ประสบการณ์มโนมยิทธิ และญาณ ๘

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย White Sage, 29 มกราคม 2014.

  1. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    สวัสดีค่ะทุกๆท่าน กระทู้นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านการเล่าเรื่องราวประสบการณ์มโนมยิทธิ และญาณ ๘ ของพุทธภูมิหญิงท่านหนึ่ง โดยได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าของเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชิญทุกท่านอ่านค่ะ :)


    [​IMG]



    ประสบการณ์มโนมยิทธิ และญาณ ๘


    "ประสบการณ์มโนมยิทธิ และญาณ ๘" จะเป็นเรื่องราวพื้นฐาน(basic)ของข้าพเจ้าตั้งแต่เริ่มเข้าสู่การปฏิบัติธรรม โดยมี

    เนื้อหาตั้งแต่การพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่าด้วยภพภูมิต่างๆ และญาณอันเป็นเครื่องรู้ ๘ ประการ อันเป็นเรื่องราวที่มีประจักษ์พยาน หรือเป็น

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งประสบการณ์การปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพรหมวิหารธรรม ๔ ประการ อันเป็นกรรมฐานที่สำคัญที่ทำให้นักปฏิบัติ

    ธรรมสามารถทรงไว้ซึ่งทาน ศีล ภาวนา ได้อย่างครบถ้วน จนมีผลให้ได้มาซึ่งญาณ ๘ ประการ โดยเฉพาะเจโตปริยญาณ(การรู้วาระจิตของตนเอง) ซึ่ง

    จะนำไปสู่การพิจารณาในวิปัสสนาญาณในเบื้องต้น คือ การละสังโยชน์ ๓ ประการนั่นเอง



    เรื่องที่ 1 จุดเริ่มต้นของการฝึกมโนมยิทธิ...

    เรื่องที่ 2 เรื่องราวเกี่ยวกับพระรามเจ้าโพธิสัตว์

    เรื่องที่ 3 คุณพ่อที่เป็นเทวดามาสงเคราะห์

    เรื่องที่ 4 อนาคตังสญาณ-เส้นทางชีวิตในเรื่องการเรียน

    เรื่องที่ 5 ยถากัมมุตาญาณ-วาระกรรมของคุณแม่

    เรื่องที่ 6 เจโตปริยญาณ-ล่วงรู้ความคิดของคนอื่น

    เรื่องที่ 7 ปรารถนาพุทธภูมิ-ทิพจักขุญาณ-พบคู่บารมี

    เรื่องที่ 8 ทิพจักขุญาณ-คู่ครองในอดีตชาติ

    เรื่องที่ 9 พุทธภูมิ-พรหมวิหาร๔-งานสาธารณะประโยชน์

    เรื่องที่ 10 ยถากัมมุตาญาณ-ผลกรรมในอดีตชาติที่ผิดศีลข้อ ๓

    เรื่องที่ 11 พระท่านมาสงเคราะห์ข้อธรรม-พรหมวิหาร ๔-มานะกิเลส

    เรื่องที่ 12 คำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับพุทธศาสนา

    เรื่องที่ 13 มโนมยิทธิเต็มกำลังและครึ่งกำลัง-พุทธญาณในอนาคตังสญาณ ตอนที่ ๑

    เรื่องที่ 14 มโนมยิทธิเต็มกำลังและครึ่งกำลัง-พุทธญาณในอนาคตังสญาณ ตอนที่ ๒

    เรื่องที่ 15 มโนมยิทธิเต็มกำลังและครึ่งกำลัง-พุทธญาณในอนาคตังสญาณ ตอนที่ ๓

    เรื่องที่ 16 มโนมยิทธิเต็มกำลังและครึ่งกำลัง-พุทธญาณในอนาคตังสญาณ ตอนที่ ๔




    ประสบการณ์ที่ได้รับจากการปฏิบัติธรรม ตามวิสัยของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ


    "ประสบการณ์ที่ได้รับจากการปฏิบัติธรรม ตามวิสัยของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ" จะเป็นเรื่องราวของการปฏิบัติธรรมในแนวทาง

    มโนมยิทธิและญาณ ๘ ตามวิสัยของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ(ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า) ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่งสมบุญบารมี และเรียนรู้สิ่ง

    ต่างๆเพื่อความเป็นสัพพัญญู(ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง) ดังนั้นเนื้อหาในส่วนนี้จึงถือเป็นประสบการณ์เฉพาะตน และเป็นไปในลักษณะของการประยุกต์

    ใช้(apply)ความรู้ในทางโลกและทางธรรมเข้าด้วยกัน จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นข้อสรุป ความเข้าใจ และคำอธิบายในเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ขอให้ท่านผู้อ่าน

    ใช้วิจารณาญาณ ยึดหลักกาลามสูตร และปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ความจริงด้วยตนเองค่ะ



    เรื่องที่ 1 "โลกและธรรมเกื้อกูลกัน-ว่าด้วยวิธีการคิดบวกแบบทางโลกและการทำใจให้บวกแบบทางธรรม"

    เรื่องที่ 2 "วิทยาศาสตร์และพุทธศาสนา"

    เรื่องที่ 3 "การฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลังครั้งแรก"

    เรื่องที่ 4 "การฝึกญาณ ๘"

    เรื่องที่ 5 "ข้อสงสัยเรื่องการบูชาพระพุทธรูป

    เรื่องที่ 6 "มูลเหตุแห่งการสร้างบุญบารมี"

    เรื่องที่ 7 "วิธีดูจริยาของผู้ปฏิบัติธรรม" & "หลัก 2 ประการในการปฏิบัติธรรม"

    เรื่องที่ 8 "การทำบารมีพุทธภูมิ - ว่าด้วยเรื่องของคน"

    เรื่องที่ 9 "ข้อสงสัยเกี่ยวกับพระไตรปิฏก"

    เรื่องที่ 10 "สภาวะของพระนิพพานเป็นอย่างไร? เป็นอนัตตาหรืออัตตา? และมีสภาพเป็นเมืองแก้วหรือไม่?" - ตอนที่ 1

    เรื่องที่ 11 "สภาวะของพระนิพพานเป็นอย่างไร? เป็นอนัตตาหรืออัตตา? และมีสภาพเป็นเมืองแก้วหรือไม่?" - ตอนที่ 2 (บทสรุปเรื่องพระนิพพาน)

    เรื่องที่ 12 "การประยุกต์ใช้ความรู้ในทางจิต และองค์ความรู้ในทางโลก"

    เรื่องที่ 13 "เพศที่ 3 กับการปฏิบัติธรรม"

    เรื่องที่ 14 "การทรงกำลังใจในฐานะของผู้ปฏิบัติธรรม กับสถานการณ์ทางการเมือง"




    ***หมายเหตุ เรื่องทุกเรื่องที่นำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน ถือเป็นปัจจัตตังอันสัมผัสได้เฉพาะตัว

    ดังนั้นจึงขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ อ่านแล้วก็ขอให้เก็บเกี่ยวแต่ประโยชน์ แต่สิ่งที่ดีๆในทางธรรม

    อันจะทำให้ท่านผู้อ่านมีแต่ความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ทั้งในทาน ศีล และภาวนา จนสามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันค่ะ


    สำหรับท่านอื่นๆที่เป็นบุคคลทั่วไป และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ขอให้ถือซะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวบันเทิงธรรมอีกเรื่องหนึ่ง ที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้คนทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งความดีในพระพุทธศาสนา

    ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และถือหลักกาลามสูตรไว้เสมอ ว่าจะไม่ปักใจเชื่อหรือปฏิเสธ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัว

    ท่านเอง ทั้งนี้เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือเป็นประสบการณ์เฉพาะตัวที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง และตรวจสอบได้ยากว่าสิ่งต่างๆที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้เป็นเรื่อง

    จริงหรือไม่ จึงอาจกลายเป็นช่องโหว่ให้แก่กลุ่มของผู้ที่ไม่หวังดี แต่มีความเฉลียวฉลาด นำเอาศรัทธาความเชื่อทั้งหลายเหล่านี้ มาแอบอ้างเพื่อหาผล

    ประโยชน์ได้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2014
  2. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    จุดเริ่มต้นของการฝึกมโนมยิทธิ...


