(ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร) เลขเด่นงวดประจำวันที่ 16 ก.ค. 58 หน้าที่ 261 ...แชร์ความฝัน ^__^

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย aegmanmu, 15 มิถุนายน 2013.

  1. kwanzy

    kwanzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +662
    ขวัญก็ไม่รู้ว่าเทวดาผญ หรือ ผช ค่ะ ลักษณะแตกต่างยังงัยคะ ท่านลอยหายไปเร็วมาก แต่คิดว่าน่าจะเป็นผชค่ะ เดาเอา -*-
     
  2. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    แบบนี้ป่ะครับ

    [​IMG]
     
  3. kwanzy

    kwanzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +662
    ที่คุณเอกหามาก็คล้ายๆกันค่ะ
    รูปกายท่านทั้งตัวเป้นสีขาว สวมเครื่องประดับต่างๆสีทองทั้งหมด
    รวมถึงชฏาด้วยค่ะสีทอง ท่าลอยเหมือนในรูปที่ขวัญโชว์ให้ดู
    งอขาทำนองนี้เลยค่ะแต่มือท่านไม่รู้ว่าถืออะไรอยู่รึเปล่า
    เห็นว่ายกมือขึ้นทำนองอ่อนช้อย

    คิดว่าคงเป็นเทวดาผู้ชาย ท่านคงมาสื่ออะไรสักอย่าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_display.jpg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      22
  4. kwanzy

    kwanzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +662
    รูปขึ้นป่าวคะ -*-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_display.jpg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      26
  5. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    รูปไม่ขึ้นครับ รูปนี้ท่านท้าววิรูปักษ์ครับ มือถือบ่วงบาศนาคราชป่ะครับ
     
  6. kwanzy

    kwanzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +662
    ไม่แน่ใจค่ะ ต้องรอให้ท่านมาเฉลย แหะ แหะ

    ท่านวิรูปักษ์เนื้อกายสีขาวหรอคะ ถามแบบคนไม่รู้ค่ะ -*-
    แต่คิดว่าไม่น่าใช่ น่าจะเป็นเทวดาประจำสังขารขวัญมากกว่าค่ะ
    ไม่เคยเห็นภาพเทวดาในจิตเลย นี่ครั้งแรกแถมยังมีอาการกระตุก
    เหมือนท่านต้องการสื่ออะไรบางอย่าง
    คุณเอกเคยมีอาการแบบนี้บ้างมั้ยคะ
     
  7. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    มีครับ เพิ่งเป็น เจอญาติธรรม สายพญานาค คุยกับเธอแล้วตาผมกระตุก ส่วนเธอ ใจเต้นแรง งงพระยาค่ะ แถมชวนนั่งสมาธิฝึกจิตด้วย เมื่อคืน
     
  8. kwanzy

    kwanzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +662
    เนื้อคู่สายเดียวกันป่าว 5555

    คุณเอกขวัญส่งรูปทางเมลให้ดูละ
     
  9. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    [​IMG]

    ---บังเอิญไม่มี---

    "หากสายน้ำไหลจากล่างสู่บนได้ หากไฟเย็นได้ หากลมมีทิศทางที่ชัดเจนได้ หากดินล่องลอยในอากาศได้ ตราบนั้นความบังเอิญจะมีจริง แต่ตราบใดที่กฏธรรมชาติยังเป็นกฏ ตราบนั้นความบังเอิญย่อมไม่มี"

    ความบังเอิญทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัย แม้คนที่พบกันก็ไม่บังเอิญ พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนที่เราได้พบ ได้เห็น ได้รู้จักกันในอดีตจะไม่เคยสัมพันธ์กันเลยไม่มี คนบนโลกที่เราเห็นหน้า ในอดีตเป็นพ่อแม่ลูก เป็นน้อง เป็นพี่ เป็นศิษย์ อาจารย์ มานับชาติไม่ถ้วนเลย

    คู่แท้ไม่มีในโลก
    พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน” คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ"ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป"

    ทุกคนเคยสงสัยมั้ย ?? คนบนโลกมีเป็นล้าน
    ทำไมคุณและคนรัก ถึงได้มา"รู้จัก" และ "รักกัน"
    แล้วทำไม ถึงคบหา คนแล้ว คนเล่า ถึงจะได้เจอตัวจริง
    คุณคิดว่าบังเอิญหรอ.. ในทางศาสนาพุทธ ความบังเอิญไม่มีในโลก!
    ทุกอย่างถูกลิขิตมาด้วยผลแห่ง บุญกรรม ที่คุณได้เคยกระทำ
    ไม่ต้องพูดถึงชาติก่อนหรอก ขนาดในชาตินี้คุณเคยลองสังเกตุตัวเองไหม
    เวลาที่คุณครุ่นคิดในทางที่ไม่ถูกต้อง คุณยังมีอาการที่ขุ่นมัวภายในจิตใจ เขาเรียกว่า นรกในใจ

