การตามผู้นำ

วันก่อนข้าพเจ้าได้ไปวัดท่าซุง ตอนที่เรียนกรรมฐาน มีอยู่ช่วงหนึ่งพระอาจารย์พาไปดูจิตของคนชุนนุมเป็นเช่นไร (ลองใช้มโนยิทธิดูสิ) ก็จะรู้คำตอบ แล้วที่ไปของเค้าเป็นเช่นไร จิตของเค้าเศร้าหมอง มีแต่ความเกลียดชัง ที่ไปของเค้าคงไม่พ้นจากอบายภูมิทั้ง4 ส่วนคนที่เป็นผู้นำ จะได้รับผลเช่นไร ก็คงจะรู้ว่าผู้นำต้องได้รับโทษเยอะกว่าลูกน้องอยู่แล้ว นั้นก็คืออเวจีมหานรก ที่อยู่เดียวกับพระเทวทัต

พระอาจารย์ถามว่าเราตามหลวงพ่อมานาน ตอนเราไม่รู่้เรื่องอะไร หลวงพ่อทำในสิ่งที่ผิด ต้องตกนรก เราก็ตกนรกด้วย ตอนนี้หลวงพ่อไปนิพพานแล้ว เราอย่าหลงผิดอีกเลย อย่าไปตามกระแสสังคมที่มันมีแต่ความเร่าร้อนเลย ถึงแม้บางคนยังเป็นพุทธภูมิยังไม่อยากไปนิพพานชาตินี้ แต่เราเลือกได้ที่จะไม่ทำชั่ว ทำผิด ตกนรกอีกครั้ง เราเลือกจะช่วยเหลือแผ่นดินไทยได้ แต่ไม่ใช่วิธีนี้ จงเชื่อมั่นในความดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

 

ตัวข้าพเจ้าตามหลวงพ่อ ตามในหลวง มาหลายภพหลายชาติ พวกท่านลงมาเกิดเพื่อปกป้องบ้านเมือง ทำอะไรข้าพเจ้าก็ทำตาม ตกนรกก็ตกตาม ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าพเจ้ายังไม่ลาพุทธภูมิทีก็ตาม แต่ชาตินี้ ข้าพเจ้าพอมีสติ รู้ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่ดี (กรรมดี) สิ่งนั้นคือสิ่งที่ไม่ดี (กรรมชั่ว) ทุกคนไม่สามารถหนีกรรมได้ ถึงแม้ว่าเราจะทำเพื่อชาติบ้านเมืองก็ตาม
ข้าพเจ้ารู้ว่ายามไหนที่บ้านเมืองอ่อนแอ ระส่ำระสาย เราเองก็อดที่จะออกมาปกป้องบ้านเมืองไม่ได้ เพราะเราเคยชินกับสิ่งนี้มานาน แต่เลือกที่จะทำกรรมดีได้ แม้ว่าอกุศลกรรมจะมายั่วยุให้เราอยากจะตอบโต้ก็ตาม ขอให้ท่านจงมีสติ ไตร่ตรองดูแล้วกัน

ใช้มโนยิทธิให้เป็นประโยชน์ เราทำทาน ศีล ภาวนา อุทิศบุญให้เทวดาที่ดูแลประเทศได้นะ

ข้าพเจ้าใช้มโนยิทธิ ย้อนดูเหตุการณ์ในอดีต ข้าพเจ้ายอมผิดศีล เพื่อแลกกับบ้านเมือง แล้วไงอะ กรรมที่ข้าพเจ้าผิดศีลก็ตามมาให้ผล กรรมมันไม่เลือกหรอกนะว่าเราทำเพื่ออะไร ทีนี้ใครช่วยเราละ หรือ กรณีหลวงพ่อ ท่านเคยบอกว่ากรรมที่ท่านเป็นแม่ทัพต้องฆ่าสัตว์ ฆ่าคน มันเลยทำให้ท่านต้องเจ็บป่วยตลอด หรือ เรื่องของพระพุทธเจ้าก็มีให้เห็นออกเยอะ

