การปรามาสล่วงเกินผู้ที่อาบัติปราชิกบาปหรือไม่ ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย น้องจุ๊บ, 4 พฤศจิกายน 2013.

  1. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    อยากทราบว่าการปรามาสล่วงเกินผู้ที่อาบัติปราชิกบาปหรือไม่ ? (เสพเมถุน)
    และตอนนี้ผู้นั้นยังไม่สำนึกอีก ยังก่อกรรมด้านวจีกรรม มโนกรรม(ข้อนี้สำคัญมากเพราะเป็นจุดเริ่มต้น ของความชั่วร้าย)

    แต่ที่ดิฉันยังเกรงอยู่
    1.ยังครองจีวรอยู่ (ข้อนี้จะเกรงมากเพราะเป็นผ้ากาสาวพัสตร์ของพระพุทธะชินสีห์)
    2.ถึงจะขาดอาบัติปราชิกข้อนี้ แต่ผู้นั้นยังมีศีลข้ออื่นๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้อสำหรับพระภิกษุสงฆ์อย่างมากมาย เหนือกว่าเรา มากกว่าเราอย่างมากมาย
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บาปครับ

    ดูที่ตัวเอง จิตเศร้าหมอง อกุศลกรรม

    ต่อให้ปรามาส บุคคลอื่นๆก็แล้วแต่ อกุศลกรรม หมดครับ

    .

    ถ้ามีหลักฐานก็ส่งไปให้หน่วยงานจัดการ ที่เหลือก็ กรรมของเค้า ตายไปเดี่ยวก็รู้เองครับ

    .
     
  3. ขอนไม้แห้ง

    ขอนไม้แห้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +1,618
    การตำหนิติเตียนผู้อื่น...ไม่ดีเลย
    : คำสอนของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


    การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริง
    ก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเอง...ให้ขุ่นมัวไปด้วย

    ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น...จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น
    นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม...ไม่มีดีเลย
    จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา...มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน

    การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง
    เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
    จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน
    งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย

    ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว
    แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปรามาสพระที่ปาราชิกไปแล้ว ยังใส่ผ้าเหลืองอยู่


    ถาม : ถ้าเราเกิดไปปรามาสพระอรหันต์ที่ล่วงลับไปแล้ว จะบาปไหมครับ ?

    ตอบ :
    ปรามาสพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะล่วงลับหรือไม่ล่วงลับก็บาปสาหัสพอกัน

    ถาม : แต่ถ้าปรามาสพระที่ปาราชิกไปแล้ว ยังใส่ผ้าเหลืองอยู่ และมรณภาพไปแล้ว ก็ถือว่าบาปน้อยกว่าปรามาสพระที่เป็นอรหันต์ไหมครับ ?

    ตอบ : สำคัญตรงที่ว่า ตอนนั้นสภาพจิตของเราประกอบไปด้วยกิเลสมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าเราใส่อารมณ์โกรธไปเต็มๆ กับการที่เราทำไปด้วยความไม่รู้ โทษก็ต่างกัน

    แต่ส่วนใหญ่แล้ว ระหว่างการปรามาสผู้ที่บริสุทธิ์จริงๆ กับผู้ที่ไม่บริสุทธิ์
    ปรามาสผู้ที่บริสุทธิ์โทษจะหนักกว่า มีเรื่องของโยมคนหนึ่งที่ไปด่าพระ พระรูปนั้นท่านทำผิดจริงๆ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของฆราวาสที่จะไปด่าพระ
    โยมก็เลยไปเกิดเป็นเปรต เสวยทุกข์โทษจนนับเวลาไม่ถ้วน

    เรื่องของโยมท่านนั้น (ที่เป็นเปรตอยู่) สรุปว่า
    กรรมของคนอื่นแท้ๆ แต่ไปรับมาเป็นของตนเอง เขาทำผิดก็เรื่องของเขา เราไปด่าเขา จิตของเราประกอบไปด้วยโทสะ จิตมีแต่ความเศร้าหมอง ตายไปก็เลยซวยไปด้วย

    ถาม : แต่ถ้าเกิดพระรูปนั้นมรณภาพไปแล้ว หรือว่าพระรูปนั้นอยู่ที่นรก ?

