เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

วันนี้ทำไปได้คนละ 10 หน้าแล้วครับ..ค้ดเอาที่เป็นสาระล้วนๆครับ
ตอนแรกลองทำใน pagemaker พอ copy มาใส่โปรแกรมอ่านไม่ออกเลย..
คงต้องทำใน word ให้เรียบร้อยก่อน
พรุ่งนี้ไม่อยู่ แล้วจะกลับมาทำต่อครับ

 

คุณ mead ผมทำเสร็จหมดแล้วครับ แต่เป็น word ขนาด A5
สามารถเอาพิมพ์เป็นหน้าหลังได้เลย แบ่งเป็น 4 เล่มครับ แต่ละเล่ม มีสารบาญ ให้ ยกเว้น เล่ม 4 ถ้าต้องการผมจะ mail
ให้ โพส Email มาได้เลยครับ

 

สนับสนุนให้ไปเรียนครับที่แพทย์แผนไทยที่กระทรวงสาธารณ สนุกและได้ประโยขน์ ผมเรียนรุ่น 3 สอบเภสัชภาคปฏิบัติตกมา6 ครั้งเลิกสอบไปแล้วครับ คือว่าคงขาดความมุ่งมั่นและค่อนข้างขาดสัมผัสดมกลิ่นยังแยกโหระพา กะเพรา แมงลัก ผิดบ่อย ๆ ดังนั้นความรู้ที่ได้มาจึงใช้ได้กับตัวเองเท่านั้น กำลังจะทำการบ้านชุด 2 ส่งเร็ว ๆนี้ครับ วันที่23 อย่าลืมชวนจิตวิญญานร่วมอุดมการณ์ไปช่วยกันสร้างความสงบสุขให้ชาติเราด้วยครับ

 

Merry Christmas & Happy New Year 2008

พี่นักเขียนขอขอบคุณ คุณ Mead หัวหน้าห้องวิทย์ คุณเม้า คุณเฉลย คุณ zip คุณน้องขจรวรรณ คุณน้องนก คุณน้อง ณ คุณเด็กโชว์พาว คุณหลาน wp-ivory คุณ Wihok คุณ VeggieGuy คุณ wiszard111 คุณประสงค์ คุณ Year of the Cat คุณ Jintawadee คุณหลานมายด์ คุณ falkman และคุณผู้อ่านทุกท่านที่ e-mail, Skype และโทรทางไกลเข้ามาอวยพร ส่งความรักความอบอุ่นมาให้พี่นักเขียนเป็นอย่างมากค่ะ ทำให้วันเกิดกลางฤดูหนาวปีนี้ กลายเป็นปีที่อบอุ่นที่สุดจนหิมะละลายเลยค่ะ

เวลาทางเมืองไทยเร็วกว่าทาง Kansas 13 ชั่วโมงในฤดูหนาว พี่นักเขียนเกิดวันที่ 18 แต่เมื่อย้ายมาอยู่ซึกโลก ทำให้แก่ช้าไปตั้ง 13 ชั่วโมง หากท่านใดต้องการชะลอความแก่ เชิญบินหรือ beam มาสมทบได้เลยทุกเมื่อนะคะ ยินดีต้อนรับเสมอด้วยอาหารไทย-ไวน์เทศ อาหารเจและอาหาร general ตลอดจน gourmet จากทั่วทุกมุมโลก



นอกจากนี้พี่นักเขียนต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมส่งการบ้านวาดภาพและตอบคำถามเหล่านี้ เพราะห้องวิทย์ฯของเรา จะเป็นสถานที่ชุนนุมญาติมิตรทางจิตวิญญาณเพื่อเรียนรู้ร่วมกันไม่ได้ หากปราศจากสมาชิกทั้งหลายผู้นำอารมณ์-จินตนาการณ์และความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึก มาแลกเปลี่ยนกันอย่างเปิดเผย ช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านได้ติดตามกระบวนการที่จะทำให้เราต่างก็ได้มีโอกาสรู้จักและเข้าใจตนเองได้อย่างลึกซึ้ง และค้นให้พบคุณภาพอันเป็นอมตะของเราทั้งหลาย

ธรรมชาติของตัวตนของเรา ธรรมชาติของจิตวิญญาณของเรา แม้จะดูเสมือนว่าเป็นสาระที่ใกล้ตัวที่สุด และเราทั้งหลายน่าจะรู้ดีที่สุด แต่เรากลับไม่มีโอกาสได้ศึกษาเท่าที่ควร ทั้งที่หัวใจของพวกเราทุกคนใฝ่รู้อยู่เสมอ เราไม่มีสถานที่ใด ที่มีหลักสูตรพิเศษให้เราได้เรียนรู้จากกันและกัน ในฐานะญาติมิตรทางจิตวิญญาณอันเป็นระบบเครือข่ายที่เป็นหนึ่งเดียว นอกจากโรงเรียนในโลกของความฝัน ที่เราได้พบปะเพื่อนและญาติมิตรร่วมชั้นเรียน พบปะครูบาอาจารย์มากมาย พวกเราฝันว่าใช้ชีวิตในโรงเรียนกันไม่มากก็น้อยด้วยกันทุกคน จิตวิญญาณของเเราเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงเสมอๆในความฝัน แต่ถ้าหากเราไม่มีโอกาสนำสาระสำคัญของความฝันมาแลกเปลี่ยนและสนทนากัน โลกของความฝันก็จะยังคงเป็นโลกที่ไร้สาระ ไร้ความสำคัญ และไร้ความเป็นจริงต่อไป เพราะเราปราศจากผู้ที่จะอ้างอิงและสนับสนุนหลักฐานและประสบการณ์ที่หมดที่เราเผชิญในความฝัน

