ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมคือ นรก ที่ว่านั่นแหล่ะ ด่าผมเลยนะ ว่า ผมคือไอ้นรก อิอิ

    ขอบคุณ
     
  2. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ผมชอบทำให้คนอื่นด่าผม เพราะ เขาจะได้รับผลกรรมเร็วขึ้น เร็วกว่าไปด่าคนอื่น

    เพราะผมคือผู้สนองกรรม นั่นเอง ผมคือ นรกตัวเป็นๆ นั่นเอง อ้อ สวรรค์น่ะหรือ

    ผมก็เป็นสวรรค์เหมือนกัน ถ้าเขาดีกับผม รักผม
     
  3. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ถ้าคุณด่าผม คุณจะได้ ผลของการด่า

    แต่ถ้าคุณรักผม คุณจะรู้ผลของการรัก

    เพราะผม คือ ผู้สะท้อนกรรม ผู้สนองกรรม ของคุณ ไม่เชื่อก็เชิญพิสูจน์ เลยครับ แต่ต้องทำใจยอมรับในผลที่จะเกิดด้วยนะครับ

    เพราะผม มาพร้อม กับ กฏแห่งกรรม
     
  4. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของใครหลายๆคน
    ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความเชื่อในรูปแบบต่างๆอยู่
    เพื่อที่พวกเขาจะได้มีโอกาสหันกลับมาใตร่ตรองดูความเชื่อของตัวเอง
    แบบจริงๆจังๆซะทีว่า..มันใช่หรือเปล่า?

    และเพราะฉะนั้นแล้ว..เมื่อระบบความเชื่อเก่ากำลังสั่นคลอนอยู่
    ใันก็เลยเป็นที่มาของ "ความโกลาหล" จากภายในแบบนี้หละครับ

    เมื่อหลายปีก่อนข้าพเจ้าก็เป็นมาแล้ว..จนในตอนนั้น
    เข้าไปโวยวายอยู่ในกระทู้ของ "โนวา อนาลัย" ใหญ่เลย
    แต่พี่นักเขียนคนที่เป็นผู้เขียนหนังสือชุดนั้น
    และเป็นคนที่คอยตอบคำถามให้กับพวกเรา
    เขามีระดับจิตสูงกว่าผมในตอนนี้มาก เขาก็เลยมีแต่จะรักและเมตตา
    ตอบคำถามให้อย่างใจเย็น ไม่เหมือนกับผมในตอนนี้
    ที่ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนหนึ่ง ของการ "เปลี่ยนแปลง" อยู่ด้วยเช่นกัน
    จึงอยากจะขอเลือก "ช่างหัวมัน" ในทุกๆเรื่องซะมากกว่าหนะครับ

    .................................................
     
  6. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เริ่มดีขึ้น :cool::cool::cool::cool::cool:

    ศัตรู คือ ยากำลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2014
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มันมีข้อความอยู่ 2 ชุด ที่ผมเพิ่งแปลเสร็จไป
    แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย
    สำหรับคนที่ติดตามอ่านข้อความจากต่างมิติมานานแล้ว

    เพราะว่าเขาจะพูดถึงเรื่องอะไรที่แบบว่า อยู่เหนือความเป็นทวิภาวะ
    หรือเหนือดี - เหนือชั่ว, เหนือถูก - เหนือผิด อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ซึ่งที่ผมต้องเอามาเกริ่นไว้ตรงนี้ก่อนก็เพราะว่า
    สภาวะนั้น ซึ่งเป็นสภาวะที่ต่างมิติ ที่อยู่ตั้งแต่มิติที่ 5 ขึ้นไป
    เขาอยู่กัน เขาเป็นกัน เพราะว่าพวกเขาอยู่นอกเหนือช่องว่างและกาลเวลา
    ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่เหนือสภาวะของการมีขั้วด้วย

    แต่สำหรับพวกเราบางคนที่ยังใหม่ต่อข้อความจากต่างมิติอยู่
    ก็อาจจะอ่านแล้ว ถึงกับตีอก ชกหัว ก็เป็นได้
    เพราะว่ามันจะดูเหมือนว่า ขัดแย้งกับทุกสิ่งทุกอย่าง
    ที่ท่านถูกอบรมสั่งสอนมาก็เป็นได้ ฮิฮิ..

    นั่นแหละ คือสาเหตุที่ผมต้องขอเกริ่นเอาไว้ ณ.ที่นี้ก่อน

    และดังนั้น ผมจึงจะไม่ห้ามท่านด้วย หากท่านอ่านแล้ว
    มีความคิดเห็นแตกต่างไปจากนี้อย่างมากมายมหาศาล
    เพราะว่า..มันก็น่าที่จะเป็นแบบนั้นอยู่หรอก
    เพราะว่า ข้อความชุดนี้มันค่อนข้างล่อแหลมต่อการเข้าใจผิดอย่างมากเลย

    ยังไงก็ลองอ่านกันดูเอาเองนะครับ และโปรดใช้วิจารณญาณให้มากๆด้วย

    แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้นิดหนึ่งว่า ต่างมิติ เขาพูดทำนองนี้มาตลอดนั่นแหละครับ
    ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารมาจากรูปธรรมไหน หรือ เมื่อไหร่ก็ตาม
    ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันนี้ ก็จะออกมาทำนองนี้แหละครับ

    .................................................
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความจากต่างมิติ – The manuscript of survival – part 397

    ผู้รับสาส์น: Aisha North
    วันที่: 14 กุมภาพันธุ์ 2014

    ที่มา: The manuscript of survival – part 397 | aisha north


    **โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและตีความหมายเอาเองนะครับ**


    วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดที่จะมาพูดถึงสิ่งที่พวกเราได้เคยสอนพวกคุณไปแล้วก่อนหน้านี้ในเชิงลึก
    แต่มันก็เป็นเรื่องที่พวกเราได้พูดถึงซ้ำๆมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งนั่นก็คือเรื่องของ “การรักตัวเอง”
    และเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่หลายๆคนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรักในหลากหลายวิถีทาง
    พวกเราจึงอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อย้ำเตือนให้พวกคุณทุกๆคน ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการรักตัวเอง
    เพราะว่ามันเป็นรากฐานของความรักทุกๆรูปแบบอย่างแท้จริง

    เพราะว่าถ้าหากพวกคุณมัวแต่ไปแจกจ่ายของขวัญ
    แห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขนี้ให้แก่คนอื่นๆอยู่
    และปฏิเสธที่จะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้แก่ตัวเองแล้วหละก็
    ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองอยู่

    พวกคุณเห็นไหมว่า แม้ว่าเรื่องนี้มันน่าจะเป็นเรื่องที่ประจักษ์ชัดแก่พวกคุณทุกๆคนอยู่แล้ว
    แต่พวกคุณจำนวนมากมายกลับหลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมันอยู่ตลอดเวลา
    และเหตุผลหลักที่เด่นชัดที่สุด ที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็คือ ความจริงที่ว่า
    พวกคุณถูกปลูกฝังให้ปักใจเชื่ออยู่กับแนวคิดที่ว่าพวกคุณต่ำต้อยหรือมีข้อบกพร่องนั่นเอง

