ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

..... ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเท่ากรณีแรกหรอกคะ ... สิ่งที่ร่างทรงให้เตรียมเป็นการถวายเครื่องบูชาแก่ท่านผู้มาพำนักคะ .. ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นการแสดงการยอมรับท่านที่มาอย่างหนึ่งคะ .. ส่วนถ้าอยากทราบท่านผู้นั้นเป็นใครเราเองคงไม่สามารถบังคับท่านให้แสดงตัวได้ .. ถ้าท่านผู้นั้นไม่ต้องการ .. แต่เรามีวิธีที่ " นุ่มนวลกว่านั้น " .. ในลักษณะที่เกิดกับคุณนี้คงต้องใช้ใจพิสูจน์กันแล้วละคะ .. เมื่อถึงเวลาท่านก็จะบอกเองว่าท่านเป็นใคร .. ถ้าคุณไม่หลงทางเสียก่อนนะคะ .. ขอให้พระธรรมนำใจคุณคะ ..

... แต่คุณสามารถอธิฐานจิตถึงท่านได้นะคะ .. สร้างความดีถวายท่าน และ พระรัตนะไตร ท่านจะช่วยคุณได้เมื่อถึงคราวลำบากคะ .. ขอให้คุณโชคดีนะคะ

.... จงจำไว้ว่า ... " อย่าได้ไปรับ ขันธ์ กับผู้ใด ... ขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายเถอะนะคะ " ..

 

ขอบพระคุณในคำแนะนำคะ อนุโมทนาบุญ
สิ่งใดที่พลาดพลั้งล่วงเกินคุณกาลีนะ และทุกท่านอันเกิดจากความคิดที่เป็นอคติและความคิดที่ไม่ดี เพราะจิตใจยังหยาบช้าอยู่มาก ขออโหสิกรรมด้วยนะคะ

สุดท้าย ขอนำข้อความของคุณกาลีนะ และทุกท่านนำไปปริ๊นให้พี่ที่รู้จักอ่านได้ไหมคะ

 

.... ได้คะ ... เพราะบางส่วน กาลีนะ ก็นำมาจากของท่านผู้อื่นเช่นกันคะ .. เพียงแต่นำในบทความที่คิดว่าเป็นประโยชน์ .. และ เป็นกลาง ๆ นำมาให้พิจารณา และ บางบทความก็เป็นความรู้ส่วนตัวกาลีนะเองที่พอจะนำมาแนะนำ ให้ข้อคิดได้เท่านั้น ...

..... แต่ที่ต้องลง " วาจาสัจจะ " ลงกำกับไว้ก็เพื่อไม่ให้คนที่มีจิตใจไม่ดีนำมันไปหาผลประโยชน์ใส่ตนเอง หรือ ไปหลอกลวงผู้อื่นให้หลงผิดไป .. ผิดจากเจตนารมณ์ของ กาลีนะ เอง .. และ ท่านทั้งหลายที่ได้นำความรู้มาเผยแพร่ ... ถึงผลที่มันเกิดบางคนอาจยังไม่ได้รับตอนนี้ ... แต่ กาลีนะทราบคะว่า ไม่ว่าเขาจะยังเป็น หรือ ตายไปแล้ว .. มันจะติดตัวเขาไปตลอดแน่นอน .. ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องได้รับมัน .. ตามที่สิ่งที่เขาได้กระทำลงไปคะ ...

 

ขอบพระคุณคะ พอดีพี่เขาเคยถามว่า องค์ สามารถอยู่กับเราได้คนเดียวหรือหลายคนคะ พอเจอกระทู้ของคุณกาลีนะเลยสนใจเข้ามาอ่านและเห็นว่ามีประโยชน์ต่อคนที่มีเรื่องสงสัยในเรืองนี้อยู่คะ

ขอบพระคุณมากนะคะ _/|\_ สำหรับกระทู้ดีๆแบบนี้ ขอบคุณคะ

 

ใครล่ะที่ทัก
- ทักแบบอยากให้ทำพิธีให้ เพื่อได้ค่าครู่ หรืออะไร บางคนก็อวดรู้ เห็นวับๆ แวมๆ แยกยังไม่ออกว่า เทพหรือผี ก็ว่ามีองค์ล่ะ

 