พี่นักเขียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นอกจากจะได้มีโอกาสมาอยู่ท่ามกลางพวกเราชาวห้องวิทย์ฯ ผู้มีเป้าหมายในการแสวงหาความรู้ร่วมกันแล้ว ยังได้มีโอกาสเสนอแนะและถ่ายทอดแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับพวกเราทุกคน วันเกิดปีนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นการเกิดใหม่ ในมิติใหม่ที่แตกต่างไปจากที่แล้วมาโดยสิ้นเชิง เพราะจิตวิญญาณของพี่นักเขียนได้เดินทางมาพบพวกเราจากอีกซึกโลกหนึ่งยามตื่น สะพานที่เชื่อมสัมพันธภาพต่างซึกโลกของเราดูเสมือนจะขยายความกว้างออกไปเรื่อยๆ แต่แม่น้ำที่เคยกว้างไกลกลับดูเสมือนจะแคบลงถนัดใจ ทำให้โลกยามตื่นและโลกยามฝันที่เคยแยกจากกันกว้างไกล เคลื่อนเข้ามาใกล้กันจนแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อวานนี้พี่นักเขียนได้รับ e-mail จากท่านผู้อ่านขาประจำหลายท่านที่ไม่เคย post ซึ่งเขียนมาอวยพร และขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันให้ ณ ห้องห้องวิทย์ฯนี้ พี่นักเขียนขอแบ่งพรและความขอบคุณมาให้พวกเราทุกคนอีกครั้ง ที่เป็นกำลังสำคัญของการขยายความรู้ และเล็งเห็นความสำคัญของสาระทั้งหลายที่ปรากฏในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย และในห้องวิทย์ฯนี้ และได้สละเวลารวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ (รบกวนหัวหน้าฯ อย่าลืม post pdf file ไว้หน้าแรกของห้องวิทย์ฯด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกของสมาชิกและพลังเงียบอีกหลายท่าน)

วันนี้พี่นักเขียนขอเวลาทำธุระสำหรับการจัดเลื้ยง Christmas ที่บ้านสักพัก แล้วจะกลับมาตรวจการบ้านก่อนลาพัก Christmas Holiday 4-5 วัน ช่วงนี้จะยังไม่ให้การบ้านนะคะ แต่จะแวะเวียนเข้ามาคุยด้วยอย่างสม่ำเสมอค่ะ เพราะช่วงเวลาสำคัญของปีจะสำคัญไม่ได้หากขาดพวกเราไปในแต่ละวัน พวกเราคงจะ busy กับงานและปีใหม่ หลังปีใหม่พี่นักเขียนจะเริ่มนำพวกเราเข้าสู่กระบวนการวาดภาพด้วยสมองซีกขวา อีก 2-3 ชั่วโมงข้างหน้า พี่นักเขียนจะกลับมา post ตรวจการบ้านและขยายความให้พวกเราฟังเกี่ยวกับภาพวาด สัดส่วน ความเชื่อ และสติสัมปชัญญะ และตอบคำถามที่ยังคั่งค้างอยู่ค่ะ

พี่นักเขียนขอถือโอกาสนี้ ส่งความสุขให้กับพวกเราที่รักทุกท่าน ขอให้เริงร่ากับชีวิตและสุขสมหวังดังปรารถนาทุกประการดั่งความฝันอันสดสวยค่ะ พี่นักเขียนนำความรักความอบอุ่นที่ได้รับจากพวกเราไปละลายหิมะด้วยการเขียนข้อความบนหิมะจริงๆค่ะ และจะนำความรักความอบอุ่นจากพวกเรา เป็นกำลังที่จะเขียนหนังสือต่อไป-อย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเหล่่านี้คือของขวัญและสิ่งตอบแทนที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับพี่นักเขียน(rose)

 

จากหนังสือ โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า การสะกดจิตทั้งหลายจะได้ผลก็ต่อเมื่อผู้ถูกสะกดมีความเชื่อที่คล้อยตามผู้สะกด ไม่ว่าผู้สะกดจะเหนี่ยวนำให้คล้อยตามเกี่ยวกับอะไร บางสถานการณ์-ผู้สะกดเหนี่ยวนำให้ผู้ถูกสะกดเชื่อว่าเขามีความสามารถที่จะทำให้ผู้ถูกสะกด กลายเป็นอะไรก็ได้ เช่น กลายเป็นสุนัข เป็นแมว เป็นตำรวจ เป็นผู้ร้าย เป็นนักร้อง เป็นนักเต้นรำ ฯลฯ หากผู้ถูกสะกดมีความเชื่อว่า ผู้สะกดจิตมีพลังอำนาจที่จะสะกด ครอบงำ หรือควบคุมจิตของเขาได้ หรือมีพลังอำนาจที่จะทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ดังกล่าว การสะกดจิตนั้นๆจึงจะได้ผล ในทางตรงกันข้าม หากผู้ถูกสะกดปราศจากความเชื่อ การสะกดจิตนั้นๆย่อมไม่ได้ผล