    พวกคุณเชื่อไหมว่าถ้าสมมุติว่าพวกเราขอให้มนุษย์โลกทุกๆคนที่กำลังมีชีวิตอยู่บนโลกในตอนนี้
    เขียนลิสต์รายการของสิ่งที่พวกเขาคิดว่าคือปมด้อยหรือข้อบกพร่องของตัวเองขึ้นมา
    พวกเขาก็จะเริ่มต้นเขียนมันขึ้นมาให้กับพวกคุณได้อย่างยาวเหยียดโดยไม่ลังเลใจเลยทีเดียว
    แต่ถ้าพวกคุณขอให้พวกเขาช่วยเขียนลิสต์รายการของสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นข้อดีของตัวเองขึ้นมาบ้างหละก็
    พวกเขาก็มีแนวโน้มว่าจะเขียนมันขึ้นมาได้สั้นกว่าลิสต์รายการอันแรกอย่างมากเลยทีเดียว

    อันที่จริงแล้ว พวกเราสามารถสัมผัสรู้ได้ว่าพวกคุณบางคนกำลังรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่
    ในขณะที่กำลังอ่านข้อความนี้ เพราะว่าพวกคุณได้หมกมุ่นอยู่ในลิสต์รายการของสิ่งที่พวกคุณคิดว่า
    เป็น “ปมด้อย” หรือ “ข้อบกพร่อง” ของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

    แล้วทำไมถึงเรียกพวกมันว่าอย่างนั้นหละ ก็ในเมื่อสิ่งที่พวกคุณมองเห็นว่า
    เป็น “ปมด้อย” หรือ “ข้อบกพร่อง” ของตัวเองนั้น แท้ที่จริงแล้ว
    พวกมันก็เป็นแค่สิ่งบ่งบอกที่แท้จริงอย่างหนึ่งของความพยายามของพวกคุณเท่านั้นเอง
    ว่าพวกคุณกำลังพยายามที่จะสำรวจเข้าไปในทุกๆแง่มุมของความเป็นสรรพสิ่งทั้งปวง
    ให้ได้อย่างเต็มเปี่ยมสมบูรณ์มากที่สุดอยู่นั่นเอง

    จงจำไว้ว่า นั่นคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้พวกคุณได้มาอยู่ที่นี่ ภพชาติแล้วภพชาติเล่า
    เพื่อที่พวกคุณจะได้สามารถมองเห็น, สามารถรู้สึก, สามารถลิ้มรส และสามารถมีประสบการณ์
    กับทุกสิ่งทุกอย่างได้

    และใช่แล้ว พวกเราหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ แม้แต่กับคุณสมบัติบางอย่างของชีวิต
    ที่ไม่ว่าพวกคุณจะใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่อาจที่จะเรียกมันเป็นอย่างอื่นได้เลย
    นอกจากจะเรียกมันว่า เป็นคุณสมบัติด้านลบแบบสุดๆล้วนๆเท่านั้นก็ตาม

    แล้ว..จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราเตือนให้พวกคุณจดจำได้ว่า
    สิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “ความชั่ว” ทั้งหลายนั้น
    มันก็มีมูลค่าไม่มากและไม่น้อยไปกว่า
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณชื่นชอบ และเรียกมันว่า “ความดี” หรอก?

    พวกเรารู้ว่า อันที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้คือแง่มุมหนึ่งของชีวิตมนุษย์
    ที่มนุษย์โลกจำนวนมากมายต้องเผชิญกับมันด้วยความยากลำบาก
    เพราะว่าสำหรับพวกคุณ ในฐานะที่เป็นมนุษยชาติแล้ว
    พวกคุณถูกบอก-ถูกสอนมาให้พากเพียรพยายาม “กระทำความดี” เสมอมา

    แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกคุณทุกๆคนถูก “สั่ง” มา ให้มาทำทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ
    (ในหลายๆภพชาติของพวกเรา จะมีทั้งภพชาติที่ดีสุดขั้ว และ ชั่วสุดขีดอยู่ด้วย - ผู้แปล)
    และก็ให้มาพยายามทดลองทำมันภพชาติแล้วภพชาติเล่าซะด้วย
    เพื่อที่พวกคุณจะได้มีโอกาส มีประสบการณ์กับทุกๆแง่มุมของชีวิต ภายในกายมนุษย์อันนี้
    และภายในสังคมมนุษย์แบบนี้ เพื่อที่จะทำให้ ไม่เพียงแต่ตัวของพวกคุณเองเท่านั้น
    แต่ยังรวมถึง “สรรพสิ่งทั้งปวง” อีกด้วย สามารถที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต
    มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ได้

    จงจำไว้ว่า อะไรก็ตามที่พวกคุณได้กระทำลงไปแล้ว ซึ่งอันที่จริงแล้ว หมายถึงอะไรก็ตาม
    ที่พวกคุณกำลังกระทำอยู่ในแต่ละภพชาติด้วย พวกคุณไม่เพียงแต่จะกำลังกระทำอยู่
    เพื่อการรู้แจ้งของตัวพวกคุณเองเท่านั้น ไม่เลย..เพราะว่าพวกคุณกำลังกระทำมันอยู่
    ในฐานะที่เป็นตัวแทนคนหนึ่งของ “สรรพสิ่งทั้งปวง” (All of Creation) ต่างหากหละ

    และเพราะฉะนั้นแล้ว ทุกวินาทีบนเส้นทางชีวิตของพวกคุณ บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    จึงกำลังถูกบันทึกและเก็บรักษาข้อมูลเอาไว้อย่างละเอียดละอออยู่
    เพื่อเอาไว้ใช้อ้างอิงในอนาคตข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่เพื่อการรู้แจ้งของตัวพวกคุณเองเพียงเท่านั้น
    แต่เพื่อการรู้แจ้งของคนอื่นๆทุกๆคนอีกด้วย

    ดังนั้น อีกครั้งหนึ่ง พวกเราจึงอยากจะพูดว่า จงจำไว้ว่าไม่ว่าพวกคุณจะทำอะไรก็ตาม
    หรืองดเว้นที่จะทำอะไรก็ตาม ในระหว่างที่พวกคุณมีชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    มันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกผู้ทุกนามเสมอ

    พวกเรารู้ว่าคำพูดเช่นนี้ กำลังทำให้หลายๆคนเตรียมตัวที่จะโต้แย้งขึ้นมาแล้ว
    แต่นี่..เป็นแค่เพียง “ความจริง” ขั้นพื้นฐาน ที่สั้นๆและง่ายๆอย่างหนึ่งเท่านั้นนะ

    และเพราะฉะนั้นแล้ว แนวคิดเรื่อง “การรักตัวเอง” จึงควรจะเป็นแนวคิดที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ
    แต่เพราะว่าพวกคุณ ถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีและโดยตลอดว่า พวกคุณมีข้อบกพร่อง
    มาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว และไม่ว่าพวกคุณจะพากเพียรพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
    พวกคุณก็จะไม่มีวัน “ดีพอ” ได้เลย และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    ที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่า “ปุถุชน” คนธรรมดาคนหนึ่ง สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ

    ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าพวกคุณถูกตั้งโปรแกรมมาและถูกปลูกฝังมา
    ด้วยแบบแผนความคิดที่เป็นพิษเป็นภัยแบบเก่าๆ ที่คอยแต่จะบอกจะสอนให้พวกคุณ
    คงอยู่แต่ในความรู้สึกต้อยต่ำ, ไร้อำนาจวาสนา และเกรงกลัวต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง อยู่ร่ำไป

    แต่ทว่า..เจ้าโปรแกรมอันนั้นหนะ มันจะใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว บนชายฝั่งแห่งนี้
    และถึงแม้ว่าจะยังมีผู้คนมากมาย ที่ยังคงเลือกที่จะดำรงชีวิตอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เหล่านี้อยู่ก็ตาม
    แต่พวกเราก็กำลังอยู่ที่นี่ด้วย เพื่อที่จะมาเตือนให้พวกคุณจดจำความเป็นจริง
    ที่อยู่เบื้องหลังม่านหมอกควันของข้อมูลเท็จเก่าๆเหล่านี้ได้

