ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

พระ ที่คุณชาวพุทธแท้ ลงรูป

ตามความเห็นผมนะครับ ไม่ดีครับ
( เนื้อก็ไม่ดี ตรายางก็ไม่ใช่ )

ผมไม่ใช่เซียนนะครับ ลองฟังท่านอื่นด้วยครับ

 

อย่าเรียกผมว่าอาจารย์เลยครับ ผมความรู้เท่าหางอึง มิกล้าถึงขนาดนั้นหรอกครับ ครูพักลักจำน่ะครับ ^^

 

ตอนนี้ที่วัดยังมีวัตถุมงคลตกค้าง ที่ทันหลวงปู่เสกให้ทำบุญบ้างไหมครับ

 

มีนะครับ หลักร้อยยันหลักหมื่น

 

รบกวนพี่ๆช่วยตรวจสอบด้วยครับ ว่าแท้หรือไม่ และทันหลวงปู่ไหมครับ มี2วง รบกวนด้วยคับ

วงที่สอง

 

กราบหลวงปู่ครับ..................

 

สนับสนุนอีก 1 เสียงครับ รู้สึกว่าจะลงใน WEB ญาน..นะครับ

 

พระสมเด็จหลังจารฯ ครับ

 

พระพรหมเนื้อผง (ถอดพิมพ์จากเหรียญหล่อพระพรหม)
มีพระธรรมธาตุ

 

จีวรหลวงปู่ปั๊มยันต์ฯ

 

นางกวักเนื้อผง

 

ตะกรุดหลวงปู่ดู่หรือเปล่า แต่มีประสบการณ์ ผมศรัทธาหลวงปู่ดู่ ปกติสวดบทจักรพรรดิ์ ประจำ
ไปเจอตะกรุดที่สวนจตุจักร ตะกรุดวางอยู่ 20 กว่าดอกผมใช้มือเลือกตะกรุด
ไล่ดูตะกรุด อยู่ๆตะกรุดก็เข้ามาในมือ เหมือนมีใครนำตะกรุดเข้ามาวางในมือ
แต่ ผมไม่รู้ตะกรุดที่ไหน เลยบูชามา
ประสบการณ์ที่สอง รู้สึกปวดท้อง ก็สวดบูชาตะกรุด แตะที่ท้องอาการปวดท้องหาย

เข้ามาดูในเน็ต คิดว่าเป็นตะกรุดหลวงปู่ดู่

 

ประสบการณ์หลวงปู่ดู่ วันนี้ทำให้ผมแคล้วคลาดจากการเกิดอุบัติเหตุ สาธุๆๆ กราบหลวงปู่

 