กล่าวได้ว่า การสะกดจิต เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความเชื่อสองทาง หรือความเชื่อของบุคคลมากกว่า 2 คนขึ้นไปเสมอ อันได้แก่ผู้สะกด และผู้ถูกสะกด และในบางกรณีก็รวมถึงผู้สังเกตการณ์ หรือผู้ชมด้วย

รายการที่คุณเฉลยกล่าวถึง เหนี่ยวนำความรู้สึกของผู้ชมได้เช่นเดียวกับการสะกดจิต หากจะเรียกว่าเป็นการสะกดจิต พี่นักเขียนคิดว่าน่าจะไม่ผิด และเป็นการสะกดจิตที่ได้ผลเพราะผู้ชมมีความเชื่อไม่มากก็น้อยว่า บุคคลที่มาปรากฏตัวในรายการเหล่านั้น เป็นดาราที่มีความสามารถ หรือจะกล่าวได้ว่ามีพลังในการสะกดผู้ชม เพราะพวกเขาได้ชื่อว่า เป็นดาราที่มีผลงานที่ประสพผลสำเร็จ ดังนั้นผู้ชมจึงมีความเชื่อโดยปริยายแล้วอย่างน้อยเกินครึ่ง ก่อนที่จะได้ชมการแสดงที่เหนี่ยวนำความรู้สึกให้คล้อยตามด้วยซ้ำไป

คุณเฉลยถามว่าหากเราไม่แสดงออกทางกาย แต่ใช้อารมณ์-จินตนาการหรือความรู้สึกนึกคิด เหมือนการอธิษฐานจิต เพื่อสะกดจิต จะทำได้หรือไม่?

หากเราพิจารณาความหมายของการสะกดจิตตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึง การสะกดจิตไม่ได้เกี่ยวพันกับการแสดงออกทางกายเลย แต่เกี่ยวพันกับความเชื่อและอารมณ์-จินตนาการหรือความรู้สึกนึกคิดโดยตรง

บ่อยครั้งผู้ถูกสะกดถูกกำหนดให้หลับตา และฟังผู้สะกดพูดนำ เมื่อลืมตาขึ้นผู้ถูกสะกดก็เปลี่ยนพฤติกรรมไป เช่น คลานเป็นสุนัข ร้องเป็นแมว หรือลุกขึ้นร้องเพลงราวกับว่าเป็นนักร้อง ตามคำกล่าวของผู้สะกดจิต เป็นต้น แต่ในกรณีดังกล่าวนี้ ผู้สะกดใช้คำพูดเหนี่ยวนำ ส่วนผู้ถูกสะกดใช้ช้อารมณ์-จินตนาการหรือความรู้สึกนึกคิดของตนเองสร้างภาพและสถานการณ์นันๆขึ้น ก่อนที่จะลุกขึ้นแสดงออกตามนั้น

ส่วนการอธิษฐานจิต พี่นักเขียนเข้าใจว่า น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการสะกดจิตทางไกล ด้วยการส่งกระแสจิต เพราะไร้การแสดงออกทางกายและไร้คำพูดเหนี่ยวนำ ในกรณีนี้พี่นักเขียนเข้าใจว่าผู้ถูกสะกดจะร่วมรู้สึก หรือสัมผัสกับกระแสจิตของผู้ส่งได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความอ่อนไหวส่วนบุคคล หรือขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัสที่หก

การส่งกระแสจิตนั้น-พี่นักเขียนเชื่อว่าเราส่งได้เสมอ และเราก็ส่งกระแสจิตกันอยู่แล้วตามธรรมชาติเป็นประจำ ไม่ว่าเราจะแสดงออกทางกายหรือทางวาจา เราต่างก็ส่งกระแสจิต หรือส่งอารมณ์-จินตนาการหรือความรู้สึกนึกคิดร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรารับได้หรือไม่ก็ตาม เราก็รับรู้อารมณ์-จินตนาการหรือความรู้สึกนึกคิดที่มาพร้อมกับคำพูดและการแสดงออกทางสีหน้า ทางกายด้วยได้โดยไม่รู้ตัวเสมอๆ

แต่ถ้าหากเราไม่รู้จักธรรมชาติของพลังงาน ของจิตวิญญาณ ของกระแสจิต เรามักหยุดความเป็นตัวตนและความสามารถของเราเพียงแค่ผิวหนัง และขอบข่่ายของประสาทสัมผัสทั้งห้าเท่านั้น และเชื่อว่า เราจะรับรู้ได้เพียงแค่วงจำกัดเท่านั้น

การอธิษฐานจิตจะสัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่ พี่นักเขียนเชื่อว่า กลับไปเข้าประเด็นเดิมคือ ต้องอาศัยความเชื่อเป็นปัจจัยสองทาง หากเราอธิษฐานจิต โดยผู้รับกระแสของเราปราศจากความเชื่อ แม้เขาจะรับได้ รู้เห็นได้ รูู้สึกได้ เขาก็ย่อมปฏิเสธ เรียกได้ว่าส่งไปได้ ส่งไปถึง แต่ผู้รับไม่รับ มันก็ไร้ผล เหมือนการส่ง mail หรือ e-mail ไปหาคนรู้จัก แต่เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก อ่านออกแต่ภาษาไทย หากเราส่งเป็นภาษาอังกฤษไป เขาก็ลบทิ้งหมด หรือเปิดออก ก็อ่านไม่ออก ส่งถึงก็เหมือนไม่ถึง(rose)

 

