คิดนึกปรามาสพระบ่อยๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย spyderco, 13 ธันวาคม 2013.

  1. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    จิตใจ ความนึกคิดผม ทำไมมันเลวได้ใจจิงๆ (แต่การกระทำตรงกันข้าม เพราะผมรู้ตัว รู้ความคิด ปฏิบัติธรรม รักษาศีล ฯ)
    ในชีวิตประจำวัน ผมชอบนึกคิดคำพูดแรงๆในใจ หลายครั้งพูดออกมาจากปาก เพื่อนร่วมงานผมจะสะดุ้ง เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยพูด
    เวลาเจอพระองค์ไหนก็ตาม ความคิดแรก จะนึกดูถูกก่อนท่านก่อนเลย และในปัจจุบันนี้ พระหลายท่านที่ผมรู้จัก เวลาผมนึกถึงท่าน มันก็จะมีความคิดลังเลสงสัย ดูถูกท่านอยู่ตลอด(เป็นความคิดที่ควบคุมไม่ได้ มันพุ่งมาเอง ผมทำได้แค่รู้ดูอยู่เฉยๆ, บางทีก็ทำสมาธิ, บางทีก็นึกถึงพระพุทธรูป)
    และตอนจะออกจากบ้าน ผมจะหยิบสร้อยพระมาใส่ แล้วยกมือไหว้ พร้อมกับนึกถึงพระพุทธรูป และพูดในใจว่า นะโมพุทธายะ 3 จบ ...ระหว่างที่พูด ใจมันจะมีคำด่าพุ่งแทรกมาทันที ด่าว่า ไอ - ..ห..(ตัวเงินตัวทอง) แล้วผมก็พยายามข่มจิตข่มใจพูด นะโมพุทธายะ ไม่ให้คำด่ามันแทรกมา
    ต้องเพ่งใจ ตั้งใจมากๆ ถึงจะได้ ถ้าท่องแบบไม่มีสมาธิเท่าไร่ คำด่ามันจะแทรกมาทันที ...เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน
    .....ผมรู้ตัว รู้ความคิด เพราะปฏิบัติตามซีดี หลวงพ่อปราโมทย์ อะครับ

    คำถาม
    1. ผมเป็นโรคจิตอะไรรึป่าวครับ
    2. ผมนี่ต้อง อเวจี เลยไช่มั้ยครับ เพราะตอนขาดสติ ผมนึกปรามาสพระอริยเจ้า มาหลายองค์แล้ว แม้แต่พระอริยเจ้าที่ดังๆ กระดูกเป็นพระธาตุ ผมก็เคยคิดปรามาสมาก่อน....ต้องฟังธรรมที่กินใจ ถูกใจ ผมจึงจะเลิกนึกปรามาสกลับกลายเป็นศรัทธามากๆ ถ้าธรรมะที่ผมคิดว่าแปลกๆ ไม่ค่อยถูก ใจนึกปรามาสมันก็โผล่มาได้เรื่อยๆ (เหมือนสาวกของพระพุทธเจ้า ชื่ออะไรจำไม่ได้ ที่เป็นหัวหน้าพระอีก 500 รูป ที่คิดว่าตนเป็นพระอรหันต์พระพุทธเจ้าไม่ไช่พระอรหันต์ พระพุทธเจ้าแสดงฤทธิ์ตั้งมากมาย กว่าจะยอมรับ)
    3. มีวิธีแก้ไขอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2013
  2. M_Y

    M_Y เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +220
    คุณไม่ได้เป็นโรคจิตหรอกใครๆ ก็เป็นกันค่ะ ดิฉันก็เคยเป็นเหมือน จขกท เหมือนกันค่ะ แต่ไม่สนใจมัน เพราะไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ดูมันเรื่อยๆ จนชิน จนรู้สึกว่ามันเรื่องธรรมดาไปแล้ว แล้วจิตจะเลิกคิดปรามาสไปเองค่ะ (เพราะเมื่อก่อนดิฉันก็เคยคิดมากเหมือนคุณ จขกทนั่นแหละ ค่ะ ไม่ต้องเครียดนะคะ เพราะเป็นกันหลายคนค่ะ)
    แต่เดี๋ยวนี้มันโผล่ๆมาบ้างเหมือนกัน แต่น้อยกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะอกุศลสัญญานี้แหละค่ะ แต่ถ้าไม่สนใจมัน ไม่ให้ค่า ไม่ให้ความหมายใดๆกับมัน มันก็หายไปเองค่ะ