ตอนนี้รู้แล้วครับว่าร่างทรงนั้นเป็นทรงผีจริงๆรู้ทั้งหมู่บ้านเลยพระท่านมาบิณฑบาตตอนเช้าท่านเห็นแต่ท่านบอกกับคนใส่บาตตอนร่างทรงไปแล้ว
ว่าร่างนี้ทรงผีมีผีมาด้วยสามตนชาย2หญิง1มิน่าละเก่งนักที่แท้มาพร้อมกันสามตนเลยรอดูหลังจากวันที่10นี้จะนิมนหลวงพ่อมาทำพิธีที่กุฏิใหม่ครับต้องเลี้ยงใหม่หมดเลยแต่ก็ชื่นใจขึ้นเยอะครับที่ท่านยอมกลับมา

 

... งง กับเว็ปโพสแล้วหาย ... งง มาก ๆ

 

..... ไม่เป็นไรคะ ... ก็ค่อย ๆ ศึกษาดูไปนะคะ .. ไม่ต้องเชื่อทั้งหมดก้ได้คะ ก็ลองพิจารณาดูก่อนจะเชื่อก้ได้นะคะ .. เพราะมันเป็นข้อมูลที่เราไปศึกษาค้นหามาจากหลาย ๆ ที่ทั้งจากประสบการณ์ต่าง ๆ ก็พยามรวบรวมมาให้ลองอ่านลองศึกษาดู .. ยังไงก็มีสติพิจารณาทุกครั้งแล้วกันนะคะ

 

คะ คุณกาลีนะ

 

... ดีใจด้วยคะ .. ที่บอกตามมาสามนั้นอาจไม่ใช่ทั้งหมดที่มีนะคะ .. ส่วนมากเขามีเยอะกว่านั้นคะ พวกตำหนักนะคะ .. แต่อาจจะมาแค่ไม่กี่ตน .. แต่ดิฉันเชื่อว่าเขาน่าจะมีเยอะกว่านั้น ...

... ก็ให้ท่านทำพิธีเปลี่ยน หรือ ย้ายธรณีใหม่ไปเลยก็ได้คะ .. ตามแต่พระท่านเห็นสมควร นับเป็นโชคดีของคุณจริง ๆ นะคะ

 

... ใช่คะ ... เพราะฉะนั้นก่อนจะเชื่ออะไร ก็ควรศึกษาพิจารณาให้ดีก่อน .. พวกหากินกับความเชื่อของคนเรามันมีเยอะ .. แถมส่วนมาก ตำหนักทรงก็มักเรียนวิชาคุณไสยย์ควบคู่กันไปด้วย .. แถมบางคนเก่งมากเสียด้วยสิคะ เกิดกล้าบ้าไม่ดูตาม้าตาเรือ ... อาจซวยได้ ทั้งพวกที่มองเห็นตัว กับ พวกมองไม่เห็นตัว ... มันไม่คุ้มกันหรอกตริงไหม๊คะ

... แถมยังมีพวกแอบอ้างก็มีเยอะ ขนาดในพลังจิตที่เคยอ่านผ่านตามาก็ยังมีเลยคะ เอามาเล่าแล้วบอกว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองเจอมาเอง .. แต่เหมือน กาลีนะเคยไปอ่านในหนังสือที่เขาเอามาขายก็มีคะ .. แบบว่าเนื้อเรื่องเดียวกันเลย .. แต่ก็คิดไปอีกแง่ว่าเขาอาจจะเป็นคนเขียนเรื่องนั้นส่งสำนักพิมพ์ก้ได้ .. ก้ไม่รู้เขาคิดยังไง

... แต่สำหรับ กาลีนะ เอาของเขามาก็บอกตรง ๆ เจอมาแบบนี้ก็บอกไปตรง ๆ ใครจะเชื่อ หรือ ไม่ มันก็แล้วแต่ใจเขา .. แค่เรารู้ว่าเราเป็นใคร และ ทำอะไรอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ...

 

...... เรื่องพวกนี้ส่วนมากไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า .. มัน คือ " สงครามพลังจิต " การต่อสู้ระหว่างจิต ผู้ที่จิตอ่อนแอกว่าก็ย่อมพ่ายแพ้ต่อผู้ที่มีพลังจิตเข้มแข้งกว่าอยู่แล้ว .. แต่ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ย่อมพบความสว่างได้ดีกว่าคนที่มีจิตใจหลงผิด และ มืดบอด ..