    ข้าพเจ้าฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่อายุประมาณ 14-15 ปี โดยการฝึกในครั้งแรกสามารถไปท่องเที่ยวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และพระจุฬามณีได้ แต่ไม่สามารถไปพระนิพพานได้ ในการฝึกครั้งนั้นประสบการณ์ครั้งแรกของข้าพเจ้าคือ การที่ได้พบเห็นกับคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยเห็นเหมือนกับน้องชายทั้ง 2 คนที่ไปฝึกมโนมยิทธิด้วยกัน ซึ่งคุณพ่อในตอนนั้นท่านได้เป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปแล้ว


    [​IMG]


    "พระจุฬามณีเจดีย์สถาน ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์"



    หลังจากนั้นก็ได้อ่านข้อความทางอินเตอร์เน็ตมากมายที่พูดถึงเกี่ยวกับมโนมยิทธิ ในแง่ของการเป็นเรื่องจินตนาการ และพูดถึงหลวงพ่อฤาษีในลักษณะของการเป็นพระที่เน้นฤทธิ์เดช เน้นการเห็นนรก สวรรค์ มากกว่าเน้นการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น จิตใจในตอนนั้นจึงเริ่มไขว้เขว และเริ่มไม่เชื่อในการฝึกแบบมโนมยิทธิ และหลวงพ่อฤาษีท่าน โดยมองว่าอาจจะเป็นเรื่องจินตนาการ หรืออุปาทานหมู่ และการที่พระใช้คำว่าฤาษีเป็นชื่อของตนเองนั้น ดูแล้วไม่เหมาะสมเท่าไหร่กับสมณเพศ (ซึ่งภายหลังได้กราบขอขมาพระรัตนตรัย และหลวงพ่อท่านเรียบร้อยแล้วค่ะ)


    [​IMG] [​IMG]


    "พระมาลัยท่องสวรรค์และนรก"


    ในระหว่างนี้ก็ได้ไปแวะเวียนฝึกฝนในสายปฏิบัติต่างๆ จนในที่สุดก็ได้พบกับอ.ฆราวาสท่านหนึ่งในสายมโนมยิทธิ เมื่ออายุประมาณ 15 ปี โดยท่านเป็นผู้ศรัทธาในหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นอย่างยิ่ง และได้สอนมโนมยิทธิแก่บุคคลทั่วไปโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางวัดแต่อย่างใด และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ทั้งหมด...


    [​IMG]


    "ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2014
  3. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    อ.ฆราวาสท่านนี้ ท่านเป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และมีความมุ่งมั่นในงานสาธารณะประโยชน์แก่หมู่ชนเป็นอันมาก โดยปรารถนาให้คนทั้งหลายได้เรียนรู้ในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้การสอนมโมยิทธิของอ.ท่านนี้จะมุ่งเน้นให้ผู้ฝึกสามารถท่องเที่ยวไปยังดินแดนต่างๆ อันได้แก่ สวรรค์ พรหม และนิพพาน รวมถึงภพอบายภูมิต่างๆ อันมีนรก เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการพิสูจน์คำสอนพื้นฐานที่สำคัญในทางพระพุทธศาสนาก่อน ซึ่งก็คือเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และกฎแห่งกรรม รวมถึงดินแดนพระนิพพานซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง สามารถรับรู้ได้ด้วยการฝึกจิต อันเป็นแนวทางเดียวกันกับหลวงพ่อฤาษี


    ในช่วงแรกๆในการฝึก อ.จะเน้นสอนมโนมยิทธิครึ่งกำลัง โดยการกล่าวบทชุมนุมเทวดา ขอขมาพระรัตนตรัย และสมาทานพระกรรมฐาน ตามแบบฉบับของหลวงพ่อฤาษีลิงดำทุกครั้ง และให้ผู้ฝึกภาวนานะมะพะธะ หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง อ.จะเข้าไปสะกิดเข่าของผู้ฝึกเพื่อทำการสอนเป็นรายบุคคล โดยเป็นการฝึกท่องเที่ยวในภพภูมิต่างๆ และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกิดสิ่งที่ไม่เคยทราบมาก่อนในคำสอนของหลวงพ่อฤาษี ซึ่งได้พิสูจน์ในการฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลัง กับอ.ฆราวาสท่านนี้ ซึ่งก็คือ


    "เรื่องราวเกี่ยวกับพระรามเจ้าโพธิสัตว์"


    [​IMG]


    " พระโพธิสัตว์ "


    ในการฝึกครั้งนี้ อ.ได้มานั่งทางด้านหน้าของข้าพเจ้า พร้อมกับสะกิดที่เข่าเบาๆเพื่อให้ทราบ และได้ให้เราพิจารณาเพื่อตัดขันธ์ 5 และนำอทิสมานกายของเราไปปรากฎต่อหน้าพระพุทธองค์ แล้วกราบอาราธนาบารมีพระพุทธองค์เพื่อขอแยกกายออกเป็น 4 กายปรากฎอยู่ใน 4 ทิศรอบพระพุทธองค์แล้วก้มลงกราบ จากนั้นขออาราธนาบารมีอีกครั้งเพื่อแยกกายออกเป็นนับพันๆกายเพื่อกราบพระพุทธองค์ ทั้งนี้เป็นอุบายเพื่อความคล่องตัวของจิตในมโนมยิทธิครึ่งกำลังนั่นเอง โดยครั้งนั้นหลังจากแยกกายนับพันๆกายเพื่อกราบพระพุทธองค์แล้ว อ.ก็ให้กราบขออาราธนาบารมีพระพุทธองค์สงเคราะห์ให้ไปยังสถานที่ต่างๆที่เหมาะสมกับเราในครั้งนั้น


    หลังจากกราบขออาราธนาบารมีพระท่านให้สงเคราะห์แล้ว จิต หรืออทิสมานกายของเรา ก็ได้ไปปรากฎยังเบื้องหน้าประตูทางเข้าพระจุฬามณีเจดีย์สถาน ในสววรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยในครั้งนั้นแปลกกว่าทุกครั้งที่เคย เพราะปกติจะเข้าไปยังพระจุฬามณีเลย แต่ครั้งนี้กลับรออยู่ภายนอก โดยไม่นานนัก ก็ปรากฎเทวดาองค์หนึ่งท่านยืนยิ้มต้อนรับเราอยู่ราวกับว่าคุ้นเคยกันมาก่อน จึงได้ถามกับท่านว่าท่านเป็นใคร ท่านได้ตอบเรากลับมาว่าท่านชื่อราม หรือนารายณ์ จิตเราตอนนั้นก็แปลกใจเอ๊ะทำไมเหมือนกับพระราม หรือพระนารายณ์เลย ซึ่งตอนนั้นจิตก็รู้แบบนั้นด้วยว่าคือองค์เดียวกัน แต่เป็นการรู้ที่เร็วมาก และรู้ด้วยว่าท่านเป็นพุทธภูมิ เลยถามท่านว่าแล้วท่านมาทำไม ท่านก็ตอบว่าเราเคยเป็นลูกท่านมามาก..