สื่อสารยามฝันไร้ภาษา

โลกของความฝัน โลกของจิตวิญญาณ โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ เป็นโลกที่สื่อสารโดยตรงจากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณ หรือสื่อสารกันโดยตรงด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

ภาษาพูดเป็นเพียงสัญญลักษณ์ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น แต่ภาษาพูดก็ไม่ได้ทดแทนการสื่ิสารโดยตรงด้วยจิตวิญญาณทั้งหมด เรายังคงส่งกระแสจิตหรือส่งอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดควบคู่ไปกับคำพูดและการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางของเราด้วยเสมอ

ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ หรือติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติบ่อยๆจะพบได้ว่า หากเราฟังภาษาต่างชาติที่เราเข้าใจบางส่วน บ่อยครั้งเราสื่อสารได้มากกว่าคำศัพท์ที่เรารู้จัก ส่วนผู้ที่ฟังภาษาต่างชาติไม่เข้าใจเลย อาจแปลกใจที่บางครั้งตนเองเข้าใจความต้องการของชาวต่างชาติได้อย่างเหลือเชื่อ

การสื่อสารโดยปราศจากคำพูด เป็นสิ่งที่เราทั้งหลายขาดความคุ้นเคย และไม่รู้จัก ทั้งที่มันเป็นธรรมชาติมากกว่าคำพูดด้วยซ้ำไป เราจะเข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ได้ดีหากพิจารณาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับคนรัก คนใกล้ตัว เพราะบ่อยครั้งเราจะเข้าใจลูก คุณพ่อคุณแม่ หรือคนร และรู้ถึงความต้องการของผู้อื่นได้โดยปราศจากคำพูด แต่เรามักจะไม่ได้ใช้ความอ่อนไหวหรือใช้ประสาทสัมผัสภายในตามธรรมชาติเหล่านี้กับคนแปลกหน้า เรามักจะใช้ก็ต่อเมื่อเราต้องการป้องกันตัวเสียมากกว่าจะใช้เพื่อรับรู้ความต้องการของผู้อื่น

ความฝันของคุณ Jintawadee เป็นธรรมชาติความเป็นจริงของการสื่อสารที่แท้จริง ที่เกิดขึ้นทั้งยามตื่นและยามฝัน แต่ยามตื่น เรามักจำกัดและขัดขวางความสามารถตามธรรมชาติของตนเองด้วยความเชื่อ ด้วยพื้นฐานการศึกษา และต้วยความเชื่อทางสังคม ส่วนยามฝัน เราปราศจากข้อมจำกัดทั้งหลาย ทำให้เราใช้ความสามารถของการสื่อสารด้วยประสาทสัมผัสที่หกได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ (rose)

 

อิอิ...พี่เหลยเป็นท่านเคาท์เลยเหรอ...งั้นคุณวรรณต้องปลูกมะเขือเทศเพิ่มแล้วอะ ท่านเคาท์พี่เหลยคงหม่ำได้แต่น้ำมะเขือเทศเนอะ...เอาแดงๆ ไว้ก่อน...อืม...น้ำกระเจี๊ยบแดงก็คงพอได้ ...นึกแล้วอยากกินมั้ง...[Embarrass

 

...@^^@ โอม...เพี้ยงขอให้สำเร็จด้วยดี เอาใจช่วยสุดๆๆ...อิอิ(||) เย้...ห้องนี้น้ำใจเหลือล้นจริงๆๆ เหลือล้นแต่ไม่เหลือรับ เพราะรับหมด...อิอิ

 

เคยจำได้ว่ามีคนเคยทำเป็น file pdf. ไว้แล้วมีประมาณ 70 หน้า ตอนนั้นดิฉันได้พิมพ์ออกมาเป็นเล่มทีนึงแล้ว แต่ถ้ามีการรวบรวมอีก ก็ขอขอบคุณมากค่ะ อ้อคุณเฉลยคะ รบกวนให้คุณเฉลยส่งข้อมูลที่รวบรวมไว้มาที่ axn_guy@hotmail.com ด้วยนะคะ ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

 

ดิฉันโชคดีมากได้พบและได้ศึกษาจากหมอสมุนไพรที่เก่งมากท่านหนึ่ง แต่ท่านไม่นิยมเปิดตัว ได้เรียนรู้ตำรายาและประโยชน์จากสมุนไพรมาพอสมควร แต่ที่อยากไปเรียนเพิ่ม เพราะอนาคตอยากเปิดร้านประกอบยาสมุนไพร (อย่างหมอปริญญา) รวมถึงเปิดศูนย์รักษาผู้ป่วยแนวธรรมชาติบำบัดด้วย ที่สำคัญอยากเปิดศูนย์รักษาผุ้ป่วยอาการหนักที่โดนทอดทิ้ง แต่ยังไม่รู้ว่าจินตนาการครั้งนี้จะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะต้องมีงบพอสมควร

 

...โห... ท่านเคาท์พี่เหลยสุดยอดมาก...(||) เก่งจัง เป็นSuper hero อีกคน อย่างนี้พวกเราคงได้อ่านเร็วขึ้นแน่ๆ...