    เวลาเข้าวัดทำบุญทีไร ใจถึงผ่องแผ้ว นั่นแหละสวรรค์ในอก
    แต่หากคุณยิ่งเชื่อในชาติภพ คุณจะยิ่งสัมผัสถึงความจริงในข้อนี้ คนเราเกิดมาแล้วกว่า 100 ชาติ 1000ชาติ การที่เราสบตาใครสักคนแล้วรู้สึกดีนั้น เป็นผลบุญจากการอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติ ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆมาด้วยกัน เป็นบุญใหม่ที่เกิดจากการเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ

    “พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน”
    คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า
    ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ
    เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง
    ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ"ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป"

    จงจำไว้อย่างเสมอว่า คู่แท้ไม่มี ควรหันมาใส่ใจกับคำว่า ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บาป’ แทน
    อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้
    ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป
    และนั่นก็แปลว่า คู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าร่วมทำบาป
    ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ

    มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮาบทันที
    ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมาว่านี่คู่เวรของเรา
    หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉัน
    เราจะเห็นตามจริงว่า ถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้ อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึกด้านดีชั้นแรก
    ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุการณ์ดีร้าย หรือที่เรียกง่ายๆว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
    ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้นต่อๆมา กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่บุญกันจริงๆ
    จากที่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัส ว่าหญิงชายจะพบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้า
    ก็เพราะมีเหตุ คือต่างฝ่ายต่างมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน
    คำว่า "เสมอกัน" นั้น อย่างน้อยที่สุดคือร่วมยินดีไปในแนวความเชื่อเดียวกัน
    มีใจปรารถนาจะรักษาศีล มีใจอยากสละให้ และอย่างน้อยพูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง
    ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งเสนอ อีกฝ่ายนอกจากไม่สนองแล้วยังเอาแต่ขัดๆๆ

    ยิ่งไปกว่านั้น พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเหตุสองประการ
    ประการแรกคือเคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ
    ประการที่สองคือชาตินี้ได้เกื้อกูลกัน นั่นแหละความรักอย่างลึกซึ้งถึงจะเกิดได้

    มองด้วยข้อสรุปนี้ คู่บุญตัวจริงก็คือคนที่เคยคิดดี พูดดี ทำดีต่อกันมาก่อน
    รวมทั้งมีศรัทธาไปในทางเดียว แข็งแรงในศีลข้อเดียวกัน
    มีใจคิดสละประมาณเดียวกัน และอย่างน้อยต้องพูดกันรู้เรื่องประมาณเพลินคุยได้ไม่รู้เบื่อ ประเภทใส่บาตรครั้งสองครั้ง อาจมีผลให้เกิดความรู้สึกปิ๊งๆบ้าง
    แต่จะไม่มีเหตุปัจจัยส่งเสริมสนับสนุนให้ได้พบกันบ่อยๆ
    ได้เกื้อกูลกันโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวางอย่างสิ้นเชิง
    พูดง่ายๆ ว่าต้องสร้างปัจจัยใหม่กันเหนื่อยพอดู

    ถ้านับตามบันทึกของพุทธ ก็ต้องว่าคนเราแม้อยู่เคียงครองเรือน คนหนึ่งตายแล้วอาจไปสวรรค์ คนหนึ่งตายแล้วอาจไปนรก ใช่จะพุ่งขึ้นหรือไหลลงตามกันเพียงเพราะอยู่เรียงเคียงหมอน มันขึ้นอยู่กับว่าก่อนตายแต่ละฝ่ายเดินอยู่บนทางสวรรค์หรือทางนรกเท่านั้น ตรงข้าม คู่ผัวตัวเมียที่มีบารมีอันได้แก่ทาน ศีล สมาธิ และปัญญาเสมอกัน
    หรือคล้อยตามกัน ย่อมมีโอกาสได้พบเจอบ่อยกว่าคู่อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจิตเป็นกุศลแล้วอธิษฐานสำทับร่วมกันเสมอๆ ก็จะให้ผลแรงเป็นทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ หนักแน่นมั่นคงและเป็น ‘ตัวจริง’ ของกันและกันอย่างยากจะหาใครมาแทนที่!!