 

1. จะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์ พระ องค์เทพ องค์ผี มาใช้ร่าง ?


.... ในส่วนข้อมูลที่เคยค้นได้นั้น กาลีนะ ได้ลงไว้แล้วในกระทู้นี้บ้างแล้วนะคะ แต่ความจริงมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะพอสมควรซึ่งมันจะละเอียดลงไปอีก .. เยอะพอสมควร .. แต่ขออ้างอิงในบทความของ " ท่านหมอยา " และ ของทาง เว็ปคเณศวร ก่อนแล้วกันนะคะ

ข้อสังเกต

.... มนุษย์ผู้ที่มีองค์เทพแฝงอยู่นั้นสังเกตได้ด้วยตนเองไม่ยาก

1. มึนศรีษะข้างเดียวเป็นประจำ บางทีทางการแพทย์ว่าเป็น “ ไมเกรน ”

2. หนักต้นคอ บางครั้งหนักบ่าสองข้างเหมือนมีใครมาขี่คอ บางทีขับรถอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหนักบ่า

3. แน่นหน้าอกเป็นบางครั้ง เหมือนคนหายใจไม่อิ่ม บางคนเป็นบ่อย จนหมอว่าเป็นโรคหัวใจ

4. ฝันแม่นยำ มีลางสังหรณ์แม่นยำ บางทีเรียกสัมผัสที่หก หรือ “ ซิกเซ้นท์ ”

5. ชอบฝัน หรือ ตีเป็นตัวเลข เสี่ยงโชคได้ใกล้เคียง บางที ผิดแต้มเดียว กลับบนกลับล่าง กลับหน้ากลับหลัง ซื้อทีไรก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเป็นประจำ แต่ถ้าไม่ซื้อเที่ยวบอกใคร เขาก็จะถูก

6. บางครั้งหูจะได้ยินเสียงเรียกชื่อเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบก็มี เสียงดังก้องในหู ก็มี

7. ไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือ มีอะไรที่ลี้ลับ จะรับรู้โดยการสัมผัส ขนลุกชันเย็นซ่าไปทั้งตัว

8. บางครั้งสวดมนต์เป็นภาษาบาลีอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเป็นภาษาอื่นรัวเร็วขึ้นมา

9. หากนั่งสมาธิจะได้หูทิพย์ ตาทิพย์ เร็วกว่าคนทั่วไป

..... ดังนั้น อาการบางอย่างหาหมอก็แล้ว กินยาก็แล้ว มันไม่หาย ก็ให้ สวดมนต์นั่งสมาธิตามที่ว่าแล้วแผ่เมตตาบ่อย ๆ ทุกอย่างมันจะหายไปเอง เสี่ยงโชคลาภก็จะได้ เพราะบารมีที่ทำนี่แหละ

..................................................................................

แต่บางอย่างก็อาจจะเกิดจากสัมภเวสีได้เช่นกัน

1. ปวดศรีษะเป็นประจำ บางครั้งปวดมากจนทนไม่ไหว หมอว่าเป็นความดันบ้างก็แล้วแต่ ก็ควรตรวจเช็คแก้ไข เพราะอาจถูกสัมภเวสีเกาะอยู่ในศรีษะได้

2. ปวดไหล่เป็นประจำ หมอว่าเป็นเส้นเอ็นอักเสบ กินยาทายาก็แล้ว มันไม่หาย ตึงไปหมด ถือว่าผิดปกติ

3. มือเท้าชาเป็นซีก จากไหล่ หรือ ตะโพก หัวเข่าก็ตาม

4. แน่นหน้าอกมากผิดปกติ

5. ปวดบริเวณกระเบนเหน็บ บางที่การแพทย์ระบุว่า หมอนรองกระดูกทับเส้น เว้นแต่กรณีการเกิดอุบัติเหตุ ลื่นหกล้มจนกระแทกพื้นอย่างแรง นั่นก็จะต้องพิจารณารายละเอียดเป็นกรณีไป