    [​IMG]


    "พระรามเจ้าโพธิสัตว์ พระอนาคตวงศ์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลำดับที่ ๒ ต่อจากพระศรีอาริย์เมตไตรย"


    แล้วตอนนั้นจิตก็รู้ขึ้นมาว่าเคยปรามาสท่านมาก่อน ควรกราบขอขมาท่าน เมื่อกราบขอขมาเสร็จ ก็ได้ถามท่านว่าท่านเป็นเทวดามีหน้าที่อะไร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ท่านก็ตอบว่า ท่านเป็นเทวดาอยู่ประจำประตูพระจุฬามณี พอท่านบอก ก็คิดว่าพ่อเราเป็นคนเฝ้าประตูหรือนี่ เหมือนยามเลย (จิตคิดปรามาสว่าเหมือนกับยามในโลกมนุษย์ ดูไม่สลักสำคัญอะไร) หลังจากนั้นก็รีบเข้าไปในพระจุฬามณีเจดีย์สถาน ไปยังเบื้องหน้าพระพุทธองค์ และขณะนั้นเอง จิตก็เกิดรู้ว่าอ.ยังอยู่ข้างนอก และกำลังคุยกับเทวดาที่ชื่อรามอยู่ เหมือนท่านจะมีอะไรบอกอ. หลังจากนั้นอ.ก็พูดขึ้นมาว่า เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งเข้าไป ให้ออกมาก่อน แล้วอ.ก็บอกว่าให้กราบเทวดาที่อยู่ข้างนอก โดยบอกว่าท่านเป็นพ่อเรามามาก และเรามีกรรมปรามาสท่าน ซึ่งเราก็ทำตาม (แต่แอบงงว่าเราขอขมาท่านไปแล้วนี่นา)


    [​IMG]


    "หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี"


    เมื่อฝึกเสร็จจากครั้งนั้น ในระยะเวลาไม่นาน ก็ได้ไปอ่านเจอหนังสือของหลวงพ่อท่านโดยบังเอิญ ซึ่งท่านกล่าวไว้ว่าพระนารายณ์นั้นคือชื่อของตำแหน่ง และในปัจจุบันเทวดาที่ชื่อท่านมเหสักขา เป็นเทวดาที่รับตำแหน่งพระนารายณ์อยู่ โดยท่านทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้ารักษาอยู่ตรงประตูทางเข้าพระจุฬามณีเจดีย์สถาน และสุดท้ายก็ได้ทราบว่า ท่านมเหสักขา หรือพระราม หรือพระนารายณ์ คือองค์เดียวกันกับพระรามเจ้าโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นอนาคตวงศ์ที่จะมาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ 2 ต่อจากพระศรีอาริยเมตไตร โดยท่านทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้ารักษาอยู่ตรงประตูทางเข้าพระจุฬามณีเจดีย์สถานค่ะ


    บันทึกพิเศษท้ายเรื่อง


    *** เพื่อความเข้าใจของท่านผู้อ่าน จึงอยากแจ้งให้ทราบว่าประสบการณ์มโนมยิทธิต่างๆที่เล่ามา ล้วนเป็นเรื่องราวที่เกิดจากการฝึกมโนมยิทธิ โดยไม่ได้อ่านหรือศึกษาคำสอนของหลวงพ่อโดยตรงมาก่อน ซึ่งข้าพเจ้าเองก็รู้สึกดีใจที่เป็นเช่นนั้น เพราะจะได้พิสูจน์สิ่งที่ท่านนำมาบอกแก่เราในเรื่องที่พิสูจน์ได้ยากนั่นเอง


    *** ทั้งนี้ตัวข้าพเจ้าเอง ตั้งแต่เด็กเวลาที่อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ จะรู้สึกชื่นชอบพระนารายณ์เป็นอย่างมากโดยไม่ทราบสาเหตุ และชอบอ่านเรื่องรามเกียรติ์ด้วย


    *** สำหรับตอนที่พบท่านที่หน้าประตูพระจุฬามณีนั้น ท่านปรากฎลักษณะให้เห็นเป็นเทวดาตามปกติ โดยท่านบอกว่าชื่อราม หรือนารายณ์ ซึ่งตอนนั้นจิตของข้าพเจ้าไม่ได้เห็นอะไรชัดเจนมากนัก กล่าวคือบางช่วงจะเป็นลักษณะภาพมืดๆ และรู้แบบจิตตอบจิต ทั้งนี้จริงๆแล้วจิตของข้าพเจ้าในตอนนั้นมีความรู้สึกเหมือนเซนส์บางๆด้วยว่าท่านเป็นพุทธภูมิที่บารมีมากแล้ว แต่ไม่ได้รู้ชัดเจนว่าบารมีขนาดไหน


    *** สำหรับเรื่องกรรมปรามาสท่าน จริงๆมีเหตุการณ์บอกไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เด็กๆแล้ว โดยเกิดขึ้นในตอนที่ข้าพเจ้าอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับรามเกียรติ์ แต่ไม่ขอเล่านะคะ (ข้าพเจ้าชอบเรื่องรามเกียรติ์ถึงขนาดเอาไปตั้งชื่อกลุ่มวิชาภาษาไทยตอนอยู่ชั้นประถม)


    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2014
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    รอติดตามอ่านอยู่ครับ.มาแนวๆนี้ส่วนตัวชอบครับ.
    แปลกดีตรงที่ไม่ได้ใช้วิชาพิเศษเหมือนคุณนะ.
    แต่สิ่งที่คุณเล่ามาโดยเฉพาะตรงประตูพระจุฬามณี.
    ดันเห็นคล้ายๆและรู้เหมือนกัน.แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้
    รายเอียดปลีกย่อยอะไรมากและก็ไม่ทราบในรายละ
    เอียดของท่านนั้นๆครับ..
     
  5. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    " คุณพ่อที่เป็นเทวดามาสงเคราะห์ "


    สำหรับในเทศกาลตรุษจีนนี้ ขอนำเรื่องราวที่เกี่ยวกับบุคคลในครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้วมาเล่าสู่กันฟังนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราและน้องชายทั้ง 2 คนได้พบกับคุณพ่อในการฝึกมโนมยิทธิครั้งแรก โดยเมื่ออายุประมาณ 16-17 ปี น้องชายคนเล็กมีนิสัยค่อนข้างเกเร ทำให้เรารู้สึกกลุ้มใจมาก เราไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจใช้มโมยิทธิครึ่งกำลังไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อหาคุณพ่อ และบอกกล่าวให้ท่านทราบว่าน้องชายเกเรมาก อยากให้คุณพ่อช่วยตักเตือน ซึ่งเมื่อคุณพ่อได้รับปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ซึ่งความจริงก็คือเราไปตื๊อจนคุณพ่อรับปากว่าจะตักเตือนนั่นเอง)


    [​IMG]


    "สวรรค์ชั้นดาวดึงส์"


    หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตตามปกติ และคอยรอดูผลจากการไปหาคุณพ่อว่าจะมีเกิดอะไรขึ้นบ้าง อยากจะรู้ว่ามโนมยิทธิครึ่งกำลังที่เราไปหาคุณพ่อและฟ้องน้องชายของเรานั้น เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือว่าเราคิดไปเอง

    และแล้วเหตุการณ์ที่น่าขำก็เกิดขึ้น ก็คือ ประมาณ 1-2 วันต่อมา น้องชายก็มานั่งข้างๆเรา ทำหน้าแหยๆกึ่งปรับทุกข์ว่า ช่วงนี้เราได้ฝันถึงป่าป๊าบ้างหรือเปล่า(ปกติเราจะฝันถึงคุณพ่อบ่อย แทบจะคนเดียวในบ้านก็ว่าได้) พอได้ยินน้องชายพูดอย่างนั้น เราก็ชักเอะใจ ก็เลยถามว่ามีอะไรหรือเปล่า น้องชายตอบว่าฝันถึงป๊า แล้วเล่าทำนองว่าโดนคุณพ่อว่า โดยทำหน้าแบบเจื่อนๆนิดนึง เราก็ฮาในใจเลยว่าโดนเข้าแล้วไง อิอิอิ แต่ก็แซวน้อง แล้วก็บอกว่านี่ไงทำตัวไม่ดี คุณพ่อเลยมาเข้าฝันเลย ฮ่าๆๆ


    [​IMG]


    "คุณพ่อมาเข้าฝันน้องชาย"​



    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2014
  6. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    " อนาคตังสญาณ-เส้นทางชีวิตในเรื่องการเรียน "


