เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

หากท่านใดมีจิตเป็นกุศลต้องการร่วมทำบุญกับพระเกจิขลังจากโลกลี้ลับในอดีตที่ได้เคยแสดงอภินิหารเหนือธรรมชาติให้หลายคนได้ประจักษ์มาแล้ว และเป็นพระเกจิที่ยังคอยห่วงใยศิษย์และเหล่าผู้คนที่เคารพนับถือท่านอยู่เสมอแม้ท่านจะละสังขารไปนานแล้วก็ตามที จนท่านถึงกับออกปากว่า"จะไม่ปล่อยให้คนที่ได้เคยร่วมทำบุญกับท่านต้องทุกข์ลำบาก แต่จะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง"

คำว่า"พระในดง" มิได้ใช้เรียกขานได้กับพระเกจิทุกองค์ในเมืองไทย และไม่ใช่คำล้อเล่นเพื่อมันส์ในอารมณ์ ในโลกลี้ลับที่บางคนเรียกเหมารวมว่าไสยศาสตร์ มีบางอย่างซ่อนอยู่เหนือมิติอันทับซ้อน บางเรื่องเป็นห่ีวงโซ่ของบุพกรรมที่ซ้อนภพซ่อนชาติ ความเกี่ยวพันกันในเรื่องต่างๆของวิถีมนุษย์ในกระแสโลก แม้จะไม่ใช่ลิขิตเสียทุกเรื่องแต่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสมอไป ความคาดหวังในชีวิตมีกันได้ทุกคน แต่ความสมหวังมีกันได้แค่บางคน มีคำถามเสมอว่า ทำไม?

วิธีการบริจาคเงินเพื่อร่วมสร้างศาลาหลวงพ่ออภิชิโต (บริจาคกับวัดโดยตรง)

1. ติดต่อขอบริจาคเงินโดยตรงที่วัดกาญจนสิงหาสน์ (วัดทอง)กับท่านเจ้าคุณ(เจ้าอาวาส)
2. โอนเงินบริจาคเข้าบัญชีของวัดตามชื่อบัญชีและหมายเลขที่ระบุไว้ และส่งสำเนาสลิปการโอนเงินมาให้ผม (ส่งในPM ของเวปพลังจิตหรือส่งไปที่อีเมลล์ siamaraya@gmail.com) พร้อมระบุชื่อ-ที่อยู่ ในการจัดส่งใบอนุโมทนาบัตรและพระผงรุ่นสุดท้ายหรือพระเครื่องอื่นๆตามรายละเีอียดที่ระบุไว้แล้ว ซึ่งผมจะจัดสมนาคุณให้เป็นการตอบแทนน้ำใจที่ทุกคนมีต่อหลวงพ่ออภิชิโต

ติดต่อบริจาคเงินได้ที่
พระราชสุทธิญาณ (เฉลียว อุปลวณฺโณ)
วัดกาญจนสิงหาสน์ (วัดทอง) ถ.แก้วเงินทอง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ 02 - 418 5067

หรือโอนเงินเข้าบัญชีของวัดที่
ชื่อบัญชี กองทุนสร้างศาลา พระอาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาบางขุนนนท์
เลขที่บัญชี 753-2-36242-8
.................................................................................................
1. ผู้ที่บริจาคเงินจำนวน 6,000.บาท จะได้รับ พระผงรุ่นสุดท้ายของ ลพ.อภิชิโต พิมพ์นางพญา จำนวน 1 องค์ พร้อมใบอนุโมทนาบัตรจากวัดกาญจนสิงหาสน์ (วัดทอง)

2. ผู้ที่บริจาคเงินจำนวน 8,000.บาท จะได้รับพระผงรุ่นสุดท้ายของ ลพ.อภิชิโต พิมพ์คะแนน จำนวน 1 องค์ พร้อมใบอนุโมทนาบัตรจากวัดกาญจนสิงหาสน์ (วัดทอง)