...... อาการเหล่านี้อาจไม่เกี่ยวกับองค์เทพ แต่เป็นการแทรกซ้อนจากวิญญาณเร่ร่อน หรือ สัมภเวสีที่ไม่มีที่อยู่นั่นเอง หากรักษาแล้วแก้ไขแล้วไม่ดีขึ้น ก็ลองติดต่อขอรับการสงเคราะห์ หรือ ปรึกษา กับ พระที่มีความรู้ หรือ ท่านที่มีความรู้ด้านนี้ เพราะท่านอาจจะพอหาทางแก้ไขให้ได้

.... ดังนั้น การที่ได้กล่าวพาดพิงถึง การรับขันธ์ หรือ องค์เทพ ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ใช้วิจารณญาณในการแก้ไขตนเองให้ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้เงินแก้ไข เพราะวิบากกรรมเป็นของมนุษย์ที่กระทำกันมา ครูบาอาจารย์องค์เทพก็ตาม ก็ไม่อาจฝืนกฎแห่งกรรมได้ แต่อาจชี้ทางแก้ไขได้ เพราะการเจ็บป่วยหรือปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้ามนุษย์นั้น มีกรรมเป็นต้นเหตุที่สำคัญ การแก้ไขเรามาแก้กันที่ปลายเหตุมันก็ไม่จบ ต้องรู้จักต้นเหตุ เพราะเหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น

 

ต่อ ...

ลักษณะของชั้นภพภูมิที่มาประทับร่าง

.... ลักษณะของจิตวิญญาณในระดับต่าง ๆ ที่ลงมาประทับทรง หรือ เข้าทรงมนุษย์นั้น หากเรารู้จักสังเกตุให้ดี ก็พอจะแยกได้ว่า เป็นเทพ หรือ เป็นผี โดยอาศัยหลักพิจารณาโดยสังเขป ดังนี้

1. ประทับทรงจากส่วนล่าง .... จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากปลายเท้าขึ้นมา มักจะเป็นพวกสัมภเวสี หรือ วิญญาณมนุษย์ที่ตายไปแล้ว

2. ประทับทรงจากด้านหลัง ..... จิตวิญญาณใดประทับทรงจากด้านหลัง มักจะเป็นวิญญาณทั่วไปที่มีฤทธิ์อำนาจ ซึ่งมักจะเรียกขานกันว่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าปู่ ฯลฯ

3. ประทับทรงจากด้านหน้า .... จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากด้านหน้า มักจะเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่ไปเกิดเป็น เทวดาชั้นจาตุม ฯ ที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์

4. ประทับทรงจากทางบ่า ... จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากทางบ่า มักจะเป็นเทพ หรือ ดาบสที่มีฤทธิ์ ในระดับกลาง ๆ

5. ประทับทรงจากกลางกระหม่อม .... จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากส่วนศรีษะ หรือ กระหม่อม มักจะเป็นเทพในระดับสูง

................................................................................

คำแนะนำ ...

..... ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะมีองค์ หรือ ไม่ก็ตาม ถ้าท่านหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาถึงครูบาอาจารย์ องค์เทพเทวาที่คุ้มครองรักษาตนเอง ก็น่าจะเพียงพอ เพราะการที่เทพมาอยู่กับเราก็ด้วยเหตุที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คือปรารถนาจะได้ร่วมสร้างบารมี และ ช่วยเหลือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน พาร่างสร้างบารมีทำบุญไหว้พระ สร้างแต่กรรมดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

..... ถ้าเราทำได้ดังนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปรับขันธ์ เทพเป็นผู้ที่มีจิตเมตตา ประกอบด้วย หิริโอตตัปปะ คือ ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ย่อมไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับร่างที่จะมาอยู่ด้วย เพราะท่านกลัวบาป การที่จะทำให้เจ็บป่วยหนักหนาแสนสาหัส หรือ ลงโทษอะไรหนักหนาคงไม่มี นอกจากช่วยเหลือเท่านั้น แต่ที่มันเจ็บป่วย หรือ มีปัญหาในหน้าที่การงาน การเงิน จนล้มละลาย มันเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ใครจะเข้าไปแก้ไขได้ นอกจากช่วยประคับประคอง หรือ ดลจิตดลใจให้ไปหาผู้ที่สามารถแก้ไขวิบากกรรมส่วนนี้ได้