ปกติผมเข้าเวปพลังจิตอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านคอลัมน์พระสักเท่าไร ส่วนใหญ่จะอ่านเรื่องทั่วๆไป เมื่อวานนี้บังเอิญเข้ามาดูในส่วนของพระเครื่องและวัตถุมงคล เห็นมีเรื่องของหลวงปุู่ดู่ เลยลองเปิดเข้าไปดูเห็นมีลงข้อความไว้ต่อเนื่องยาวหลายหน้ามาก ก็เลยเข้าไปอ่านเรื่อยๆ เพิ่งอ่านได้ซัก 60 หน้าเอง เห็นมีเนื้อหาสาระน่าสนใจมาก และอยากแชร์เรื่องของหลวงปู่บ้าง
่เริ่มต้นผมเริ่มสนใจและรับทราบของหลวงปู่ประมาณปี 31 แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปกราบหลวงปู่ เพราะเพิ่งเข้าทำงานยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง แต่มีพวกที่ทำงานไปนั่งกรรมฐานกับหลวงปู่หลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสใกล้เกษียณและมีรถส่วนตัว จึึงขับรถไปกันเอง จนแล้วจนรอดผมก็ไม่มีโอกาสได้ไปกราบหลวงปู่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ช่วงต้นปี 2532 ได้ข่าวว่าหลวงปู่มรณะภาพแล้ว รู้สึกเสียใจน้อยใจในวาสนาของตนเอง คงไม่ได้เป็นลูกหลายหรือสายบุญของหลวงปู่ จึงไม่ได้ไปกราบหลวงปู่ ทั้งๆ ที่ถ้าตั้งใจจะไปกราบจริงๆ ก็ไม่ถึงกับลำบากมากนัก เพียงนั่งรถ บขส.ไปลงที่ตัวจังหวัดอยุธยา แล้วต่อรถสองแถวที่ผ่านแถวคลองข้าวเม่าก็ไปถึงที่วัดแล้ว แต่เป็นเพราะไม่นึกว่าหลวงปู่จะสิ้นเร็วคงยังมีเวลาที่จะไปกราบหลวงปู่ ช่วงที่หลวงปู่สิ้นใหม่ๆ มีพวกที่ทำงานซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้วัดหลวงปู่ เวลากลับจากบ้านทีก็จะนำพระหลวงปู่มาให้เช่า โดยบอกว่าเป็นพระที่ีคณะกรรมการวัดทำการตรวจค้นกุฎิของหลวงปู่ บางส่วนคัดเก็บไว้เป็นสมบัติของวัด บางส่วนนำออกให้บูชา พระที่นำออกมาให้เช่ามีหลากหลาย บางแบบไม่มีการให้เช่าเพราะหมดไปจากวัดนานแล้ว แต่ไปค้นเจอทีหลัง เช่น เหรียญพรหมหล่อเนื้อทองเหลืองทองแดง แหวนปลอกมีดเนื้อทองเหลืองทองแดง ปี 24 แหวนพระพุทธปี 24 ปี 32 ตะกรุด และพระรุ่นเก่าๆ ทั้งเนื้อดินเนื้อผง ที่ให้พิมพ์พระโบราณมากดพิมพ์ พระบางองค์มีรอยเส้นดินสอ ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นพระที่หลวงปู่ทำพิธีตั้้งองค์พระ ผ้ายันต์จากผ้าจีวรของหลวงปู่ก็มี ในจำนวนนั้นมีตะกรุดมหาจักรพรรดิ์รวมอยู่ด้วย แต่ผมไม่ได้กับเขาหรอกเพราะของมีน้อย โชคดีที่คนทีสนใจเช่ามีแค่สี่ห้าคน ของจึงพอแบ่งกันไปมากบ้างน้อยบ้าง ส่วนใหญ่พระที่เป็นเหรียญพี่คนอื่นๆ เขาแย่งกันเช่าหมด ผมเป็นอาวุโสน้อยกว่าเขาก็ต้องรอที่มีเยอะหน่อย หรือไม่น่าสนใจ ผมก็จะเหมาส่วนที่เหลือไว้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นของที่ตกค้างอยู่ในกุฎิหลวงปู่จริง เพราะลองเทียบกับที่โชว์ในหนังสือ"พระผู้จุดประทีบในดวงใจ" ที่ผมเช่ามาในงานเผาศพหลวงปู่ราคาเล่มละ 50 บาท (เช่ามา 10 เล่ม) ก็มีตรงตามหนังสือ