3. ผู้บริจาคเงินที่ไม่ประสงค์รับพระผงรุ่นสุดท้าย หรือผู้มีกำลังทรัพย์จำกัดที่ไม่สะดวกต่อจำนวนเงินมากๆ ก็สามารถร่วมกุศลกับท่านได้ตามกำลัง และสำหรับผู้ร่วมบริจาคตั้งแต่ 1,000.บาทขึ้นไป จะได้รับใบอนุโมทนาบัตรจากวัดกาญจนสิงหาสน์ (วัดทอง) ตามจำนวนเงินจริงที่ได้บริจาคร่วมสร้างศาลา โดยผมจะจัดพระเครื่องที่ดีและมีประสบการณ์มาแล้วตอบแทนสมนาคุณให้ทุกท่าน (สำหรับผู้บริจาค1,000.บาทขึ้นไป)

 

แจ้งโอนเงิน 1,050.- บาทรายละเอียดตาม pm ครับ
ขอบคุณครับ

 

สวัสดี คุณหนุ่ม
ผมโอนเงินร่วมทำบุญกองทุนสร้างศาลาพระอจ.ชาญณรงค์จำนวน 6,000บาทตามรูปลสิปที่แนบมา ชื่อทีอยู่ผมแจ้งทางPM อนุโมทนากับคุณหนุ่มและทุกท่านด้วยครับ
มรรคเวทย์

 

ขอราคาพระสีวลี หลวงพ่อเต๋ครับ

รบกวนพี่หมูน้อยครับ ขอราคาพระสีวลีหลวงพ่อเต๋ด้วยครับ

 

อนุโมทนาด้วยครับ ผมจะจัดส่งของตอบแทนที่มีคุณค่ามาให้ในพรุ่งนี้
ขอบคุณมากครับ

 

มีผู้บูชาไปแล้ว ขอบคุณครับ

 

ท่านที่โอนเงินมาร่วมทำบุญกับวัดทองฯ ตลิ่งชัน เพื่อใช้สร้างศาลาท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ ที่มีจำนวนเงินร่วมบริจาคตั้งแต่ 1,000.บาท ขึ้นไปทุกท่าน ผมได้จัดส่งของตอบแทนน้ำใจไปให้แล้ว หากยังมีท่านใดยังไม่ได้รับ กรุณาช่วยท้วงติงให้ผมทราบด้วยเถอะครับ โดยแจ้งได้ทั้งทาง pm ในเวปพลังจิตหรือแจ้งผ่านอีเมลล์ที่ siamaraya@gmail.com เพื่อจะแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว

ตอนนี้กำลังดำเนินการเรื่องใบอนุโมทนาบัตรให้กับทุกท่านที่ร่วมทำบุญตั้งแต่1,000.บาทขึ้นไป โดยในชุดแรกได้รวบรวมรายชื่อของผู้บริจาคตั้งแต่วันแรกที่นำมาแจ้งข่าว จนถึงวันที่ 2/10/2556 เพื่อเสนอให้ท่านเจ้าอาวาสได้ลงนาม-ประทับตราให้ถูกต้องตามระเบียบ และจะได้จัดส่งให้ในเร็วๆนี้ พร้อมกันนี้ผมและคณะกรรมการที่มีส่วนในการสร้างศาลานี้ทุกท่าน ขอขอบคุณในน้ำใจและพลังศรัทธาของทุกคนที่มีต่อหลวงพ่ออภิชิโต ไม่ว่าท่านจะร่วมทำบุญด้วยเงินจำนวนเท่าไร จะมากหรือน้อยก็ตาม ก็ถือว่าได้ร่วมกุศลโดยตรงกับท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ศิริสมบัติตามที่ท่านได้แจ้งบอกไว้แล้ว ผลแห่งกุศลนี้ไม่มีผลอื่นนอกจากส่งเสริมความเจริญต่อชีวิตท่านและครอบครัวโดยตรงและโดยพลัน