...พาสาวๆ มาให้กำลังใจทุกคนค่ะ

 

...ณ.ขอให้ศูนย์ที่พี่จินต์ปรารถนาเป็นจริงด้วยค่ะ และก็เชื่อว่าพี่จินต์สามารถทำได้ดีด้วยค่ะ ณ.ก็รู้จักกับหมอยาสมุนไพรคนนึ่งอยู่เหมือนกัน เขาสามารถรักษาโรคที่หมอแผนปัจจุบันปฏิเสธได้ แต่เขาไม่เปิดเผยตัว เพราะเหตุผลต่างๆนาๆ เขาไม่มีใบอนุญาตที่ได้รับรองทางการแพทย์ แต่เขาศึกษามาจากพระอาจารย์ และอาจารย์สมัยก่อน ซึ่งความรู้พวกนี้เขาบอกว่าเป็นตำหรับยาโบราณซึ่งครูบาอาจารย์ถ่ายทอดมา...ณ.ได้ตำรายามาบ้างนิดหน่อย และได้เอายามาให้เพื่อนใช้ด้วย เธอป่วยเป็นมะเร็งมดลูกขั้นสุดท้ายตรวจพบเมื่อ2เดือนที่แล้ว และทำท่าว่าจะไม่รอด มีเลือดไหลมาก ณ.เลยไปขอคำปรึกษาและได้ตัวยามา ตอนนี้เพื่อนคนนี้อาการดีขึ้น...และณ.หวังว่าเพื่อนคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ...
...ที่พี่จินต์ปรารถนาจะสร้างศูนย์เพื่อผู้ป่วยที่ถูกทอดทิ้ง ณ.เข้าใจดีเลย เพราะเคยไปช่วยเป็นอาสาสมัครที่วัดพระบาทน้ำพุอยู่หลายครั้ง ถ้าใครได้เข้าไปที่นั่นในฐานะผู้เยี่ยมจะรู้สึกสงสารในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใครเป็นอาสาสมัครอย่างที่ ณ.เข้าไปช่วย ก็จะเกิดความรู้สึกอีกระดับหนึ่ง...ผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษา ส่วนใหญ่คือผู้ป่วยที่ถูกทอดทิ้ง ขาดกำลังใจ ณ.อยากให้มีสถานที่ที่รักษาผู้ป่วยพร้อมฟื้นฟูสภาพจิตใจไปด้วย...เอ...ถ้าจำไม่ผิด คุณวรรณหรือเปล่าน๊าที่เคยคุยเรื่องทำนองนี้อะ...ยังไงก็เอาใจช่วยให้ความปรารถนาของพี่จินต์เป็นจริงโดยเร็วค่ะ

 

โห..พี่เฉลยมีครบที่หน้าเลย..คงซุ่มทำมานาน ขอบคุณนะครับ
เดี๋ยวออกไปฟังบรรยายหน่อยครับวันนี้ แล้วจะมาเล่าให้ฟัง
เวลาตรงกับอาจารย์ปริญญาพอดี

เชิญเข้าร่วมฟังบรรยายพิเศษ เรื่องพลังเอกภพยูเรอัส มหัศจรรย์แห่งพีระมิด




ภาพนี้คงเป็นลายมือพี่นักเขียนแน่ๆเลย..เขียนบนหิมะซะด้วย..
Merry Christmas เช่นกันครับ

 

อ้างอิงจากคำกล่าวของ ธรรมชาติชาติภพ ภาคขยายความ จิตวิญญาณมักจะดึงดูดผู้ที่มีประสบการณ์และความคิดเหมือน ๆ กัน เข้ามาอยู่ด้วยกัน ยินดีจริงได้เพื่อนร่วมเจตนารมณ์แล้ว ไว้ถ้าความฝันเป็นจริงก็อย่าลืมมาช่วยเป็นอาสาสม้ครด้วยนะจ๊ะ อ้อ อีกศูนย์ก็คือหมาจรจัดโดนทอดทิ้ง (ตอนนี้เก็บมา 4 ตัวแล้ว)

 

วู้...รู้สึกถึงความเย็นจริงๆเลยค่ะ...Wow!..Merry X-mas...

(smile) ด้วยความยินดีค่ะ...และเชื่อว่าโครงการนี้ต้องมีผู้สนับสนุนอีกเยอะแน่นอน...(f)

 

ดีค่ะ ขอให้ปีหน้าคุณจินมีเวลานะคะจะได้มีเวลาไปเรียนเพิ่ม ถ้าคุณจินไปเรียนจบมาจะได้มีใบประกอบโรคศิลป์เป็นเครื่องการันตีด้วยค่ะ ยิ่งถ้าศึกษาความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัยและอาจารย์ด๋างไปด้วยนี่ไปโลดเลยค่ะ ขอให้ความฝันนั้นเป็นจริงนะคะ หากสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของเราก็จะมีคนที่พร้อมมาสนับสนุนให้เราได้ทำในสิ่งที่คิดไว้แน่นอนค่ะคุณจิน ช่วงนี้ก็รักษาตัวเราให้แข็งแรงเข้าไว้ เมื่อถึงเวลานั้นจะได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจได้อย่างเต็มที่เต็มความสามารถของเราค่ะ.. สู้สู้ค่ะ..(f)

 

อย่าลืมไปอ่านหน้า 166 บ้างนะคะ ขจรวรรณพิมพ์ยาว ๆ ไว้ให้คุณ wizard อ่านโดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย ไม่อ่านของเราเดี๋ยวมีงอนจิง ๆ ด้วย ฮือ..ฮือ.. ไม่ยอมต้องเอาหนมมาฝากเราด้วย.. เค้าโป้งตัวแล้วนะ..(cry) (cry) (cry)

