ความสุขที่แท้จริงคืออะไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chaiwat88, 6 ธันวาคม 2013.

  1. chaiwat88

    chaiwat88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +275
    ความว่างเปล่า จากความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ
    ความว่างเปล่า จากความคิดวิตกวิจารย์ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
    ความว่างเปล่า จากความลังเลสงสัย คิดฟุ้งซ้าน
    ความว่างเปล่า จากควาคิดเครียดแค้น อาฆาตพยาบาทและเบียดเบียน
    ยิ่งว่างเปล่ามากเท่าไหร่ก็จะพบความสุขที่แท้จริงมากเท่านั้น
     
  2. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    วิธีฝึกให้มีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ เพื่อจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง
    ๑.) ต้องรู้จักตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากใจ
    เหมือนชาวสวนตัดกิ่งไม้ที่ไม่จำเป็นเพื่อมิให้เสียน้ำเลี้ยง
    คงดุแต่ส่วนที่จะทำให้จิตใจสบาย งดงาม
    มองโลกเป็นสีชมพู เวลารถติค ฝนตกก็ดูสวยดี
    ๒.) หัดนึกก่อนพูด แม้จะพูด-ทำช้าแต่ก็ถูกต้อง เหมาะสม ตรง
    เป็นคนสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่เสมอ ไม่ผิดพลาดโดยง่าย
    ๓.) คิดรอบคอบแล้วจึงตัดสินใจ มีใจตรง หมุนใจให้ตรงเสียก่อน
    ต้องไม่ตัดสินใจอะไรโดยง่าย หรือเอียงไปข้างเดียว
    ควรมีเงื่อนไข (เป็นเหตุเป็นผล) อยู่เสมอ (if-then law)
    ๔.) ผูกใจไว้กับสิ่งที่ดีงาม ชีวิตงาม ซาบซึ้งและเยือกเย็น
    ความดีงามในตัวเอง ความงามของชีวิต ชีวิตงาม
    เยือกเย็นอยู่ด้วยรสแห่งธรรม มั่นคงเหมือนภูเขาที่ไม่หวั่นไหวด้วยแรงลม
    ความผิดก็เท่ากับความถูก ทำให้เราระวังและมีการศึกษาเรียนรู้เพิ่มขึ้น
    กิเลสชั้นละเอียดค่อยๆสิ้นไปเพราะอาศัยความแก่กล้าแห่งสติปัญญา
     
  3. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ปัญหา : จะบำเพ็ญสมาธิภาวนาแบบไหน อย่างไร จึงจะเป็นเหตุให้สติสัมปชัญญะเจริญไพบูลย์ ?
    พุทธดำรัสตอบ “..... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้แจ้งเวทนาที่กำลงเกิดขึ้น รู้แจ้งเวทนาที่กำลังตั้งอยู่ รู้แจ้งเวทนาที่กำลังดับไป รู้แจ้งสัญญาที่กำลังเกิดขึ้น รู้แจ้งสัญญาที่กำลังตั้งอยู่ รู้แจ้งสัญญาที่กำลังดับไป รู้แจ้งวิตกที่กำลังเกิดขึ้น รู้แจ้งวิตกที่กำลังตั้งอยู่ รู้แจ้งวิตกที่กำลังดับไป
    “..... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนาอย่างนี้ ที่บุคคลเจริญพัฒนาแล้วย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ”
     
  4. แสงรัก

    แสงรัก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +14
    ความทุกข์ แปลว่า สิ่งที่ถูกบีบคั้น - สิ่งที่เสียดแทง - สิ่งที่คงอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนและเปลี่ยนแปลง

    ดังนั้น เหตุการณ์ที่ มีการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้นนั้น เราเรียกนิยาม อีกความหมายหนึ่งว่า " ความทุกข์ "

    ปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิด ดับ เป็นทุกข์ ทั้งสิ้น

    แต่ภายใน ปรากฎการณ์นั้น สิ่งที่เกิด ดับ ก็มีสิ่งที่ไม่เกิด ไม่ดับ ซ้อนอยู่ หลังม่านมายานั้น

    นั้น คือ

    การเห็น เกิด ดับ
    การได้ยิน เกิด ดับ
    การได้กลิ่น เกิด ดับ
    การลิ้มรส เกิด ดับ
    การสัมผัส เกิด ดับ
    อารมณ์ เกิด ดับ
    ความคิด เกิด ดับ
    ความจำ เกิด ดับ

    แต่มีสิ่งนั้น ที่ไม่เกิด ไม่ดับ แต่คอยสังเกตุ การเกิด ดับ เหล่านั้น

    หากเรายึดมั่น กับ ปรากฎการณ์ ที่ เกิด ดับ นั้นคือ เรายึดมั่นอยู่กับความทุกข์ ปรากฎการณ์แห่งทุกข์ ปรากฎการณ์ที่นิยามเรียกว่าทุกข์

    เราย่อมถูกบีบคั้น ไปตามกการเกิด ดับนั้น เราต้องทุกข์ไปกับการแปรปรวนเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