    ตอบ : ตามไปขอขมาท่านในนั้นก็แล้วกัน..!


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔


    ที่มา :
    http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2399&page=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2013
  5. อิ๊ด

    อิ๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +551
    เป็นผม ไม่กล้าครับ
     
  6. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ขอบพระคุณในคำตอบค่ะ กรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน บางอย่างเราคิดว่าไม่บาปก็กระทำอยู่ร่ำไป มาหยุดได้ก็ต่อเมื่อรู้ว่าบาป
     
  7. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090


    พระอย่างนั้น เขาเรียกสีลัพรตปรามาส พวกหากินกับศีล
    หากินกับความเป็นพระ เราไปบวชเพื่อจะละวางจากกิเลส
    เราไปบวชเพื่ออาศัยการเลี้ยงชีพด้วยทานจากความเลื่อมใสของผู้อื่น
    ผู้ที่มาเป็นพระแต่ยังเสพ ก็แสดงว่ามีเจตนาที่สกปรก
    ถ้าคุณอยากเสพ คุณสึกไปเป็นฆราวาส คุณไม่ต้องอาศัยผ้าเหลือหากิน
    คุณทำได้ แต่ก็ไม่ทำ กลับอยากคงความสบาย
    ไม่ต้องทำงาน มีเงิน มีที่อยู่อาศัยฟรีๆ และก็ยังได้เสพสุขเสพกาม

    คนพวกนี้ ไม่มีศีลหรอกครับ ไม่ต้องกลัวว่าศีลจะสูงกว่าเรามากเลย
    ถ้าเราเข้าใจว่า การครองผ้าเหลือทำให้เป็นผู้มีศีล อย่างนี้
    ใครก็ตามที่เลวมากมายแค่ไหน หนีคดีมา เอาผ้าเหลือมาห่ม
    จะกลายเป็นคนดี มีศีลสูง แตะต้องไม่ได้เลยหรือไม่
    ก็ต้องตอบว่าไม่ คนเป็นพระถ้าลองเสพเมถุนทั้งๆที่รู้ว่าเป็นของต้องห้าม
    แสดงว่าศีลธรรมมันไม่มีอยู่ เรื่องศีลอื่นๆไม่ต้องพูดถึง
    ศีลมากน้อย ไม่เกี่ยวกับการครองผ้าเลยครับ

    [​IMG]

    โสดาบัน เป็นฆราวาส ก็เป็นโสดาบันอยู่
    โสดาบัน ไปบวชเป็นพระ ก็เป็นโสดาบันอยู่
    สกิทาคามี เป็นฆราวาส ก็เป็นสกิทาคามีอยู่
    สกิทาคามี ไปบวชเป็นพระ ก็เป็นสกิทาคามีอยู่
    อนาทาคามี เป็นฆราวาส ก็เป็นอนาคามีอยู่
    อนาทาคามี ไปบวชเป็นพระ ก็เป็นอนาคามีอยู่
    อรหันต์ เป็นฆราวาส ก็เป็นอรหันต์อยู่
    อรหันต์ ไปบวชเป็นพระ ก็เป็นอรหันต์อยู่
    คุณความดี ศีลธรรม ไม่ได้เปลี่ยนไป ก็คงเดิมอยู่