ส่วนที่ยังมีคนโจษไปซุบซิบแกมใสไข่ในบางที่ว่าผมและกรรมการฯร่วมกันเอาหลวงพ่อมาหากินร่วมกับวัดนั้น ก็อย่าได้ไปพูดไปทำแบบนั้นเลยเพราะไม่มีเค้ามูลและความเป็นไปได้เลย ทั้งไม่เกิดผลดีอย่างไรทั้งสิ้น บาปกรรมจะตกกับท่านและครอบครัวเสียเปล่าๆ ของที่ผมมอบให้ก็เป็นของส่วนตัวที่สะสมไว้และแลกมาด้วยเงินทั้งนั้นและแท้ทั้งสิ้น รูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่อและศาลาที่กำลังสร้างขึ้นนั้นก็จะเป็นสมบัติของวัดทองฯ ที่ทุกท่านสามารถเข้าไปกราบไหว้สักการะบูชาได้ตามสะดวกและจะทำให้สมแก่สถานภาพของพระเกจิดีๆที่บริสุทธิอีกท่านหนึ่ง เมื่อเสร็จแล้วก็ถือเป็นของส่วนรวม ไม่มีใครมาอ้างกรรมสิทธิ์หรือเรียกเก็บเงินค่าผลประโยชน์ใดๆ อย่าได้พูดกันแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลย เพราะไม่มีอะไรดีขึ้นนอกจากผลกรรมจะตกกับท่านและลูกหลานโดยไม่ควรจะเป็น

 

อ่านพบมาและคิดว่าน่าพิจารณาโดยละเอียด จึงนำมาฝาก ขอบคุณเจ้าของบทความด้วยครับ

การนั่งสมาธิ ไม่ได้วัดกันที่ว่า ใครนั่งนานเท่าไหร่หรอก

ถ้าหากการนั่งสมาธินาน แล้วจะบรรลุธรรม ฤาษีชีไพรสมัยพุทธกาล คงเป็นพระอรหันต์ไปเสียสิ้นแล้ว อย่างอุทกดาบส อาฬารดาบส ผู้สอนพระพุทธเจ้า ก็บรรลุฌาน 8 แต่ก็หาได้พ้นจากวัฎสงสารแต่อย่างใดไม่

เราต้องรู้ก่อนว่า เรานั่งสมาธิไปเพื่อจุดประสงค์ใดก่อน
เรานั่งสมาธิเพื่อรวมจิตในอารมณ์เดียวเพื่อเจริญสมถะ หรือ เรานั่งสมาธิเพื่อจิตตั้งมั่น ดูใจที่หลงไปคิด ดูเวทนาที่เกิดขึ้น เพื่อเห็นไตรลักษณ์ ซึ่งเราต้องรู้ก่อน ว่าเราทำไปเพื่อจุดประสงค์ใด

ส่วนสมาธินั้น เราจะนั่ง นอน เดิน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ก็ทำได้ทั้งสิ้น
ถ้ามีสติ รู้กาย รู้ใจ ณ ปัจจุบันขณะ ก็เป็นสมาธิโดยตัวมันเองครับ

หากรู้ลม แบบการรู้ด้วยอารมณ์เดียว ก็เป็นสมถะ หากรู้อารมณ์ ของรูปบ้าง ของนามบ้าง
ก็เป็น วิปัสสนาครับ การรู้ลมเข้าออก ที่กำหนดปลายจมูก หรือการรู้ลมที่ไปถึงท้องเลย ยังเป็นสมถะอยู่ หากรู้ลมกระทบ แล้วลมหายไปหรือรู้กระทบตามจุดต่างๆของกาย แล้วความรู้กระทบดับไป แล้วรู้เห็นความเกิดดับๆนั้นๆ แบบนี้เป็นวิปัสสนา

อธิบายอย่างง่ายๆคือ
สมถะ เป็นการเจริญสมาธิเพื่อขัดเกลาจิต (จิตภาวนา) ด้วยการกำหนดอารมณ์ (รับรู้) กับอะไรบางอย่างเพียงอย่างเดียว เมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นๆ จนนิ่งเกิดเป็นสมาธิ มีจิตรวมเป็นหนึ่ง การกำหนดลมหายใจก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถทำสมถะได้ ไม่ว่าจะกำหนดเข้าออกที่ปลายจมูก หรือตามลมเข้าไปในท้อง หรือกำหนดพองยุบ ก็สามารถเป็นสมถะได้