 

Thunder Snow

พี่นักเขียนสัญญาไว้ว่าจะกลับเข้ามา post อีกเมื่อบ่ายวานนี้ของเวลา Kansas แต่ก็ติดทำ hors d'oeuvre และขนมอีกหลายอย่างไว้ต้อนรับน้องๆนักเรียนชาวไทยที่จะมาร่วม Christmas party ที่บ้านพี่นักเขียนค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะหากทำให้ผู้อ่านบางท่านคอย บางคู่มาไกลจาก Arlington, Texas มาเยี่ยมญาติพี่น้องที่มาเรียนหนังสืออยู่ที่ University of Kansas และถือโอกาสมาเที่ยวถิ่นของ Laura Ingalls Wilder จากตำนานบ้านเล็กในป่าใหญ่อันเลื่องชื่อ และตำนาน Wizard of Oz เพื่อมาสัมผัสกับความหนาวเย็น และ White Christmas เพราะ Texas ไม่ค่อยจะมี snow ตกนอกจากทางตอนเหนือ แต่พื้นดินก็อุ่น ถึง snow จะตกบ้างประปรายแต่ก็ละลายทันทีที่ถึงพื้นดิน นักเรียนไทยจาก Texas เลยไม่ค่อยจะได้มีโอกาสสัมผัสกับ snow สมใจอยาก

แต่เมื่อมาถึง Lawrence, Kansas แล้ว แทนที่จะได้ไปเยี่ยมบ้านเล็กในป่าใหญ่ ก็มาลงเอยทานข้าวที่บ้านใหญ่นอกป่าเล็กแทน พี่นักเขียนกับสามีต้อนรับน้องๆชาวไทย ซึ่งล้วนแต่เป็นว่าที่ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการระดับปริญญาโท ปริญญาเอกสาขาต่างๆ ทำให้พี่นักเขียนและสามีได้รับข่าวสารและมุมมองเกี่ยวกับบ้านเมืองของเรา และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักและได้ชื่นชมอนาคตมันสมองของประเทศชาติในหลายๆด้านค่ะ

พี่นักเขียนก็ต้อนรับน้องๆชาวไทย ด้วย Mulled Wine ตามเคย และ hors d'oeuvre เย็น มีชื่อไพเราะว่า Racituri-Pifte แต่ทำจากบาทาของหมู (Jellied Pig Feet) เป็นอาหารพื้นบ้านของ Kansas แต่ที่น่าสังเกตก็คือ เป็นอาหารพื้นบ้านของประเทศอื่นๆหลายประเทศทั่วโลก เช่น Hungary, Italy, Ukrain, Poland, Lithunia, Holland, Syberia, Germany, Russia, จีน ฯลฯ

United States เป็นประเทศที่รวมชนชาติต่างๆจากทั่วโลกสมชื่อจริงๆ เพราะตามปกติแล้วหากคนอเมริกันด้วยกันพบปะกันเป็นครั้งแรก ส่วนหนึ่งของบทสนทนาและการแนะนำตัวมักจะเป็นการถามถึงถิ่นฐานต้นกำเนิดของคู่สนทนาว่า "Originally, where are you from?" ซึ่งแต่ละคนก็จะบอกว่า ปู่-ย่า ตา-ทวดของเขามาจากประเทศอะไร หรือเป็นชาวอะไร เช่น Denmark, Irish, Italian, British, German ฯลฯ อาหารพื้นบ้านของแต่ละรัฐ จึงแล้วแต่ว่าชนชาติใดคือประชากรจำนวนมากที่ได้มาตั้งรกรากอยู่เป็นกลุ่มแรก หรือมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นที่สุด ชนพื้นถิ่นที่เป็นเจ้าของประเทศดั้งเดิมของอเมริกา ที่เรียกกันว่า Native คือ อินเดียนแดงเผ่าต่างๆ ชื่อรัฐ และชื่อเมืองมากมายในสหรัฐ รวมทั้งชื่อรัฐ Kansas ก็ล้วนแต่เป็นภาษาอินเดียนแดงทั้งสิ้น Kansas (แคนซัส) เป็นถิ่นฐานของอินเดียนแดงเผ่า Kansa (แคนซา)

หลังจาก late night party ก็ plan ว่าจะตื่นสายตามระเบียบ ปรากฏว่าเช้านี้มี Thunder Snow คือพายุหิมะที่มีฟ้าร้องฟ้าแล้บ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก-หลายปีจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา-ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ทำให้พี่นักเขียนต้องปิดเครื่อง computer ตลอดเช้า เพราะกลัวว่าจะโดน Zap

ตามปกติแล้วหากฝนตกมีปริมาณ 1 นิ้วและบรรยากาศหนาวจัดจนแห้ง ฝนที่ตกลงมาผ่านชั้นอากาศที่เย็นจัดจะกลายเป็น snow และมีปริมาณเป็น 10 เท่า คือปริมาณน้ำฝน 1 น้ิวจะกลายเป็น snow ประมาณ 10 นิ้ว แต่ถ้าหากว่าในขณะที่ snow ลงแล้วมีฟ้าร้องฟ้าแล้บด้วย นักอุตุนิยมวิทยาบอกว่าอากาศอุ้มความชื้นและประจุไฟฟ้าไว้ในปริมาณมาก ในชั้นบรรยากาศมีพลังงานมากกว่าปกติ ก่อให้เกิดการขยายปริมาณของ snow ได้ถึง 3 เท่าตัว