    อเวจีหรือไม่ ดูที่เจตนามากกว่าค่ะ แนะนำให้ขอขมาพระพุทธรูปเลยค่ะ
     
  3. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090

    ข้ามมาที่วิธีแก้เลยนะครับ

    ให้เปลี่ยนมุมมองนะครับ
    อย่าแบ่งแยกเขาเรา อย่ามองความเป็นพระสูงจนเกินไป
    เพราะมองสูง บุคคลที่เป็นพระเลยต้องใจสูง มาตราฐานสูง
    และด้วยความคิดปรุงแต่งของเรา ก็มีมาตราฐานสูงด้วย
    ถ้าพูดว่าพระ คุณจะนับเอาแต่พระอริยเจ้า พระอรหันต์เลย
    พอคิดอย่างนั้น พอเจอพระ ความคิดที่สงสัยจึงปรากฏ
    ว่าเป็นพระแท้ไหม ศีลดีหรือเปล่า ด้วยเห็นพระไม่ดีออกสื่อมาเยอะ
    ฉะันั้น อย่าๆๆๆๆ แบ่งแยก เขาเรา
    พระก็เป็นคน พระกับฆราวาส เหมือนกัน
    ไม่มีใครสูง ใครต่ำ
    เราไปบวชเป็นพระ เราก็ไม่ได้สูงกว่าเก่า
    พระสึกออกมา ก็ไม่ได้ต่ำลงไปกว่าเดิม
    จำไว้ว่า พระคือนักบวช ผู้ฝึกปฏิบัติเพื่อจะละให้ได้ (ก็เพราะยังละไม่ได้)
    พระก็คือนักเรียนในคราสพุทธศาสนา
    มีทั้งนักเรียนดี ตั้งใจ
    และก็มีทั้งนักเรียนที่เอาแต่เล่น ไม่จริงจัง
    อย่าไปตั้งความหวังกับพระไว้สูง
    ทำตนเองให้ดีก็พอ
    คนทั่วไป ถ้าปฏิบัติดี ก็เป็นดั่งพระได้
    อาการปรามาสที่ผ่านมา จิตอกุศลมันเยอะ
    วันนี้รู้แล้ว คิดได้แล้ว ก็ควรจะเลิกเสีย
    ตราบใดที่เรายังไม่ตาย ยังตัดสินไม่ได้ว่าต้องไปนรก
    คนบางคนเกิดมาเลว กลับตัวได้ ทำแต่ความดีช่วงท้ายของชีวิต ตายไป ก็ยังได้ไปสวรรค์
    คนบางคนเกิดมาดี แต่ยิ่งอยู่นานยิ่งเละ ยิ่งทำแต่ความชั่วช้า ตายไป ก็ไปนรกโล้ด
    ท่ิองไว้ พระก็คน คนธรรมดา มีผิด มีผลาดได้
    พระเป็นผู้ฝึก ผู้พยายาม ย่อมมีบางคน ที่ท้อถอย หรือเหลวไหล
    พระ...เฉยๆ ไม่มีอะไร ก็แค่คนเหมือนกับเรา
     
  4. M_Y

    M_Y เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +220
    ขอถามคุณ เจ้าของกระทู้ หน่อยว่า คิดปรามาสเฉยๆ หรือเอาความรู้สึกไปใส่ด้วย ถ้าเป็นเพียงแค่ความคิดที่ปราศจากเจตนาตัวเดียวคงไม่เป็นไร แต่ถ้าใส่ความรู้สึกเข้าไปด้วย (มีความยินดียินร้าย)(หมายถึงจิตใต้สำนึกจะรับรู้ความรู้สึกในสิ่งที่เราคิดได้ลึกขึ้น) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง.......................???????

    แต่อยากจะบอกว่า คิดสักแต่ว่าคิดอย่าใส่ความรู้สึกเข้าไปเด็ดขาด

    ลืมบอกไปค่ะ ถ้าบังคับบัญชาความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ ให้รู้สักแต่ว่ารู้อย่ายินดียินร้ายตามนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2013
  5. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ควรพิจารณาให้เห็นว่า เมื่อความคิดนั้นๆ เกิดย่อมเป็นไปเพื่อการเบียดเบียนตนเองบ้าง
    ผู้อื่นบ้าง ทั้งตนเองและผู้อื่นบ้าง

    ถ้าละความคิดนั้นไม่ได้จริงๆ ให้กัดฟันด้วยฟัน เอาลิ้นดุนเพดานปาก
    ข่มจิตด้วยจิต(ประมาณ เปลี่ยนจากด่าพระเป็นด่าความคิดหรือจิตนั้นแทน)

