ท่านทั้งหลายเจริญสติในชีวิตประจำวันกันอย่างไรบ้างคะ?

ถือว่าแลกเปลี่ยนกันเป็นวิทยาทานค่ะ..

เช่นตัวเราเอง จะเน้นที่การตาม "รู้ทัน" ความคิดและอารมณ์ ในปัจจุบันขณะค่ะ

 

เมิลเริ่มฝึกจากการทำความรู้สึกตัวให้ได้ทั้งตัว ตามกระทู้พี่ธรรม-ชาติคะ
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2.512443/

พอทำฐานสติให้ได้เต็มก่อน แล้วก็รู้จะละเอียดขึ้นเรื่อย จากเรื่องจบไปแล้วเพิ่งมารู้ ก็มารู้เอาตอนกลาง ๆ เรื่อง จนกระทั่งรู้อารมณ์ตอนที่เกิดเป็นพลังงานขึ้นมา ทำให้แยกออกว่าอารมณ์กับจิตเป็นคนละส่วนกัน แล้วก็จะเริ่มแยกได้ว่ารู้ความคิดกับไหลไปตามความคิดต่างกันยังไง บางทีก็รู้ว่าจะคิดอะไรก่อนความคิดที่เป้นภาษาเกิด มันจะมีอาการวูบให้รู้สึกก่อน ได้เรียนรู้ว่าสภาวะที่เรียกว่าจิตรับรู้ แต่สิ่งที่รู้ไม่ใช่จิตเป็นยังไง

ทั้งหมดนี่ก็ฝึกในชีวิตประจำวันตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับไป พอมาลองสังเกตดูมันจะมีชั่วขณะที่เราสามารถฝึกได้เยอะ เช่น ตอนตื่นมาทำกิจธุระจนเดินทามาทำงาน ช่วงอยู่บนรถไฟฟ้าเป็นช่วงที่ฝึกสติได้ดีมากผัสสะเยอะดี เห็นอาการกระพริบเวลาจิตรับรู้เยอะดี อยู่ในลิฟท์ รอคิว ระหว่างเดินไปเดินมาในออฟฟิศ ระหว่างประชุมพูดคุยกัน ช่วงที่ความคิดขัดกันที่จะเห็นการทำงานของขันธ์ชัดเจนดี ว่าเวทนาสัญญาสังขารทำงานร่วมกันเชื่อมโยงกันยังไง ในชีวิตประจำวันฝึกได้เยอะมาก

 

ของเราฝึกแบบริกรรมค่ะ โดยใช้สัมมา อะระหัง ระลึกท่องไว้ในใจตลอด มีคนมาคุยด้วยก็คุยกับเขา พอเสร็จแล้วก็บริกรรมสัมมา อะระหังต่อค่ะ บางทีก็มีความคิดนั่นนี่ผุดขึ้นมา เรานึกได้ก็หยุดคิดก็มาบริกรรมต่อค้ะ ก็ดีนะคะ ทำให้เรารู้ว่ากำลังทำอะไร ทำให้รู้ว่าความคิดเราไปไวมาก อีกอย่างนึงคือ ทำให้เราไม่ต้องไปยุ่งหรือคิดถึงปัญหาที่มีอยู่ค่ะ ทำให้สมองโปร่งและโล่งดีค่ะ เวลามีใครนินทาใคร จิตจะเตือนตัวเองค่ะว่าไม่ใช่เรื่องของเราๆก็มาบริกรรมต่อ

 

คิด พูด ทำดี ทำสติรู้เท่าทันอารมณ์ปัจจุบันค่ะ

 

เพ่งฌานสมาบัติ รู้เท่าทันในอารมณ์ของความคิดปรุงแต่ง(กองสังขาร)ที่จุดมโนทวารครับ

 

ภาวนาในยามว่าง เมื่อคิดชั่วก็คิดชั่วหนอ รู้หนอ ตอนก่อนนอนก็พิจารณาร่างกาย(กายคตาสติกับอสุภกรรมฐาน) หลังจากนั้นก็ภาวนาตามลมหายใจจนหลับไป

 

ปัจจุบันเจริญสติแนวทางหลวงพ่อเทียน คือเจริญสติแบบเคลื่อนไหว
โดยมีจังหวะการยกมือ 14 ท่า และให้ทำความรู้สึกในทุกการเคลื่อนไหว
กับท่าที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ ทำให้ความทุกข์ลดน้อยหรือหายไป รู้สึกว่าถูกจริตกับแนวทางนี้ ในชีวิตประจำวันก็ให้ฝึกสติให้รู้ทันความคิดตัวเองตามความเป็นจริง สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ โกรธก็รู้ หลงก็รู้ตามให้ทัน จะทำให้เราไม่หลงโลก เราจะพ้นจากความทุกข์ในที่สุด ครับ แต่ผมขอให้ผู้ปฏิบัติสวดมนต์ภาวนาวันละอย่างน้อย 1 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที ก็จะช่วยให้สติของเราแจ่มชัดขึ้นครับ ถ้าใครสนใจแนวทางการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทางของหลวงพ่อเทียนนี้ก็ PM มาได้ครับ หรือ E-mail มาที่ sompongb@hotmail.com ผมมีหนังสือแจกให้เป็นธรรมทานครับ

 

แบบผม เอาแบบง่ายๆ แค่รู้ทัน ว่าตอนนี้กำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก

 

มีสติ รู้ลมหายใจเข้า หายใจออก เอาจิตไว้ให้อยู่กับกายเสมอๆ ถ้ามันหลุดไปคิดเรื่องอื่นต้องรีบละเข้ามารู้ลม อย่าเพลิน

 

สวดบทมงกุฏพระพุทธเจ้าตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ บางครั้งก็พิจารณาสังขาร บางครั้งก็จับภาพพระพุทธรูปเป็นอารมณ์ครับ