 

๏ ราชาธิราชน้อม ในสัตย์
อำมาตย์เป็นบรรทัด ถ่องแท้
ฝูงราษฎร์อยู่ศรีสวัสดิ์ ทุกเมื่อ
เมืองดั่งนี้เลิศแล้ ไพร่ฟ้าเปรมปรีดิ์ ๚

จากจารึกโคลงโลกนิติ วัดโพธิ์

การแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ยาก ก็เอาหลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ใส่พานไว้ก่อนแล้ว เราก็แค่เปลี่ยนจากเรื่องการเมืองมาเป็น การเผยแพร่ธรรมะและให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพแทน เพราะต่อไปคงมีชาวนาและเกษตรกรเข้ามาร่วมอีกมาก ในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน ประชาชนชาวไทย ข้าแผ่นดินพระสยามินทร์ เราก็ต้องช่วยเหลือกัน นอกจากเงินบริจาคแล้ว กระผมเห็นว่าควรจะให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพเพื่อเพี่มรายได้ให้ชาวนากับผู้ชุมนุม และช่วยพัฒนาชาติต่อไปในระยะยาว เพราะการพัฒนาชาติจะใช้แต่หลักนิติศาสตร์กับรัฐศาสตร์ ไม่ได้

กระผมขอให้พี่น้องทุกท่านที่เข้าร่วมชุมนุม จะกลุ่มไหนหรือเวทีไหนก็ตาม ให้แจกสื่อความรู้ จะเป็นหนังสือ วีดีทัศน์ สารคดี เกี่ยวกับพระศาสนา พระพุทธธรรม พระธรรมเทศนา คำสอนพระมหาเถราจารย์ พระบรมราโชวาท พระราชกรณียกิจ แนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง โครงตามพระราชดำริ การเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ละครหรือภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยควรจะฉายขึ้นเวทีใหญ่ เวทีย่อย หรือเปิดฉายตามบูทก็ได้

และควรมีการแจกสื่อความรู้ จะเป็นหนังสือ วีดีทัศน์ สารคดี หรือเปิดบูทฝึกสอน อันเกี่ยวกับการประกอบอาชีพต่างๆ อย่าง ช่างไฟฟ้า ช่างคอมพิวเตอร์ ช่างไม้ ช่างศิลป์ ช่างแกะสลัก ช่างเครื่องยนต์กลไก ช่างซ่อมแซมและต่อเติมบ้าน งานประดิษฐ์ การตัดเย็บเสื้อผ้า การทำเครื่องประดับ การทำของตกแต่ง การทำเครื่องมือ เครื่องใช้ ของใช้ต่างๆ การทำขนม การทำอาหาร การออกแบบ การสร้างผลิตภัณฑ์ การปฐมพยาบาล การดูแลรักษาสุขภาพ การรักษาโรคแบบพื้นบ้าน ยาแผนโบราณ

รวมทั้งบอกกล่าวให้ชาวนาและผู้ที่มาร่วมชุมนุมนั้นเอาผลิตภัณฑ์ สินค้าพื้นเมือง ของกิน ของใช้ เครื่องมือ เครื่องใช้ งานประดิษฐ์ งานหัตถกรรม เครื่องประดับ ตกแต่ง ในแต่ละท้องถี่นมาขายในที่ชุมนุม หรือบริษัทห้างร้านใดที่ขาดคนงาน ก็ลองไปประกาศรับสมัครในที่ชุมนุม เพื่อช่วยเพี่มรายได้ มีอาชีพเสริม ช่วยต่อยอดผลผลิต พร้อมทั้งช่วยพัฒนาคุณภาพ ชีวิต ความเป็นอยู่ของครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น และยังเป็นการช่วยเหลือและพัฒนาชาติต่อไปอย่างยั่งยืน ดีกว่ามานั่งรอเงินจำนำข้าวซึ่งจะได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และเงินบริจาคก็อาจจะไม่เพียงพอต่อครอบครัว