    ถ้าถามว่าบาปไหมสำหรับการปรามาสผู้ผิดปราชิก
    การที่เราไปด่าไปว่าผู้อื่นมันก็เป็นอกุศลมันก็บาปอยู่
    ไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะห่มผ้าเหลืองหรือไม่ห่ม
    แต่บาปมันวัดที่สภาพจิตใจของเราเองในขณะนั้นๆ
    ถ้าเราโกรธ อาฆาต และก็ด่าทอด้วยคำรุนแรงมากๆ
    บาปมันก็มากไปตามสภาพ
    แต่ถ้าเราแค่กล่าวตักเตือนถึงความผิดที่เขากระทำลงไป
    มีเจตนาเพื่อที่จะเตือนสติให้เขาได้สำนึก
    ไม่ได้คิดจะทำให้ช้ำใจหรือไม่พอใจ
    เรามีเจตนาดี เป็นกุศลจิต ได้บุญ ไม่ได้บาป
    แต่ผู้ที่ฟังเรานั้นจะโกรธหรือจะด่าทอ
    จะทำอะไร แสดงอาการอย่างไร ก็เป็นกรรมของเขาเอง

    [​IMG]


    สุดท้ายขอทิ้งท้ายให้พิจารณาเรื่องแก่นแท้
    หรือจุดประสงค์แท้ๆของการมีศาสนาำพุทธ
    เพื่อให้ท่านพิจารณาและทำความเข้าใจดูนะครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2013
  8. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    กราบขอบพระคุณ ท่าน tsukin02012 ที่เข้ามาตอบให้ ทำให้ดิฉันรู้สิ่งที่แท้จริง
     
  9. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    รักษาศีลให้บริสุทธิ์ที่สุดต้องรักษาให้ถึงใจ
    ศีล แปลว่า รักษา คือระวังไม่ให้ตนเองไปสร้างกรรมชั่ว อันเป็นปัจจัยนำเราลงสู่อบายภูมิ
    ปัจจุบันถึงเราไม่ได้บวชกายเป็นสมณะ แต่เราบวชที่ใจก็ได้ ระวังไม่ให้สร้างกรรมชั่ว (ข้อนี้ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าถูกผิดอย่างไร หากไม่ถูกต้องข้าพเจ้าขอรับผิดเพียงผู้เดียว)

    ทุกๆวัน ที่เรามีชีวิตอยู่ แม้จะไม่ได้สมาทานศีล แต่หากเราใช้ชีวิตมีสติ อยู่ในทำนองคลองธรรม ก็ไม่ต่างจากผู้ทรงศีลเลย


    ถ้าถามว่าบาปไหมสำหรับการปรามาสผู้ผิดปราชิก
    การที่เราไปด่าไปว่าผู้อื่นมันก็เป็นอกุศลมันก็บาปอยู่
    ไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะห่มผ้าเหลืองหรือไม่ห่ม
    แต่บาปมันวัดที่สภาพจิตใจของเราเองในขณะนั้นๆ
    ถ้าเราโกรธ อาฆาต และก็ด่าทอด้วยคำรุนแรงมากๆ
    บาปมันก็มากไปตามสภาพ
    แต่ถ้าเราแค่กล่าวตักเตือนถึงความผิดที่เขากระทำลงไป
    มีเจตนาเพื่อที่จะเตือนสติให้เขาได้สำนึก
    ไม่ได้คิดจะทำให้ช้ำใจหรือไม่พอใจ
    เรามีเจตนาดี เป็นกุศลจิต ได้บุญ ไม่ได้บาป
    รับทราบแล้วเจ้า ค่ะ
     
  10. denchai_l

    denchai_l เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,093
    ค่าพลัง:
    +1,548
    คิดมาก..... เยี่ยวเหลือง (สถาบันทางการแพทย์วิจัยเอาไว้)