    เพราะฉะนั้นแล้ว สาวๆ หนุ่มๆ อย่ามัวเอาแต่นั่งฝันเฝ้ารอคู่แท้เลย
    หันมาทำบุญ สวดมนต์นั่งสมาธิ ในทางของพุทธ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่ประการใด
    ไม่ใช่เพื่อให้เจอคู่บุญอย่างเดียวแต่เป็นการเสริมจิตใจของตัวเองให้ใสสะอาด
    ให้เราเป็นคนดี มีจิตใจดี ก็ไม่ต่างจากแม่เหล็กที่จะดึงดูดคนดีๆมาสู่เราก็ได้
    อย่ามัวแต่รอโชคชะตาเราสร้างเส้นทางชีวิตเป็นของเราได้

    หากศึกษาเรื่องกรรมดีๆจะเข้าใจว่า
    "ไม่มีความบังเอิญ"ใดๆทั้งสิ้น
    กรรมนี้แม่นยำยิ่งกว่าเรดาห์ใดๆในโลก
    พระพุทธเจ้าตรัสว่าเราเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน น้ำตาที่เสียจากความพลัดพราก
    จากคนที่เรารักนับรวมกันได้เป็นมหาสมุทรดังนั้นเราจึงได้เคยพบปะผู้คนมามากมาย
    จนผู้คนบนถนนที่เดินไปมานี้ต่างก็เคยเกิดเป็นพี่น้องเราทั้งสิ้น

    "ถ้าเมื่อวานนี้มีจริง ชาติก่อนก็ต้องมีจริง
    ถ้าพรุ่งนี้มีอยู่จริง ชาติหน้าก็ต้องมีจริง "


    ดังนั้นกรรมจึงจัดสรรให้เราได้พบเจอ รู้จัก พึ่งพามาเป็นพ่อ แม่ ลูก พี่ น้อง เพื่อน แฟน คู่รักศัตรู ครู ลูกค้า เมียหลวง เมียน้อย ชู้ ฯลฯ เนื่องจากเคยเกี่ยวพัน มีความสัมพันธ์และประกอบกรรมร่วมกันมาก่อน จึงได้มาเจอกันอีกเพื่อชดใช้กรรม
    อาจอธิษฐานให้มาพบกันอีกในชาติต่อๆไป หรือเคยอาฆาตพยาบาทกันมาก่อน
    บางคนก็เคยอุปถัมภ์ ค้ำชู พึ่งพาอาศัยกันมาก่อนดังนี้เป็นต้นจึงไม่มีคำว่าบังเอิญในพุทธศาสนา

    มีคำกล่าวในพุทธศาสนาว่า "คนที่เกิดมาทุกวันนี้ ไม่เคยเป็นญาติพี่น้องกันนั้นไม่มี" หมายความว่า ทุกคนเคยเกิดเป็นญาติพี่น้องกันมาแล้วทั้งสิ้นเพราะเราเวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เพราะการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น นอกเสียจากว่าจะหมดกิเลสเข้าสู่นิพพานแล้วเท่านั้น ถึงจะไม่มีการเกิดอีก

    จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกคุ้นเคยกับใคร ประทับใจใคร เกลียดใคร เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน...ด้วยเพราะคำกล่าวข้างบนนี้แหละ เราทุกคนเกิดมาแล้วเป็นล้านๆ ชาติ พบปะอะไร/ใครมามากมาย ความรู้สึก(สัญญา)แห่งความคุ้นเคยย่อมอาจมีติดตัวมาบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา

    เคยไหม รู้สึกคุ้นๆ กับบางสถานที่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน รู้สึกคุ้นๆ กับเหตุการณ์ทั้งๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ... สิ่งเหล่านี้หากไม่ใช่อุปทาน ก็ล้วนเป็นสัญญา (จำได้หมายรู้) ที่ติดตัวมาแต่ชาติภพก่อนทั้งสิ้นครับ

    "ไม่มีคำว่าบังเอิญ"
    ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ มีเหตุก็เกิด ไม่มีเหตุ
    ก็ดับ บังคับไม่ได้ เพียงแต่เราไม่มีปัญญา
    สาวไปหาเหตุนั้น ...เลยสรุปว่า "มันบังเอิญ"

    "เย ธัมมา เหตุปัพภะวา เตสังเหตุง
    ตะถาคะโต เตสัญจะ โย นิโรโธจะ
    เอวัง วาที มะหาสะมะโณ"

    ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตกล่าวถึง
    เหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น

    สิ่งใดเกิดแล้วก็ต้องดับลงเป็นธรรมดา จะช้านานก็ขึ้นอยู่
    กับแรงส่งแต่สาระคืออย่างไรก็ต้องดับไปแน่ๆ เช่นเดียวกับที่เรามีชีวิต จะด้วยบุญบาปหยาบประณีตต่างกันแค่ไหนส่งให้อายุสั้นหรือยืนยาวเพียงใด อย่างไรก็ต้องแตกสลายในที่สุดไม่ต่างจากฟองน้ำที่เกิดจากเม็ดฝนตกกระทบแผ่นน้ำเลย

    สาระอันเป็นที่สุดคือ

    "หากเห็นแจ้งลึกซึ้งด้วยจิตอันทรงปัญญาเต็มรอบแล้ว มรรคผลย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา"
     
  10. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    ได้ครับผม
     
  11. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    เมื่อถึงเวลา
    ทุกสิ่งล้วนเป็น อนิจจัง
    ไม่มีคนไหน
    อยู่ด้วยกันตลอด
    ล้วนแต่ต้อง ดับสูญ สลายสิ้น

    แต่การที่เราเสียใจ ในการจากลาคือ
    การจากลา
    มันมาเร็วเกินไปสำหรับเราเท่านั้นเอง..




    เปรียบดั่งญาติธรรม มีพบก็ต้องมีจาก จะเนื่องด้วยผลประโยชน์หรืออย่างไรก็ตาม ก็สุดแล้วแต่บุญกรรม กระทู้นี้ก็ยังดำเนินต่อไป ธรรมะและบุญกินไม่ได้ เงินกินได้ก็แล้วแต่คน ปลอ่ยวาง ครึกครืน กลายเป็นเงียบ ล้วนเป็นออุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ-บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป...... หวังถูกหวยกันลูกเดียว ก็ไม่ต้องมีทำงานกันแล้วครับ ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2013
  12. kwanzy

    kwanzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +662
    เคยเป็นค่ะเวลาไปสถานที่ใดสถานที่หนึ่งแล้วรู้สึกเหมือนคุ้นเหมือนเคยมาทั้งๆที่ไม่ใช่เลย ความรู้สึกนี้ครั้งแรกตอนอยู่ประถมไปทัศนศึกษาที่อยุธยา ไปพระราชวังบางอิน วัดพระศรีสรรเพชญ์ ด่านเจดีย์3องค์ มันมีความรู้สึก
    บางอย่างพุ่งขึ้น คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก จนปัจจุบันทุกครั้งที่กราบไหว้พระนเรศวร จะรู้สึกขนลุกชาไปทั้งตัว ก็เลยคิดว่าจะชาติภพเก่าน่าจะมีอะไรเกี่ยวพันค่ะ
     
  13. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกันครับ คนเราเกิดหลายร้อยชาติพันชาติ ต้องมีสักชาติละครับที่ผูกพันกับสิ่งเหล่านี้
     
  14. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    ขอขอบคุณญาติธรรมที่เหลืออยู่นะครับ หวังว่า เราจะร่วมสร้างบุญกันไปต่อ ตราบที่ยังมีชีวิตกันอยู่ ที่นี้ไม่มีทรัพย์วัตถุ แต่มีอริยทรัพย์ ในการดำเนินชีวิต เพื่อความสุขที่แท้จริง
    มีทรัพย์มากใช่ว่าจะมีความสุข
     
  15. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    เท่านี้ก็พอเข้าใจแล้วครับ ญาติแท้ ญาติธรรมเทียมในโซลเซียลหายากจริงๆๆ ^__^
     
  16. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    แด่ญาติธรรมผู้หายไป

    ..วันเวลา ให้เรานั้นมาพบกัน
    และวันเวลานั่นแหละที่ทำให้เราจากกัน…

    “ชีวิตมีเจอมีจาก ความพลัดพรากอยู่รอท่า
    วันนี้อยู่ใต้ชายคา วันข้างหน้าอยู่ใต้ฝาโลง”
    การพบ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ
    ระหว่างชีวิตเรากับชีวิตคนรอบข้าง กับสิ่งแวดล้อม
    ระหว่างตัวเรากับสถานที่ต่างๆในโลกใบนี้

