การต่ออายุก็ต้องทำให้มันถูก ถ้าทำไม่ถูกแล้วก็เสียเงินเปล่า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 25 ตุลาคม 2013.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    วิธีต่ออายุอย่างง่ายๆ โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    การต่ออายุก็ต้องทำให้มันถูก ถ้าทำไม่ถูกแล้วก็เสียเงินเปล่า ถ้าบังเอิญเป็น อายุขัยต่อเท่าไรไม่สำเร็จผล เพราะเชื้อไฟเดิมดับ หมดบุญบารมีที่ทำมา การหมดบุญบารมีนั้นแม้อายุขัยก็ไม่แน่ บางคนเป็นเด็กก็หมดอายุขัย บางคนก็เป็นหนุ่ม เป็นสาว บางคนวัยกลางคน บางคนก็ถึงวัยแก่ อายุขัยนี่ไม่แน่นอนนัก

    คำว่า อายุขัย นี่หมายความว่าก่อนที่จะเกิด กฎของกรรมดีหรือกรรมชั่วกำหนดชีวิตให้มาเท่าไรถ้ากำหนดชีวิตมา ๒๐ ปี ก็ต้องแค่ ๒๐ ปี ๑๐ ปีก็ต้อง ๑๐ ปี ๓ วัน ก็ต้องแค่ ๓ วัน นี่เป็นอายุขัยต่อไม่ได้ ถ้าตายก่อนนั้นเขาเรียกว่า "อุปฆาตกกรรม" หรือว่า "อกาลมรณะ" อย่างนี้ต่อได้ และถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะต่ออายุแบบนี้ ก็ต่อเสียทุกวันก็หมดเรื่องกัน

    วิธีต่อทุกวัน ก็หมายความว่า ให้ทุกท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ อย่างจริงจัง และก็ต้องเว้นจากกรรมที่ เป็น ปาณาติบาต และถ้ามีเวลาเดินผ่านไป มีใครเขาหาปลาหาเต่า ที่เขาจะฆ่ามันให้ตายก็ออกสตางค์ซื้อ พอกำลังที่เราจะซื้อได้ แล้วก็นำไปปล่อยในที่ปลอดภัย ไม่ใช่ปล่อยในหม้อข้าวหม้อแกงของเรานะไปปล่อยในสถานที่ ๆ เธอจะมีความสุขในแม่น้ำก็ได้ หนอง คลอง บึงก็ได้ปล่อยให้เธอรอดชีวิต

    ตามวิธีโบราณาจารย์ท่านสอนไว้อย่างนี้นะว่า

    วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิด หรือเป็นวันสำคัญของเรา วันไหนก็ได้ทำกับข้าว ทำอาหารพิเศษตามที่เราพอใจ เท่าที่ทุนจะพึงมี จัดการใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีสตางค์ก็สร้างพระพุทธรูปสัก ๑ องค์

    พระพุทธรูปนี่จะเป็นพระดินเหนียวก็ได้ เป็นพระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนปลาสเตอร์ก็ได้ หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้ว มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายไว้เป็นสมบัติของสงฆ์

    หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จพึงถูกฆ่าตาย อย่างที่เขานำเอามาขายเพื่อแกงหรือที่เขาทอดแหสุ่มปลาได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสักตัว ๒ ตัว ตามกำลัง แล้วปล่อยไป และก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาผู้รักษาชีวิต ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นนิจ คำว่า อุปฆาตกกรรม คือกรรมที่เข้ามาริดรอนก่อนอายุขัยก็ดี และ อกาลมรณะ การที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มีสำหรับผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ทว่าถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึงแค่ป่วยไม่มากก็เป็นของธรรมดา

    เรื่องการต่ออายุนี่ มีในพระพุทธศาสนา

    แต่ว่าวิธีการต่ออายุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเดี๋ยวนี้ที่ทำกันก็จ่ายหนักอยู่เหมือนกันนะ เอาพระไปสวดตั้ง ๗ วันนี่ เสียทั้งข้าว ทั้งน้ำ นี่บางทีก็ต้องจ่ายสตางค์ด้วย แย่เหมือนกันนะพระเองก็จะทนไม่ไหว ก็เลยใช้สายสิญจน์ก็แล้วกัน แต่ว่าสายสิญจน์ที่ทำกันนั้น ก็อย่าลืมพระรัตนตรัย แต่ทางที่ดีญาติโยมพุทธบริษัทถ้าจะทำอย่างนั้นนะ ถ้าคนป่วยจริง ๆ อย่าปล่อยให้ไม่มีความรู้สึกตอนที่สติยังอยู่ดี ๆ อยู่ ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่สวด อภิธรรม หากเป็นสวด พระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะสิ้นอายุขัยก็ต้องตายแน่ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้

    แต่ว่าถ้าท่านผู้นั้นจะตาย อย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนกับคนที่ตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นเราส่งอะไรให้เกาะเขาก็จะเกาะ ส่งไม้ให้เกาะเธอก็เกาะ ส่งสุนัขเน่าให้เกาะ เธอก็เกาะ เพราะต้องการทรงชีวิตอยู่ ก็เช่นกันถ้าคนป่วย เห็นพระสวด พระปริตร จิตของคนป่วยในตอนนั้น ได้รับสมาทานศีลก่อน เวลานั้นก็จะรับการสมาทานศีลอยู่ด้วย สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ทำให้เป็นคนที่มีศีลเวลาที่มีการสวด พระปริตร จิตก็จะฟังพระสวดด้วยความเคารพ จิตจะยึดอยู่กับพระหลังจากพระกลับแล้ว จิตจะจับอารมณ์นั้นตลอด เพราะในขณะป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีลต่อไปอีกเพราะกำลังป่วยอยู่ก็ไม่สามารถที่จะไปฆ่าใคร หรือลักขโมยใคร ถือว่าเป็นคนป่วยที่มีศีลบริสุทธิ์