    ถ้าบาป ก็คงบาปกันไปกว่าครึ่งประเทศไทยแล้วกระมังครับ

    กรณีลงข่าวประโคมด่า (หลวงป่วยเณรคู) หลวงปู่เณรคำ กันเป็นเดือน ๆ
     
  11. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    บาปครับ 2 บาปเลย คือ

    1.บาปที่ปรามาศ ดูถูก เหยียดหยาม หรืออะไรก็แล้วแต่แก่ผู้ทุศีล หรือผู้อาบัติปราชิกหรือใครก็ตามไม่ว่าจะสถานะอะไร เพราะคนเราถ้าจะปรามาศได้ต้องมีจิตเศร้าหมองก่อน จิตไม่เป็นกุศลก่อน ทีนี้เมื่อปรามาศแล้ว จิตก็จะจับอารมณ์เศร้าหมองตรงนั้น อารมณ์เศร้าหมองเป็นส่วนหนึ่งในการนำทางเราลงอบายภูมิ ก็คือบาป

    2.ในตามกฎแห่งกรรมแล้ว ถ้าใครได้ศึกษาจะพบว่า แม้ท่านเป็นภิกษุทุศีลก็ไม่ควรไปปรามาศท่าน เพราะตามหลักการแล้ว ถึงท่านจะทุศีลอย่างไรท่านก็สูงกว่าเราอยู่ดี


    ทางที่ถูกต้องไม่ใช่การปรามาศท่าน แต่คือการหาวิธีว่าควรจะดำเนินการอย่างไรเพื่อจัดการกับผู้ทุศีลคนนี้อย่างให้ถูกต้องตามทั้ง 2 โลกที่สุดคือถูกทั้งทางโลกและทางธรรมจะดีกว่า
     
  12. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ด่าใครก็ตาม แม้ผู้ที่เราด่าจะเป็นนักบวชผู้ผู้ทุศีล ไร้ศีล
    บวชหากินเพื่อปากท้อง เป็นพวกสีลลัพรคปรามาส
    แต่เพราะเรามีความโกรธเกลียดอาฆาตจึงได้ด่า
    เป็นบาปแน่นอนอยู่ ยิ่งมีความโกรธเกลียดอาฆาตมากบาปยิ่งมาก
    กรรมที่ไปด่าเขา แน่นอน ย่อมได้รับผลคืน ไม่ช้าก็เร็ว

    แต่ถ้าพูดถึงเมื่อบาปไปแล้ว และกรรมก็สำเร็จแล้ว
    กรรมที่กระทำต่อพระที่ปาราชิกจะเท่าใด
    ขอตอบว่า เท่ากับคนธรรมดา ที่เห็นแก่ตัวนั่นเอง
    เพราะความเป็นพระ มิใช่แค่เอาผ้าเหลือมาห่มแล้วจะได้เป็น
    มิใช่ว่าห่มผ้าเหลือแล้วจะมีศีลสูง กระทำกรรมด้วยจะบาปมาก
    เปล่าเลย
    วัดกันที่คุณความดีในตัวของสมณะนั้นๆ
    สมณะทุศีล ยังมีคุณค่าน้อยกว่า ฆราวาสที่ตั้งใจถือศีล ไม่เบียดเบียนใคร
    อย่างสมีคำ ผิดทั้งทางศาสนา ผิดทั้งกฏหมาย
    ปัจจุบันไม่ได้เป็นพระ แม้ในอดีตก็ไม่ได้เป็น
    ยึดที่ผ้าเหลือง ก็คือยึดติด
    พุทธองค์บอกไว้ว่า
    พระอริยสงฆ์สาวกของพุทธองค์มีเพียง โสดาบันขึ้นไปเท่านั้น
    นอกนั้นเป็นสมมติสงฆ์
    สมมติ = อุปโลคขึ้นมา ยังไม่ใช่ ยังไม่จริง
    ฉะนั้น ผลกรรมที่จะได้รับเมื่อกระทำต่อพวกอรัชชีเทียบเท่ากับฆราวาสทุศีลทั่วไป
     
  13. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    เราก็ปรามาสค่ะ แต่พระเกษมเราไม่กล้า
     