    บุคคลพึงรีบทำความดี พึงห้ามจิตจากบาป เพราะเมื่อทำบุญ
    ช้าไป ใจย่อมยินดีในบาป หากบุรุษพึงทำบาปไซร้ (ก็)ไม่พึง
    ทำบาปนั้นบ่อยๆ ไม่พึงทำความพอใจในบาปนั้น เพราะการ
    สั่งสมบาปนำทุกข์มาให้ (พุทธะ)


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    1. ผมเป็นโรคจิตอะไรรึป่าวครับ
    - เปล่า
    2. ผมนี่ต้อง อเวจี เลยไช่มั้ยครับ เพราะตอนขาดสติ ผมนึกปรามาสพระอริยเจ้า มาหลายองค์แล้ว แม้แต่พระอริยเจ้าที่ดังๆ กระดูกเป็นพระธาตุ ผมก็เคยคิดปรามาสมาก่อน....ต้องฟังธรรมที่กินใจ ถูกใจ ผมจึงจะเลิกนึกปรามาสกลับกลายเป็นศรัทธามากๆ ถ้าธรรมะที่ผมคิดว่าแปลกๆ ไม่ค่อยถูก ใจนึกปรามาสมันก็โผล่มาได้เรื่อยๆ
    - มีโอกาสสูง ถ้านึกตอนกำลังจะตายก็ไปชัวร์
    3. มีวิธีแก้ไขอย่างไร
    - นึกทีก็ขอขมาที ทำกำลังใจตอนขอขมาให้สูงกว่า
     
  7. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..55+ ต้องรีบแก้ไขด่วนเลยนะครับ..
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ถ้า สมมติว่า มันเป็นความต่อเนื่อง กับอีกกระทู้หนึ่ง

    คือ อีกกระทู้หนึ่ง ไปตั้งคำถาม ถามอะไรบางอย่างไว้

    ทีนี้ มันก็มีทั้งผู้ตอบ โดย โพสข้อความลงมา

    กับ อีกพวกหนึ่ง ตอบเหมือนกัน แต่ มันดันไม่โพสลงมา

    พวกที่ไม่โพสลงมา หากเป็นในกระทู้ธรรมะ มันจะมี สัตว์บางจำพวกที่เพ่งฌาณ

    เวลา สัตว์จำพวกนี้ มาอ่านคำถาม แล้ว กดจิตตัวเอง ให้เรียบๆ ด้วยการ
    ไม่โพสตอบ แต่ จิตภายในพวกนี้ มันมีความเป็นไปได้ที่ บางส่วน คิดอกุศล

    มันห้ามกันไม่ได้

    เหมือนกรณี พระมหาโพธิสัตว์โชติปาละ ไปเจอเพื่อนชวนไปหาพระกัสสปพุทธเจ้า

    ขนาดเป็น พระมหาโพธิสัตว์โชติปาละ ซึ่งเป็น นิยตโพธิสัตว์แล้ว ก็ ยัง บริพาส
    พระกัสสปพุทธเจ้า เข้าให้

    โดยบริภาสประมาณว่า " คนเร่ขอทาน ...หัวโล้น มันจะเอา โพธิญาณอันยากยิ่งมาแต่ไหน "

    ก็นะ ตามท้องเรื่อง คือ ต้องตกนรก พอชดใช้กรรมในนรกหมด ก็เหลือเศษกรรมที่
    ทำให้ ปฏิบัติผิดทางไป6ปี ด้วยการสำคัญว่า การบำเพ็ญฌาณสมาบัติ เป็นหนทาง
    หลุดพ้น [ บางตำรา นับเฉพาะ ทุกขกริยา ....บางตำรา ให้หมายเอาตั้งแต่ ปลงผม
    อะไรก็ตาม ที่ทำหลังจากปลงผม ถือว่า เป็น เศษกรรมทั้งหมด ]

    กลับมาเข้าเรื่อง

    คือ คุณไปโพสคำถาม ประเภท ชักชวนให้ บริษัท เกิดความลังเลสงสัยในมรรคผล

    ผลกรรม ที่ไปทำให้ สัตว์เกิดความลังเลสงสัยในมรรคผล มันเลย สะท้อน
    วาระกรรมทั้งของตนเอง และ ของคนที่เข้ามาอ่าน มากระทบคุณด้วย