ต่อมาอีกปีเศษก็มีการจัดงานพระราช่เพลิงศพหลวงปู่ คราวนี้ผมคิดว่าจะต้องไปให้ได้ และตั้งใจว่าจะไปเช่าวัตถุมงคลของหลวงปู่เพิ่มอีก ในวันงานผมนั่งรถ บขส.ที่หมอชิต ไปลงที่ตัวจังหวัดอยุธยา แล้วถามคนแถวนั้นว่าต่อรถสองแถวตรงไหน เนื่องจากงานหลวงปู่เป็นงานใหญ่งานหนึ่งของจังหวัด จึงมีผู้คนไปกันเป็นจำนวนมาก และมีรถมาร่วมให้บริการหลายคัน จึงต่อรถได้ไม่ยาก เส้นทางที่ไปพอออกมาจากตัวเมืองต้องมารอดใต้สะพานแถวโรงแรงไทไทพาเลส ไปฝั่งตรงข้ามมุ่งไปทางบ้านคลองข้าวเม่า ตอนนั้นชุมชนยังไม่หนาแน่นเป็นบ้านแบบชนบท เส้นทางที่ไปก็แคบเหมือนเส้นทางไปตามหมู่บ้าน รถที่ไปงานต้องจอดที่ทุ่งน่าฝั่งตรงข้ามกับวัด เมรุลอยสำหรับเผาศพหลวงปู่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นพิำพิธภัณฑ์ ผมไปถึงยังช่วงเช้าได้ขึ้นไปไหว้ศพหลวงปู่ที่ศาลาการเปรียญ และหาเช่าวัตถุมงคลที่ทางวัดนำออกให้บูชา ตอนนัั้นผมพกเงินไปร่วมสองหมื่น กะบูชาให้เต็มที่เลย ทางวัดตั้งเป็นแผงยาวให้บูชาบริเวณระหว่างโบสถ์กับหอสวดมนต์ วัตถุมงคลที่เด่นๆ ก็เป็นแหวนพระพุทธปี 32 แต่ไม่ได้แยกว่าชุดไหนทันหลวงปู่เสก รุ่นไหนถายหลวงพ่อเกษมเสก (บางท่านก็ว่าถวายหลวงปู่บุดดาเสกด้วย บางท่านก็ว่าถวายครูบาชัยวงศาเสกด้วย ผมก็ไม่ทราบข้อเท็จจริง) แหวนจะทะยอยนำออกมาให้เช่า บรรยากาศตอนนั้นดูเหมือนคนส่วนใหญ่รอบูชาแหวน พอทางวัดนำออกมาแต่ละครั้งคนก็จะฮีือกันเข้าไปแย่งบูชากัน ผมก็เข้าไปแย่งบูชากับเขาเหมือนกัน ตอนนั้นไม่มีสิทธิเลือกว่าวงเล็กวงใหญ่หรือพิมพ์หน้าใหญ่สำหรับผู้ชายหรือพิมพ์หน้าเล็กสำหรับผู้หญิง ต้องคว้าไว้ก่อนปรากฏว่าผมเช่ามาได้สิบกว่าวง เกือบทุกวงจะมีเม็ดพระธาตุขึ้นอยู่ตามร่องของแหวน มีมากบ้างน้อยบ้าง ลักษณะพระธาตุจะเป็นเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดทราย สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ แหวนก็จะมีน้ำหนักพอสมควร สีของเงินจะไม่ขาวจัดแบบอลูมิเนียมแต่จะขาวออกคลำ้ๆ รูปพระพุทธกับตัวยันต์ตามมุมทั้งสี่ได้สัดส่วนมีระยะห่าง (เดี๋ยวนี้ผมเห็นหลายคนที่ีใส่สีของเงินจะขาวจัดไม่ปนคล้ำ จับดูน้ัำหนักเบาเกินไป และรูปพระพุทธกับยันต์จะใหญ่เต็มหน้าแหวนจนแทบไม่มีระยะห่าง ดูไม่เหมือนกับตอนที่ผมเช่ากับพวกที่ทำงานและเช่าที่วัดเลย ผมก็ไม่มีความรู้ว่าแต่ละปีที่สร้างแหวนมีแบบไหนบ้าง แต่มันทะแม่งๆ ช่อบกล ดูในพิพิธภัณฑ์ก็ไม่เห็นมีแบบที่ว่าเลย...