  14. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    สำหรับสมีคำ
    ตอนมีข่าวผมก็วิจารเหมือนกัน
    แต่ไม่เรียกว่าปรามาสดีกว่า
    เพราะปรามาสใช้กับอาการเข้าใจผิดต่อผู้มีธรรมแท้ชั้นสูง
    กรณีนี้ ไม่เข้าใจผิด สมีคำอาจจะเคยมีธรรม(บ้าง) แต่มันนานมาแล้ว
    เทศนาได้ดีบ้าง(ก็ตามพระธรรม) เดินบนน้ำได้บ้าง (เหมือนจะฝันไป)
    สมณะมุ่งหามรรค โดนฤทธิ์ของลาภ ฤทธิ์ของลูกสาวของพญามาร(ราคะ)
    โดนปรนเปรอจนขาดธรรม และก็จมไม่ลง ก็เลยเป็นเยี่ยงนี้



    "เคารพเฉพาะผู้ที่ควรเคารพ บูชาเฉพาะผู้ที่ควรบูชา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2013
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การนำจิตเข้าไป ยุ้งเกี่ยวกับความชั่วของผู้อื่น แม้เขาผู้นั้นจะชั่วจริงหรือไม่จริง มันก็ไม่ควรทำ มันก่อผลที่ไม่ดีแก่จิตตนครับ นั้นคือเรากำลังปล่อยให้จิตเราไหลไปตามอำนาจเครื่องปรุงแต่งเหล่านั้นครับ

    ใครจะดีจะไม่ดี เราก็ควรอยู่ตรงกลางรักษาจิตเราไว้ให้เป็นอิสระจากเรื่องเหล่านั้น ไม่ต้องไปปรุงแต่งเรื่องทั้งหลายของคนอื่น ให้ดูจิตตน รักษาจิตตนไว้ให้เป็นอิสระจากความคิดไม่ดีทั้งปวงนะครับ สาธุ
     
  16. phodej

    phodej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +300
    ปรับความเห็นให้ถูกต้อง...

    ************

    ไม่ได้ตอบคำถามว่าบาปหรือไม่บาปนะครับ (ถ้ามีโอกาสบางทีอาจจะมาอธิบายรายละเอียดให้ฟังทีหลัง)...

    หลักพุทธศาสนาตามธรรม วินัย ในพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาท บุคคลที่ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ไม่ว่าข้อไหนก็ตาม (หมายถึงการละเมิดปาราชิกจริง ๆ นะ ไม่ใช่ในกรณีถูกใส่ร้ายป้ายสี) จะขาดความเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยอัตโนมัติทันที ไม่ถือว่าเป็นพระภิกษุอีกต่อไปแม้จะยังโกนหัวห่มผ้าเหลืองอยู่ก็ตาม (อาบัติปาราชิกใครล่วงละเมิดแล้ว เป็นปาราชิกตลอดชีวิตเลยนะครับ แม้จะลาสิกขาแล้วกลับไปบวชอีก ก็ไม่ถือว่าเป็นพระภิกษุ เป็นได้แค่มหาโจรลวงโลก) สถานะแท้จริงต่ำกว่าคฤหัสถ์ที่ถือศีล 5 อย่างชนิดเทียบกันไม่ได้เลยครับ (ถ้าใครที่นับถือพระพุทธศาสนาและเชื่อว่าสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องจริง กรุณาอย่าอ้างเด็ดขาดว่า บุคคลประเภทนั้นมีศีลต่าง ๆ มากกว่าเรา เดี๋ยวจะเป็นการกล่าวตู่พระธรรม วินัยด้วยความเท็จให้คนอื่นเข้าใจผิด ๆ)...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  17. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    พระสงฆ์คือพระอริยสงฆ์เจ้ากับพระสมมุติสงฆ์เท่านั้น ส่วนที่มีข่าวในทางลบนั้นคือพวกปลอมบวช แต่การปรามาสก็มิใช่สิ่งที่ควรทำ เช่นท่านเห็นโจรลักทร้พย์ ท่านควรแจ้งตำรวจรึยืนด่าโจรครับ จิตเราสำคัญที่สุด การแจ้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาจัดการตามกฏหมาย แล้ววางอุเบกขา กรรมใครกรรมมัน เราก็ไม่ผิดศีลกับการที่ท่านไปปรามาสเค้านั้นกรรมจะตกที่ท่านคือผิดศีลข้อมุสา การกล่าวส่อเสียดหรือด่าว่าผู้อื่น กลายเป็นศีลท่านก็ไม่มี ศีลเค้าก็ไม่มี ก็จูงมือกันไปอบายภูมิท้้งคู่ ไม่ต้องเกี่ยงกัน เค้าผิดกาเมข้อ3ท่านผิดมุสาข้อ4มีคุณสมบ้ติในการไปอบายภูมิเท่าๆกันคร้บ ท่านก็พิจารณาเองนะครับว่าจะเลือกแบบไหน. ท่านเห็นรึรู้ว่าเค้าผิดศีล ท่านต้องดูตนด้วยว่าท่านมีศีลครบไหม? มิใช่ดูแต่ผู้อื่น จนลืมดูตนเอง ถ้าท่านมีศีลครบท่านจะไม่ปรามาสใครเมื่อผู้นั้นผิดศีลแต่จะดำเนินการตามสมควรแล้ววางอุเบกขาคนับ ทำตามหน้าที่คือเราเป็นอุบาสก. อุบาสิกา มีหน้าที่แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มาจัดการกับพวกปลอมบวช เพื่อพระพุทธศาสนาจะได้ไม่มัวหมองก็ทำตามหน้าที่แค่นั้น เราไม่มีหน้าที่ไปปรามาสใคร ใช่ใหมครับ? สาธุ
     
