้าโบสถ์วัดโปรดสัตว์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสนิทพงศ์พัฒนเดช อดีตปลัดทูลฉลองกระทรวงทหารเรือ สมัยรัชกาลที่5พระราชทาน

ตรามหาจักรพรรดิ์ที่ด้านหลัง แสดงถึงความยิ่งใหญ่ มหาอำนาจเพิ่มบารมี ชนะทุกอย่างเหรียญนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดินที่อยากเจริญก้าวหน้าต้องมาบูชาเหรียญนี้ เพราะครบถ้วนสมบูรณ์เชิญสร้างเป็นเหรียญรุ่นแรก

เกิดเหตุมหัศจรรย์คือ ใครที่บูชาดวงตรามหาจักรพรรดิ์แล้วเป็นใหญ่เป็นโต มีทรัพย์สินเงินทองการทำมาค้าขายดีเจริญงอกงามการทำมาหากินคล่องตัว ยันต์จักรพรรดิ์ด้านหลัง เสริมพุทธคุณให้สูงส่งมาก หนุนดวงเสริมดวงปราบสิ่งเลวร้ายขจัดทำลายอุปสรรคขวากหนาม มีความเจริญก้าวหน้า เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งเสริมชะตาบารมีเพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทอง ความสุขความสบายมั่งมีศรีสุขลาภผลเพิ่มทวี ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีตลอดกาลพร้อมทั้งขจัดปัดเป่าสิ่งที่เป็นอัปมงคลป้องกันเสนียดจัญไรป้องกันภูติผีปีศาจ แคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยพิบัตินานาประการ นอกจากนี้เหรียญนี้ยังมีครบคือ
* ยันต์หนุมาน ชนะศัตรูหมดสิ้นเก่งกาจมหากาฬ
* ยันต์สุครีพครองเมือง ทำลายอาถรรพ์ ปราบภัยพิบัติ ระงับทุกข์โทษภัย
* ยันต์ราชสีห์คู่ มีอำนาจตบะเดชะ คนเกรงขาม (ตอกโค้ดและหมายเลขทุกเหรียญ)
- เนื้อเงิน สร้าง 51 เหรียญ
- เนื้อตะกั่วเถื่อน สร้าง 2,106 เหรียญ
- เนื้อทองแดง ผิวปรอทรมน้ำตาล สร้าง 2,580 เหรียญ

 

เหรียญจักรพรรดิเปิดโลก เนื้อเงิน

พูดถึงเหรียญนี้ เป็นของดีมีครบทุกอย่าง ประวัติหาอ่านเอาได้ทั่วไป ท่านสร้างขึ้นมาโดยอาศัยตราโบสถ์พระราชทานสมัยรัชกาลที่5

สมัยนี้ศิษย์พี่ของท่านหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือสร้างเหรียญนารายณ์ราคาสูงหายากมากๆที่สำคัญของปลอมยังระบาดอีกด้วย ดังนั้นเก็บเหรียญนารายณ์รุ่นแรกของหลวงปู่ทองหล่อไว้ ใช้เเทนกันได้เเน่นอน

ยิ่งยันต์จักรพรรดิข้างหลังด้วยเเล้ว หลวงปู่ท่านทำขึ้นเสกเป็น มีกำลังหนุมาน สุครีพเเละราชสีห์คู่เป็นตัวหนุนยิ่งหายห่วง อนาคตจะหายากมากๆเหมือนเหรียญนารายณ์หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือโดยเฉพาะเนื้อเงินแบบนี้ สร้างเเค่ 51 เหรียญเท่านั้น

ศรัทธามากจึงตามไปเก็บเพิ่มมาอีก2เหรียญ มีพระเกจิชื่อดังจับเหรียญนี้ถึงกับสะดุ้งออกปากว่าแรงเห็นเป็นเทพองค์ใหญ่ๆ ยืนเฝ้าโบสถ์ ที่ให้จับคือจับตอนพระอยู่ในกล่องมีทิชชู่ห่อซึ่งก็แปลกเพราะว่าตราจักรพรรดินารายณ์นี้เป็นตราโบสถ์พระราชทาน ซึ่งตรงกันโดยบังเอิญซะอย่างนั้น