    เนื่องจาก ขันธ์5 มันเป็น สภาพธรรมของกลาง ของโลกเขา

    คนที่ไม่ฉลาดในการพิจารณา ขันธ์5 ไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของตน ก็มักจะ
    สำคัญไปว่า

    1. ตนกำลังบริภาษ [ การบริภาษ ออกจาก จิตตนเต็มๆ ]

    2. จิตตนกำลังบริภาษ แต่กูเปล่าเจตนานะ [ การบริภาษ ออกจาก จิตตนด้วย อนุสัย ]

    3. จิตตนกำลังบริภาษ แต่กูเปล่า [ การบริภาษ ออกจาก จิตคนอื่น ส่งกระแสมาถึง จิตตน ]

    4. จิตมันบริภาษ ไปตามอำนาจของ ขันธ์ ที่เป็นของกลาง ผู้รู้หา ได้อุปทานว่าเป็นตน
    หรือ ของตนไม่ [ หากไม่มีอุปทานใน ขันธ์ แล้ว สติ มันก็กั้นจิต รักษาจิตได้ ]

    สังเกตนะ จิตบริภาษ เสียงการบริภาษ ยังไงเสียก็มีอยู่ในจิต ในส่วนขันธ์ ไปห้าม
    มันไม่ให้เกิดไม่ได้ ...แต่ ผู้รู้ จะอยู่ร่วมกับมันได้ โดย สันติลักษณะ ไม่สะดุ้ง ไม่หวั่นไหว ไม่โดนย้อม ไม่โทษสิ่งไรๆ เพราะ สิ้นอุปทานขันธ์

    ทีเนี่ยะ การสิ้นอุปทานเนี่ยะ มันฝึกกันยังไง

    อันนี้ ก็ต้องว่ากันต่อไป ในการเพียร หมั่นสดับธรรมให้มากๆ

    ธรรม ที่ควรสดับ ก็ควรจะเป็น ธรรมที่ออกมาจากภายใน

    เพราะ เมื่อไหร่ไปถือ นิมิต สัตว์หน้าขน หรือ ธรรมภายนอก ด้วยความที่ มีอนุสัย
    บางประการ อนุสัยนั้นก็จะ ร่ำๆ ปรามาส จนเราเผลออุปทานร่วมไปกับมันในที่สุด

    [ เพราะ สัตว์โลก มันตลกอยู่อย่าง มันหิวนิสัย ว่า ต้องอย่างนี้ๆ จึงจะ เป็นคนจริง ]
     
  9. M_Y

    M_Y เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +220

    เคยเผลอไปรู้สึกยินดียินร้าย แค่ ครั้งเดียวแป๊บเดียวเอง ผลก็คือ ทำให้จิตวิตก ถ้าปปฏิบัติด้วยจะไม่ก้าวหน้า เพราะจิตวิตกดึงไว้
    (ถามเองตอบเอง อิอิ)
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อย่างนี้เขาเรียกว่าขาดทั้งสติทั้งสมาธิ จิตมันติดมิจฉาธิฐิจนเป็นสันดาร
    ของดวงจิต ต้องค่อยๆแก้ ด้วยการรักษาศีล เปลี่ยนนิสัยให้มันอ่อนโยน
    ทีละนิดๆ ถึงจะเปลี่ยนสันดารจิตได้


    เหมือนกับคนที่ไม่เคยถือศีลไม่เคยนั่งสมาธิ มานั่งสมาธิแรกๆมันก็จะ
    มีภาพนู้นภาพนี้ขึ้นมาให้เห็นเองทั้งๆที่เราไม่ได้นึก
    สิ่งที่จิตมันเสพเข้าไปตอนที่ไม่ได้นั่งสมาธิ
    คนเราทำอะไรมากก็ชำนานด้านนั้น ถ้าครอบครัวสังคมที่คุณอยู่มีแต่
    คนพูด ไอ้นั้นไอ้นี้ ตัวเงินตัวทอง ก็เพราะกรรมมันส่งมาให้มาอยู่ใน
    สังคมแบบนั้น ถ้ารู้ตัวก็รีบเปลี่ยนนิสัยซะ
     
  11. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,796
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,020
    ขอฝากกระทู้นี้ให้คุณ spyderco ลองเข้ามาอ่าน และฟัง clip ในกระทู้นี้ดูก็แล้วกันครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ลองอ่านให้ครบทุกหน้าครับ จะได้เข้าใจว่า ต้องจัดการกับอาการนี้อย่างไร ยังไงก็ขอเป็นกําลังใจให้กับคุณ spyderco ด้วยนะครับ