งง ) นอกจากทางนำแหวนออกให้เช่าแล้ว ยังมีวัตถุมงคลอีกหลายแบบ ที่ผมเช่ามาก็มี เหรีญหลวงปู่ทวดองค์ขนาดจิ่๋วเท่าปลายนิ้วก้อย จัดเป็นถุงๆ ละ 10 องค์ให้บูชา 100 เหรียญหลวงปู่ทวดรูปไข่ด้านข้างเป็นรูปดอกบัว ไม่แน่ใจว่าองค์ละ 50 หรือ 100 เหรียญรูปใบโพธิ์ เหรียญพระพุทธเนื้อสามกษัตริย์ รูปเหมือนลอยองค์ พระกริ่ง เหรียญเสมารูปหลวงพ่อกลั่น เหรียญปฏิบัติธรรม ประเภทเหรียญและรูปหล่อมีคนแย่งบูชาน้อยกว่าแหวน ผมเลยมีโอกาสเช่าไว้หลายแบบๆ ละ หนึ่งหรือสอง เฉพาะเหรียญพระพุทธลงที่ให้เช่าเชียร์ให้เช่า แกบอกว่ามีคนเอาไปลองยิงแล้วไม่ออก ตอนนั้นผมเห็นมีอยู่ 5 เหรียญ ต้ั้งราคาไว้ 500 ผมเลยเชื่อลุงเช่ามาทั้ ง 5 ที่มีให้เช่าเยอะมากคือพระเนื้อผง ผมก็เลือกเช่ามาพอสมควร วันนั้ประเมินจากสภาพเหตุการณ์คนจะนิยมเช่าแหวนมากกว่าพระเหนือพรหมเสียอีก ยิ่งเป็นพระเนื้อผงพิมพ์แปลกๆ เนื้อขาวๆ มีตรายางรูปจักรข้างหลัง มีคนสนใจน้อยมาก โดยเฉพาะชุดที่จัดรวมใส่ถุงละ10องค์ ราคา100 ผมเห็นว่าถูกมากเลยเช่ามาสิบถุง (ตอนหลังผมมาแยกพระออกเป็นหมวดหมู่ ปรากฎว่ามีเศียรพรหมและพระชุดพาหุงปนอยู่หลายองค์ ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นรูปหลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีด และรูปเหมือนหลวงปู่ล้อพิมพ์หลวงปู่ทวด) เบ็ดเสร็จผมเช่าพระหมดไปหมื่นกว่าบาท เหลือเงินติดกระเป๋ากลับบ้านไม่กี่พัน
ท่ี่ผมเล่ามานี้ผมไม่ได้เจตนาว่าจะมาขายพระนะครับ มีพรรคพวกหลายคนที่ไม่ได้สนใจเช่าตอนั้นมาตื้อขอเช่าผมก็ไม่ปล่อย แม้แต่พี่ๆ ที่เช่าพระไว้คราวเดียวกันตอนนั้น มาขอแบ่งเช่าผมก็ไม่ให้ ในเมื่อเขาใช้สิทธิเลือกก่อนผมแล้วผมยอมเช่าส่วนที่เหลือเป็นคนสุดท้าย พระที่เหลือเป็นพระไม่สวยหรือเขาคิดว่าไม่ดังคนไม่เล่นกันเขาก็ข้ามไป ตอนนี้จะมาย้อนขอแบ่งก็ไม่ได้แล้ว พระของหลวงปู่ที่ผมมีอยู่ผมแบ่งให้ผู้ใหญ่ที่นับถือไปบ้าง ให้ลูกหลานและเพื่อนที่สนิทกันจริงบ้าง ส่วนใหญ่ผมเก็บไว้เพราะผมมีความรู้สึกว่าเหมือนได้อยู่ใกล้ๆ หลวงปู่ มีหลวงปู่คอยปกป้องคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา ที่นิ้วนางสองข้างของผมก็ใส่แหวนพระพุทธของหลวงปู่ปี 32 และ 33 หุ้มทองไว้ตั้งแต่ทองยังบาทละแปดพัน ไปไหนมาไหนอุ่นใจครับ
เที่ยวหน้าผมจะเล่าบรรยากาศวันงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ สู่กันฟังครับ