ตอนนี้มีเหรียญเนื้อเงิน เบอร์12 15 16 ซึ่งถือว่าพิเศษมาก เพราะว่า เป็นเลขกำลังวันของวันจันทร์เเละวันศุกร์ เสริมเสน่ห์เมตตาแก่ผู้บูชา เเละเบอร์16ถือว่าเป็นองค์พิเศษจริงๆเพราะเป็นกำลังโสฬสมงคล

พระนารายณ์หลวงปู่ทองหล่อรุ่นนี้ถือฤกษ์เสก15วันเเละเสกปิดอีก1วัน รวมเป็น16วัน หลวงปู่ทองหล่อเสกเหรียญ16วันเท่ากับกำลังโสฬสและเหรียญที่ตอกหมายเลข16ตรงกับกำลังโสฬสนี้จึงถือว่าเป็นอะไรที่พิเศษมากๆของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ตัวเลขเเต่ละตัวล้วนมีคุณค่าและความหมายในตัวเองดังนั้นใครชอบเลขสวยๆดีๆไม่ควรพลาด

หากมองดูเเล้วเหรียญรุ่นนี้ถือว่ามีครบเพราะด้านหน้าเป็นมหาเทพพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค เป็นสัญลักษณ์แทนความยิ่งใหญ่ทั้งพื้นดิน บนฟ้าหรือใต้ผืนน้ำ

ด้านหลังยังมียันต์จักรพรรดิที่เป็นคุณของพระรัตนตรัยทั้งสามคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ประทับอยู่พร้อมด้วยหนุมานที่เก่งกาจมีพร้อมทุกด้านทั้งรบและรักพร้อมกับสุครีพที่ใช้ล้างอาถรรพ์ได้ทุกชนิดเเม้เเต่ครั้งทศกัณฑ์ยกฉัตรแก้วสุรกานต์สะกดทัพพระรามสุครีพยังตามไปหักฉัตรแก้อาถรรพ์ได้แถมด้านล่างยังมีราชสีห์คู่วางลงไว้พร้อมกันจะเเรงกว่าการลงนะหน้าทองหรือสาลิกาลิ้นทองซักร้อยครั้งอีกด้วย พร้อมกับยันต์สายหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคกำกับทั้งเหรียญ

หายห่วงได้เลยในเรื่องความแรง รูปทรงก็สวยงามมองทีเเรกนึกถึงเหรียญแบบซุ้มกระจังมองไปทางพระเจ้าสัว จะเรียกว่าเหรียญเจ้าสัวนารายณ์ก็ไม่ผิด เพราะรูปแบบออกมาคล้ายๆเหรียญเจ้าสัวจริงๆ

สมัยนี้ศิษย์พี่ของท่านหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ เหรียญนารายณ์ราคาสูงหายากมากๆที่สำคัญของปลอมยังระบาดอีกด้วย ดังนั้นเก็บเหรียญนารายณ์รุ่นแรกของหลวงปู่ทองหล่อไว้ ใช้เเทนกันได้เเน่นอน ยิ่งยันต์จักรพรรดิข้างหลังด้วยเเล้ว หลวงปู่ท่านทำขึ้นเสกเป็น มีกำลังหนุมาน สุครีพเเละราชสีห์คู่เป็นตัวหนุนยิ่งหายห่วง อนาคตจะหายากมากๆเหมือนเหรียญนารายณ์หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือโดยเฉพาะเนื้อเงินแบบนี้ สร้างเเค่ 51 เหรียญเท่านั้น

 