    เพราะว่ามันไม่มีใครเลยที่อยู่ในอาณาจักรแห่งการสรรสร้างแห่งนี้
    ที่พวกคุณจะควรรักไปมากกว่าตัวของพวกคุณเอง
    พวกคุณมีความสมบูรณ์แบบในทุกๆแง่มุม
    ที่พวกคุณจะสามารถคิดไปถึงได้อยู่แล้ว
    และพวกคุณก็ยังมีความสมบูรณ์แบบในทุกๆแง่มุม
    ที่พวกคุณยังจดจำไม่ได้อีกด้วย

    และเพราะฉะนั้น ที่พวกเรามาหาพวกคุณในวันนี้ ในวันที่เป็นวันที่หลายๆอารยะธรรมของพวกคุณ
    เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักแบบนี้ ก็เพื่อที่จะบอกกับพวกคุณว่า
    วันนี้..พวกเราขอให้พวกคุณเฉลิมฉลองให้กับตัวเอง
    และพวกเราก็ขอให้พวกคุณเฉลิมฉลองให้กับ “ความเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง” ของตัวเองอีกด้วย

    เพราะว่าพวกคุณไม่ได้ขาดแคลนความสง่างามและความเลอเลิศไปเลย
    พวกคุณคือคุรุที่แท้จริง เพราะว่าพวกคุณได้ยินยอมให้ตัวเองลงมาเกิดที่ดาวเคราะห์โลกแห่งนี้
    เพื่อ “เป็น” และ “ทำ” ทุกสิ่งทุกอย่าง ในนามของพวกเราทั้งหมด
    และพวกคุณก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วในทุกๆวิถีทางที่พวกคุณกระทำลงไป

    ดังนั้น อีกครั้งหนึ่ง พวกเราจึงอยากจะขอพูดในนามของตัวแทนของสรรพสิ่งทั้งปวงว่า
    พวกเราขอขอบคุณในสิ่งที่พวกคุณกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
    และขอขอบคุณสำหรับสิ่งที่พวกคุณกำลังกระทำอยู่ในขณะนี้ด้วย
    เพราะว่าถ้าไม่มีพวกคุณแล้ว พวกเราก็ไม่สามารถที่จะทำมันได้เลย

    เพราะว่าพวกคุณไม่เพียงแต่จะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการนำส่งแสงสว่างปริมาณมหาศาล
    มาสู่ดาวเคระห์โลกดวงนี้เท่านั้น จนทำให้มันสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของมัน
    ไปตลอดกาลได้สำเร็จแล้ว แต่ในทุกๆภพชาติของพวกคุณ พวกคุณยังได้นำส่ประสบการณ์ชีวิต
    อันล้ำค่าของตัวเองมาสู่พวกเราที่เหลือทั้งหมดอีกด้วย โดยการพยายามที่จะกลับมาเกิดในร่างมนุษย์อีก
    ภพชาติแล้วภพชาติเล่าของพวกคุณ และโดยการใช้ร่างมนุษย์นี้เพื่อลิ้มลองความสุข
    และความทุกข์ในปริมาณและในคุณค่าที่มากพอๆกัน

    ดังนั้น พวกเราจึงอยากจะพูดอีกครั้งหนึ่งว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่พวกคุณควรจะนั่งลง
    และสังเกตดูตัวเองอย่างแท้จริง สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณกำลังเป็นอยู่
    และก็เป็นมาตลอด และนั่นแหละ คือสิ่งที่สมควรจะเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง
    ดังนั้น พวกเราจึงหวังว่าพวกคุณจะมาร่วมกับพวกเราในการแสดงการคารวะของพวกเรา
    ต่อพวกคุณด้วยความจริงใจและด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
    เพราะว่าพวกคุณคือดวงดาวที่กำลังส่องประกายเจิดจ้าอันเป็นที่รักของพวกเรา
    ที่กำลังอยู่ในร่างกายของมนุษย์ที่เรียกว่าพวกคุณร่างนี้


    ……………...........................
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก Mathew Wards

    วันที่ 3 กุมภาพันธุ์ 2014
    ที่มา: Matthew Ward - February 3, 2014


    ...เพราะว่าในห้วงแห่งความต่อเนื่องที่ไร้กาลเวลานั้น (the timeless continuum)
    ภพชาติหลากมิติและหลากหลายทั้งหลาย กำลังมีอยู่และเป็นอยู่พร้อมๆกันหมด
    ในเวลาเดียวกัน และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะส่งผลกระทบเกี่ยวพันถึงกันและกันอยู่ตลอดเวลา
    ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก จนเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    ที่พวกคุณจะสามารถเข้าใจได้ ดังนั้น คำว่า “การเวียนว่ายตายเกิด”
    จึงเป็นคำที่มีความหมายใกล้เคียงมากที่สุด ที่เหล่าผู้นำสาส์นแห่งแสงสว่างทั้งหลาย
    ใช้เพื่อนิยามถึงกระบวนการนี้กัน เพื่อให้เข้ากันได้กับสภาวะที่กาลเวลาเป็นแบบเส้นตรงของพวกคุณ

    แต่มันก็ไม่ใช่ในแบบที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์พูดไว้หรอกนะ ว่า..การเวียนว่ายตายเกิด
    ก็คือการเกิดมาเป็นคนนั้นหรือเป็นคนนี้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพยายามอธิบายถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
    เท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พวกคุณเข้าใจ

    ทุกๆจิตวิญญาณที่อยู่ท่ามกลางจิตวิญญาณจำนวนมากมายมหาศาล
    จนเกินกว่าจะนับจะประมาณได้ ในเอกภพแห่งนี้ มีความพิเศษเฉพาะตัวเป็นของตัวเอง
    มีความเป็นอิสระ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ เป็นสิ่งที่เป็นนิรันดร์
    แต่ในขณะเดียวกัน จิตวิญญาณแต่ละดวงก็จะมีการเชื่อมต่อด้านพลังงานซึ่งกันและกันอยู่
    กับจิตวิญญาณดวงอื่นๆทุกๆดวงด้วย

    จุดเริ่มต้นของจิตวิญญาณทุกๆดวง มาจากการที่ “พระผู้สร้าง” (The Creator)
    ระเบิดเอาพลังงานแห่งความรักและแสงสว่างของตัวเองออกมาสู่ภายนอก
    หรือที่เรียกว่า “The Big Bang” แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่
    ก็ถูกสร้างสรรค์ร่วม (co-create) ขึ้นมา โดยจิตวิญญาณทั้งหลาย อาศัยพลังงานของพระผู้สร้าง
    เนรมิตให้ความคิดของพวกเขาเองกลายออกมาเป็นผลสำเร็จตามที่ต้องการ