    สำหรับเรื่องนี้ ขอเท้าความตั้งแต่เด็กๆนะคะ ตอนอายุประมาณ 10-13 ขวบ (ไม่แน่ใจว่าช่วงไหน) บังเอิญว่าคุณพ่อประกอบอาชีพอยู่แถวปทุมวัน ใกล้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เราเดินผ่านบ่อยๆ เราก็อยากจะรู้ว่าอนาคตเราจะได้เข้ามหาวิทยาลัยนี้ไหม โดยเราจะถามใจตัวเองแล้วก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่ที่นี่ แล้วเราก็ถามต่อไปอีกว่าที่ไหน ก็มีคำตอบมาว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (เราเป็นคนที่เชื่อว่าใจตัวเองจะรู้ดีที่สุดมาตั้งแต่เด็กๆ จะชอบใช้วิธีทำใจนิ่งๆแล้วถามใจตัวเองค่ะ) **ถ้าจำไม่ผิดจะมีปีติขนลุกชูชันในตอนนั้นด้วย


    [​IMG]


    "ภาพตึกโดม และรูปปั้นศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส นายกรัฐมนตรี และ

    ผู้สถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง(มธก.) ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์" ​


    แล้วในช่วงเรียนม.ปลาย เราเรียนสายวิทย์-คณิต ซึ่งไม่ชอบเลย แล้วก็เป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียนด้วย อีกทั้งยังไม่เคยวางแผนให้กับตัวเองว่าจะเรียนคณะอะไรดีในอนาคต แต่แล้วในวันหนึ่งเราได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมเตรียมพร้อมสำหรับกีฬามหาวิทยาลัยโลกในตอนม.5 ซึ่งจัดที่ม.อัสสัมชัญ ในครั้งนั้นเราพบกับพี่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่เป็นหนึ่งในผู้นำกิจกรรมครั้งนั้นด้วย โดยเวลาเราฟังพี่เค้าพูดเราดันรู้สึกหมั่นไส้เค้าขึ้นมานิดๆ แล้วก็ดูถูกว่าคณะนี้น่าจะเอนทรานซ์ติดง่าย และเรียนง่าย ดูแล้วไม่เห็นเก่งอะไรเลย และแล้วก็มีอะไรบางอย่างบอกว่า อย่าไปดูถูกเค้าเชียวนะ เพราะซักวันหนึ่งเธอจะได้เรียนคณะนี้ ซึ่งเราก็ไม่เชื่อและคิดว่าเป็นสิ่งที่เราคิดไปเอง และเราก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย ด้วยความไม่เชื่อ


    [​IMG]


    "สัญลักษณ์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : สิงห์แดง" ​



    พออยู่ชั้นม.6 ซึ่งจะต้องเตรียมเอนฯ เราก็มานั่งคิดว่าจะเรียนคณะอะไรดี แล้วก็เหมือนสายตาแว่บไปเห็นคณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศพอดี เกิดความถูกใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก็เลยบอกเพื่อนว่าจะเรียนคณะนี้แหละ ซึ่งเพื่อนก็ท้วงว่าเข้ายาก เพราะสายวิทย์ต้องไปสู้กับสายศิลป์ที่เก่งภาษากว่า แต่เราก็ไม่ย่อท้อ ถึงแม้จะไม่ตั้งใจเรียนมาตลอด 3 ปี แต่เราก็พยายามวางแผนให้ดีที่สุดในการอ่านหนังสือ และทำข้อสอบเตรียมตัว

    ช่วงที่เตรียมเอนท์ฯนั้นเราวางแผนให้รัดกุมที่สุด โดยกำหนดเวลาในการอ่านแต่ละวิชาใน O-Net และ A-Net โดยเน้นทำคะแนนกลุ่มภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษาให้ได้มากที่สุด 80 เปอร์เซนต์ขึ้นไป เพื่อเอามาเฉลี่ยกับคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพื่อให้คะแนนรวมออกมาที่ 70 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นการรักษาระดับคะแนนเพื่อให้เอนฯติดคณะรัฐศาสตร์ของจุฬาและธรรมศาสตร์ให้ได้ (โดยไม่ได้เรียนพิเศษเลย ยกเว้นวิชาคณิต และฟิสิกส์ 2 ครั้งเท่านั้น)


    [​IMG]


    "Final Score 365วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ : แล้วจะรู้ว่า เป็นวัยรุ่น..มันเหนื่อย" ​



    ในระหว่างรอผลเอนท์ฯ พี่ๆที่ได้มโนมยิทธิ ก็ถามพระท่านให้ว่าจะติดที่ไหนระหว่างจุฬา หรือธรรมศาสตร์ ซึ่งแทบทุกคนตอบเสียงเดียวกันว่า ธรรมศาสตร์แน่นอน และตัวเราเองก็ลองถามพระท่าน ซึ่งคำตอบแว๊บแรกก็เป็นอย่างนั้น เราก็ได้แต่ลุ้นรอผลเอนท์ฯว่าจะเป็นอย่างที่เรารู้กันมาไหม

    ในช่วงก่อนประกาศผล เราได้มีโอกาสไปไหว้ขอพรพระพรหมเอราวัณ โดยเราไหว้ท่านด้วยจิตเคารพ และใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลังไปกราบแทบเท้าของท่าน ขอพรท่านให้ช่วยสงเคราะห์ ซึ่งภาพที่เห็นก็คือท่านทำให้เรารู้ว่าท่านสงเคราะห์ และตอบเราว่าเอนท์ฯติดแน่นอน


    [​IMG]


    "ท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ กรุงเทพฯ" ​



    และแล้วก็มาถึงวันประกาศผล เรารีบเดินกลับบ้านไปเช็คผลเอนท์ฯทางเน็ต โดยระหว่างที่เดินผ่านต้นไม้ที่เต็มไปด้วยชุดสไบที่นำมาแก้บน ท่านที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ที่ต้นไม้นั้นก็ทักขึ้นมาว่ายินดีด้วยนะที่เอนท์ติด โดยภาพในสมาธินั้นเป็นผู้หญิงยิ้มแย้มทักด้วยไมตรีจิต ซึ่งเหตุที่ท่านมาทักทายเช่นนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากการที่เราชอบพิจารณาพรหมวิหาร 4 และเวลาเดินผ่านท่านชอบอุทิศส่วนกุศลให้ท่านด้วยความเคารพเสมอๆ ท่านเลยมาทักให้รู้


    [​IMG]


    "รูปภาพสมมติ : ท่านที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ประจำต้นไม้" ​



    สุดท้ายเราเอนท์ติด คณะรัฐศาสตร์ สาขาการระหว่างประเทศ ที่ธรรมศาสตร์จริงๆค่ะ และการเรียนรู้ในคณะ/มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเราในทางโลกไปอย่างมากมาย ควบคู่กับทางธรรมที่จะได้เล่าในโอกาสต่อไป


    [​IMG]


    "สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : ตราธรรมจักร"


    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2014
  7. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    ขอบคุณนะคะ ว่าแต่ที่คุณ nopphakan บอกว่ามาแนวๆนี้ หมายถึงแนวไหนหรอค่ะ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2014
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อ่อๆ..แนวๆโปรดใช้วิจารณญาณ
    ในการอ่านด้วยครับ คริ คริ ๕๕๕ (แซวคืนบ้าง;))
     
  9. tuk187

    tuk187 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2011
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +1,068
    มานอน รออ่านค่ะ อยากฝึกบ้างค่ะ ที่ชลบุรีใกล้สัตหีบนี่มีบ้างไหมคะ ฝึกมโนฯค่ะ sleeping_rb
     
  10. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    ...ฮ่า ค่ะพี่ nopphakan ^__^ / พี่ tuk187 คะ หนูแนะนำให้ไปฝึกที่บ้านสายลม กรุงเทพฯเลยค่ะพี่ ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2014
  11. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    " ยถากัมมุตาญาณ-วาระกรรมของคุณแม่ "


    เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยจำไม่ได้แล้วว่าอยู่ในช่วงไหน (น่าจะประมาณอายุ 15-17ปี ) ในช่วงนั้นอ.ฆราวาสได้สอนมโนมยิทธิครึ่งกำลัง โดยให้ลงไปหาพระยายมราช และท่านที่ดูแลสมุดบัญชีบุญบาป เพื่อดูวาระกรรมว่าในขณะนั้นมีกรรมหนักเบาใดเข้ามาในชีวิตบ้าง หลังจากฝึกเสร็จ มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งพักผ่อนสบายๆ ก็ได้ทำสมาธิเบาๆไปด้วย หลังจากนั้นก็ได้ลองใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลังไปยังสำนักพระยายมราชตามที่อ.ฆราวาสท่านได้สอน ทั้งนี้เพื่อฝึกให้มีความคล่องตัว

    และเมื่อไปถึงสำนักพระยายมราชแล้ว ก็ได้กราบท่านพระยายมราชและทุกๆท่าน หลังจากนั้นได้ขอท่านดูวาระกรรม และเมื่อดูวาระกรรมเสร็จ ข้าพเจ้าก็กลับมาตามปกติ ซึ่งครั้งนี้ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกๆเหมือนสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุอะไรบางอย่างเกิดกับคุณแม่ จึงได้ใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลังแบบจิตตอบจิตถามท่าน (ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นท่านใดมาสงเคราะห์) และรู้ว่าในช่วงปีหน้า คุณแม่จะมีอุปฆาตกรรมมาตัดรอนชีวิต ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ไม่เชื่อนัก เพราะสิ่งที่รู้มานั้นเหมือนจิตตอบจิต และไม่สามารถพิสูจน์ได้ เหมือนกับเราคิดอะไรเล่นๆไปเองมากกว่า (อันนี้เป็นความรู้สึกขณะนั้น) แต่ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านมาเตือนเมื่อถึงเวลา อันเป็นการป้องกันไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท โดยข้าพเจ้าได้ขอให้ท่านสงเคราะห์ โดยให้มีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้เข้ามาเตือนถึงสิ่งที่รับรู้มา เพื่อที่จะได้ช่วยคุณแม่ได้ทัน


    [​IMG]


    "จริงๆแล้วท่านพระยายมราช รวมถึงทุกท่านที่สำนักพระยายมราช

    ท่านไม่ดุค่ะ ท่านทำตามหน้าที่และคอยกันคนไม่ให้ลงนรกนะคะ ^__^"


    และในช่วงต้นปีนั้นเอง คุณแม่ได้แจ้งกับข้าพเจ้าว่า หมอดูท่านหนึ่งที่เคยดูดวงให้คุณพ่อแล้วทักว่าดวงคุณพ่อนั้นหมดอายุขัยแล้ว แต่ที่บ้านลืมไปจึงไมได้ไปทำบุญใดๆจนคุณพ่อเสียชีวิต ได้บอกกับคุณแม่ว่าในปีหน้านี้ดวงของคุณแม่นั้นหมดอายุขัยแล้วให้รีบไปแก้ไขด่วน ข้าพเจ้าจึงรีบแจ้งคุณแม่ว่าท่าน(ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นท่านใดสงเคราะห์)ได้มาแจ้งเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน แต่ว่าข้าพเจ้าไม่เชื่อ แต่ได้ขอให้มีเหตุมาเตือนให้ทราบ ซึ่งประจวบเหมาะพอดี ดังนั้นข้าพเจ้าและคุณแม่จึงรีบไปทำบุญกุศลต่างๆ และปล่อยปลาค่ะ


    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2014
  12. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    " เจโตปริยญาณ-ล่วงรู้ความคิดของคนอื่น "


    ในการฝึกมโนมยิทธิช่วงแรกๆนั้น อ.ฆราวาสท่านจะสอนเพียงมโนมยิทธิครึ่งกำลัง เพื่อให้เราสามารถท่องเที่ยว และพิสูจน์ภพภูมิต่างๆ อันได้แก่ นรก สวรรค์ พรหม และนิพพานได้ และเมื่อเราสามารถท่องเที่ยวไปยังภพภูมิต่างๆได้แล้ว อ.ท่านก็จะเริ่มสอนให้ใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลังเพื่อเรียนรู้ญาณ ๘ โดยอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทุกๆพระองค์สงเคราะห์ ทั้งนี้เนื่องจากจิตของผู้ฝึกมีความเข้าใจในคำสอนพื้นฐานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่านรกมีจริง สวรรค์มีจริง พรหมมีจริง และนิพพานมีจริง ด้วยทิพจักขุญาณแล้วนั่นเอง


    [​IMG]


    "การเจริญภาวนา : สมถกรรมฐาน และวิปัสสนาญาณกรรมฐาน"


    โดยในการฝึกคราวหนึ่ง อ.ได้ให้ผู้ฝึกนำจิตไปยังพระนิพพาน และให้ภาวนาจนจิตทรงตัวอยู่ที่พระนิพพานประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นอ.ได้นำกราบอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทุกๆพระองค์ให้ทรงสงเคราะห์ในเรื่องของญาณ ๘ ว่าด้วยเจโตปริยญาณ

    เมื่อฝึกเสร็จ อ.ฆราวาสท่านได้สอนกับผู้ฝึกว่า เจโตปริยญาณนั้นเป็นญาณที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะนักปฏิบัตินั้นจะต้องรู้วาระจิตของตนเองเป็นสำคัญ รู้ว่าขณะนั้นๆจิตของตนเป็นกุศล หรืออกุศล อันจะทำให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมในที่สุด

    และด้วยความที่ข้าพเจ้ายังเด็ก ยังไม่เคยรู้เรื่องของญาณ ๘ มาก่อน จึงไม่ค่อยมีความเข้าใจในเรื่องของเจโตปริยญาณเท่าใดนัก พอฝึกแล้วก็ลืมๆไป และปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ


    [​IMG]


    "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน"


    และแล้วในวันหนึ่ง เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวของข้าพเจ้า กล่าวคือ เมื่อข้าพเจ้าอายุประมาณ 17-18 ปี ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งพักผ่อนด้วยอิริยาบถสบายๆอยู่นั้น จิตก็ได้ทำสมาธิเบาๆโดยที่ยังลืมตาอยู่ และจู่ๆจิตก็ได้เข้าสู่สมาธิแนบแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น พี่ชายที่เป็นพุทธภูมิที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน ก็ได้เดินเข้ามาหาและจ้องหน้าข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้มองหน้าพี่ชายและจิตก็เกิดทราบความคิดว่าพี่ชายท่านนั้นต้องการจะเอากรรไกร กับเทปกาว (ถ้าจำไม่ผิด) โดยที่พี่ชายท่านนั้นไม่ได้พูดอะไรเลย

    พอทราบดังนั้น ข้าพเจ้าก็เดินไปหยิบสิ่งของเหล่านั้นให้ โดยที่พี่ชายยืนทำหน้างงๆ และอึ้งว่าข้าพเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่เค้าจะเอาสิ่งของใดบ้าง โดยที่บริบทของเหตุการณ์ในขณะนั้นไม่มีสิ่งใดๆที่จะบ่งบอกให้ข้าพเจ้ารู้ได้เลยว่าจะต้องเป็นสิ่งของดังกล่าว

    หลังจากเกิดเหตุการณ์ พี่ชายก็ได้พูดคุยกับข้าพเจ้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถือเป็นเครื่องยืนยัน ที่ทำให้พวกเรายิ่งมีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติธรรมและการทำความดีมากยิ่งขึ้นไปอีก


    [​IMG]


    "การภาวนาไม่ต้องตั้งท่า เดินไปเราก็ภาวนาของเราเรื่อยไป

    ภาวนาบ้าง ลืมไปบ้าง นั่งรถไป ภาวนาไป

    กระจุ๋มกระจิ๋ม นิดๆหน่อยๆ อย่างนี้ดีมาก

    ถ้าแบบนี้มันจะใช้อารมณ์ได้ทุกเวลา


    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)"


    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2014
  13. จิณณ์

    จิณณ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +47
    ชอบอ่านแนวประสบการ์ณฝึกแบบนี้มากสนุกดีครับ