วิปัสสนา เป็นการเจริญสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา (ปัญญาภาวนา) ด้วยการกำหนดอารมณ์กับอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับกาย เกิดกับความรู้สึก เกิดกับจิต เกิดกับธรรม ตามกรอบของสติปัฎฐาน 4 เป็นการตามดู ตามรู้ และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตามความเป็นจริง อย่างรู้เท่าทันด้วยสติและสัมปชัญญะ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นตามหลักไตรลักษณ์ ตามหลักอิทัปปัจจยตา ตามหลักความเป็นเ่ช่นนั้นเอง อย่างไม่บังคับกะเกณฑ์ ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อเห็นตามจริงก็จะเกิดความเข้าใจ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย เกิดความจาง คลายและถอดถอน ความยึดมั่นว่าเป็นตัวตน

ดังนั้นการกำหนดลมหายใจก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถทำสมถะได้ ทำวิปัสสนาก็ได้ ไม่ว่าจะกำหนดเข้าออกที่ปลายจมูก หรือตามลมเข้าไปในท้อง หรือกำหนดพองยุบ ก็สามารถเป็นสมถะได้ เป็นวิปัสสนาได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการว่าระหว่างกำหนด มีการกำหนดจดจ่อเพียงอย่างเดียวเพื่อให้เกิดสมาธิแบบแนบนิ่งสนิท หรือตามดูตามรู้และพิจารณาให้เห็นแจ้งในความจริงตามหลักธรรม

อานาปานสติ ถ้าทำในรูปแบบสมถะ ก็มีลักษณ์เพ่งเช่นเพ่งที่ปลายจมูก เพ่งลมเข้าลมออก ลมจะมีลักษณะละเอียดๆๆ จนกระทั่งลมหายใจแทบจะไม่มี จิตเกิดนิมิตร จิตจะดิ่งเป็นฌาณขั้นต่างๆตามกำลังสมาธิแนวสมถะ

แต่อานาปานสติแนวสติปัฎฐานสี่ ก็เพียงแค่มี "สติ" ระลึกรู้หรือเห็นลมเข้า มี"สติ"เห็นลมออก ถ้าจิตหนีไปคิด ก็พยายามดึงให้กลับมา มีสติเห็นลมเข้า มีสติเห็นลมออก(การมีสติเห็นลม นั้นก็คือการเพียรเผากิเลสแล้ว) แต่การฝึกให้เกิดสตินั้นก็เพื่อเป็นฐานให้เราทำวิปัสสนา คือเห็นความกระทบของอารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทบย่อมเกิดเวทนา ยินดี ยินร้าย หรือเฉยๆ การเห็น ความจาง คลายหรือสลัดคืนของความยินดี ยินร้าย นี่แหละที่เราต้องใส่ใจ


อานาปานสติ เนื่องด้วยกายคตาสติ ลมหายใจก็เป็นส่วนนึงของกาย(กาย ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ) นอกจากการพิจารณาลมหายใจแล้ว การเห็นกายเคลื่ีอนไหว เห็น ผม ขน หนัง ฟัน เล็บ เห็นกายเป็นอสุภะ การเห็นได้ตลอด ย่อมต้องมีสติตลอดขณะที่เห็น ฉะนั้นแล้วเราก็ทำสติปัฎฐานสี่ได้ตลอดเวลาที่มีสติ เห็นลม หรือเห็นกาย เราจะเพียรพยายามให้มีสติเห็นกายทั้ง เดิน ยืน นั่ง นอน