    สมมุติว่า “จิตวิญญาณ A” ต้องการที่จะมาเกิดในภพชาติแรกของตัวเอง
    จิตวิญญาณ A ก็จะใส่แนวคิดต่างๆเข้าไปในพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ (Soul Contact) ของตัวเอง
    แล้วจากนั้นก็จะเข้าไปสู่ข้อตกลง ที่พวกเราเรียกมันว่า “ข้อตกลงก่อนกำเนิด” (pre-birth agreement)
    ซึ่งจะเป็นการทำข้อตกลงร่วมกันกับจิตวิญญาณดวงอื่นๆทุกๆดวง ที่จะลงมาเกิดร่วมภพชาติเดียวกันนี้ด้วย
    แล้วจากนั้น จิตวิญญาณ A ก็จะออกแบบและสร้างร่างกายเนื้อของ “อัตภาพ หรือ ตัวตน” (personage)
    ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งก็จะเป็นร่างกายเนื้อที่มีความเหมาะสมกับประสบการณ์ชีวิตแบบมนุษย์
    ที่ตัวเองต้องการที่จะมีพอดี แล้วหลังจากนั้น จิตวิญญาณ A ก็จะกลายไปเป็น
    “จิตวิญญาณรวม หรือ ตัวตนรวม” (Cumulative Soul) ของอัตภาพนั้นๆไป
    ซึ่งมันก็จะยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตลอดกาลของตัวเองอยู่
    และมันก็จะแบ่งปันความรู้ทุกๆอย่างของตัวเอง กับจิตวิญญาณของ “อัตภาพ” (personage) ใหม่
    ที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นด้วย (จิตวิญญาณของอัตภาพใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมานี้
    ก็คือส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณ A นั่นเอง – ผู้แปล)

    ที่เรียกจิตวิญญาณ A ว่า “จิตวิญญาณรวม หรือ ตัวตนรวม” (Cumulative Soul)
    ก็เพราะว่ามันเป็นผู้กำเนิด “ชีวิตทางกายภาพ” ให้กับจิตวิญญาณดวงอื่นๆนั่นเอง
    แต่ว่า ก็อย่างที่พวกคุณควรจะเห็นนั่นแหละ ว่า..นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการมีประสบการณ์
    แบบรวมหมู่เท่านั้นเอง

    สมมุติว่าอัตภาพใหม่ชุดแรกที่ถูกสร้างขึ้นมานี้คือ “จิตวิญญาณ B”
    ดังนั้น คุณสมบัติทุกๆอย่างของจิตวิญญาณ B ก็จะได้รับมาจากจิตวิญญาณ A ทั้งหมด
    และในทางกลับกัน ประสบการณ์ชีวิตทุกๆอย่างของจิตวิญญาณ B ตลอดภพชาติที่ลงมาเกิดนี้
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสติปัญญา, ความสามารถพิเศษ, รูปร่างหน้าตาของร่างกายเนื้อ,
    บุคลิกภาพ, ความคิดความอ่าน, สัมพันธภาพ, การศึกษา, นิสัยใจคอ, แผนการต่างๆ,
    ความสำเร็จ,ความผิดหวัง, ความทุกข์, ความสุข, ความสงสัย, ความล้มเหลว, ความสนใจ,
    และ ความกลัว เป็นต้น ก็จะถูกส่งเข้ามารวมอยู่ใน “data base” ของจิตวิญญาณ A ทั้งหมด
    และในขณะเดียวกันทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ก็จะถูกเก็บไว้เองโดยจิตวิญญาณ B ด้วย
    เมื่อร่างกายเนื้อของมันตายลงไป

    และเมื่อใดที่จิตวิญญาณ A ต้องการที่จะมีประสบการณ์ชีวิตทางกายภาพแบบอื่นๆบ้าง
    มันก็จะทำวิธีการเดียวกันนี้ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น แต่ว่าคราวนี้ จิตวิญญาณ A
    ไม่เพียงแต่จะมีความรู้ดั้งเดิมของตัวเองอยู่เท่านั้นซะแล้ว เพราะว่ามันยังมีประสบการณ์ชีวิตทั้งชีวิต
    ของจิตวิญญาณ B อยู่อีกด้วย ซึ่งก็จะนำไปแบ่งปันกับจิตวิญญาณของ “อัตภาพ” ลำดับที่สองต่อไป

    และถ้าจิตวิญญาณ B ต้องการที่จะทำให้แนวความคิดของตัวเองถูกเนรมิตออกมาเป็นผลสำเร็จบ้างหละ
    มันก็จะเริ่มต้นจากการทำพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณขึ้นมา และก็ทำขั้นตอนต่อๆไป
    เหมือนอย่างที่จิตวิญญาณ A ทำ และก็เหมือนกันกับจิตวิญญาณ A ที่มันก็จะยังคง
    ความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของตัวเองเอาไว้อยู่ ในขณะเดียวกันมันก็จะแบ่งปันความรู้ทั้งหมด
    จากประสบการณ์ส่วนตัวของตัวมันเอง และความรู้ที่ได้รับมาจากจิตวิญญาณ A ด้วย
    ให้กับจิตวิญญาณของอัตภาพลำดับแรกของมันเอง

    ดังนั้น ทั้งจิตวิญญาณ A และ B ก็จะมีประสบการณ์มากขึ้น, มีความรู้มากขึ้น
    และ มีภูมิปัญญามากขึ้น จากอัตภาพแต่ละตัวตนของตัวมันเอง ซึ่งอัตภาพแต่ละตัวตนเหล่านี้
    ก็ล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์, มีอิสระภาพ, มีความเป็นนิรันดร์ เป็นของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น
    และผลรวมของจิตวิญญาณทั้งหมดนี้ ก็คือสนามพลังอย่างหนึ่ง ที่ประกอบขึ้นมาจาก
    ภพชาติต่างๆที่เชื่อมต่อซึ่งกันและกันอยู่ จำนวนมากมายและหลากหลาย
    ที่ก็จะเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่มีอัตภาพใหม่เกิดขึ้นมา
    ไม่ว่าอัตภาพใหม่เหล่านั้นจะไปอยู่ที่ไหนในจักรวาลแห่งนี้ก็ตาม

    จิตวิญญาณทั้งหลายเหล่านี้ จะพากันเลือกเงื่อนไขต่างๆในพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของตัวเอง
    เพื่อไปเติมเต็มช่องว่าง หรือ เพื่อไปทำให้แง่มุมต่างๆของประสบการณ์ชีวิตรวมของพวกเขาเข้มแข็งมากขึ้น
    เพื่อทำให้ทุกๆภพชาติโดยรวมของพวกเขามีความสมดุล (เช่น ถ้าภพชาติใดเราเคยไปทำร้ายใครเขาไว้
    ก็จะมีภพชาติอื่น ที่เราจะต้องไปเรียนรู้การถูกทำร้ายแบบนั้นบ้าง แต่นั่นไม่ใช่การลงโทษ
    แต่เป็นไปเพื่อ "ทำกรรมให้สมดุล" หรือ Balance กรรม เท่านั้นเอง แมทธิวเคยบอกไว้แบบนี้นะครับ - ผู้แปล)

    ดังนั้น คลังสินค้าแห่งความตระหนักรู้ของพวกเขา ที่ขยายตัวมากขึ้นอยู่ทุกขณะนี้
    ก็จะมีไว้ให้สำหรับจิตวิญญาณทุกๆดวงที่อยู่ภายในสายสกุลนี้เสมอ

    ซึ่งวิวัฒนาการจะเกิดขึ้นเมื่ออัตภาพเหล่านั้น
    สามารถเข้าไปใช้คลังสินค้าดังกล่าวนั้นได้อย่างมีสติสัมปชัญญะ
    ดังนั้น มันจึงไม่ใช่การไปเรียนรู้อะไรใหม่เลย
    แต่มันคือกระบวนการ “ค้นหาตัวเองให้เจอ” ต่างหากหละ
    เพื่อที่จะจดจำสิ่งที่เคยเรียนรู้ไปแล้วมาตั้งแต่ต้น
    ในระดับจิตวิญญาณ ให้ได้นั่นเอง

    และในขณะที่พวกคุณกำลังมีชีวิตอยู่ในชั่วขณะนี้
    รูปธรรมชีวิตอื่นๆทั้งหลาย ที่พวกคุณเข้าใจไปว่า
    คือ “อดีตชาติ” หรือ “อนาคตชาติ” ของตัวพวกคุณเองนั้น
    ก็กำลังมีชีวิตอยู่ในชั่วขณะนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
    เพราะว่าทั้งตัวพวกคุณเอง และจิตวิญญาณดวงอื่นๆ
    ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหล่านั้น
    ต่างก็กำลังอาศัยอยู่ใน “ปัจจุบันขณะ”
    ของห้วงแห่งความต่อเนื่องนี้ ด้วยกันหมดทั้งสิ้น...