    ดังนั้น การออกจาก ปรากฎการณ์แห่งการเกิด ดับ นั้น คือ ความสุขที่แท้จริง

    โดยการปฏิบัติทางจิต และเจริญภาวนา

    ยึดมั้นกับสิ่งเกิด ดับ นั้นคือ ความทุกข์

    ออกจากปรากฎการณ์แห่งความทุกข์ จากความแปรปรวน ไม่เที่ยง เกิด ดับ เรียกว่า หลุดพ้น ออกจากกองทุกข์
     
  5. chaiwat88

    chaiwat88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +275
    อยู่กับตนเอง.....ให้คิดบวก
    อยู่กับพ้องพวก...ให้เมตตา
    อยู่กับปัญหา......ให้ลงมือแก้
    อยู่กับพ่อแม่......ให้กตัญญู
    อยู่กับผู้รู้..........ให้ถ่อนตน
    อยู่กับผู้คน........ให้ทำดี
    อยู่กับโลกนี้.......ให้ปล่อยวาง
     
  6. พี่บู

    พี่บู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +78
    ไร้ทุกข์
     
  7. rnuir

    rnuir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +218
    อยู่กับกิเลสได้อย่างมีฟามสุข
     
  8. ผู้เตือน warn

    ผู้เตือน warn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +688
    นิพพานนัง ปรมัง สูญญัง = นิพพานมีความว่างอย่างหยิ่ง (ว่างจากกิเลสทั้งปวง)

    นิพพาน ประมัง สุขขัง = นิพพาน เป็นเอตตบรมสุข (เป็นสุขเยี่ยมยอดไม่เป็นสองรอง

    ใคร แม้ความศร้าหมองที่เกิดกับจิต เพี่ยงเศษเสี้ยวของวินาที ก็ไม่มี)
     
  9. KasroK

    KasroK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +98
    ของผมคือการไม่รับรู้สิ่งใดครับ เเต่ถ้าตอนเรามีชีวิตยุเขาจะว่าเราเห็นเเก่ตัวเพราะเราต้องยุในสังคม พวกนักบวชหรือฤาษีจึงต้องหาที่สงบยุไงละครับ เเต่ก็จำเป็นต้องกินต้องใช่หลีกหนีไม่ได้ครับ
     
  10. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    น่าจะเป็นภาวะที่มีสติปัญญาพอที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจาก กิเลส ตัณหา ความไม่รู้ต่างๆ ได้ สำเร็จ
    ยิ่งเป็นอิสระมาก ก็ยิ่งมีความสุขมาก
     
  11. chaiwat88

    chaiwat88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +275
    ดูกรอานนท์ บุคคลทั้งหลายผู้ที่จะรู้ว่าสุขทุกข์ติดกันอยู่นั้น หายากยิ่งนัก มีแต่เราตถาคตผู้ประกอบด้วยทศพลญาณนี้เท่านั้น บุคคลทั้งหลายที่เป็นปุถุชนคนโง่เขลานั้น ทำความเข้าใจว่า สุขก็มีอยู่ต่างหาก ทุกข์ก็มีอยู่ต่างหาก ครั้นเราถือเอาสุข เราก็ได้สุข เราก็ไม่ถือเอาทุกข์ ทุกข์ก็ไม่มีดังนี้เพราะเหตุที่เขาไม่รู้ว่าสุขกับทุกข์ติดกันอยู่ เขาจึงไม่พ้นทุกข์ เมื่อผู้ใดอยากพ้นทุกข์ให้วางสุขเสีย ก็เป็นอันละทุกข์ วางทุกข์ด้วยเหมือนกัน ใครเล่าจะมีความสามารถพรากสุขทุกข์ออกจากกันได้ แม้แต่เราตถาคตก็ไม่มีวิเศษที่จะพรากจากกันได้ ถ้าหากเราตถาคตพรากสุขและทุกข์ออกจากกันได้ เราจะปรารถนาเข้าสู่พระนิพพานทำไม เราจะถือเอาแต่สุขอย่างเดียว เสวยความสุขอยู่แต่ในโลก เท่านี้ก็เป็นอันสุขสบายพอแล้ว นี่ไม่เป็นเช่นนั้น เราแสวงหาความสุขโดยส่วนเดียว ไม่มีทางที่จะพึงได้ เราจึงวางสุขเสีย ครั้นวางสุขแล้ว ทุกข์ไม่ต้องวางก็หายไปเอง อยู่กับเราไม่ได้ เราจึงสำเร็จพระนิพพานพ้นจากกองทุกข์ ด้วยประการฉะนี้ฯดูกร อานนท์ อันสุขในโลกีย์นั้น ถ้าตรวจตรองให้แน่นอนแล้ว ก็หากเป็นกองแห่งทุกข์นั่นเอง เขาหากเกิดมาเป็นมิตรติดกันอยู่ ไม่มีผู้ใดจักพรากออกจากกันได้ เราตถาคตกลัวทุกข์เป็นอย่างยิ่ง หาทางชนะทุกข์มิได้ จึงปรารถนาเข้าสู่พระนิพพาน เพราะเหตุกลัวทุกข์นั้นอย่างเดียว พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาแก่ข้าฯ อานนท์ ดังนี้แลฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...