 

ในส่วนตัวของผมแล้วหลวงปู่ดู่เป็นครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือมากๆ ผมเริ่มรู้จักหลวงปู่ดู่ได้ก็เพราะจากการที่ได้รู้จักหลวงตาม้าตั้งแต่สมัยที่หลวงตาม้ายังไม่ค่อยมีลูกศิษย์ลูกหามากมายเช่นปัจจุบันนี้ (สำหรับผมรู้จักหลวงตาม้าได้เริ่มจากที่ผมได้อ่านประวัติพระกริ่งนเรศวรรุ่นบูชาคุณแผ่นดินที่สามเณรมารุตพงษ์ในสมัยนั้นเป็นผู้สร้าง จึงทำให้ได้รู้จักหลวงตาม้ามาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา) ผมมักจะไปกราบหลวงตาม้าอยู่บ่อยๆเวลาท่านมาที่กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านพี่ฟองน้อยหรือบ้านพี่ศิวกร หรือหากผมไปเชียงใหม่ก็จะไปกราบหลวงตาม้าที่ถ้ำเมืองนะในทุกครั้งที่มีโอกาส ในระหว่างนั้นจึงได้เริ่มศึกษาประวัติหลวงปู่ดู่ที่เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงตาม้า ผมเริ่มฝึกกรรมฐานโดยนำพระผงที่หลวงตาม้าท่านแจกมาเป็นกำลังใจในการปฎิบัติ ก้าวหน้าบ้างไม่ก้าวหน้าบ้างแต่ก็พยายามฝึกไปเรื่อยๆ
เรื่องที่ผมอยากจะนำมาเล่าคือ ในช่วงที่ผมเริ่มปฎิบัติกรรมฐาน ผมคยฝันเห็นหลวงปู่ดู่อยู่สองสามครั้ง โดยในครั้งล่าสุดเมื่อประมาณเดือน ต.ค.2555 ผมได้ฝันว่าได้เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งและได้พบหลวงปู่ดู่ท่านนอนเหมือนมรณภาพอยู่ โดยมีหลวงตาม้าท่านกำลังนั่งสวดมนต์อยู่ต่อหน้าหลวงปู่ดู่ สักพักหลวงตาม้าท่านนำพระขรรค์แตะไปที่หลวงปู่ดู่ ไม่นานหลวงปู่ดู่ท่านลุกขึ้นมานั่งแล้วยิ้มมองมาที่ผม จากนั้นในระหว่างที่ผมนอนหลับอยู่ตอนสายๆ มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นสายของแม่ผมโทรมาบอกว่าพ่อของผมล้มหัวฟาดพื้นพาไปโรงพยาบาล หมอต้องทำการผ่าตัดสมองเพราะมีเลือดคั่งอยู่ในสมอง น่าจะเกิดจากเส้นเลือดในสมองแตก เมื่อผ่าตัดเสร็จพ่อผมนอนเป็นเจ้าชายนิทราและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่อย่างนั้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์จึงเสียชีวิต ผมมานั่งคิดดูอาจจะเป็นนิมิตที่หลวงปู่ท่านเมตตามาบอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ผมเตรียมตัวเตรียมสติรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เรื่องที่ผมนำมาเล่านี้ก็เพื่อที่อยากจะบอกแค่ว่าหากทุกท่านมีศรัทธาความเชื่อมั่นและพยายามนึกถึงท่านบ่อยๆ หลวงปู่ท่านย่อมรับรู้รับทราบแน่นอน
สำหรับพระที่หลวงปู่ท่านสร้างนั้น ท่านเน้นเพื่อนำมาเป็นกำลังใจเป็นที่ยึดเหนี่ยวในการปฎิบัติ เพราะหลวงปู่ท่านให้ความสำคัญกับการปฎิบัติกรรมฐานมาก ดังนั้น หากท่านใดมีพระของหลวงปู่แล้วอย่าลืมนำมาช่วยในการทำสมาธิด้วยนะครับ เพื่อเราจะได้รู้สึกว่าเหมือนมีหลวงปู่ท่านคอยดูแลเราอยู่ใกล้ๆเสมอ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

 

มาปูเสื่อรอฟังอีกครับ จะติดตามนะครับ

 

ติดตามอยู่นะค่ะ ตอนนี้มี บัวข้าง หลวงปู่ดู่ วัดสะแก รุ่นแรก และพระผงหลวงตาม้า ไว้ทำกรรมฐานทุกวันค่ะ

 

กราบหลวงปู่ดู่ ผมก็ใช้บัวข้างในการนั่งกรรมฐานเหมือนกันครับ

 

หลวงปู่เมตตามาโปรดในฝัน
ฝันว่าสนทนากับท่าน ท่านสวมสร้อยให้
คืนวันที่ 12พค ที่ผ่านมา
เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย ส่วนรางวัลสลากกินแบ่งออกเลข112 สุดยอดมากคับ