อยากจะเลี้ยงกุมารและอยากคุยกับเขาได้

เราจะต้องทำอย่างไรบ้างอยากจะเลี้ยงกุมาร และเขาให้คุณให้โทษอย่างไร อยากจะคุยกับเขาได้ มันต้องทำอย่างไรบ้าง ค่ะ

 

ทำบุญให้เขาบ่อยๆ สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิบ่อยๆ
น้องจะได้มีกำลัง ถึงเราจะรับรู้เขายังไม่ได้
แต่เขาสามารถทำให้เรารับรู้ได้ค่ะ อันนี้เบื้องต้นค่ะ

หลังจากนั้นถ้าสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิจนจิตสงบ
หลังๆเราก็จะเริ่มรับรู้น้องเขาได้เอง ก็จะเริ่มคุยกันได้

เด็กๆ น่ารักมากเลยค่ะ

 

ขอบคุณมากนะค่ะ

 

ผมอยากเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เป็นเรื่องของน้องสาวผม ซึ่งได้ไปเช่าห้องพักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย น้องผมได้รู้จักกุมารซึ่งเป็นเด็กเล็กมาก รูปกายเทียบกับคนปกติ น่าจะอายุราว 5-6 ขวบ เรื่องของผีหอพักนี้ดังมาก เพราะมีหลายห้องโดนผีเด็กหลอก ซึ่งน้องผมก็โดนด้วยการนั่งทับหน้าอก แต่ความที่น้องผมไม่กลัวและมีอะไรบางอย่างในตัวที่ทำให้กุมารกลัว ทำให้น้องผมดุน้องเขาไปจนเขาร้องไห้ หลังจากนั้นเขาก็มาหาและได้คุยกัน น้องเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเป็นผี แต่แกเล่าให้ฟังว่าแกอาศัยอยู่กับตายาย(คาดว่าเป็นเจ้าที่) ตายยายเรียกแกว่าไอ้หนู แกเล่าว่าเจ้าของหอพักไปพาแกมาอยู่ที่นี่ เมื่อก่อนแกมีเพื่อนเล่นคือลูกของคนเฝ้าหอพัก แต่พอโตขึ้นลูกคนเฝ้าหอก็มองไม่เห็นแก แกก็เลยชอบแกล้งคนในหอพัก และบอกว่ากลัวคนที่อยู่กับน้องสาวผม รวมถึงบอกกล่าวเรื่องราวในอนาคตหลายอย่างได้ค่อนข้างแม่น น้องผมจึงไปเล่าให้คนเฝ้าหอพักฟัง เขาก็ยืนยันว่ามีจริง และสมัยลูกแกเล็กๆก็มาเล่นกับลูกแกจริง น้องผมจึงซื้อขนมไปไหว้ แต่กุมารชอบกินขนมโบราณ ประเภทบัวลอย ปลากริม และชอบเกมคอมพ์มากๆ ตอนหลังๆชอบให้น้องผมเล่นเกมส์คอมพ์ให้ดู ภายหลังที่น้องได้เล่าให้ฟัง ผมได้ตั้งชื่อให้แกว่าหนูแดง และซื้อขนมไปฝากบ่อยๆ ซึ่งแกบอกน้องผมว่าชอบชื่อนี้มาก ตอนที่น้องผมจะย้ายออกจากหอพัก แกขอมาอยู่ด้วย เพราะน้องผมเป็นคนเดียวในหอพักที่แกคุยด้วยได้ แต่เราก็ไม่ได้รับแกมา หอพักนี้อยู่ใกล้มหาลัยสุรนารี จ.นครราชสีมา

ที่เล่ามาคือกุมารนั้นต้องการความรักเหมือนคน การที่คุณคิดจะเลี้ยงเขาคุณต้องรักเขา คุณอาจมองไม่เห็นแต่เขามีตัวตนครับ ถ้าปล่อยหรือละเลย หรือมองว่าเขาไม่มีตัวตน กุมารเองก็น่าสงสารเหมือนหนูแดงนี่แหละครับ

ปล.เป็นความเชื่อของผมที่ได้พิสูจน์อะไรหลายอย่างด้วยตนเองแล้ว ใช้วิจารณญาณเอาเองนะครับ

 