    มาเล่าต่อเรื่อยๆนะครับ
     
  14. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    " ปรารถนาพุทธภูมิ-ทิพจักขุญาณ-พบคู่บารมี "


    ตัวข้าพเจ้าเองนั้นเริ่มปรารถนาพุทธภูมิครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 8 ขวบ โดยตอนนั้นได้อ่านหนังสือพุทธประวัติตอนที่เจ้าชายสิทธิทัตถะทรงเห็นเทวทูตทั้ง 4 และทรงตัดสินพระทัยออกผนวชเพื่อตรัสรู้ธรรมที่ทำให้สามารถช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นทุกข์ โดยในขณะที่อ่านอยู่นั้นข้าพเจ้าเกิดปีติขนลุกซู่ไปทั่วกาย และได้อธิษฐานในใจว่า สักวันหนึ่ง จะขอเป็นเช่นมหาบุรุษ ตรัสรู้ธรรมเป็นพระอนุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกันเพื่อช่วยเหลือชาวโลกให้พ้นทุกข์


    หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ข้าพเจ้าก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กๆทั่วไป แต่ใจของข้าพเจ้าเองนั้น มักจะชอบตั้งคำถามว่ากับตัวเองว่า จริงๆแล้วเราเป็นใคร มาจากไหน แล้วเกิดมาเพืออะไรกัน? และตัวตนที่เราเห็นอยู่ในกระจกนั้น ใช่ตัวของเราจริงๆหรือเปล่า แล้วเมื่ออายุประมาณ 12 ขวบ ก็ได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่น...


    [​IMG]


    "พระโพธิสัตว์ทรงเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (การเสด็จออกผนวชเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่)

    โดยประทับบนหลังม้ากัณฐกะ พร้อมกับนายฉันนะ และมีเหล่าทวยเทพเทวดาตามเสด็จ"


    พอข้าพเจ้าอายุ 14 ปี ได้เกิดเหตุพลิกผันในชีวิตครั้งสำคัญคือ คุณพ่อเกิดเสียชีวิตอย่างกระทันหัน โดยครั้งสุดท้ายที่เห็นคุณพ่อ อยู่ดีๆจิตก็พูดขึ้นมาว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นคุณพ่อแล้วนะ พูดอยู่ 2-3 ครั้ง ทำให้เราลังเลใจอย่างมากที่จะเตรียมอาหารให้คุณพ่อทาน หรือจะหนีขึ้นไปนอนพักผ่อนเพราะเป็นไข้ ซึ่งในที่สุดเราก็ตัดสินใจหนีขึ้นไปนอนพร้อมกับบอกตัวเองว่าคงคิดมากไปเอง...


    หลังจากนั้นคุณพ่อได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน และเกิดเหตุไม่คาดคิดคืออยู่ดีๆคุณพ่อก็เกิดอาการหัวใจวายกระทันหัน เมื่อข้าพเจ้าทราบข่าวว่าคุณพ่อต้องนอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทรานั้น จิตรู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก แต่ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังร้องไห้อยู่นั้น จิตก็เกิดความคิดผุดขึ้นมาว่า"การที่คนเราต้องเวียนว่ายตายเกิดแล้วร้องไห้เพราะการพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักนั้น รวมหยาดน้ำตาแล้วมีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 เสียอีก เมื่อข้าพเจ้าคิดดังนั้น จึงได้ระงับความรู้สึกนั้นลง และคิดเพียงแต่ว่าจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร (ความคิดที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่เคยอ่านมาจากหนังสือธรรมะตอนเด็กๆ)


    [​IMG]


    "พระโพธิสัตว์ตัดพระเมาลีอธิษฐานเพศเป็นนักบวช พระอินทร์และพระพรหม

    เสด็จมารับมวยพระเกศาและผ้าทรง เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ เทวโลก"


    เมื่อคุณพ่อเสียชีวิต ข้าพเจ้าได้มีโอกาสอ่านหนังสือธรรมะและหันหน้าเข้าสู่การปฏิบัติธรรม โดยเริ่มต้นจากการภาวนาแบบอานาปานุสติกรรมฐานที่ระลึกลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาพุท-โธ และในช่วงนั้นก็ได้รู้จักกับเพื่อนบ้านและญาติที่สนใจพระพุทธศาสนาเหมือนๆกัน อันนำไปสู่การสนทนาและศึกษาธรรมะอย่างมากมาย อาทิเช่น การศึกษาพระพุทธศาสนามหายานอันมีนิกายต่างๆ การศึกษาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร การเข้าร่วมงานวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งต่างๆ การศึกษาเรื่องออร่า จักระ และพลังหินคริสตัล ฯลฯ กล่าวได้ว่าเป็นช่วงแห่งการศึกษาค้นคว้าและได้พบกับผู้คนที่หลากหลาย


    และในวันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางกลับบ้านกับญาติผู้พี่นั้น ญาติผู้พี่ได้บอกกับข้าพเจ้าระหว่างการสนทนาว่าพี่เค้าปรารถนาพุทธภูมิ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอึ้งและนึกขึ้นได้ถึงตอนที่ตนเองตั้งความปรารถนาไว้ในตอนเด็กหลังจากอ่านหนังสือพุทธประวัติ ตอนที่อธิษฐานปรารถนาพุทธภูมิต่อหน้าพระที่หิ้งบูชาที่บ้านหลังจากอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพระศรีอาริยเมตไตร และตอนที่อธิษฐานปรารถนาพุทธภูมิหลังจากอ่านเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งการนึกถึงเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ในวัยเด็กของตนเอง ได้นำมาซึ่งความรู้สึกแปลกประหลาดใจแก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก


    และในที่สุดด้วยความบังเอิญ ข้าพเจ้าได้พบกับเว็บพลังจิตจากการค้นหาในกูเกิ้ลและได้สมัครสมาชิก ทำให้ข้าพเจ้าพบว่ายังมีผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิอีกมากมายนัก ข้าพเจ้าได้บอกกับญาติผู้พี่ว่าจริงๆแล้วตนเองนั้นก็ปรารถนาพุทธภูมิเช่นเดียวกัน และในช่วงนี้ข้าพเจ้าก็ได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการปรารถนาพุทธภูมิแบบต่างๆ


    [​IMG]


    "พระโพธิสัตว์ประทับ ณ รัตนบัลลังก์ ใต้ร่มมหาโพธิพฤกษ์ พระองค์ทรงผจญพญามาร

    และพิชิตหมู่มาร โดยทรงอ้างถึงทศบารมีที่ทรงบำเพ็ญมานับประมาณไม่ได้"


    และด้วยความโชคดีของข้าพเจ้า วันหนึ่งรุ่นพี่(ถ้าจำไม่ผิด)ของญาติผู้พี่ซึ่งปรารถนาพุทธภูมิเช่นกัน ได้แนะนำให้พวกเรามาฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักกับการฝึกกรรมฐานแบบมโนมยิทธิเป็นครั้งแรก


    และมูลเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักกับอ.ฆราวาสก็คือ ญาติผู้พี่ของข้าพเจ้าที่เล่นเว็บพลังจิตได้บอกกับข้าพเจ้าว่า มีอ.ฆราวาสท่านหนึ่งที่ได้มโนมยิทธิ สามารถถามพระท่านได้ว่าพุทธภูมิคนนั้นบำเพ็ญบารมีมาแล้วเท่าไหร่ และเหลืออีกกี่ชาติบารมีถึงจะเต็ม ซึ่งญาติผู้พี่ของข้าพเจ้าได้โทรศัพท์ไปสอบถามและได้นำมาบอกกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงรีบโทรไปถามอ.ท่านด้วยความลุ้นระทึกว่าตนเองนั้นเหลือบารมีอีกเท่าใด และหลังจากทราบจำนวนชาติแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เดินทางไปฝึกมโนมยิทธิกับอ.ฆราวาสท่านนั้น


    [​IMG]


    "การฝึกมโนมยิทธิ"


    โดยในการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังคราวหนึ่ง ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าต้องการพิสูจน์ในเรื่องของคู่บารมี ที่อ.ฆราวาสบอกกับข้าพเจ้าว่าไม่ได้ลงมาเกิดด้วยเพราะข้าพเจ้าเจ้าชู้มาก ประกอบกับคู่บารมีเองต้องการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระอริยเจ้าเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ได้ปรารถนาติดตามข้าพเจ้าบำเพ็ญพระโพธิญาณอีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงได้ตั้งใจไว้ว่าจะไปหาคู่บารมีตามที่อ.ฆราวาสท่านได้บอกเอาไว้


    หลังจากภาวนาตามปกติ ข้าพเจ้าได้กราบอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อไปพบกับคู่บารมี และแล้วจิตของข้าพเจ้าก็ได้ไปยังสวรรค์ชั้นหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์อย่างที่ข้าพเจ้าเคยไป โดยความรู้สึกของข้าพเจ้าในขณะนั้นบอกว่าเป็นสวรรค์ชั้นที่อยู่ถัดไปจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กล่าวคือเป็นสวรรค์ชั้นยามา โดยระหว่างที่ข้าพเจ้ากำลังเดินอยู่นั้น จิตแว๊บหนึ่งก็พลันรู้สึกเห็นเทวดาองค์หนึ่งเดินตามหลังมา โดยมีลักษณะเหมือนแอบติดตามมา และเมื่อจิตอยากทราบว่าเป็นใคร จิตก็รู้สึกแว๊บๆอีกว่าเป็นญาติผู้พี่ของข้าพเจ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจและคิดว่าเป็นอุปาทานมากกว่า เพราะเวลาฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังนั้น ผู้ฝึกแต่ละคนต่างก็ไปยังสถานที่ๆพระท่านและท่านอื่นๆสงเคราะห์ จึงไม่น่าจะมาติดตามดูข้าพเจ้าได้ และในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้พบกับคู่บารมีที่วิมานของท่าน ซึ่งภาพที่เราเห็นท่านมาในรูปของผู้หญิงห่มผ้าสไบสีเขียว


    [​IMG]


    "นางแก้วคู่บารมี"​



    เมื่อข้าพเจ้าพบกับคู่บารมีแล้ว ก็ได้เดินเข้าไปในวิมานของคู่บารมีและกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้อธิษฐานปรารถนาพุทธภูมิ โดยอธิษฐานจิตขอให้มีพวงมาลัยแก้วปรากฎขึ้น จากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ชักชวนคู่บารมีอธิษฐานร่วมกัน ซึ่งคู่บารมีท่านไม่ได้อธิษฐานร่วมกับข้าพเจ้า แต่อนุโมทนาบุญแทน


    เมื่อฝึกเสร็จ ข้าพเจ้าได้อุทิศส่วนกุศลและนั่งสนทนากับผู้ที่มาฝึกด้วยกัน ซึ่งญาติผู้พี่ของข้าพเจ้าได้ทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนมีลับลมคมในอะไรบางอย่างและมองมายังข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกงงเป็นอย่างมาก จากนั้นญาติผู้พี่ก็ได้เอ่ยปากแซวข้าพเจ้าว่า "ไปหาคู่บารมีมาหรอ?" ข้าพเจ้ารู้สึกงงและสงสัยว่า ทำไมญาติผู้พี่ถึงพูดราวกับรู้ว่าข้าพเจ้าแอบไปไหนมาตอนฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลังแต่ก็ตอบญาติผู้พี่ไปว่า"ใช่" และถามกับญาติผู้พี่ว่าทราบได้อย่างไร ซึ่งพี่เค้าก็ตอบมาว่าเค้าได้แอบไปดูข้าพเจ้าที่ไปหาคู่บารมีมา เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เมื่อได้ยินดังนั้น ข้าพเจ้าจึงอยากพิสูจน์ว่าพี่เค้าเห็นคู่บารมีข้าพเจ้าจริงหรือไม่ จึงได้พูดคุยกันถึงรายละเอียดซึ่งพี่เค้าสามารถตอบได้ว่าคู่บารมีของข้าพเจ้านั้นห่มผ้าสไบสีเขียว


    สรุปว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง ที่การไปหาคู่บารมีของข้าพเจ้าในครั้งนั้น ปรากฎว่ามีประจักษ์พยานโดยมิได้นัดหมายเพราะมาแอบดู ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสามารถยืนยันในสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นได้นั่นเอง


    บันทึกพิเศษท้ายเรื่อง "ทัศนะส่วนตัวเกี่ยวกับระดับบารมีของพุทธภูมิ"


    *** การปรารถนาพุทธภูมินั้น ผู้ปรารถนาพุทธภูมิจะมีเหตุให้ทราบว่าตนเองนั้นปรารถนาพุทธภูมิแตกต่างกันไปตามกรรม ตามวาระ และรูปแบบสถานการณ์ ซึ่งการรู้เร็วหรือช้านั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความมากหรือน้อยของบารมีที่ทำมาแต่อย่างใด


    *** ประเด็นเรื่องการใช้มโนมยิทธิกราบถามพระท่านเรื่องจำนวนชาติที่เหลือในการบำเพ็ญบารมีพุทธภูมินั้น ข้าพเจ้ามองว่าเป็นสิ่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีพุทธภูมิที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้เคยกล่าวเอาไว้ โดยในครั้งนั้น พระท่านได้พยากรณ์ถึงจำนวนชาติที่หลวงพ่อท่านจะต้องทำบารมีให้ครบ


    *** ทั้งนี้ในทัศนะส่วนตัวของข้าพเจ้า ตอนที่ข้าพเจ้าอายุ 15 ปี และได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับอ.ฆราวาสถึงจำนวนชาติที่เหลือที่ข้าพเจ้าต้องทำบารมีพุทธภูมินั้น ข้าพเจ้ามองว่าจำนวนชาติดังกล่าวเป็นสิ่งที่รับรู้มาจากคำบอกของผู้อื่น โดยที่ข้าพเจ้ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้จนถึงทุกวันนี้ และอีกประการหนึ่ง จำนวนชาติที่เหลือนั้นต่อมาได้กลายเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับวาระกรรมของข้าพเจ้า หลังจากที่พระท่านได้พยากรณ์เรื่องบางอย่างที่เป็นเรื่องราวในอนาคตอีกด้วย


    *** และตั้งแต่ข้าพเจ้าฝึกมโนมยิทธิมา ยังไม่เคยปรากฎว่าพระท่านพยากรณ์จำนวนชาติที่เหลือในการบำเพ็ญบารมีพุทธภูมิให้ข้าพเจ้าทราบและสามารถพิสูจน์ได้เลย ทั้งนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่พุทธภูมิต้องเรียนรู้และก้าวข้ามให้ได้ กล่าวคือ การรับรู้จำนวนชาติที่เหลือโดยที่ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ความแม่นยำของผู้บอกกล่าว อีกทั้งยังไม่มีมีหลักฐาน เหตุการณ์ หรือประจักษ์พยานมายืนยัน ไม่ว่าจำนวนชาติที่เหลือนั้นจะมากหรือน้อย ย่อมเป็นการวัดกำลังใจของพุทธภูมิท่านนั้นๆว่า จะมีมานะถือตัวถือตนและหลงตัวเองว่ามีบารมีมาก หรือเกิดความท้อแท้และมองว่าตนเองนั้นด้อยกว่าผู้อื่นหรือไม่ ทั้งนี้ยังไม่นับบทเรียนเรื่องอื่นๆที่คนปรารถนาพุทธภูมิต้องเผชิญ อาทิเช่น การเข้าใจว่าตนเองนั้นเป็นพระอริยเจ้าแล้ว หรือการเชื่อว่าตนเองนั้นเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เพราะรับรู้มาจากญาณ โดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์ หรือสามารถพิสูจน์แล้วแต่กลับยึดติดจนทำให้หลงทางจากการตัดกิเลสให้ยิ่งๆขึ้นไป อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นมา...