ใครมีประสบการณ์ก็มาเล่ากันนะครับ

ส่วนตัวผมเเล้วก็ใช้เเค่เหรียญเดียว ในความรู้สึกคือจะเนื้อไหนไม่ว่าเงิน ทองแดงหรือตะกั่วก็เสกพร้อมเเละเหมือนกันหมด ดังนั้นหากบูชาเพื่อหวังพุทธคุณเเล้วย่อมจะเหมือนกันแน่นอน

ที่ห้อยเหรียญนี้ เพราะอาจารย์ท่านบอกว่าสามารถล้างอาถรรพ์ได้ทุกอย่างทุกชนิดแล้วส่วนตัวก็โฉลกกับวัตถุมงคลประเภทพระนารายณ์อยู่เเล้วถือว่าเป็นเรื่องแปลกทีเดียวเพราะห้อยเเล้วมันออกจะสมบูรณ์แบบไปหมด กล่าวคือใครๆว่าเป็นมหาปราบแต่เรากลับรู้สึกว่าใช้เเล้วมันดูดีมีเสน่ห์แบบประหลาด จากประสบการณ์ส่วนตัวผมว่าดีกว่าพกพวกขุนแผนอะไรเทือกนี้

เพราะพระนารายณ์ก็เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าชั้นสูง เป็นสัญลักษณ์ของเอกบุรุษที่สมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับประวัติของท่านล้วนเป็นสิ่งที่เลอเลิศที่สุดเช่นเครื่องประดับอกก็เป็นแก้วเกาสตุภะที่มีค่ามากที่สุด พระมเหสีก็พระลักษมีเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่ดีพร้อมและงดงามเป็นที่สุด ส่วนครุฑที่พระนารายณ์ทรงขี่ก็ไม่ใช่ครุฑทั่วๆไปเพราะว่าในตำนานครุฑเองก็มีหลายกำเนิดหลายเหล่ากอมากมายหลายตนแต่ครุฑที่พระนารายณ์ขี่นั้นเป็นเทพเดรัจฉานที่มีอำนาจเสมอด้วยพระเป็นเจ้า แม้เเต่วัชระหรือสายฟ้าของพระอินทร์ที่เป็นสุดยอดอาวุธก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ในตำรากล่าวว่าตอนครุฑเกิดนั้นมีรัศมีเหมือนพระอัคนีเทวดาต่างเข้าใจผิดยกมือไหว้คิดว่าเป็นพระอัคนี จะเห็นได้จากตำนานทางฮินดูว่าเเม้เเต่พระนารายณ์เองก็มีความเกรงใจองค์ครุฑอยู่เหมือนกันไม่ใช่จะเรียกใช้เมื่อไหร่ตอนไหนเหมือนยานพาหนะส่วนตัวก็ได้ครุฑของฮินดูที่เป็นพาหนะพระนารายณ์นั้นเก่งกล้าขนาดมีชัยชนะเหนือพระอินทร์สามารถต่อสู้เสมอกับพระนารายณ์ซึ่งเป็นพระผู้เป็นเจ้าได้