    ...................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2014
  10. love_evol

    love_evol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +87
    เพราะว่ามันไม่มีใครเลยที่อยู่ในอาณาจักรแห่งการสรรสร้างแห่งนี้
    ที่พวกคุณจะควรรักไปมากกว่าตัวของพวกคุณเอง
    พวกคุณมีความสมบูรณ์แบบในทุกๆแง่มุม
    ที่พวกคุณจะสามารถคิดไปถึงได้อยู่แล้ว
    และพวกคุณก็ยังมีความสมบูรณ์แบบในทุกๆแง่มุม
    ที่พวกคุณยังจดจำไม่ได้อีกด้วย

    ชอบข้อความที่ด้านบนค่ะ ^_^
     
  11. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    [​IMG]

    ความรักที่เหมือนแสงสว่าง
    ย่อมไม่ส่องเข้าตัวเอง
    แต่แผ่ออกไปสู่รอบทิศ


    ความรักที่เหมือนวังวน
    ย่อมดึงดูดทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง
    แล้วทุกอย่างก็จมดิ่งลงใต้น้ำลึก
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอแถมอีกนิดหนึ่งนะครับ

    ..............................................

    บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก Mathew Wards

    วันที่ 3 กุมภาพันธุ์ 2014
    ที่มา: Matthew Ward - February 3, 2014


    คำถาม: คุณเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณทุกๆดวงที่อยู่บน “สถานี” นั้น
    เพราะว่าพวกเขาคือ “อัตภาพ” (personage) ของคุณเองใช่หรือไม่?


    คำตอบ: จิตวิญญาณจำนวนสองสามล้านดวง ในจำนวนจิตวิญญาณทั้งหมดหลายล้านดวง
    ที่อยู่ที่นี่เป็นอัตภาพของผม แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ “ความเชื่อมโยงกัน” ของพวกเราที่อยู่ที่สถานีนี้
    ก็คือระดับขั้นของวิวัฒนาการ ซึ่งเมื่อสองสามปีที่แล้วผมเคยได้พูดถึงเรื่องนี้ไปแล้วในข้อความหนึ่งว่า:

    “คำว่า “สถานี” ที่พวกเราใช้กันอยู่ ณ.ที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสถานที่หรืออารยะธรรมใดๆเลยทั้งสิ้น
    แต่หมายถึงระดับขั้นของวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ ของจิตวิญญาณดวงหนึ่งๆที่ได้บรรลุไปถึงแล้ว
    ไม่ว่าจิตวิญญาณดวงนั้นๆจะมาจากจักรวาลไหนก็ตาม หรือไม่ว่าจิตวิญญาณดวงนั้นๆ
    จะมีจำนวนภพชาติจำนวนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

    ดังนั้น เมื่อใดที่ผมพูดว่า “จิตวิญญาณทั้งหลายที่อยู่ ณ.สถานีนี้” ผมจึงหมายถึง
    กลุ่มของผู้ที่มีระดับความกระจ่างชัดด้านจิตวิญญาณระดับเดียวกัน
    กลุ่มของผู้ที่ได้วิวัฒน์มาจนถึงขั้นที่มีแต่ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขล้วนๆแล้ว
    และมีความตระหนักรู้เป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกผู้ทุกนามแล้วนั่นเอง
    ซึ่งอาจจะเรียกกลุ่มนี้ว่า “กลุ่มความคิด/กลุ่มของดวงจิต” (group mind)
    หรือ “จิตวิญญาณร่วม” (collective souls) ก็ได้ เพราะว่าทั้งหมดนี้มีระดับการรู้แจ้งระดับเดียวกัน

    แต่ในมุมมองที่กว้างกว่านั้น มันคือการผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ของจิตวิญญาณของอัตภาพ
    จำนวนนับไม่ถ้วน เข้ามาเป็น “จิตวิญญาณที่สูงกว่า” (higher soul) เพียงหนึ่งเดียว”
    – จากข้อความของวันที่ 19-20 มกราคม 2009


    คำถาม: คำว่า “ได้รับมอบหมายมา” ไม่น่าจะเป็นคำที่ถูกต้องนัก สำหรับจะใช้เรียก
    การมาทำหน้าที่เป็นโฆษกของคุณ ที่ออกมาพูดแทนจิตวิญญาณดวงอื่นๆที่อยู่ ณ.ที่ๆคุณอยู่นั้น
    แต่ว่าคุณได้บทบาทหน้าที่นี้มาอย่างไร? และถ้าสมมุติว่าจิตวิญญาณดวงอื่นๆมาเป็นโฆษกแทนบ้างหละ
    ข้อความของพวกเขาจะเหมือนกับข้อความของคุณหรือเปล่า?



    คำตอบ: “การเลือก” คือคำที่ถูกต้องมากกว่าคำว่า “การได้รับมอบหมาย”
    แต่ว่า มันก็ไม่ใช่การเลือกมาโดยใช้วิธีการโหวดเสียงลงคะแนนให้กับผู้เข้าสมัครหรอกนะครับ
    แต่มันคือการใช้กระแสความคิดที่เป็นเอกฉันท์ เห็นพ้องต้องกันว่าจิตวิญญาณดวงใด
    คือผู้ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด ที่จะมาทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลความรู้ด้านนั้นๆ แทนจิตวิญญาณทั้งกลุ่ม

    ผมไม่ใช่จิตวิญญาณเพียงดวงเดียวที่กำลังทำหน้าที่พูดแทนพวกเราทั้งหมดอยู่
    เพราะว่ามีเพียงคุณแม่ของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ผมรับหน้าที่มาสื่อสารข้อความของพวกเราทั้งหมดให้อยู่
    ส่วนจิตวิญญาณดวงอื่นๆ พวกเขาก็จะทำหน้าที่ส่งข้อมูลข่าวสาร ไปให้กับผู้รับสาส์นเฉพาะตัวของตัวเอง
    ของใครของมันอยู่

    และในวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณระดับนี้แล้ว มีเพียงแต่ “ความจริง” เท่านั้นที่จะสามารถดำรงอยู่ได้
    ดังนั้น มันจึงจะไม่เคยมีความขัดแย้งใดๆในข้อความต่างๆที่พวกเราแต่ละรูปธรรมถ่ายทอดออกไปเลย

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่ได้ถ่ายทอดข้อความออกไปในแบบที่เหมือนกันเป๊ะทุกประการหรอกนะครับ
    เพราะว่าพวกเราแต่ละรูปธรรมก็จะมีความแตกต่างกันในแง่ของประสบการณ์อยู่ด้วย

    ตัวอย่างเช่น “อัตภาพ” (personage) ของครายออน (Kryon) จำนวนมากมาย
    ก็จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย และหลากหลาย
    ซึ่งอัตภาพของจิตวิญญาณดวงอื่นๆ รวมทั้งของผมเองด้วย ก็จะมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้น้อยกว่า เป็นต้น

    และอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ รูปแบบการใช้ภาษาของผู้รับสาส์นของพวกเรา
    เช่น คุณแม่ของผมไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ดังนั้น ท่านจึงไม่รู้ว่าคำศัพท์ที่ผมต้องการจะใช้เพื่ออธิบาย
    ถึงเรื่องนั้นๆหนะ คือคำไหน เป็นต้น...