    กระทู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปรามาส ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้

    http://palungjit.org/threads/กระทู้...ามาส-ผมรวบรวมมาให้หมดเเล้วในกระทู้นี้.225534/
     
  12. Zigor

    Zigor Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +73
    เวลาที่จิตเรามีความคิดไม่ดีเข้ามาลองสวดมนต์แบบเร็วๆรัวๆดูครับเอาสมาธิไปอยู่ที่บทสวด สักพักเรื่องฟุ้งๆจะเบาลง อันนี้ผมใช้กันตัวเองค่อนข้างได้ผล ก่อนนอนก็ขอขมาพระรัตนไตรต่อไปจิตจะทรงตัวขึ้นครับ
     
  13. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    อธิบายเพิ่มเติมครับ

    ใจที่มันคิดด่า คิดดูถูก นั้น ตอนแรกผมไม่รู้ตัวครับ
    แต่พอปฏิบัติตามซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ ผมถึงรู้ตัว
    ราวกับว่ามีอีกคนนึงเข้าไปอยู่ในหัวผม แล้วมันพูด แต่ผมไม่ได้พูด เหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมอะไรสักอย่าง (อธิบายยาก)

    แต่คำตอบของคุณ นิวรณ์ ผมเข้าใจเพียง 60% อะครับ
    1. ต่อจากอีกกระทู้ กระทู้ไหนครับ ผมพึ่งเคยโพสไปไม่กี่กระทู้ คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกันครับ (ผมจะตั้งกระทู้ถามเป็นเรื่องๆไป แต่ละเรื่องไม่เกี่ยวกัน ใครคือสัตว์บางจำพวกที่อ่านแล้วเพ่งฌาณครับ)
    2. คือ คุณไปโพสคำถาม ประเภท ชักชวนให้ บริษัท เกิดความลังเลสงสัยในมรรคผล (คำถามไหนของผมครับ ถ้ามีคนสงสัยตามผม แสดงว่าลังเลสงสัยมาอยู่แล้ว ก็เป็นการดีเลยที่มาอ่าน คำตอบ ในกระทู้ผม)
    3. พระมหาโพธิสัตว์โชติปาละ ซึ่งเป็น นิยตโพธิสัตว์แล้ว (นิยตโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่ได้รับคำพยากรจากพระพุทธเจ้าแล้ว จะไม่ลงสู่ที่ต่ำอีก ไม่ตกนรก จะไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กกว่านกกระจาบ ไม่ไช่หรอครับ (หรือผมจำผิด ช่วยชี้แนะผมทีครับ)

    [ หรือท่าน นิวรณ์ สมมุติ ให้ฟังเฉยๆครับ กราบขออภัยล่วงหน้าครับ ที่ไม่เข้าใจในคำอธิบาย ]


    ขอบพระคุณทุกท่านมากๆ ที่ชี้แนะผมครับ จะนำไปปฏิบัติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2013
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เรื่อง นิยตโพธิสัตว์ นี่ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

    ตามตำรา อรรถกถา เขาก็ว่าอย่างนั้น

    แต่ เวลาฟังธรรมไปเรื่อยๆ เรื่องแปลกๆ อย่าง..............

    นิยตโพธิสัตว์ ที่ได้รับพยากรณ์แล้วว่า เป็น พระพุทธเจ้า พระนาม ธรรมสามี

    ธรรมบางอาจารย์ ยังกล่าวเลยว่า " ลาพุทธภูมิไปแล้ว !!! " คือ ไม่เอาแล้ว
    การเป็น พระสัพพัญญูรื้อขนสัตว์ ขอปรินิพพานไปเสียบัดนาว ไปเรียบร้อยแล้ว
    แล้ว นั่งยิ้มอยู่ข้างบนโน้น !!!?

    ตรงนี้....เรื่องแบบนี้ ฟังเป็นไหม

    คือ เวลาฟังเรื่องบัญญัติ กะเกณฑ์ อะไรแบบนั้นแบบนี้

    สังเกตุไหมว่า นี่คือเหต ริยำ อย่างหนึ่งเลย ที่ทำให้ เราด่าพระได้ทั่ว

    โดยอาศัย การฟังจากตำราบ้าง ฟังจากพระชื่อดังคนนั้นคนนี้บ้าง พอไปเจอ
    คนอีกตัว หรือ พระอีกตน ก็เอาเชียว ไอ้เรือหายแล่นปรู๊ดออกมาเชียว