ดังนั้นรูปลักษณาการที่พระนารายณ์ประทับบนพญาครุฑซึ่งยึดนาคไว้ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของภพภูมิทั้งสาม ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ในรูปแบบหนึ่ง เพราะพระนารายณ์นั้นก็เปรียบได้กับผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในพื้นเเผ่นดินทั้งหมดทั้งมวล ซึ่งในมือของพระนารายณ์จะทรงศาสตราวุธอยู่4ชนิด คือตรี คฑา จักร สังข์ ซึ่งกล่าวได้เลยว่าหากพูดถึงความเป็นจริงเเล้วอาวุธทั้ง4นั้นล้วนมีความหมายในตัวของมันเองไม่ใช่สิ่งของที่เอาไว้ใช้ฆ่าฟันหรือรบสู้จริงได้ ของทั้ง4นี้ล้วนเป็นสัญลักษณ์เป็นเครื่องสูงสำหรับพระมหากษัตริย์
- ในคติของฮินดูนั้นพระนารายณ์จะทรงถือจักรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัตถุที่มีความเคลื่อนไหวในตัวของมันตลอดเวลาไม่มีหยุดนิ่งเปรียบได้กับดวงตะวันเพราะพระนารายณ์เองในชั้นต้นพระองค์ก็ถูกเปรียบเป็นองค์แทนของดวงตะวันเช่นกัน
- ในด้านหอยสังข์นั้นก็ไม่เคยมีใครเห็นเเน่นอนว่าพระนารายณ์จะเอาเปลือกหอยไปปาหัวใครเเล้วรบชนะ หอยสังข์นี้เป็นเครื่องสูงว่ากันจากในตำนานสังข์อสูรที่กลืนพระเวทย์ของพระพรหมเข้าไว้ในตัว ภายหลังพระนารายณ์ตามลงไปปราบเเละถือว่าเปลือกหอยนี้คือของมงคลเนื่องจากได้เคยบรรจุพระเวทย์ของพระพรหมไว้นั่นเอง ดังนั้นเวลามีงานมงคลก็จะนำหอยสังข์นี้เเหละบรรจุน้ำไปใช้ในการพิธีต่างๆเพราะถือว่าน้ำที่ผ่านตัวหอยเข้าไปภายในนั้นย่อมกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง
- คฑาแน่นอนว่าอาวุธชนิดนี้ไม่สามารถเอามาใช้ในสงครามได้ ไม่เคยมีใครเคยอ่านเทพนิยายที่จะมีอสูรหรืออะไรโดนคฑาตีตาย ซึ่งคฑานี้เองก็เป็นเครื่องสูงเช่นกัน จะเห็นได้ว่าพระมหากษัตริย์สมัยโบราณเวลาจะสำเเดงพระราชอำนาจหรือจะสั่งการณ์งานบ้านเมืองเเละเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มักจะทรงคฑาไว้เสมอ เปรียบได้กับเป็นวัตถุที่เเสดงถึงพลังอำนาจที่จะบงการชีวิตหรือสามารถใช้สั่งการงานบ้านเมืองได้
- ส่วนตรีนั้น อันนี้เป็นเรื่องแปลกเพราะเเม้เเต่ในคติฮินดูก็ไม่ปรากฏที่จะมีพระนารายณ์ถือตรีอยู่เลย มือข้างนี้หากไม่ถือดอกบัวก็มักจะอยู่ในลักษณะประทานพร ในตำรามักจะกล่าวไว้เสมอว่า พระนารายณ์ทรงอาวุธสี่อย่าง คือ สี่มือถือจักร สังข์ คฑาและธรณี บางรูปจะเห็นว่าในมือท่านถือก้อนดินอาจจะหมายถึงพื้นโลกก็เป็นได้ จะเห็นว่าที่ท่านถือตรีนี้อาจจะมาจากคำว่าธาตรีที่เเปลว่าพื้นดินก็ได้ เพื่อจะเป็นสัญลักษณ์หรือความหมายว่าท่านเป็นใหญ่ในพื้นแผ่นดินนั่นเอง

ส่วนตัวครุฑนั้นก็เปรียบได้กับเจ้าฟ้าเป็นใหญ่ในท้องฟ้ามีฤทธิ์อำนาจสูงสุดสามารถสยบได้ทั้งสามภพภูมิ และนาคนั้นก็คือเจ้าแห่งผืนน้ำยิ่งใหญ่ในพิภพบาดาล ดังนั้นการรวมสัญลักษณ์ทั้งสามอย่างไว้ด้วยกันย่อมถือว่าเป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ์เพราะว่าหมายถึงการรวมเอาความหมายของการปกครองความยิ่งใหญ่ของสามภพมารวมกันนั่นเอง เคยเรียนถามอาจารย์ของผมเองท่านให้ข้อคิดว่า รูปพระนารายณ์นี้ต่อให้ไม่ได้เสกผีก็กลัวเพราะว่าสิ่งนี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์หลายๆอย่างอยู่ในตัวของมันเองอยู่เเล้วนั่นเอง