..... ดังนั้น บางทีพอรับขันธ์เข้า แล้วหันหน้ามาปฏิบัติ สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ อะไร ๆ มันก็ดีขึ้นตามบารมีของตน เพราะก่อนหน้าเมื่อยังดีอยู่นั้น ก็ไม่เคยคิดปฏิบัติจริงจัง ทำบุญก็มีบ้างตามโอกาสเท่านั้น เพราะหากเทพจะมาอยู่ด้วย ก็คงไม่จำเป็นต้องทำพิธีอะไรมากมาย การรับขันธ์เป็นเรื่องสมมุติกันขึ้นมาเท่านั้น เพราะท่านจะมาอยู่กับมนุษย์นั้น บางทีก็ติดตามมาแต่เกิด อยู่ติดตามเรามาตลอด เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นเอง เพิ่งจะมาคิดรับขันธ์เพื่อรับองค์เทพ เพราะอยากรวยเท่านั้น หรือ เว้นแต่ผู้เป็นร่างทรงที่ทำหน้าที่สงเคราะห์มนุษย์ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ก็เป็นหน้าที่ขององค์เทพที่ผ่านร่างมาจะสั่งดำเนินการตามโอกาสต่าง ๆ

 

ต่อ ....

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์ หรือ เปล่า

...... การชอบไปเที่ยวหาร่างทรงตามตำหนักต่าง ๆ เป็นเทพจริง หรือ เปล่า หรือ เป็นเพียงสัมภเวสีที่แอบอ้างหากินไปวัน ๆ พอถูกเขาทักว่ามีองค์ก็เลยพาลรับขันธ์ 5 ไปเลยก็มี ถ้าทำถูกต้องก็ดีไป ถ้าทำไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเอาผีมาใส่ไว้ในตัวก็จะซวยไปกันใหญ่ เพราะบางทีเราไม่ทราบว่า ตำหนักไหนแท้ หรือ เทียม บางคนไม่มีอะไร แต่พอเห็นเขามีองค์ก็พาลอยากจะเป็นบ้าง ก็เลยทำให้มีทั้ง คนทรงเจ้า หรือ เจ้าเข้าทรง ก็อยู่ในวิจารณญาณของท่านที่ต้องพิจารณาศึกษาให้ดีเสียก่อน

เทพแต่ละองค์มีบารมีสูงมาก ไม่มานั่งสั่น ๆ

........การสั่นที่เราพบเห็นกัน คือ อาการของ ผีเข้า หรือ สัมภเวสีเข้า เนื่องจากบุญของผู้ที่กำลังจะเข้านั้นน้อยมาก ๆ และ การใช้พลังงานมากในการเข้าออก เทพจริง ๆ สวมร่างได้ไม่ต้องเชิญ และ ไม่ต้องสั่น ( สวมตามบารมีของผู้นั้นว่ามีธาตุกุศลมากน้อยแค่ไหน ) การสั่น หรือ การทรมานร่าง ให้อาเจียน หงายท้อง ปวดหัว ปวดบ่า นั้นเป็นบาปมหันต์ เราเองไปทรมานสัตว์ยังบาปเลย แล้วเทพ หรือ มหาเทพมาทรมานมนุษย์ ให้จริต ร่างผิดเพี้ยนไป ยิ่งบาปมาก หรือ พูดง่าย ๆ คือ " สัตว์โลก ย่อมไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน " เทพเทวดาส่วนใหญ่ ก็ไม่เสี่ยงกับการถูกขับลงจากสวรรค์ หรือ หมดอายุขัยง่าย ๆ ด้วยวิธีนี้.

ข้อสำคัญ

..... ที่สั่น ๆ นั้นเรียกว่าการเข้าทรง แล้ว ทำประโยชน์อะไรให้ร่างนั้นบ้าง นอกจากมาเกาะกิน บุญ เครื่องเซ่นไหว้ แล้ววันหนึ่งก็ไป..ในระหว่างการลง ผู้ที่ไม่เคยเห็น หรือ ศึกษา ก็คิดว่าเป็น ... ความวิเศษ ...