แต่คนที่นี่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอากาศที่เลวร้านนะคะ เราต่างตื่นเต้นและสนุกสนานเพราะใกล้วัน Christmas แล้ว ทุกๆคนมักจะ Wishing for White Christmas หรือวัน Christmas ที่บ้านเมืองปกคลุมด้วยหิมะขาวสนิท เพราะทุกคนจะอยู่บ้านฉลองกับครอบครัว รับประทานอาหารพิเศษมื้อใหญ่ในคืน Christmas Eve วันที่ 24 อยู่คุยกัน ดื่ม Eggnog จนดึกดื่นหน้าเตาผิงอันอบอุ่นกับสมาชิกครอบครัว และตื่นขึ้นสายของวันที่ 25 เพื่อแกะของขวัญที่กองไว้ใต้ Christmas Tree มาตั้งแต่ต้นเดือน

Eggnog เป็นเครื่องดื่มสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ มีส่วนผสมของ นม ครีม น้ำตาล ตีกับไข่ไก่สด cinnamon nutmeg และเหล้า rum, brandy หรือ whisky ซึ่งเป็นเครื่องดื่มอีกชนิดที่ทานแล้วอุ่นสบายท้องเหมาะกับอากาศ เช้านี้พี่นักเขียนก็เริ่มต้นด้วยรายงานอากาศ รายงานอาหาร จากนี้จะขอตอบคำถามที่คั่งค้าง และอธิยายเกี่ยวกับแบบฝึกหัดภาพวาดของพวกเราค่ะ(rose)

 

ความว่างเปล่า

ความว่างเปล่าที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึง หมายถึงภาวะจิต หรือสภาวะหนึ่งของโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้เช่นกันว่า การที่จิตวิญญาณจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่ภาวะของสติสัมปชัญญะที่เผชิญกับความว่างเปล่านั้น เป็นิส่งที่คงสภาพอยู่ไม่ได้ เพราะตามธรรมชาติของจิตวิญญาณย่อมจดจ่อกับสภาวะอันเป็น กายภาพ จินตภาพ หรือจิตวิญญาณ ซึ่งทั้ง 3 สภาวะนี้ กล่าวได้ว่า
ภาวะทางกายภาพ เป็นภาวะที่เรามีรูปกายหรือตัวตนเป็นรูปธรรมและรู้เห็นสิ่งต่างๆเป็นรูปธรรมด้วยประสาทสัมผัสภายนอก

ภาวะทางจินตภาพ เป็นภาวะที่เรามีรูปกายหรือตัวตนเป็นนามธรรม และรู้เห็นสิ่งต่างๆเป็นนามธรรม หรือเป็นจินตภาพด้วยประสาทสัมผัสภายใน

ภาวะทางจิตวิญญาณ เป็นภาวะที่เราปราศจากรูปกายหรือปราศจากตัวตน และเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้ และรับรู้แลกเปลี่ยน ถ่ายทอดความรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

หากจะกล่าวว่า ภาวะของความว่างเปล่านั้นไม่มีจริงก็คงจะไม่ผิด เพราะเมื่อมันเป็นภาวะที่คงสภาพอยู่ไม่ได้ เข้าใจไม่ได้ ภาวะเหล่านั้นก็ย่อมเสมือนไม่มีอยู่จริง เพราะเราไม่รู้ไม่เห็นมัน

พี่นักเขียนเข้าใจว่า หากเราจะเปรียบความว่างเปล่าของภาวะจิต กับความว่างเปล่าของภาวะทางกายภาพที่เรียกว่าสูญญากาศนั้น-คงจะไม่ถูกตัอง เพราะความว่างเปล่าของจิต หมายถึงการปราศจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ส่วนความว่างเปล่าของภาวะทางกายภาพที่เรียกว่าสูญญากาศนั้นหมายถึงปราศจากมวล ปราศจากธาตุใดๆ

ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า แม้ท่านปราศจากร่างกายตัวตนและเป็นจิตวิญญาณ-แต่ภาวะจิตของท่านก็ไม่ได้ว่างเปล่า แต่ยังคงเต็มไปด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดเสมอ จิตวิญญาณของเราทั้งหลายที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง เป็นจิตวิญญาณที่มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ-ซึ่งไม่ใช่ความรู้และความเป็นจริงเสมอไป ส่วนจิตวิญญาณของบุคลิกภาพทั้งหลายที่ปราศจากร่างกายเนื้อหนัง เป็นจิตวิญญาณที่มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นไปตามความรู้-ความเป็นจริง

ภาวะจิตที่เรียกว่าความว่างเปล่านั้นจึงเป็นภาวะที่คงสภาพอยู่ไม่ได้นาน เพราะมันไม่อาจบันทึกหรือจารึกอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดใดๆไว้ได้ ท่านกล่าวไว้ว่ามันเป็นภาวะที่เราทั้งหลายเข้าใจไม่ได้ พี่น้กเขียนเองก็มีความเข้าใจที่จำกัดเพราะไม่อาจเข้าถึงภาวะนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในความฝันหรือในภวังค์สมาธิ หากจะเผชิญกับภาวะที่ดูเสมือนว่าเป็นห้วงแห่งความว่างเปล่าที่มืดมิด สงบ มันก็เป็นไปเพียงชั่ววูบ-เสมือนทางผ่าน และเป็นภาวะที่ปราศจากการรับ ปราศจากการถ่ายทอดหรือติดต่อสื่อสาร แล้วภาวะจิตก็แปลงสภาวะไปโดยสิ้นเชิง ไม่อาจจดจ่อกับความว่างเปล่านั้นต่อไปได้นาน เพราะมันเป็นความเคว้งคว้างที่ทำให้คงสภาพอยู่ไม่ได้ด้วยวิธีการใดๆที่พี่นักเขียนรู้จัก