มาพูดถึงยันต์จักรพรรดิ์ด้านหลัง หลวงปู่ทองหล่อเคยเสกยันต์ลงจารเเทนครูบาอาจารย์รุ่นเก่ามาเเล้วดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหนักคอเปล่า เคยเรียนถามอาจารย์ว่ายันต์นี้ดียังไง ท่านบอกว่าเหมือนเอาพระพุทธคุณพระธรรมคุณพระสังฆคุณมารวมกันเวลาเสกก็ใช้เเก้วทั้งสามดวงนี้เเหละเสกเพราะฉะนั้นพระรัตนตรัยถือเป็นของดีของประเสริฐในโลกอย่างไรยันต์จักรพรรดิ์ก็เหมือนกันอย่างนั้น เวลาจะปลุกหากว่ารัตนมาลาได้ก็ว่าถ้าว่าไม่ได้เเค่พุทธคุณธรรมคุณสังฆคุณก็พอ

จะเห็นได้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาเลยไม่เเปลกที่จะเเก้เเละล้างอาถรรพ์ต่างๆได้ ประสบการณ์ส่วนตัวกับเหรียญนี้ก็มี3เรื่อง
- เรื่องเเรกที่อาจารย์ท่านสัมผัสเเล้วบอกว่าเห็นเป็นเทวดาองค์ใหญ่ยืนเฝ้าโบสถ์ทั้งๆที่ท่านไม่รู้ว่าเป็นตราโบสถ์พระราชทานไม่รู้จักหลวงปู่ทองหล่อเเถมยังกล่าวอีกว่าเสกได้ดีมีองค์
- เรื่องที่สองคือการการันตีซ้ำสองว่าสามารถกันเเละล้างอาถรรพ์ได้ทุกชนิด
- เรื่องที่สามห้อยเเล้วรู้สึกเงินทองไม่ขาดมือดูมีสง่าราศรีไปไหนครูบาอาจารย์หรือเพื่อนก็ทักว่าเหมือนคนละคนดูหน้าผ่องกว่าเก่า ที่เหลือเชื่อเลยคือนัดเพื่อนไว้มันนั่งรออยู่ เราเดินไปถึงหน้ามันมันกลับไม่รู้ตัว บอกว่ารู้สึกเหมือนไม่ใช่เราทั้งที่เป็นเพื่อนสนิท มันบอกว่าถ้าเราเดินเลยไปมันก็จำไม่ได้ ไปทำอะไรมาทำไมถึงดูไม่เหมือนเดิมดูดีขึ้น นี่คือคำพูดของเพื่อนที่เจอหน้ากันทุกวัน

 

ใครมีประสบการณ์กับวัตถุมงคลหลวงปู่ก็เอามาเล่าเผยเเพร่กันนะครับ พระดีราคาถูกสามารถหาบูชาได้ราคาวัดด้วย ไม่ต้องเอาเนื้อเเพงๆเนื้อธรรมดาหากเช่ามาใช้เเล้วถูกโฉลกก็ได้ผลเหมือนกันเเน่นอน

 

ตอนนี้กำลังจะลองห้อยพ่อแก้เนื้ออัลปาก้าอยู่ เห็นว่ามีประสบการณ์กันเยอะ พ่อปู่ฤาษีใจดีของท่าน ใครสนพระสายอยุธยาก็หาของมาใช้กันได้นะครับ พรรษาท่านสูงพลังจิตท่านไม่ธรรมดาพระเเบบนี้น่าบูชาจริงๆ เหรียญพระนารายณ์เนื้อทองแดงก็แค่เหรียญละ2-3ร้อย ไปกราบทำบุญกับท่านที่วัดก็ได้บุญเป็นมงคลแก่ชีวิตมากๆ