จะพิจารณารูปแบบไหนก็ได้ครับแล้วแต่ความถนัด...ที่สำคัญเมื่อมีสติเป็นฐานแล้ว ก็ทำวิปัสสนาต่อคือเห็นความกระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่นตากระทบรูปสวยๆ จิตเกิดความยินดีรักใคร่ อันนี้ถ้าเห็นความดับจางคลายได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้รีบสลัดภาพนั้นทิ้ง แล้วเอาสติมาตั้งอยู่ที่กายใ้ห็เร็วที่สุด ก็จะเป็นการเผากิเลสได้เช่นกัน....วิปัสสนา เพื่อกำจัดความยินดี ที่เกิดจากการกระทบทางอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อละความ"ยินดี"ในขันธ์5 ( พิจารณาปฎิฎจสมุปบาท ละความยินดี)

สมถะ เปรียบเหมือน เกลือ
วิปัสสนา เปรียบเหมือน ความเค็ม

 

ภาพความคืบหน้าการก่อสร้างศาลาฯ ที่วัดทอง ถ่ายเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

 

บทความคัดลอก
..............................................................................................................

นรก สวรรค์ มีจริงหรือ?


เนื่องจากความเคลือบแคลงสงสัยในจิตของข้าพเจ้าเกี่ยวกับ เรื่องนรก สวรรค์นั้นมีมาช้านาน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในยุคก่อนมักจะพูดอบรมเด็กๆ อยู่เสมอจนติดปากว่า “ผู้ใดทำชั่ว จะต้องไปชดใช้กรรมในเมืองนรก และถ้าผู้ใดสร้างสมแต่ความดี ก็จะได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ เป็นเทวดา นางฟ้ากัน” ซึ่งข้าพเจ้าก็ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปงั้นเอง หาได้ใส่ใจไม่ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เลื่อนลอยหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ที่เอามาหลอกเด็ก โดยสร้างภาพความ น่ากลัวต่างๆในเมืองนรกให้ผู้รับฟังเห็น จะได้เกิดความหวาดกลัวที่จะกระทำ ความชั่ว ในเวลาเดียวกันก็สร้างภาพความสวยงามและความสะดวกสบายอย่างเลิศลอยในสวรรค์ ชั้นฟ้า ให้ผู้รับฟังจะได้เกิดความกระตือรือร้นที่จะกระทำความดี เพื่อจะได้ไปเสวย สุขในสวรรค์กับเขาบ้าง แต่ถึงแม้ข้าพเจ้าก็ยังเห็นดีด้วยที่มีคนเชื่อ เพราะถ้าเชื่อเขาก็จะได้ละเว้นความชั่วทำแต่ความดีซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี สำหรับตัวเขาเองและสังคมส่วนรวม

แต่หลังจากข้าพเจ้าได้สอบถามปัญหาหลวงพ่อเรื่องผี และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ ช่วยอธิบายให้ฟังโดยละเอียด(ดังที่ข้าพเจ้าได้เขียนเล่ามาในตอนต้น) ก็ทำให้ข้าพเจ้าฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ในคำอธิบายนั้นหลวงพ่อได้เอ่ยถึงท่านเทพฤทธิ์ซึ่งเป็นเทวดา อีกทั้งยังพูด ถึงเทวดาชั้นภูมิต่างๆพรหม และพระนิพพาน เอ!...ถ้ายังงั้น นรก สวรรค์ พรหม และพระนิพพานก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่นำมาเล่าขานอย่างไร้สาระนะซี?

ด้วยเหตุนี้เอง ในวันหนึ่งข้าพเจ้าจึงเลียบเคียงมาถามหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อครับเมื่อวานก่อนผมถามหลวงพ่อถึงเรื่องผี หลวงพ่อก็ได้เมตตาอธิบายให้ผมฟังแล้ว อีกทั้งยังได้พูดพาดพิงไปถึงเทวดาและพรหมอีกด้วย ถ้าอย่างงั้นนรกสวรรค์ที่เขาพูดๆกันนั้นก็มีจริงใช่ไหมครับ”