    ถ้ามีการถวายทานด้วย ไม่ว่าทานนั้นจะเป็น ธูป เทียน ดอกไม้ หรือปัจจัยโภชนาหารก็ตามถือว่าเป็นการถวายทานแก่พระสงฆ์ กำลังของทานจะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ด้านอนุสสติ ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอจะจับพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสสติ จำเสียงสวดเป็น ธัมมานุสสติ การนึกถึงพระสงฆ์ ไปสวดก็เป็น สังฆานุสสติ ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตายบาปกรรมใด ๆ ที่ทำมาแล้วในกาลก่อนจะไม่มีโอกาสให้ผลในเวลานั้น เหลือแต่บุญอย่างเดียวที่จะประคับประคองคนนั้นไปสวรรค์ ไปพรหมโลกหรือไปนิพพาน

    https://www.facebook.com/pages/หลวงพ่อฤาษีลิงดำ-วัดท่าซุง-จอุทัยธานี/143272349109938
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    “แบม จณิสตา” ระทึก! คอนเทนเนอร์หล่นทับรถน้องชายหวิดดับ

    [TABLE]
    [TR]
    [TD="class: body, align: left"][TABLE]
    [TR]
    [TD="align: center"][TABLE]
    [TR]
    [TD="width: 612, align: center"][​IMG] [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="class: Image, align: left"]ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม แบม จณิสตา[/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="align: center"][​IMG][/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    “แบม จณิสตา” ยัวะ โพสต์ภาพตู้คอนเทนเนอร์หล่นทับรถน้องชายพังยับไปครึ่งคัน ฟาดเคราะห์รับวันเกิด

    ทำเอาอดีตพิธีกรสาวและนักการเมืองชื่อดัง “แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์” ยัวะปนใจหาย หลังเกิดอุบัติเหตุตู้คอนเทนเนอร์หล่นทับรถเก๋งของน้องชาย “บีท ชวิทย์ เสรีวัฒโนภาส” จนรถพังเสียหายไปครึ่งคัน หวิดดับรับวันเกิด ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวแบมได้โพสต์ภาพลงในอินสตาแกรม พร้อมบรรยายข้อความว่า…

    “น้องชายคนเดียวฟาดเคราะห์วันเกิดเมือคืนนี้ตอนตี 3!!! จอดติดไฟแดงอยู่ดีๆ รถคอนเทนเนอร์ฝ่าไฟแดงจากอีกฝั่งมาเอียงล้มทับตามภาพที่เห็น น่ากลัวสุดๆ โชคดีมากกกที่โน้มตัวหลบทันและไม่เป็นอะไร ไม่งั้น...เฮ้ออออ..เห็นภาพแล้วทั้งยัวะทั้งใจหาย ขับรถควรมีสตินะคะ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอบนท้องถนน แม้เราจะไม่ประมาทแล้วก็ตาม!! สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทุกคนค่ะ”

    อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า นายบีท ชวิทย์ บาดเจ็บจากการถูกเศษกระจกบาดเพียงเล็กน้อย โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าตัวได้ไปสังสรรค์งานวันเกิดอายุครบ 27 ปีของตัวเอง กับญาติๆ ที่ร้านอาหารย่านเอกมัย จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ได้ขับรถจะไปดูฟุตบอลต่อที่บ้านเพื่อน โดยมุ่งหน้าทางถนนพระราม 9 ระหว่างทางเห็นรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้ กำลังวิ่งตรงเข้ามาหา เจ้าตัวพยายามปลดเข็มขัดเพื่อหนีออกจากรถแต่ไม่ทัน จึงโน้มตัวเอนไปทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์จะหล่นลงมาทับรถเก๋งฝั่งคนขับพอดี โชคดีที่มีสติจึงไม่ได้รับอันตรายมากนัก ก่อนจะปีนออกจากรถมาทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับในเวลาต่อมา

    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="class: body, align: left"][TABLE]
    [TR]
    [TD="align: center"][TABLE]
    [TR]
    [TD="width: 612, align: center"][​IMG] [/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="align: center"][​IMG][/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]


    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="class: body, align: left"][TABLE]
    [TR]
    [TD="align: center"][TABLE]
    [TR]
    [TD="width: 612, align: center"][​IMG] [/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="align: center"][​IMG][/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]


    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="class: body, align: left"][TABLE]
    [TR]
    [TD="align: center"][TABLE]
    [TR]
    [TD="width: 612, align: center"][​IMG] [/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="align: center"][​IMG][/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]


    [/TD]
    [/TR]
    [TR]
    [TD="class: body, align: left"][TABLE]
    [TR]
    [TD="align: center"][TABLE]
    [TR]
    [TD="width: 612, align: center"][​IMG]
    [/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    [/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    [/TD]
    [/TR]
    [/TABLE]
    Entertainment - Manager Online -
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [h=2]ช่วงรอยต่อของกรรม ควรเร่งทำความดี[/h]

    พระอาจารย์
    กล่าวว่า "ช่วงก่อนวันเกิดประมาณหนึ่งเดือน กับช่วงหลังวันเกิดประมาณหนึ่งเดือน จะเป็นช่วงจังหวะรอยต่อของกรรมพอดี ถ้าไม่เร่งทำความดีไว้ บางทีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ฉะนั้น..ต้องชิงทำกุศลไว้ก่อน อย่ารอให้ถึงวันเกิดแล้วค่อยทำ ก่อนวันเกิดสักเดือนหนึ่งก็รีบทำได้แล้ว"


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3835&page=3
     

แชร์หน้านี้

Loading...