 

รบกวนช่วยขยายรูปให้ดูด้วยได้ไหม อยากเห็นรายละเอียดแบบชัดๆ

 

อยู่ไหนครับ
วัดนี้

 

ดีเลยครับที่พูดถึงหลวงพ่อขึ้นมา ผมขอแนะนำว่าไปกราบท่านซะนะครับ

 

อยู่อยุธยาครับ

 

พิมพ์เหรียญจักรพรรดิ์เปิดโลกในกูเกิ้ลครับ เวปหลายๆเวปถ่ายรูปไว้ชัดมากเเล้วเหรียญก็คมชัดสวยงามดี

 

มีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับองค์หลวงปู่ก็นำมาเเชร์พูดคุยกันนะครับ ผมนับถือเเต่ก็ไม่ได้มีโอกาสสัมผัสองค์ท่านเท่าไหร่

 

ประสบการณ์ของผมหลักๆ จะเป็นประสบการณ์ทางจิตซะมากกว่าครับ ซึ่งก็อธิบายกันยากครับ (เพราะผมเป็นศิษย์ขึ้นกรรมฐานกับหลวงพ่อครับ)

เอาเป็นว่าแนะนำก็แล้วกันนะครับ

 

เคยไปกราบท่านเมื่อ 5 ปีก่อน เสียดายวันนั้นท่านติดกิจนิมนต์

จึงไม่ได้พูดคุยกับท่าน แต่ยังโชดคี ได้เช่าตะกรุดโทนของท่าน

รีบให้ท่านเป่าคาถาให้อีกครั้ง ได้รับมากับมือท่าน ท่านบอกเอาไว้ใช้ รักษาให้ดี

ท่านมีเมตตามากครับ มีโอกาสลองไปกราบท่านนะครับ

แต่ทางที่ไปไม่ค่อยมีป้ายบอกทาง ต้องถามชาวบ้านครับ

ขอให้หลวงปู่แข็งแรงครับ

 

ชื่อวัดโปรดสัตว์ ฟังเเล้วรู้สึกเป็นมงคลมาก

 

เพิ่มเติม
ไปอ่านประสบการณ์เจอมา เห็นเขาว่าเหรียญครุฑหลังยันต์จักรพรรดิ์ของท่านทหารลองยิง ยิงไม่ออก

 

โทษครับ ที่ ข้อความไม่ชัด

อยากถามว่า

ตำบลไหน อำเภอไหน ครับ

เพราะ ที่หัวกระทู้ ทราบแล้วครับว่า อยุธยา

ขอบคุณครับ

 

ต.ขนอนหลวง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

 

มีประสบการณ์ที่พอจะแบ่งปันกันได้บ้าง เอาที่เล่าได้ละกันนะครับ พอจะนึกออกดังนี้ครับ

วันหนึ่งที่ผมไปกราบพระหลวงปู่ท่านหนึ่ง(ซึ่งท่านเป็นศิษย์สายครูบาอาจารย์ที่เป็นเกจิโด่งดังยุคเก่าท่านนึง) วันนั้นผมเข้าไปกราบท่านและได้พูดคุยกับท่าน ตอนนึงผมได้สอบถามท่านเรื่องกรรมฐาน ท่านก็เลยสอบอารมณ์ผมกลับทันทีโดยวิธีที่ท่านหลับตาลงสักครู่ แล้วลืมตามาถามว่า เราขึ้นกรรมฐานกับใครมาน่ะฉันไม่รู้จักหรอกนะแต่ท่านเนี้ยเก่งมากเลยนะ (ซึ่งวันนั้นทั้งวันที่ผมคุยกับท่าน ผมไม่ได้คุยหรือบอกเรื่องหลวงพ่อทองหล่อเลยครับ) เล่าเท่านี้ละกันนะครับ ที่พอจะเล่าได้