    ดีหน่อยหากเคยฟังธรรม ที่ ดัก สภาวะธรรมไว้ในอนาคต เพื่อให้รู้ ทุกขสัจจ
    หรือ เห็นความไม่ประมาท ตามได้ มันจะมี สติ กั้น

    สติ กั้นแบบง่ายๆ ซื่อๆ ก็พิจารณาเป็น กองขันธ์ ขันธ์5 มันทำงาน ไม่ใช่เรา
    ไม่ใช่ของเรา ( แต่...เขาหมายถึง ขันธ์5 หน่า ไม่ได้หมายถึง คำพูดชั่วๆที่
    พึงหลุดออกในมโนทวาร ..... ถอน วจีสังขาร มโนสังขาร ชั่วๆ ที่ทำลงไป
    หนะถอนไม่ได้ ทำกรรมแล้วยังไงก็ได้รับผล .....แต่ ส่วนที่ยกพิจารณาเป็น
    " กองขันธ์ " ยกเห็น " ทุกขสัจจ " อันนั้นมันเป็น ต่างกรรมต่างวาระ และ
    เป็น วิปัสสนาภูมิที่คว่ำโลกทั้งหมดได้ รสของธรรมจึงชนะกองสังขารได้
    แต่ ชนะได้ไม่ได้แปลว่า จะไม่เจอ นะ คุณ มะ อะ อึง !!! )

    งง ไหม

    เวลา ชนะ คว่ำสังสารวัฏ มันไม่ได้ คว่ำกรรมเวรลง

    อะไรที่ชั่วๆ ที่ทำลงไป หากมันจะให้ผล อะไรก็ห้ามไม่ได้

    เช่น กรณีพระโมคคัลลานะ เป็น อรหันต์แล้ว แต่ ต้องโดนกระทืบจนตายโหง !!

    เพียงแต่ว่า จิตที่อบรมดีแล้ว มันสุ๊ข สุข สุข อะ นะ ตอนโดนกระทือ ( งง อยู่ไหม ? )

    งง ให้รู้ว่า งง

    ไม่งง ให้รู้ว่า ไม่งง

    รู้ไปตามที่รู้ รู้อยู่ที่รู้ จิตจะถึงฐาน พอดี
     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขอกล่าวเฉพาะในกรณี การเคารพในพระสงฆ์ การเคารพนี่ อย่าเลือกชั้นวรรณะเลยนะครับ ไม่ว่าพระเพิ่งบวชใหม่ พระบวชนานแล้ว หรือพระปฏิบัติ/ไม่ปฏิบัติ ขึ้นชื่อว่าเคารพก็คือเคารพเหมือนกันหมดทุกรูป เห็นเฉพาะผ้าเหลืองนี่ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งธงชัยของพระอรหันต์แล้ว จิตส่วนลึกทะลุไประลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว นั่นเขาปฏิบัติกันจนกระทั่งเกิดความเชื่อมั่นเคารพศรัทธากันถึงขนาดนั้น ส่วนเรื่องพระคุณเจ้าจะเป็นอย่างไร ยังมีกิเลสอยู่หรือไม่อะไรนั่น เขาไม่มองกันอย่างนั้นนะครับ บางทีบางคนเวลาเห็นจะหาว่า ตาบอดนะ แต่จริง ๆ ตาดี ตาดีคือมันย้อนมากลับเห็นทุกข์ในใจเจ้าของก่อนอื่นใดทั้งหมดนั่นแหละครับ เอาให้ได้อย่างนั้นนะ ถึงจะเรียกว่า เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์จริง
     
  16. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    อธิบายเพิ่มเติมจากคำตอบท่านอื่นที่ได้ตอบไว้ดีแล้ว

    กรณีถ้าเป็นนิสัยหรือการกระทำใด ๆ ที่เราทำไว้บ่อย ๆ หรือ เคยทำไว้ หรือ ดันออกมาจากอนุสัยของเรา อาจจะเป็นไปได้ที่เราเคยปรามาสพระโดยตรง หรือ เคยก่อวจีกรรมอย่างนี้ไว้มาก จะให้เกิดผล 2อย่าง คือ