เห็นด้วยเลยค่ะ
กุมาร กุมารีก็เหมือนเด็กตัวเล็กๆธรรมดานี่แหละค่ะ
ต้องการความรักความเอาใจใส่เหมือนกัน ดูแลเหมือนลูกเหมือนน้อง
เหมือนคนในครอบครัวจริงๆ บอกรักกัน กอดกัน หอมแก้มกัน
แค่คิดน้องเขาก็รู้สึกได้ เพราะเขามีความสามารถมากกว่าตรงที่เขาเป็นทิพย์
รู้อะไรมากกว่าเราเยอะ

ถ้าอยากให้น้องมีกำลังก็หมั่นถวายพระพุทธรูปและผ้าไตรจีวรค่ะ
ทำให้เขาตามกำลัง มีกุศลอะไรพอทำได้ก็ทำ
ถ้าเรื่องน้องเขาให้โทษไหม ไม่เคยเจอนะ มีแค่น้องเขาจะไปจากเรา
ไปอยู่กับคนอื่นแทนเราค่ะ เรื่องทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร
สำหรับเรายังไม่เคยเห็นค่ะ

 

อย่าไปเลี้ยงเลยครับ กุมารเป็นดาบสองคม ไม่ว่าจะด้านไหน ก็เฉือนเนื้อเราเข้าทั้งนั้น เลี้ยงผี อยู่กับผี ดีตรงไหน หนังผียังกลัวกัน
เลี้ยงกุมารเป็นๆ ยังลำบากแล้ว กว่าจะคุยได้ก็ต้องรอให้โตหน่อย จะคุยกับกุมารทอง โอ้ ต้องฝึกจิตฝึกสมาธิ
และพอคุยได้ จะไม่ได้แค่คุยนะขอบอก เห็นด้วย เห็นอะไรต่ออะไร ที่ไม่อยาก แล้วจะทำไงเมื่อถึงตอนนั้น
ถ้าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป จะทำอย่างไร

 

เอากุมารที่ไหนมาก็ทำตามใบฝอยนั่นแหละ

 

ไม่แนะนำให้เลี้ยงค่ะ เพราะจะต้องเป็นภาระดูแลเขาไปตลอดชาติเลยค่ะ ขอเล่าประสบการณ์ของเพื่อนบ้านให้ฟัง เขาเลี้ยงกุมารไว้เพื่อให้ช่วยเรียกสามีกลับบ้าน เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มลืมที่จะเลี้ยงกุมาร ผ่านไป 5 ปี ลูกสาวของเพื่อนบ้านคนนี้ก็ป่วยเป็นโรคกระเพาะ รักษามาเป็น 10 โรงพยาบาล ทั้งกินยา ทั้งส่องกล้อง หมดเงินเป็นแสนๆ ป่วยต่อเนื่องเป็นๆ หายๆ ถึง 3 ปี ต่อมาพาลูกสาวไปกราบพระ พระท่านถามคนเป็นแม่ทันทีว่า เลี้ยงกุมารไว้หรือเปล่า เท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ว่า เลี้ยงกุมารไว้ แล้วปล่อยให้เขาอดอยากมาถึง 5 ปี จนเขาทนไม่ไหว จึงต้องทำกับคนเป็นลูกให้ป่วยเป็นโรคกระเพาะ (เข้าใจว่า กุมารเขาต้องการเตือนเท่านั้น) เจ้ากรรม คนเป็นแม่กว่าจะนึกได้ เล่นเอาลูกป่วยมาถึง 3 ปี ที่น่าแปลกก็ คือ พอทำบุญอุทิศให้กุมารเท่านั้นแหละ อาการป่วยของลูกสาวก็ค่อยๆ หายจนเป็นปกติในที่สุด สุดท้ายคนเป็นแม่พากุมารไปทำบุญแล้วฝากไว้ที่วัดอัมพวัน รอจนกว่าจะได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง......ฉะนั้น อย่าเลี้ยงเลยค่ะ เชื่อป้าเตอะ

 

ขอบคุณทุกๆความเห็นมากนะค่ะ ยังไม่ได้เลี้ยงหรอกค่ะ แต่ ก็อยากจะเลี้ยง อยู่เหมือนกัน แต่ก็ ประมานว่า มันเป็น บาปกรรมด้วยอย่างนี้ ก็เลย กลัว แต่อย่างไร ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นมากนะค่ะ

 

เป็น 10 กว่าปีละ ตอนนี้็ยังคุยด้วยไม่ได้ แต่ชอบนั่งรถไปด้วยกัน

 

เสริมอีกอย่างหนึ่งค่ะ กุมารกุมารีเขาจะซึมซับความเป็นตัวตนของคนที่เลี้ยงดูเป็นเจ้าของนะคะ ทั้งลักษณะนิสัย การกระทำ ความคิดทุกอย่าง