เพื่อการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เพื่อความผาสุขแก่ชาติไทย เพื่อลดพระราชภาระและความทุกข์ยากของราษฎร เพื่อเผยแพร่ สืบทอด และธำรงพระพุทธศาสนา พระราชบัลลังก์ พระราชอาณาจักร ให้สถิตสถาพรสืบไป

ควรมิควรสุดแท้แต่จะกรุณา

 

เห็นด้วยกับคุณ "สุทธาวาส " ในการนำเอาหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการแก้ปัญหา อย่าพึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ลองเอาไปใช้ดู ถ้าเราพึ่งตัวเองได้ ก็เป็นการช่วยสังคมแล้ว



ปล.ข้าพเจ้าเองไม่ได้อยู่ฝั่งใด ข้าพเจ้าปฎิบัติตามแนวที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ขอยกตัวอย่าง
1.ให้เรายึดมั่นในศีล อย่างน้อยก็ศีล 5 ถ้าใครมีกรรมบท10 ก็ได้ (ศีลข้อที่1 การไม่เบียดเบียนกัน ไม่ทับถมให้อีกฝ่ายเสียหาย)
2.มีพรหมวิหาร4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) ถ้าหากใครคิดไม่เหมือนเรา ก็ต้องปล่อยวางอุเบกขา เพราะเค้าเองก็มีกรรมเป็นของเค้า เค้าตามใครมา เป็นบริวารของใคร เค้าก็ต้องเชื่อคนนั้น แต่ในฐานะที่เรารู้ธรรมะแล้ว เราเลือกได้
3.ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว (ไม่มีข้อยกเว้นว่าทำเพื่ออะไร)
4.ทำจิตให้ผ่องใส (จิตเศร้าหมอง มีที่ไปคืออุบายภูมิ)ลองสังเกตุดูเมื่อเราเสพข่าวเข้าใจ ใจเราลุ่มร้อนมั้ย มันทุกข์มั้ย มันอยากจะไปเข่นฆ่าคนอื่นมั้ย มันอยากทำให้อีกฝ่ายย่อยยับมั้ย
5.การไม่ถือมงคลตื่นข่าว เมื่อมีข่าวมาต้องวิเคราะห์ว่าผู้พูดต้องการอะไร ใครได้ประโยชน์ ใครเสียผลประโยชน์ เพราะถ้าเราเชื่อหมด ก็เหมือนกับการที่เราไปฟังใครเค้านินทาอีกฝ่่ายมา แล้วเราก็เชื่อเลย ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี
6. อนันตา ถือตัว ถือตน ตัวกูถูกหมด ใครคิดไม่เหมือนกู ผิดหมด มันไม่ใช่วิถีทางที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอน
ฯลฯ


ณ ตอนนี้ข้าพเจ้าเองก็ต้องใช้กำลังใจในการควบคุมจิตของตัวเอง ไม่ให้ไหลไปตามสังคม ไหลไปตามรัก โลภ โกรธ หลง ถึงแม้ว่ามันจะยาก แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อหลวงพ่อ สักวันความจริงต้องปรากฎ ใครทำอะไรไว้ต้องได้รับผลของมัน ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมได้

 

ผมว่าอย่าเอาทางวัด กับหลวงพ่อมายุ่งเรื่องการเมือง ดีกว่าครับ ผมกลัวว่าจะมีผู้ไม่หวังดี เอาไปปลุกปั่นกระแส จนเดือดร้อนถึงหลวงพ่อและวัดได้ครับ

 

ไม่รู้หรือครับ ว่านักบวชรูปนี้ เอาหลวงพ่อฤาษีไปแอบอ้างน่ะครับ