    1.เมื่อเราเกิดทำความดี จะอาจจะเรียกว่า อภิสังขารมาร ตามเล่นงานเอานะคะ เรียกว่า เจ้าหนี้เก่าที่เราเคยทำไว้ เกิดขึ้นมาให้เห็น เพื่อให้เราได้รับความทุกข์ใจ หากเรารู้ไม่เท่าทัน หรือ ไม่ปล่อยวาง ก็จะทำให้เราทุกข์ใจได้ เพราะทำกรรมใดไว้ หากกรรมจะส่งผล จะทำให้เราทุกข์ เราจะได้รู้ไว้ไงค่ะว่า วจีกรรมที่เราเคยก่อไว้ ก็กลับมาสร้างความทุกข์ใจให้กับเราได้ ก็คื่อ เราต้องปล่อยวาง อย่างเดียวเลยคะ ถ้าเราไม่วางจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ จนกว่าจะวางได้ ก็จะค่อย ๆ หายไปเอง

    2.หากกรรมนั้นส่งผลในทางด้านจิตใจแล้ว หากกรรมแรงมากผลกรรมจากการการก่อด้านวจีกรรม ก็มีผลทางกายเกี่ยวกับเรื่องปัญหาทางปากและฟัน เช่นปากเหม็น หรือ คำพูดที่มีเสียงไม่น่าฟัง พูดไม่เป็นที่น่ายินดีแก่บุคคลอื่น เป็นต้น อย่างเช่นในพระไตรปิฎกที่กล่าวถึงปลาทองปากเหม็น ได้ยกเรื่องพระที่กระทำด้านวาจา หรือ กล่าวร้ายด่าทอผู้อื่นไว้มากนะคะ

    เราจะต้องได้รับผลทางกาย วาจา และ ใจ หากกรรมนั้นส่งผล ซึ่งกรณีนี้เป็นเฉพาะกรณีที่เราได้ทำไว้ หรือ เก็บไว้ในอนุสัยนะคะ

    เมื่อเราได้ปฏิบัติความดีแล้ว กรรมนั้นส่งผล เราก็ต้องยอมรับและปล่อยวาง เมื่อเรารู้สึกไม่ดี หรือ รู้สึกผิด นั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่เราเคยทำให้ผู้อื่นทุกข์ ผลวิบากจึงส่งผลให้เรารู้สึกทุกข์ใจได้ ก็ทำให้เราตั้งใจกำหนดที่จะละหรือไม่ทำอีกก็ได้นะคะ
     
  17. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    อืมม..ส่วนตัวนอกจากขอขมาพระแล้ว
    ก็จะใช้ "อธิษฐาน" เข้ามาร่วมด้วยน่ะค่ะ
    จะอธิษฐานว่า "การปรามาสในครั้งนี้ เกิดเพราะ
    ว่าร่างกายของลูกนี้มันหนัก (เวทนามากระแทก
    โทสะจึงเกิด) เมื่อตายไปขออย่าให้มีร่างกายนี้อีก"

    คือไหนๆ กรรมปรามาสก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ใช้ประโยชน์
    จากมันซะเลย
     
  18. เวนไตย

    เวนไตย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +31
    เคสเดียวกัน

    ของผมนี่เหมือนกันเลยครับผมเริ่มสวดมต์และนั่งสมาธิจริงจังๆตอนไปออกราชการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดว่าคงจะทำให้ใจสงบและเกิดสิ่งดีๆขึ้นบ้าง แต่กลับตาลปัตรครับ เพราะหลังจากที่ผมเริ่มปฏิบัติธรรมเริ่มมีปัญหามากขึ้น ขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา (ในเรื่องที่ผมไม่ยอมทำตามเพราะเห็นว่าผิดศีลธรรม) แล้วก็มีคนปรักปรำใส่ร้าย ขายข่าวเท็จ ลบหลู่ดูหมิ่นผม มีอยู่วันนึงผมสวดมนต์เสร็จตั้งจิตว่าจะนั่งให้ได้ถึงเช้า แต่พอนั่งไปได้เกือบชั่วโมง หรืออาจจะเกินผมไม่แน่ใจนัก มีจิตคิดปรามาสพระพุทธเจ้า ไม่รู้มาได้อย่างไร ทั้งๆที่ปกติผมไม่ชอบพูดคำหยาบหรือด่าว่าใครแรงๆเลย หลังจากนั้นผมจึงเลิกทำสมาธิ จิตตกกังวลเป็นเวลานานว่าจะตกนรกไหม ช่วงนั้นเหตุการณ์แย่มากๆ ไหนจะต้องรับมือกับเหตุการณ์ร้ายๆฝีมือโจรแล้ว ยังต้องรับมือกับพวกเดียวกันอีก มีการแทงข้างหลัง หักหลังกันต่างๆนานา ขนาดผมสวดมนต์อยู่ในห้องยังมีการรบกวน บางทียังเรียกไปกินเหล้าอีก หลังจากนั้นมาจิตมารตัวนี้จะมาบ่อยๆ เวลาผมสนทนากับพระ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ มันมาด่าว่าของมันเอง (ในใจ) ทุกวันนี้ก็มีมาบ้างแต่ไม่แรงเท่าแต่ก่อน ตอนนี้ผมอยู่ต่างประเทศมาราชการ เลยมีเวลาสวดมนต์รักษาศีลมากหน่อย แต่ไม่รู้เมื่อไรจิตมารตัวนี้จะหายไปสักที
     