    เพราะมี “การพบ” นั่นแหละ
    การได้ การไม่ได้ การสูญเสีย การดีใจ การร้องไห้
    การหัวเราะ การเสียความรู้สึก การได้ความรู้สึก
    การผิดหวัง การสมหวัง การคาดหวัง
    การกดดัน การสบายใจ เบาใจ ฯลฯ จึงตามมา
    การพบจึงเป็นสาเหตุแห่งเรื่องราวทั้งแง่บวกและแง่ลบ
    และแง่กลางๆ
    หากโลกปราศจาก “การพบ” จะเป็นไปได้หรือ ?
    อาจเป็นไปได้ในบางแง่ บางกรณี
    เช่น คนบางคนในโลกนี้ เขาอาจจะไม่ได้พบสิ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากพบเลยตลอดชีวิตก็ได้ แต่ก็มีหลายคนที่ต้องมานั่งปวดร้าวใจเพราะ “การพบ” นั่แหละ
    ดังนั้น เราจึงได้ยินคำพูดที่ว่า “สู้ไม่พบกันเลยจะดีกว่า” อยู่บ่อยๆ
    หรือ “ความจริงเราไม่น่าจะมาพบกันเลยเนาะ”
    หรือ “นี่ถ้าเราไม่มาพบกัน เรื่องราวต่างๆ ก็คงไม่เกิด ใช่ไหม ?”
    หรือ “เรามาพบเมื่อสายเสียแล้ว” อย่างนี้เป็นต้น

    แต่ก็มีอีกหลายคนนั่นแหละที่ทุกวันนี้
    ต้องพูดขอบคุณสวรรค์ที่ประทาน “การพบ” มาให้ อยู่เรื่อยๆ
    เพราะการพบกันของเขากับอะไรหรือใครนั่นแหละ
    ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี จากไม่ค่อยรุ่งกลายเป็นรุ่งโรจน์
    จากอับเฉากลายเป็นมีชีวิตชีวา
    เช่น คำพูดประโยคนี้

    “ถ้าวันนั้นไม่ได้พบครู ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรเหมือนกัน”
    ……..แล้ว “การจาก” ละการจาก หากพิจารณาให้ดี จะพบว่า มีทั้งแง่บวกและแง่ลบเช่นกันการจากของคนเรามีสองประเภท คือ จากเป็นและจากตาย

    “การจากตอนเป็นทำให้เห็นน้ำใจ การจากตอนตายทำให้เห็นน้ำตา”
    คำพูดของใครบางคนว่าไว้อย่างนั้น แต่อาจไม่เสมอไปหรอก
    นอกจากนี้ การจากของคนเป็น ยังแบ่งออกไปอีกเป็น
    ก. จากชั่วคราว ข. จากตลอดกาล
    การจากชั่วคราว อาจเป็นการจากไปเพื่อศึกษาต่อ ยังมีวันกลับมาพบกันอีก
    ส่วนการจากตลอดกาลนั้น อาจเป็นการจากของคนที่ไม่รักกันแล้ว
    หรืออาจเป็นการจากของคนที่โยกย้ายถิ่นฐานไปตั้งหลักแหล่งอยู่แห่งใหม่
    เช่น ผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ เป็นต้น เขาไม่กลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิดอีกแล้ว
    เรียกว่า ไปตายเอาดาบหน้า เลยทีเดียว
    แต่อย่างไรก็ตาม การจากเป็นยังมีโอกาสได้พบประสบเจอกันอีก
    แต่อาจพบในสถานที่อื่นหรือโอกาสอื่น
    ส่วนจากตายนั้น แน่นอน เป็นการจากอย่างไม่มีวันกลับอยู่แล้ว

    “การพบและการจาก” เราห้ามไม่ได้
    แต่เราสามารถกำหนดท่าทีของเราต่อ “การพบและการจาก” ได้
    และท่าทีนี่แหละที่เป็นกรอบช่วยให้เราปฏิบัติต่อสิ่งหรือบุคคลที่เราได้พบ
    ได้ถูกต้องเหมาะสม ไม่ก่อความเสียหายในภายหลัง
    และเป็นกรอบช่วยให้เราสามารถ ยอมรับ และทำใจได้
    เมื่อต้องจาก “สิ่งของ” หรือ “บุคคล”
    ที่เรารัก เราเคารพ เรานับถือ เราประทับใจ
    คนที่เรียนรู้วิธิปฏิบัติต่อ “การพบ” และ “การจาก” ได้อย่างดี
    ย่อมสามารถอยู่ร่วมกับการพบและการจากได้อย่างสงบสุข
    ไม่กระวนกระวายจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถใช้ การพบและการจากนั้น
    เป็นครูของชีวิตได้ตลอดเวลาอีกด้วย….