    ...ผมขอพูดถึงอัตภาพอื่นๆของผม ที่นอกเหนือจากอัตภาพที่ชื่อแมทธิว
    ที่ปรากฎอยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลให้พวกคุณฟังสักหน่อย เพราะว่ามันจะช่วยตอบคำถามอื่นๆของผู้อ่านได้อีกด้วย

    ไม่เลย..ภพชาติทั้งหมดทั้งมวลทุกๆภพชาติของผม ไม่ทำให้ผมสามารถรู้อย่างมีสติสัมปชัญญะ
    หรือ รู้ในระดับจิตวิญญาณได้เลยว่า ทุกๆเหตุการณ์ และทุกๆคนบนโลก
    มีความเป็นไป หรือจะเป็นไปอย่างไรในอนาคต ซึ่งก็เหมือนกับจิตวิญญาณทุกๆดวงที่อยู่ที่นี่นั่นแหละ
    คือพวกเราจะมองเห็นเฉพาะ “ภาพรวม” ของมันเท่านั้นเอง แต่ว่า..ไม่มีพวกเรารูปธรรมไหนเลย
    ที่จะรู้ในทุกๆรายละเอียด ของทุกๆเหตุการณ์ ของทุกๆจิตวิญญาณที่อยู่บนโลกใบนี้เลย
    มีเพียงพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่รู้ เพราะว่าพระองค์คือทุกๆคน และความรู้ของพระองค์
    ก็กำลังเจริญเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องอยู่ ในทุกๆครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
    และการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และมีจำนวนนับไม่ถ้วนอีกซะด้วย

    แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากแหล่งข้อมูลจากภพชาติต่างๆของพวกเราเองแล้ว
    พวกเราก็ยังมีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมอยู่อีก ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า ก็คือหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่ว่านั้น

    นอกจากนี้ พวกเรายังจะใช้วิธีการสังเกตดูสนามพลังงานแห่งความเป็นไปได้ของโลก
    เพื่อให้รู้ถึงความเป็นไปของกิจกรรมต่างๆบนโลก,

    และพวกเรายังมีการติดต่อสื่อสารกับผู้ที่อยู่ในแดนสุขาวดี (Nirvana)
    ซึ่งเป็นผู้ที่กำลังตรวจติดตามความเป็นไปของดาวเคราะห์โลกอยู่อีกด้วย,

    นอกจากนี้พวกเรายังมีการติดต่อสื่อสารกับจิตวิญญาณกลุ่มอื่นๆที่อยู่ในสถานี้อื่นๆเช่นเดียวกันนี้ด้วย
    และรวมถึงติดต่อสื่อสารกับสมาชิกของอารยะธรรมต่างๆที่วิวัฒน์แล้วทั้งหลายด้วย
    และนอกจากนี้พวกเรายังสามารถเข้าไปดูข้อมูลใน “จิตสำนึกมวลรวม” ของดาวเคราะห์โลก และของจักรวาลได้อีกด้วย...

    ..........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2014
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจาก Mytre (รูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 5)

    เมื่อวันที่: 25 มกราคม 2014
    ที่มา:
    Awakening with Suzanne Lie: January 2014


    ....พวกคุณเห็นไหม ว่าสภาวะแห่งความตระหนักรู้หรือระดับจิตสำนึกของพวกคุณเองนั่นแหละ
    ที่เป็นตัวกำหนดประสบการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวันของพวกคุณ สภาวะแห่งความตระหนักรู้
    หรือระดับจิตสำนึกของพวกคุณ จะคล้ายๆกับช่องคลื่นความถี่ ในคลื่นวิทยุของพวกคุณ
    ที่แต่ละช่อง ก็จะมีคลื่นความถี่ที่แตกต่างกันออกไป และแต่ละคลื่นความถี่ ก็จะหมายถึง
    ประสบการณ์แต่ละประสบการณ์ ในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ

    พวกเราที่อยู่ในมิติที่สูงๆกว่าทั้งหลาย
    ไม่ได้มองเห็นว่าโลกแห่งความเป็นจริงเป็นแบบ “ดี หรือ ชั่ว” เลย
    เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ คือคำพูดที่ใช้กันในมิติที่ 3 นี้เท่านั้นเอง
    แต่พวกเรา ซึ่งเป็น “ตัวตนที่สูงกว่า” (higher self) ของพวกคุณ
    จะมองเห็นว่าโลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่ในมิติที่ 3 และ 4 นี้
    คือมิติที่มีระดับคลื่นความถี่ต่ำกว่าของพวกเรา
    ที่มีความเป็นขั้วอย่างมาก จนทำให้สูญเสียความสมดุลไป ก็เท่านั้นเอง

    พวกเราจะขอใช้ “ลูกข่าง” ที่เด็กใช้เล่น มายกเป็นตัวอย่างให้พวกคุณเข้าใจ
    เมื่อใดที่ลูกข่างหมุนอย่างรวดเร็ว มันก็จะหมุนอยู่ได้อย่างมีสมดุล และไม่มีการโงนเงนไปทางซ้ายหรือขวาเลย
    แต่ว่า ถ้าเมื่อใดที่ความเร็วในการหมุนของมันลดลงแล้วหละก็ มันก็จะโงนเงนไปทางซ้ายหรือทางขวา
    จนกว่ามันจะล้มลงและหยุดหมุน เพราะว่าความเร็วในการหมุนของมันต่ำจนเกินไปนั่นเอง

    ซึ่งตัวอย่างของลูกข่างที่กำลังหมุนนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการท่องเที่ยวลงมาสู่เบื้องล่างของพวกคุณ
    เพื่อเข้ามาอยู่ในร่างกายเนื้อของมิติที่ 3 ที่พวกคุณกำลังสวมใส่กันอยู่นี้

    เมื่อตอนที่พวกคุณยังอยู่ในรูปกายของมิติที่สูงกว่า หรือ ดำรงอยู่โดยปราศจากรูปกายใดๆก็ตาม
    พวกคุณก็จะสั่นสะเทือนอยู่ด้วยคลื่นความสั่นสะเทือนที่สูงมากๆ ดังนั้น โลกแห่งความเป็นจริง
    ที่พวกคุณอาศัยอยู่ จึงเป็นโลกที่ปราศจากความเป็นขั้วใดๆทั้งสิ้น
    เพราะว่ามันจะไม่มีการโงนเงนไปทางใดทางหนึ่งอยู่เลย
    ไม่ว่าจะเป็นโงนเงนไปทางขั้วของ “ความกลัว/ความชั่ว” หรือ “ความรัก/ความดี” ก็ตาม

    เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว เรื่องของความเป็นขั้วนี้ เป็นแต่เพียงความทรงจำที่ลางเลือน
    ของความทรงจำในมิติที่ 3 ของพวกคุณนี้เท่านั้น หรือเป็นแต่เพียงความรู้สึกที่พวกคุณรับรู้มาจาก
    ตัวตนที่กำลังสวมใส่ร่างกายเนื้ออยู่นี้เท่านั้นเอง