ถ้าเลี้ยงเพราะหวังผลจากเขา เขาก็จะหวังผลจากเราเช่นกัน

action = reaction ค่ะ

---------------------
คือ ถ้าน้องคิดว่า น้องไม่สามารถเลี้ยงดูให้กุมารที่น้องเลี้ยงดูมีความสุขได้แบบน้องชายน้องสาวแท้ๆ หรือลูกในไส้น้องจริงๆ พี่ก็ว่าอย่าเลี้ยงเลยค่ะ

ส่วนเรื่องบาปกรรม พี่ว่า การทำความดีแล้วอุทิศให้น้องเขามันไม่ใช่สิ่งผิดนะ
เราไม่ได้รั้งเขาไว้ที่เราจนไปเกิดไม่ได้ น้องเขายังมีวิบากกรรมอยู่จึงยังต้องอยู่บนโลกนี้
แต่เมื่อใดที่เขาพร้อมไปเกิดได้ ต่อให้เก่งเพียงไหนก็เอาเขาไว้ไม่อยู่หรอกค่ะ
ถึงเวลาน้องเขาก็ต้องไปตามกรรม ตามวาระ น้องที่พี่เลี้ยงไปเกิด 2 รายแล้ว
วิญญาณเขาทำบุญเองไม่ได้หรอกค่ะ แต่ในเมื่อเราทำได้ เราแบ่งให้
มันเป็นกรรมไม่ดียังไงอ่ะค่ะ ไม่เข้าใจ - -

 

ใช่องค์ที่ตั้งอยู่ตรงศาล ที่ใกล้ๆรูปช้างองค์ใหญ่หรือเปล่าคะ
ตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จะมีห้องประชุมใหญ่(จำไม่ได้ว่าอาคารอะไร)
พาเด็กๆไปปฏิบัติที่วัดด้วย ตอนไปปฏิบัติที่ศาลาเล็กไม่เป็นไร
แต่พอไปที่ห้องประชุมตรงนั้น มีกุมารไม่ให้ลูกเราเข้าไป
บอกว่า "ของเรา" แบบหวงๆ
จริงๆน้องเขาก็น่ารักดี เหมือนบุญตรงนั้นเป็นของเขา เป็นที่ของเขา
เลยแบ่งบุญให้น้องเขาก่อน แล้วบอกขออนุญาตให้น้องมาโมทนาบุญด้วยนะ
เขาก็ยอม เดี๋ยวนี้ก็เป็นเพื่อนกัน จริงๆ เด็กๆ เขาใสสะอาดบริสุทธิ์นะคะ
น้องเขาคงไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรหรอกค่ะ
คงอยากบอกให้รู้ว่าหิวเลยแสดงอาการที่ตนกำลังได้รับให้น้องรู้
เพราะเขาทำคนที่เลี้ยงไม่ได้ค่ะ

มีตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง คือ พี่สาว ไปซื้อมะนาวที่ตลาด
จังหวะนั้นมีกุมารขนาดพกพา แบบจี้เล็กๆห้อยคอ อยู่บนพานด้วย
ไม่รู้ว่ายังไง แต่คาดว่าน้องคงอยากมาอยู่กับพี่สาว
แม่ค้าเลยยกจานมะนาวที่มีน้องกุมารใส่มาในถุงมะนาวด้วย
พี่เขาซื้อหลายจาน แล้วแม่ค้าก็เทแบบไม่ได้ดู พี่สาวก็ไม่รู้เอาใส่ตู้เย็น
เป็นไข้ไป 3 วัน แบบจับสั่นแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
จนกระทั่ง หยิบมะนาวออกมาปั่นน้ำ ถึงเห็นจี้กุมารอยู่ในนั้น
พอเอาออกมาก็หายหนาวสั่น

เดี๋ยวนี้พี่เขาก็บูชา ทำบุญใส่บาตรให้ทุกวัน เลี้ยงแบบลูกชายน้องเขาได้อะไร
พี่กุมารก็ได้ด้วย ตอนเช้าก็ถวายขนมกับนมกล่อง พี่กับน้องทานเหมือนกัน
สองพี่น้องก็เล่นกัน (เราก็ไม่รู้นะคะ ว่าเล่นกันยังไง พี่เขาเล่าให้ฟังแค่นี้)
แต่เห็นบอกเล่นกันเพลินจนพระกลับวัดไปแล้ว แต่น้องก็ยังไม่ได้ใส่บาตร
พี่เขาก็ขำๆ บอกว่า "เห็นไหม เล่นกันเพลิน เลยอดใส่บาตรเลย ดูพระก่อนสิลูก"
ลูกชายพี่เขายังเล็ก ป. 2 เองค่ะ แต่พี่กุมารน่าจะเป็นหนุ่มแล้วสัก 14-15