หลวงพ่อหัวเราะและมองหน้าข้าพเจ้าแล้วถามว่า “เออ!..คุณมนู รู้จักเต่าไหม?” ข้าพเจ้าชักงงไม่แน่ใจหลวงพ่อ ว่าได้ยินคำถามของข้าพเจ้าหรือไม่ แต่ก็รีบตอบว่า “โธ่!..หลวงพ่อ ต.เต่าหลังตุงใครๆก็รู้จัก แต่มันไม่เกี่ยวกับนรก สวรรค์ที่ผมถามนี่ครับ”

“เกี่ยวซี่คุณ เพราะฉันไม่อยากเป็นเต่ายังไงล่ะ คุณรู้ไหมว่าเต่าน่ะมันอยู่ในน้ำแหวกว่ายอาหารกินร่วมกับปลาเป็นประจำ แต่บังเอิญมันมีคุณสมบัติพิเศษเดินขึ้นไปเที่ยวบนบกได้ และก็ได้ไปเห็นห้วย หนอง บึงต่างๆมากมาย สามารถแยกแยะได้ว่าสถานที่ใดอุดมสมบูรณ์น่าอยู่น่าอาศัยกว่ากัน แต่ด้วยเต่านั้นมีความผูกพันกับปลาในหนองน้ำเก่า จึงย้อนกลับมาบอกปลาว่า ท่านทั้งหลายหนองน้ำที่ท่านอยู่กันในขณะนี้นั้นมันแคบ อาหารก็หาได้ยาก อีกทั้งน้ำก็กำลังจะเสียไม่น่าอยู่เลย แต่ถัดจากหนองน้ำนี้ไปอีกเพียงหกศอกเท่านั้น มีบึงใหญ่น้ำใสสะอาด อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก หากท่านทั้งหลายเชื่อข้าพเจ้า ก็ขอให้พุ่งตัวกระโดดขึ้นไปบนขอบสระแล้วยอมว่ายบนบกกระยิ้มกระสนด้วยตนเอง สักชั่วอึดใจ ก็จะข้ามไปเสวยสุขอยู่ในบึงใหญ่นั้นได้โดยไม่ต้องลำบากยาก เข็ญอีกต่อไป” หลวงพ่อหยุดเล่าพร้อมกับถามข้าพเจ้าว่า “ถ้าคุณเป็นปลา คุณจะยอมเชื่อเต่า พุ่งตัวจากหนองน้ำขึ้นไปบนบก ข้ามไปสู่บึงใหญ่หรือไม่?”

ข้าพเจ้านิ่งคิดด้วยเหตุผลโดยสมมุติเอาตัวเองเป็นปลา สักครู่ก็ตอบไปว่า “เอ!..หลวงพ่อครับ ถ้าผมเป็นปลาก็คงจะเชื่อเต่าได้ยากอยู่ดี เพราะไม่แน่ใจว่ามีบึงอยู่จริงตามที่เต่าพูดหรือไม่ หรือถ้าบึงมีอยู่จริง ก็ไม่แน่ใจว่า จะห่างจากหนองน้ำที่อยู่เพียงแต่หกศอกตามที่เต่าพูด หากผมเสี่ยงพุ่งขึ้นไปว่ายบนบก กว่าจะถึงบึงที่เต่าว่าก็อาจจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียก็ได้”

“รวมความว่าถ้าหากคุณเป็นปลา คุณก็คงยอมทนทุกข์ทรมานอยู่ในหนองน้ำเก่าของคุณต่อไปใช่ไหม?” หลวงพ่อถาม

“ครับ เพราะผมไม่กล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอนาคตที่ยังมองไม่เห็นและยังพิสูจน์ไม่ ได้ว่าบึงมีจริงอย่างที่เต่าบอกหรือำไม่?” ข้าพเจ้าตอบอย่างมั่นใจ