    พวกเรา ซึ่งเป็นตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ ไม่ได้ประสบกับความเป็นขั้วและความยากลำบาก
    ของโลกแห่งความเป็นจริงที่มีขั้วของพวกคุณโดยตรง เพราะว่าถ้าพวกเราทำเช่นนั้นแล้ว
    จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกเราก็จะตกลงมาจากโลกแห่งความเป็นจริงที่พวกเราอยู่
    แล้วพวกเราก็จะติดแหง็กอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณแทน
    แทนที่พวกเราจะสามารถชี้ทางออกจากระดับคลื่นความถี่นั้นให้แก่พวกคุณได้

    และแน่นอนว่าคำว่า “เข้า” และ “ออก” ในที่นี้ก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่จะสามารถรับรู้ได้จากมุมมองของมิติที่ 3 นี้เท่านั้น
    เพราะว่าพวกมันไม่ได้มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีระดับคลื่นความถี่สูงกว่าของพวกเรา
    เพราะว่าในมุมมองของพวกเราแล้ว พวกเราจะใช้คำว่าการปรับจูนคลื่นความถี่ให้ตรงกับ
    ระดับคลื่นความถี่ของโลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่สูงกว่าหรือต่ำกว่าแทน

    มันเป็นภาระกิจของพวกเรา และก็ถือเป็นเกียรติอย่างสูงของพวกเราด้วย ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือพวกคุณ
    ผู้ที่เป็นตัวตนภาคหนึ่งของพวกเรา ที่อาสาลงมาเกิดอยู่ในร่างกายเนื้อของมนุษย์
    ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบครั้งยิ่งใหญ่ของไกอาแบบนี้

    จากมุมมองของพวกเรา มันจะปราศจากกาลเวลา
    เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเราจึงไม่มีความกังวลเรื่องของระยะเวลาเลย
    ว่าตัวตนภาคที่อยู่บนพื้นโลกของพวกเราจะต้องใช้เวลายาวนานสักเท่าใด
    เพื่ออยู่ในแมทริกซ์ของมิติที่ 3 แห่งนี้ เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือไกอา

    เพราะว่าจากมุมมองของพวกเราแล้ว ทุกๆเฟส ทุกๆระยะ ของ “กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น”
    (ascension process) ของดาวเคราะห์โลกในครั้งนี้ กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆกันหมดในเวลาเดียวกัน
    อยู่ใน “ขณะนี้” ของ “ความเป็นหนึ่งเดียว” ทั้งหมด

    พวกเราเข้าใจดีว่า พวกคุณซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 นั้น จะเข้าใจว่าเฟส หรือ ระยะ
    ของกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นทั้งหมดนี้ กำลังเรียงรายกันอยู่แบบเป็นเส้นตรงที่ยาวเหยียดอย่างไร
    ในแบบที่เฟสที่มีความเป็นกายภาพมากที่สุดก็จะอยู่ต่ำที่สุด ส่วนเฟสที่อยู่สูงที่สุดก็จะอยู่บนยอดสุดของเส้นตรงนี้

    แต่โชคดีที่ เมื่อใดที่พวกคุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบความคิดของตัวเอง
    ให้ไปเป็นการคิดแบบหลากมิติได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
    พวกคุณก็จะสามารถเติมเต็มภาระกิจของตัวเองที่อยู่บนโลกใบนี้ได้ต่อไป
    ในขณะเดียวกันพวกคุณก็จะสามารถรับรู้ถึงตัวตนอื่นๆของตัวเองที่อยู่ในมิติที่สูงๆกว่าได้อีกด้วย

    พวกคุณมี “ตัวตนที่สูงกว่า” (higher Self) จำนวนมากมาย
    และพวกเขาทั้งหมด ก็ไม่ได้เรียงลำดับกันอยู่
    แบบเป็นลำดับขั้นสูง-ต่ำกว่าแต่อย่างใดเลย
    แต่พวกเขาหรือพวกเราทั้งหมด กำลังดำรงอยู่
    ใน “ที่นี่” ของ “ปัจจุบันขณะนี้” พร้อมๆกันหมด

    พวกเราเข้าใจดีว่าคำว่า “ที่นี่ ของ ปัจจุบันขณะนี้” เป็นเรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย
    ที่วิธีการคิดแบบมิติที่ 3 จะสามารถเข้าใจได้ แต่พวกเราก็อยากจะขอรับประกันกับพวกคุณว่า
    วิธีการคิดของพวกคุณจะกลายไปเป็นแบบหลากมิติทันที เมื่อจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    สามารถมีเสถียรภาพอยู่ในระดับคลื่นความถี่ของโลกแห่งความเป็นจริงที่สูงกว่าได้แล้ว
    และเมื่อใดที่การคิดแบบหลากมิติของพวกคุณออนไลน์ขึ้นมาได้แล้ว
    พวกคุณก็จะสามารถรู้สึกถึงตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเองได้ และในขณะเดียวกัน
    พวกคุณก็จะสามารถมีประสบการณ์กับโลกแห่งควอนตัม (ประมาณว่า คือโลกทิพย์ – ผู้แปล)
    ผ่านทาง DNA ส่วนที่เป็น 97% ของร่างกายเนื้อของตัวเองได้ด้วย

    อีกครั้งหนึ่ง ตัวตนภาคอื่นๆเหล่านี้ของพวกคุณ ไม่ได้เรียงลำดับกันอยู่แบบเป็นเส้นตรงจากบนลงล่างแต่อย่างใดเลย
    เพราะว่าตัวตนเหล่านี้ กำลังดำรงอยู่ใน “ที่นี่ ของ ปัจจุบันขณะนี้” พร้อมๆกันทั้งหมด
    ซึ่งภายใน “ที่นี่” นั้น ทุกๆกระแสความคิดของพวกคุณ, ทุกๆอารมณ์ความรู้สึก
    และความปราถนาที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวของพวกคุณ จะถูกเติมเต็ม “เดี๋ยวนี้” ในทันที

    ที่พวกเราใช้คำว่า “ความปราถนาที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว” ก็เพราะว่า ความปราถนาที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว
    จะทำให้คลื่นความถี่ของพวกคุณตกต่ำลงมา และหลุดออกมาจาก “ที่นี่” และ “เดี๋ยวนี้” ทันที
    แล้วกลับคืนไปสู่ “กาลเวลา” และ “ความเป็นขั้ว” ของโลกแห่งความเป็นจริงที่มีขั้วในมิติที่ 3 ใหม่ในทันที.....