    หากวันนี้ท่านได้พบใครสักคนหรือพบสิ่งของถูกใจสักอย่าง
    ท่านวางท่าทีอย่างไร ? หากวันนี้ท่านต้องจากใครสักคน หรือ วัตถุ สัตว์สิ่งของสักอย่างหรือ ใครสักคนที่ท่านประทับใจ ซึ้งใจ รัก เคารพ ต้องจากท่านไป
    ท่านวางท่าทีอย่างไร ?

    ท่าทีในใจของท่านนั่นแหละสำคัญที่สุดสำหรับจัดการเรื่องดังกล่าว
    สุดท้ายอยากทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ว่า



    “รอยต่อระหว่างการพบและการจาก คือ ความทรงจำดีๆ”


    คบใครเพราะผลประโยชน์ พอหมดประโยชน์ก็จากกันไป แต่ถ้าคบกันที่หัวใจ... ตายจากไปก็ไม่มีลืมกัน นี้แหละใจมนุษย์สุดยากแท้ยั่งถึง....สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2013
  17. bird888

    bird888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +322
    ส่วนผมก็เป็นเหมือนกัน
    แต่เป็นช่วงมัธยมต้น ครั้งหนึ่งเคยไปที่ทัศนศึกษาที่เพชรบุรี ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ช่วงเวลายามบ่ายกว่าๆ บรรยากาศ เสมือนว่าเคยมาแล้ว และเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น คล้ายกับความฝัน แต่ ณปัจจุบันคือเราเข้าภวังค์ในจิตใต้สำนึก ถูกกำหนดขึ้นมาเองมองบริเวณชายหาดก็ใช่ มองโคนเสาอาคารก็ยิ่งใช่ ภาพรวมแห่งสถานนี้เป็นอยู่สักพักใหญ่

    จากวันนั้นที่กำลังการบูรณะซ่อมแซม จนถึงวันนี้ก็ยังมิได้กลับไปอีกเลย
     
  18. bird888

    bird888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +322
    เมื่อครั้งอยู่ประถม 6 เคยนั่งสมาธิเองก่อนนอน จากการสอนของครูประจำชั้น
    และหลวงตาจันทร์ทางวิทยุ fm

    นั่งแบบเด็กๆ
    ไร้ทางทุกข์
    ไร้ทางโลภ
    ไร้เหตุผล

    รู้เพียงว่านั่งแล้วสบายใจ
    จิตเบา หายใจอิ่มสมอง

    แต่ทำไมนั่งแล้วเหงื่อออกมาเหมือนตกน้ำเลย
    ก็นั่งมาเรื่อย มาต้นเข้ามัธยมก็เลิกนั่งไปเอง
    เพราะเห็นพี่คนหนึ่ง เขาไปทำบุญนั่งสมาธิมา
    และก็สติคงหลุดลอยไป แบบไม่เต็มสติดั่งเดิม
    ผมก็หยุดเลย เพราะของแบบหากขาดครูชี้แนะ
    หรือช่วยดึงจิตกลับไม่ทันอาจเป็นเช่นพี่ท่านนั้น

    มาตอนนี้ จิตที่หยาบ อารมณ์ที่หลาย เหตุการณ์รอบด้าน มาปรุงแต่ง

    จึงลดสมาธิ การสร้างบารมีสมาธิ

    ต้องยอมรับบุญ วัยเด็กชั้นประถม คุณแม่ผมพาเข้าวัดทำบุญทุกวันอาทิตย์
    สิ่งนี้จึงทำให้ได้บุญอย่างแบบยึดมั่น
     
  19. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,207
    ค่าพลัง:
    +10,090
    อดีตชาติอาจจะมีสิ่งใดที่เคยทำไว้ที่นี้เลยผูกพันธ์ เพราะเราเกิดหลายชาติอยุ่
     
  20. bird888

    bird888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +322
    คบใครเพราะผลประโยชน์ พอหมดประโยชน์ก็จากกันไป แต่ถ้าคบกันที่หัวใจ... ตายจากไปก็ไม่มีลืมกัน นี้แหละใจมนุษย์สุดยากแท้ยั่งถึง....สาธุ

    เกิดสิ่งใดกับคุณเอกหรือเปล่าครับ
    เกิดสิ่งใดกับคุณเอกหรือเปล่าครับ
    เกิดสิ่งใดกับคุณเอกหรือเปล่าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...