ตามความเข้าใจของพี่นักเขียน หากจะเปรียบภาวะของความว่างเปล่าของจิต กับอุโมงค์ที่มืดสนิทที่ทะลุผ่านภูเขา เราจะเดินทางจากสภาพแวดล้อมภายนอกภูเขาด้านใต้ ผ่านอุโมงค์อันมืดมิด ไปสู่สภาพแวดล้อมภายนอกภูเขาด้านเหนือ อุโมงค์อันมืดมิดนั้นเรียกได้ว่า เชื่อมต่อโลกภายนอกสองโลกหรือสองมิติ หรือสองสภาพแวดล้อมสองสภาพแวดล้อมที่ถูกคั่นด้วยภูเขา หากเราเดินทางผ่านอุโมงค์นั้นด้วยรถไฟที่มีความเร็วกว่าแสง แต่บรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่าง slow motion สิ่งที่เราจะอธิบายได้ก็คือ เราเผชิญกับการรู้เห็นสภาพแวดล้อมของภูเขาด้านใต้ จากนั้นเราก็เผชิญกับความว่างเปล่าที่มืดมิดชั่ววูบ แล้วภาวะนั้นก็หลายไป เรากลับคืนสู่การรู้เห็นโลกภายนอกของภูเขาด้านเหนืออีกครั้ง ความมืดมิดดังกล่าวนี้ไม่เอื้ออำนวยให้เรารู้เห็นสิ่งใดได้ เราจะรู้สึกเคว้งคว้างด้วยการเคลื่อนไหวในที่มืด

หากบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในภาวะที่เร็วกว่าแสง อาจกล่าวได้ว่า เราเผชิญกับการรู้เห็นสภาพแวดล้อมของภูเขาด้านใต้ แล้วเราก็เผชิญกับการรู้เห็นสภาพแวดล้อมของภูเขาด้านเหนือ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านอุโมงค์อันมืดมิด ว่างเปล่า ปราศจากการรู้เห็น เป็นเวลาเสี้ยววินาทีหรือน้อยกว่านั้นเสมือนว่ามันไม่มีอยู่จริง

หวังว่าอุปมาอุปมัยนี้คงจะพอทำให้คุณน้องขจรวรรณจินตนาการได้นะคะ พี่นักเขียนเข้าใจว่า ยังมีภาวะจิตหรือภาวะของสติสัมปชัญญะอื่นๆอีกมากมายหลายภาวะที่เราทั้งหลายไม่รู้จัก แม้ท่านอาจารย์อนาลัยจะกล่าวถึง แต่ท่านก็จะกล่าวด้วยว่า เราจะเข้าใจภาวะเหล่านั้นไม่ได้ ท่านเพียงแต่ให้เรารู้ว่านอกเหนือไปจากภาวะที่เรารู้จักแล้วยังมีภาวะอื่นๆอีก เพื่อให้เราตระหนักได้ว่า โลกแห่งความเป้นจริงที่เราทั้งหลายรู้จักอย่างจำกัด ภายใต้เครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เป็นโลกที่เกิดจากการจดจ่อของจิตวิญญาณดัวยสติสัมปชัญญะ-ในทิศทางหรือวิถีหนึ่งๆ ที่เราคุ้นเคย แต่สิ่งมีชีวิตสัญฐานอื่นๆ ในโลกอื่น มิติอื่นๆ มีการจดจ่อของจิตวิญญาณดัวยสติสัมปชัญญะ-ในทิศทางอื่น หรือวิถีอื่นๆ ที่เราไม่คุ้นเคย หัวใจของสาระที่เราควรทำความเข้าใจคือ ตระหนักว่า การจดจ่อของจิตวิญญาณดัวยสติสัมปชัญญะ-ในทิศทาง หรือวิถีหนึ่งๆ ที่เราคุ้นเคย คือปัจจัยหลักที่เราสร้าง และรู้เห็นโลกแห่งความเป็นจริงของเราเองดังคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า

จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ (rose)

 

ขอรบกวนคุณเฉลย e-mail มาฝากพี่นักเขียนสักชุดนะคะ เพราะพี่นักเขียนคอยรวบรวมคำตอบจากกระทู้ห้องวิทย์ฯ ไว้ที่ website: http://www.novaanalai.com/novaanala...860/64A62772-7160-11DC-937B-000D932ED860.html ใน menu ตอบปัญหาผู้อ่าน

แต่ช่วงหลังๆติดธุระ จนไม่มีเวลา update website ได้อย่างสม่ำเสมอ หากได้รวมเล่มของคุณเฉลยคงจะช่วยให้ update ได้ง่ายขึ้นค่ะ -ขอบคุณล่วงหน้า แต่ไม่ต้องรีบเร่งนะคะ เพราะใกล้ปีใหม่คงจะยุ่ง ให้ว่างเว้นจากงานก่อนค่อย e-mail ก็ได้ค่ะ(rose)