    …………...................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2014
  14. krittima helga

    krittima helga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +247
    ___แถมมาเยอะๆเลยจ้า..คุณชยูต..ขอบคุณ..และขอบคุณ และขอบคุณ...:cool:(f):d..ของชอบของครอบครัว___
     
  15. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เอ.........ไม่ทราบว่าNirvana แปลว่าแดนสุขาวดีได้ด้วยหรือครับ หรือแดนสุขาวดีต้องใช้แปลคำว่า
    Pure Land และก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่แปลNirvana ว่าแดนสุขาวดี

    นิพพานกับแดนสุขาวดีเป็นคนล่ะอย่างกันนะครับ แล้วถ้าจะอ้างว่าติดต่อกับจิตวิญญาณอะไรก็ตามในนิพพานได้นี่ผิดไปจากคำสอนพระพุทธเจ้าไกลทีเดียวเพราะนิพพานไม่ใช่ดินแดน
    เหมือนสุขาวดีนะครับ....................
    แดนสุขาวดีเป็นพุทธภูมิของพระอมิตาภะ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อไปเกิดแล้วจะไม่ตกต่ำมาสู่อบายภูมิอีก โดยผู้จะไปเกิดต้องมีคุณธรรมสามประการคือ กตัญญูกตเวที ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จิตมั่นคงต่อโพธิญาณ นอกเหนือจากนี้ต้องสวดมนต์ระลึกถึงพระอมิตาภะตั้งปณิธานไปเกิดในสุขาวดีจึงจะได้ไปเกิดสมปรารถนา...........ไปเกิดเพื่อไปบำเพ็ญต่อครับจนกระทั้งเข้าถึงพระนิพพาน หรือพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่อยากเข้าถึงพระนิพพานเร็วอยากช่วยสัตว์โลกก็จะตั้งจิตของอยู่ต่อในพุทธภูมิที่มีมากมายเท่าเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ซึ่งสุขาวดีเป็นหนึ่งในนั้น เพื่อโปรดสัตว์

    อีกอย่างโลกควอนตัมก็ไม่ใช่โลกทิพย์อะไรด้วย แต่มันคือโลกของอนุภาคในระดับจุลภาคที่ประกอบมาเป็นตัวเราและมันมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากสามัญสำนึกของเราแต่กฏในโลกควอนตัมเป็นตัวสร้างหรือกำหนดกฏในโลกมหภาค(คลาสสิก)ของเรา ไอ้หลักการของควอนตัมก็กลายมาเป็นหลักการของเครื่องมือในปัจจุบันนี้ของเราหลายตัว มันไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย เพียงแค่มันเล็กไปกว่าตาเราเห็นเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2014
  16. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +10,246
    เรื่องนี้เป็นธรรมดาของการแปลภาษาหนึ่ง เป็นอีกภาษาหนึ่งครับ
    และก็เป็นธรรมดาของ ภาษา ในฐานะสื่อ ที่ไม่สามารถถ่ายทอด
    ความในใจของผู้พูด หรือผู้เขียน ได้อย่างครบถ้วน
    ดังนั้นถ้ามีความรู้ภาษาอังกฤษดีพอ ก็ขอแนะนำให้อ่านต้นฉบับเลยครับ

    ขอเสนอความเห็นเพิ่มเติมว่า ถ้าเชื่อว่า สสาร ก็คือ พลังงาน
    และเชื่อว่า พลังงานทุกชนิด สามารถอธิบายได้ด้วยลักษณะของคลื่น
    ก็จะช่วยให้เข้าใจ "ข้อความจากต่างมิติ" ได้ดีขึ้นครับ
     
  17. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    แต้งกิ้ว ทรี ทาม อิอิอิ. ^^
     
  18. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    หายสงสัยเลยครับ
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ถ้าใครเคยแปลข้อความจากต่างมิติมาบ้างแล้ว ก็จะรู้ว่า

    "ไม่ใช่ว่าเก่งภาษาอังกฤษอย่างเดียว
    แล้วจะอ่านข้อความพวกนี้รู้เรื่องทั้งหมดหรอกนะครับ"

    เพราะว่ามันมีความรู้พื้นฐานหลายอย่างที่ผู้อ่าน/ผู้แปลจะต้องคุ้นเคยด้วย
    ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ และศัพท์คำนั้นๆ เขาหมายถึงอะไรอยู่
    เพราะว่าบางที เราไม่สามารถแปลออกมาตรงๆตาม dictionary ได้
    ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า
    คุณจะแปลและตีความหมายเข้าป่าเข้าดงไปไกลลิบลับเลย

    ไม่เชื่อก็ลองดูสักข้อความสิครับ เลือกเอาข้อความที่สั้นๆง่ายๆก็ได้
    อย่างของท่าน Hilarion ก็ได้ครับ ที่จะสื่อสารมาทุกสัปดาห์อยู่แล้ว

    HILARION 2014 - The Rainbow Scribe

    แต่ถ้าอยากลองของยากเลย ก็ต้องเป็นข้อความของท่านเมตาตรอนครับ
    โดยเฉพาะข้อความเก่าๆนะครับ เพราะว่าช่วงนั้นท่านอัดข้อมูลมาให้เต็มๆ

    http://spiritlibrary.com/spiritual-entities/archangel-metatron

    ตัวอย่างของคำศัพท์ที่ไม่สามารถแปลออกมาตรงๆได้
    ก็เช่น the Cabal ใน dict มันแปลว่า คนซ่องสุมกัน,แผนร้าย
    แต่ในข้อความต่างมิติจากหลายๆรูปธรรม เขาหมายถึงกลุ่มอิลลูมินาติ
    เห็นไหมหละครับ ว่าผู้อ่านก็จะต้องมีพื้นฐานข้อมูลพวกนี้พอสมควร
    จึงจะรู้ว่าเขาหมายถึงใคร อะไร ยังไง ดังนั้น เวลาผมแปลเอง
    ผมก็จะพยายามใช้คำศัพท์ ที่จะทำให้คนอ่านใหม่ๆเข้าใจได้ด้วย
    และก็จะพยายามคงเค้าโครงของศัพท์
    และ ความหมายเดิมของเขาเอาไว้ให้มากที่สุดในขณะเดียวกันด้วย
    ดังนั้น หลายครั้งผมก็เลยต้องขยายความออกมาเอง
    หรือใส่วงเล็บหมายเหตุให้ด้วย อย่างที่เห็นกันอยู่

    ดังนั้น ผมและทีมแปลของผม จึงรู้กันดีว่า
    แค่ลำพังให้พวกผมอ่านเอง ให้จบข้อความหนึ่งๆนั่นหนะ
    มันไม่ยากเลย แค่ 10 นาทีหรือครึ่งชั่วโมงก็จบ และเข้าใจแล้ว
    แต่พอให้พวกเราแปล บางทีตัวผมเองใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง
    กับข้อความเพียงข้อความเดียวด้วยซ้ำไป เพราะว่าต้องเรียบเรียงประโยค
    ให้เข้าใจง่ายที่สุด ต้องเฟ้นหาคำศัพท์ที่เหมาะสมที่สุดเอามาใช้
    เพื่อให้ตรงความหมายที่เขาต้องการสื่อสารมากที่สุด และเข้าใจง่ายที่สุดด้วย
    อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ปล.ยังมีศัพท์อีกมากมาย ที่ไม่อาจแปลออกมาตรงๆได้ในทุกๆบริบท
    โดยปราศจากความเข้าใจเบื้องลึก เบื้องหลังของมัน เช่น
    expression, manifestation, reality, continuum,
    personage, etheric body, astral body,etc..
    และแม้แต่คำว่า soul และ spirit ก็ด้วย
    มีใครรู้ไหมว่าสองคำนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างไร?
    ........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2014
  20. nununo

    nununo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ขอความรู้ด้วยคนนะครับ

    expression : การแสดงความรู้สึกออกมา
    manifestation : เปิดเผยให้เป็นที่ประจักษ์
    reality : ความแท้จริง
    continuum : ความต่อเนื่อยไปเรื่อยๆ
    personage : ความเป็นตัวตนของแต่ละตน
    etheric body : กายทิพย์
    astral body : เจตภูต

    soul และ spirit : ดวงจิตวิญญาณ และ วิญญาณ (ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันต่างกันอย่างไรเหมือนกันครับ) ช่วยแก้ให้ผมหน่อยนะครับ ขอบคุณครับคุณชยุต
     

แชร์หน้านี้

Loading...