 

.... ข้อมูลที่เอามาลงตอบในข้อ 1. นั้น กาลีนะ ค้นเจอเมื่อหลายปีก่อน .. และ ได้นำมาเป็นแนวทางในการฝึกสังเกต และ ทดสอบ กับ ตัวเอง และ คนใกล้ชิดหลายคน ... เป็นอันเข้าใจว่ามันใช้ได้คะ ถือว่าใกล้เคียง และ เป็นแนวทางในการสังเกตตนเองได้ .. แต่ที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมมาอีกจากท่านพี่ในเว็ปนี้ซึ่งได้ลองสังเกตก้ได้ผลแบบที่พี่เขาสอน คือ

1. ถ้าสัมผัสมาจากด้านซ้ายถือว่ามาไม่ดี อันตราย ให้ระวัง ยิ่งเริ่มจากที่ต่ำยิ่งน่ากลัว ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม

2. ถ้าสัมผัสนั้นมาจากทางด้านขวาถือว่า ดี ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะถือว่าท่านเหล่านั้นมาดี ไม่เป็นอันตรายต่อเรา


....... แต่ ... สำหรับตัว กาลีนะ นั้นจะไม่เหมือนคนอื่นนิดหน่อยตรงที่ เราจะรู้สึกเจ็บที่ บ่าซ้าย เหมือนโดนใครเหยียบบ่าเวลาที่มีอันตรายไม่ว่าจากอะไรก็แล้วแต่ .. ยิ่งอันตรายจากภพภูมิที่ไม่เป็นมิตรแล้วจะชัดเจนมาก .. ไม่มีอาการสั่น แทบไม่เคยสั่นเลยสักครั้ง .. จะมีเหมือนบางทีที่ไม่สามารถควบคุมการพูดของตนเองได้แต่ก็เหมือนเราพูดตามความรู้สึกของตนเองมากกว่า โดยเฉพาะเวลาเจอคนที่คล้าย ๆ กัน หรือ ฝั่งตรงข้าม จะมีอาการที่แสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ กันไป คือ ปัจจุบันเราจะรู้เองว่ามันใช่ หรือ ไม่ใช่ แยกแยะได้มากแล้วพอสมควร

.... แม้แต่ในคนใกล้ชิดหลายคนก็ไม่มีอาการตัวสั่น ๆ แต่อย่างใด อาจมีแค่บางทีที่เป็นวิญญาณมาสิง ก็อาจมีอาการทางร่างกายคล้ายกับวิญญาณที่มาสิงก่อนตาย .. และ คำพูด ท่าทางที่จะเหมือน หรือ คล้ายกับ วิญญาณที่มาสิงร่างผู้นั้น ... ( แฟนที่ตายมักจะมาเข้าสิงเพื่อบอก เตือน กาลีนะ ในร่างคนใกล้ชิดบ่อย ๆ ) ทำให้มีโอกาศได้ศึกษาลักษณะอาการที่เกิดขึ้น จนเริ่มแยกออกว่าใครเป็นใคร หรือ แม้แต่เพื่อน กาลีนะ เองที่โดนอสุรกายครอบงำตัวตนไปแล้วก็ตาม ก็สามารถแยกแยะออกได้ว่าเป็นยังไง ... อันนี้เป็นตัวอย่าง และ ประสบการณ์ที่นำมาประกอบคร่าว ๆ นะคะ

 

..... และ ยังคงยืนยันตรงนี้ว่า กาลีนะ ไม่ใช่ร่างทรงที่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างแบบที่หลายคนคิด หรือ เคยเจอนะคะ .. แต่เป็นคนที่เคยมีประสบการณ์ และ ชอบศึกษาหาความรู้ให้ตนเอง ... เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ... อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกความชั่วร้ายเข้ามาทำร้ายชีวิต กาลีนะ ให้ต้องลงสู่ความมืดมิด ....

 

ถ้าเราไม่ใช่ร่างทรง (แต่เรารู้ว่าเรามี) เราจะสร้างองค์ของเราเองนี้ มีวิธีปฏิบัติอย่างไรได้บ้างครับ

 

ผมยังไม่ได้ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ บ้านผมยังไม่มีเจ้าที่ใช่ไหม

 

ไม่เกี่ยวนะครับเจ้าที่เค้าอยู่มาก่อนเรานะครับจะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่หรือไม่ทำ
ก็ไม่เกียวกันถ้าที่ตรงนั้นก่อนที่จะสร้างบ้านคุณมีเจ้าที่อยู่แล้วคุณมาสร้างบ้าน
อยู่เค้าก็ยังอยู่ที่เดิม