  18. phodej

    phodej เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    190
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +300
    ...ความจริงที่...?

    ภาพนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนะครับ ไม่ใช่ภาพตัดต่อ เพียงแต่เติมข้อความคำพูดให้ได้อ่านกันสนุก ๆ และมีการเซ็นต์เซ่อร์ภาพบางส่วนด้วยเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นครับ... คนที่ติดตามข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอดจะทราบรายละเอียดทั้งหมดได้เอง...(สำหรับผู้ที่รู้พระธรรม วินัยอย่างละเอียดและเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ จะมีคำวินิจฉัยตามพระพุทธบัญญัติเพียงอย่างเดียวนะครับ ไม่มีคำวินิจฉัยเป็นอื่นได้เลย แต่ถามว่าพากันเคารพเชื่อถือและทำตามพระธรรม วินัยของพระพุทธเจ้าจริงหรือเปล่า ? ผู้ที่มีปัญญาและไม่มีอคติแท้จริงคิดดูเอาเองนะครับ)...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เอารูปมาลง แล้วทำไมไม่ไปอ่านต้นเรื่องละครับ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

    หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้

    คร่าวๆ พระท่านเค้าจ่ายเงินจองค่าที่พักเรียบร้อยแล้ว

    พอถึงเวลา รร เค้ากลับไม่ยอมให้เข้าพัก

    พอไม่ให้เข้าพัก ก็ต้องคืนเงินให้พระสิครับ หรือจะให้จ่ายฟรี แต่ไม่ได้พัก

    เคนะ
     
  20. ลูกพ่อโต

    ลูกพ่อโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ปาราชิกแล้ว ถือว่าขาดจากการเป็นพระไหม ถ้าไม่ใช่พระก็เท่ากับคนเหมือนเราๆท่านๆ ผมทำใจไม่ได้เรื่องพระกับสีกาที่มั่วเสพเมถุนกัน ถ้าเจอจริงๆตอนนั้นคงไม่กลัวอเวจีแล้ว พระขายเสพยาบ้าอีก อันดับสองของความเกลียด ผมไม่เคยคิดว่าเป็นพระสักที พระแบบนี้ไปเดินบิณฑบาตรไม่มีใครใส่บาตร เจ็บกว่าชาวบ้านด่าอีก ยังไม่ยอมสึกเลยจะเอาพรรษา
     

แชร์หน้านี้

Loading...