    *** และในเมื่อข้าพเจ้าไม่สามารถรู้ถึงบารมีที่สะสมมาในอดีตได้ ข้าพเจ้าจึงมองว่าพุทธภูมิควรยึดบารมีหรือกำลังใจของตนเองจากปัจจุบันเป็นสำคัญ และจะต้องรู้จุดหมายปลายทางว่าพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มนั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างนั่นเอง


    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2014
  15. นายเก่ง

    นายเก่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +218
    สงสัยต้องฝึกเเล้ว อ่านจาก EXPของคนอื่นๆ มันไม่สนุกเเล้ว ลองเองเลยดีกว่า เเต่ก็ยังขี้คล้านอยู่เลย ^^
     
  16. ความตาย-1

    ความตาย-1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    อยากเห็นหน้าคนได้ฌานแปด อยากรู้ว่าหน้าตาเค้าเป็นอย่างไร
    เพราะตอนนี้ผมได้ฌานเจ็ดจุดสามแล้ว ขอบคุณ
     
  17. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    555 พูดเล่นใช่มะคะพี่ อิอิ
     
  18. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    ลองเลยค่ะ ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2014
  19. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    " ทิพจักขุญาณ-คู่ครองในอดีตชาติ "


    หลังจากที่ข้าพเจ้าไปฝึกมโนมยิทธิกับอ.ฆราวาสแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้รู้จักกับผู้ฝึกมโนมยิทธิหลายๆท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ปรารถนาพุทธภูมิเช่นเดียวกับข้าพเจ้า โดยมีอยู่ท่านหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทสนมกับข้าพเจ้าและญาติผู้พี่เป็นอย่างมาก พวกเราทั้ง 3 คนมักจะนัดพบเพื่อไปทำบุญและทานข้าวด้วยกัน พร้อมกับพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและเรื่องทั่วๆไปอย่างสนุกสนานตามประสาวัยรุ่นนั่นเอง

    ในวันหนึ่งเมื่อข้าพเจ้าอายุประมาณ19 ปี ข้าพเจ้าและญาติผู้พี่ได้มีโอกาสไปพักค้างคืนที่ห้องของพี่ท่านนั้น เมื่อพวกเราไปถึงห้องแล้ว ต่างคนต่างก็เก็บสัมภาระของตนเองเข้าที่ และนั่งพูดคุยกันเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ โดยมีอยู่ช่วงหนึ่ง พี่ที่เป็นเจ้าของห้องก็ได้บอกกับข้าพเจ้าและญาติผู้พี่ว่า ที่ห้องพักแห่งนี้จะมีท่านหนึ่งที่คอยดูแลอยู่เป็นผู้หญิง ซึ่งเวลาที่พี่เค้าเจริญพระกรรมฐานเสร็จ พี่เค้าจะอุทิศส่วนกุศลโดยกล่าวถึงท่านที่คอยดูแลรักษาท่านนี้ด้วยเสมอ


    [​IMG]


    "ท่านที่คอยดูแลรักษาบริเวณห้องพัก"


    เมื่อพี่เจ้าของห้องพูดดังนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ทำสมาธิเบาๆและนึกถึงท่านด้วยอารมณ์จิตที่เคารพนอบน้อมในความดีของท่าน เพราะการที่ข้าพเจ้ามาเยี่ยมเยือนและพักค้างคืนที่ห้องของพี่ท่านนั้น ย่อมต้องถือว่าขณะนั้นข้าพเจ้าได้อยู่ในการสงเคราะห์ช่วยเหลือและป้องกันภัยอันตรายจากท่านแล้วนั่นเอง ท่านจึงถือเป็นผู้มีพระคุณที่ข้าพเจ้าเคารพด้วยความจริงใจ

    โดยในขณะที่ข้าพเจ้าส่งอารมณ์จิตเคารพท่านที่ดูแลรักษาห้องพักอยู่นั้น จิตของข้าพเจ้าก็พลันเห็นท่านหนึ่งด้วยทิพจักขุญาณ(ความรู้สึกทางใจคล้ายตาทิพย์) โดยภาพที่ปรากฎในใจนั้น เป็นภาพของผู้หญิงท่านหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสไบเหมือนหญิงไทยโบราณ มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มต้อนรับข้าพเจ้าอย่างเป็นมิตร จากนั้นท่านได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้ากับท่านนั้นเคยเป็นคู่ครองกันมาแต่ปางก่อน เมื่อข้าพเจ้าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจและมีความเคารพท่านเพิ่มขึ้น เนื่องด้วยข้าพเจ้าและท่านเคยมีความเกี่ยวข้องกันมาแต่อดีตด้วยนั่นเอง

    เมื่อได้ฟังท่านกล่าวแล้ว ข้าพเจ้าก็เกิดความสงสัยขึ้นว่า ข้าพเจ้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นความจริง จึงได้พูดกับท่านว่า "ข้าพเจ้าจะทราบได้อย่างไรว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นและสิ่งที่ท่านกล่าวนั้นเป็นความจริง" เมื่อท่านได้ฟังดังนั้น ท่านจึงได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ในอนาคตจะมีสิ่งที่ยืนยันว่าการเห็นของข้าพเจ้าในครั้งนี้เป็นเรื่องจริง โดยสิ่งที่จะยืนยันนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจำไว้ว่าท่านจะมาปรากฎในลักษณะของผู้หญิงที่ห่มผ้าสไบสีม่วง เมื่อข้าพเจ้าได้ยินดังนั้น จึงได้ถามท่านต่อไปว่า อนาคตที่จะมายืนยันนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณเท่าใด ซึ่งท่านก็ได้ตอบข้าพเจ้าว่าเป็นอนาคตในอีกราวๆ1-2 ปีข้างหน้า ข้าพเจ้าจึงได้น้อมรับอยู่ในใจและปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เอง


    [​IMG]


    "หญิงไทยโบราณห่มผ้าสไบสีม่วง"


    หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ใช้ชีวิตตามปกติเรื่อยมา โดยข้าพเจ้าไม่ได้บอกกล่าวในสิ่งที่เห็นแก่ใครเลยแม้กระทั่งญาติผู้พี่และพี่เจ้าของห้อง และแล้วในคืนหนึ่ง ข้าพเจ้าและญาติผู้พี่ก็ได้มีโอกาสมาพักที่ห้องของพี่ท่านนั้นอีกครั้ง โดยนั่งพูดคุยในเรื่องของการปฏิบัติธรรมและเรื่องราวสัพเพเหระทั่วๆไป จนกระทั่งถึงเวลานอน ทุกคนยังนอนไม่หลับและได้พูดคุยหยอกล้อกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งพี่เจ้าของห้องพูดขึ้นมาว่า จู่ๆพี่เค้าก็รู้สึกขึ้นมาว่าพวกเราทั้ง 3 คนนั้นเคยเกี่ยวข้องกันอย่างไรในอดีต และได้หัวเราะขึ้นพร้อมกับหันมาแซวข้าพเจ้าว่า ท่านที่ดูแลรักษาห้องได้มาบอกว่าข้าพเจ้าและท่านเคยเป็นคู่ครองกันมาก่อนในอดีตชาติ โดยลักษณะท่านเป็นผู้หญิงห่มผ้าสไบสีม่วง แถมพี่เจ้าของห้องยังแกล้งข้าพเจ้าด้วยการบอกอีกว่าเป็นเพราะความเจ้าชู้ของข้าพเจ้าในอดีต

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำเอาพวกเราทั้ง 3 คนหัวเราะออกมาเลยทีเดียว โดยข้าพเจ้าเองได้แต่รู้สึกอึ้งอยู่ในใจ เพราะท่านมาปรากฎกายให้พี่เจ้าของห้องเห็นในสิ่งที่ท่านบอกไว้แก่ข้าพเจ้าทุกอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็น(แต่เพียงผู้เดียว)นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าจินตนาการ หรือว่าคิดไปเองแต่เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน


    *** โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2014
  20. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ทำยังไงจะทำได้บ้างนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...