  19. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    “สิ่งใดเกิดตรงไหน...ก็ดับที่ตรงนั้น” “สิ่งใดเกิดขึ้นที่จิต...ก็ต้องดับที่จิต” "สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา จิตไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลาย"
    แต่ก่อนเคยมีตัวมารปรามาสนี้เหมือนกัน คือถ้าเจอพระฏิบัติดี จิตจะส่งความรู้สึกไปที่เท้าทั้งสองทันที(แทนที่จะเป็นยกมือไหว้) และมีตัวทิฏฐิว่าข้าเก่งกว่ามาด้วย ต้องปล้ำกันอยู่นานกว่าจะยอม ตอนหลังถึงได้รู้ว่า เป็นนิสัยเดิมของจิตจากภพภูมิเดิมที่ไปอยู่มานานมากกกก ลองวิธีนี้ดูครับ เป็นทางเลือกอีกทาง
    ระยะสั้น
    ต้องบอกก่อนว่าผมไม่สามารถรู้วาระจิตคุณได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...ลองเข้าสมาธิให้ลึกที่สุดเท่าที่คุณทำได้...ตั้งสัจจอธิษฐานระลึกถึงบารมีพุทธองค์ และครูอาจารย์ทั้งหลาย และเราตั้งตัว “สติ” ขึ้นเพื่อสอนให้จิตเข้าใจ และแยกแยะให้ออกว่า ความคิดอันไหนเป็นสัญญาจะทำให้ผลเป็นอย่างไร ความคิดอันไหนเป็นการปรุงแต่งเพิ่มจะทำให้ผลเป็นอย่างไร อันไหนเป็นการปรามาสจะทำให้ผลเป็นอย่างไร...วิธีนี้เป็นการสอนให้จิตรู้ว่า ความคิดไหนดี...ไม่ดี...ควรเอาจิตไปเกี่ยวข้อง หรือไม่ควร “สิ่งต่างๆ ตั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา คือไม่ใช่ตัวตนเรา หรือเขา” อยู่ที่เราฝึกไม่ให้จิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น...ถ้าทำได้คุณจะเข้าใจคำว่า “ตนเตือนตนของต้นให้พ้นผิด ตนเตือนจิตคิดได้ใครจะเหมือน” ฝึกไปเรื่อยๆให้ต่อเนื่อง ได้ทุกวันยิ่งดี
    ระยะยาว
    ฝึกสมาธิไปเรื่อยๆ ให้ต่อเนื่อง หาฐานสมาธิให้เจอ แล้วเอาจิตไปพักไว้อยู่กับฐานสมาธิทั้งขณะปฏิบัติ และในระหว่างวัน ถึงเวลานั้นจิตที่ฝึกดีแล้วจะรู้โดยอัตโนมัติว่า ตัวไหนอุปทาน ตัวไหนสัญญา อันไหนมิจฉาทิฏฐิ...ตัวไหนควรน้อมนำมาเป็นวิปัสสนา หรือควรละ...ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม ธรรมใดที่บังเกิดแล้วขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป ธรรมใดที่ยังไม่เกิดขอให้บังเกิดขึ้น มีขึ้นตามกำลังแห่งบารมีทุกท่านครับ
     
  20. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,884
    เปลี่ยนความคิดด่วน ถ้าจิตเริ่มคิดให้หยุดแล้วนั่งเงียบๆ

    กรรมทำให้ชีวิตไม่เจริญ ไม่มีคนคบหา จะได้ไปเกิดเป็นพวกหนอน

    ยิ่งเราปฏิบัติมาก จะยิ่งเจอการทดสอบมาก โดยเฉพาะถ้าไปตั้งจิตหรืออธิษฐานอะไรใหญ่ๆไว้

    เคยเจอหนักสุดตกงาน มีเงินติดตัว 40 บาท พอเรามีเวลาว่างเยอะก็เอาเวลานั้นไปบำเพ็ญประโยชน์ ไปสวดมนต์ได้เยอะ หนักเลยกว่าจะผ่านมาได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...