ไม่รู้สิคะ สำหรับเรา เราว่า น้องเขาน่ารักดีอ่ะ

 

กุมารคนก็คงเหมือนคน
มีจริต นิสัย บุญกรรมส่วนตัวของเขา
ถ้าบุญสัมพันธ์กัน คนเลี้ยงและกุมาร ก็เหมือนได้เจอมิตรดี ได้ทำบุญช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
กุมารทองนั้นก็ได้ไปเกิดเปลี่ยนภพภูมิเร็ว อย่างกรณีของคุณ momogo

แต่ถ้าคนเลี้ยงเลี้ยงด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ดี เป็นคนไม่มีศีล ไม่มีเมตตา บุญไม่ค่อยทำ
บาปกรรมก่อ ผีก็คงไม่รัก เทวดาก็ไม่เมตตา เลี้ยงๆ ไปก็คงเป็นโทษต่อตัวเองมากกว่า

อ่านที่คุณ momogo เล่าแล้ว ชักอยากเลี้ยงกุมารทองมั่งแฮะ

 

อยากจะเลี้ยงเพื่ออะไรละครับ ถ้าเป็นปัญหาก็อย่าเลยครับ คนที่อยากเลี้ยงเพื่ออยากให้เขาคอยช่วยเหลือดูเเล แต่ทำตัวไม่ดีอย่าเลยครับ ทำตัวเองให้ดีรักษาศีลไม่มีใครทำอันตรายเราได้ครับ ถึงเขาทำได้เราก็ต้องยอมรับมันคือกรรมของเราเอง

 

เท่าที่รู้กุมารมีอยู่สองแบบนะครับ
แบบหนึ่งที่เขาใช้ไสยดำแบบมิจฉาทิฏฐิสร้างขึ้น(ไม่ทราบว่าทำอย่างไรบ้าง) อีกแบบหนึ่งคือแบบที่ใช้การปลุกเสกด้วยการส่งวิญญาณที่ตกค้างให้ไปเกิดในภูมิที่ดี(ก็คือเทวดา)เป็นแบบสัมมาทิฏฐิ แล้วขอให้มาช่วยดูแล จัดเป็นเทวดาในชั้นล่างๆที่ใกล้กับภูมิมนุษย์มากที่สุด

คิดว่าจะสามารถแยกได้หรือเปล่าล่ะครับว่าอย่างไหนเป็นผี ? อย่างไหนเป็นเทวดา ? ความจริงของพวกนี้เราควรจะรู้ที่มาที่ไป ถ้าไม่รู้ที่มาและที่ไป เราก็ควรจะสัมผัสได้หรือมองเห็นจะจึงปลอดภัยครับ

 

เท่าที่อ่านความเห็นของพี่ๆ ซึ้งใจนะค่ะ ที่เป็นห่วงสิ่งนี้ กุมารที่ได้มาอยู่ด้วยเขาก็คงจะอบอุ่น กับการดูแลและเอาใจใสเขาจากคน นหนึ่งที่คอยทำบุญหาของเล่นให้เขา เขาก็คงมีความสุขไม่ใช่ น้อย เพราะ เพียงแค่นู๋ได้อ่าน บทความ ก็รู้สึก อบอุนใจในความห่วงใยที่พี่ๆมีต่อ กุมาร ขอบคุณในเมตตาจิต ขอให้กุมารและคนที่เลี้ยงดูน้องกุมาร มีความสุขและเกื้อกูลกันและกัน นะค่ะ

 

คุณจะอยากเลี้ยงไปทำไมครับเลี้ยงผีแล้วหน้าจะดำหนักนะครับ

 

เลี้ยงบูชากุมารทอง ควรหมั่นทำบุญให้เขา เมื่อเขาได้อนุโมทนาบุญจากเราบ่อยๆเขาจะเก่งขึ้นครับ การรับรู้สัมผัสกุมารทอง มีได้แค่บางคนครับ แบบว่าคนที่เจอผีบ่อยๆจะสื่อถึงกุมารง่ายกว่าคนที่ไม่เคยเจอผีครับ