“นี่แหละ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงไม่อยากเป็นเต่าไงล่ะ เพราะคุณมันพวกปลาหลงหนองน้ำเก่า” หลวงพ่อพูดยิ้มๆ แล้วกล่าวต่อว่า “ถ้าฉันบอกคุณในขณะนี้ว่า นรก สวรรค์ พรหม มีจริง คุณจะเชื่อหรือไม่? ยิ่งฉันบอกต่อไปว่า มิใช่มีแต่โลกมนุษย์เพียงแห่งเดียว หากยังมีอบายภูมิ ๔ ซึ่งเป็นภูมิต่ำกว่ามนุษย์ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานอีก และภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ก็ยังมี สวรรค์ภูมิ อีกถึง ๖ ชั้น ได้แก่ จาตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัสดี นอกจากนั้นยังมีพรหมอีกถึง ๒๐ชั้น คือรูปพรหม ๑๖ชั้น และอรูปพรหมอีก ๔ชั้น รวมแล้วเขาเรียกว่า ไตรภูมิน่ะ คุณจะเชื่อหรือ?

ยิ่งหากฉันบอกว่ายังมีแดนที่สูงสุดที่สูงยิ่งกว่าพรหม คือพระนิพพานเข้าไปอีก คุณก็ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ ทั้งนี้เพราะคุณยังเป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วๆไป หลงคิดเอาเองว่ามีแต่โลกมนุษย์ที่คุณอยู่เพียงแห่งเดียว ใครจะพูดถึง นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน แล้วไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด เปรียบดังเช่นฝูงปลาที่หลงหนองน้ำเน่าไม่มีผิด ไม่ว่าเต่าจะพูดชักชวนไปอยู่ที่ ห้วย หนองบึง ทะเลสาบ ที่ดีเพียงไร ปลาเหล่านั้นก็หาเชื่อไม่ ด้วยคิดเอาว่าโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลของพวกตนนั้นคือหนองน้ำเก่าที่ตนอยู่ เพียงแห่งเดียวเท่านั้นเอง คุณเองก็เป็นเช่นปลาหลงหนองน้ำเน่านะ ที่ยังคิดว่ามีเพียงโลกมนุษย์ที่คุณอยู่เพียงแห่งเดียว”

ข้าพเจ้าโดนหลวงพ่อสรุปให้เป็นปลาหนองน้ำเน่าเข้าให้แล้วอย่างจัง แต่ไม่ยอมถอย หัวเราะแหะๆ ถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า “ผมอยากฟังจากปากหลวงพ่อมากกว่าที่จะฟังจากคนอื่นน่ะครับ รวมความว่า นรก สวรรค์ พรหม และนิพพานนั้นมีจริงๆ ใช่ไหมครับ ”

“เอ!..คุณมนุญ นี่จะบังคับให้ฉันเป็นเต่าให้ได้นะ” หลวงพ่อพูดยิ้มๆ “เต่าน่ะเวลาเดินคุณเห็นไหมว่ามันเดินส่ายหัว และคุณรู้ไหมว่ามันส่ายหัวทำไม?” หลวงพ่อย้อนถามอีก

“เป็นธรรมชาติของเต่ามั้งครับ” ข้าพเจ้าตอบ

“ไม่ใช่! เต่าส่ายหัว เพราะมันเอือมระอาปลาหน้าโง่ที่หลงหนองน้ำเน่ายังไงล่ะ คุณจะให้ฉันต้องเดินส่ายหัว เพราะเอือมระอามนุษย์หลงโลกอย่างพวกคุณเหมือนเต่าหรือไง?” หลวงพ่อหัวเราะ พอเห็นข้าพเจ้าหน้าเสียก็เมตตาพูดต่อไปว่า “เรื่องนรก สวรรค์ พรหม และพระนิพพาน มีจริงหรือไม่นั้น ฉันในฐานะเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอยืนยันตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีจริง และฉันเองก็ตั้งใจไว้ว่าอีกไม่นานฉันจะพูดเรื่อง ไตรภูมิ ออกอากาศที่สถานีวิทยุกระจายเสียง ๐๔ ตาคลี ซึ่งคุณรับผิดชอบอยู่ คุณเตรียมจัดเวลาออกอากาศให้ฉันก็แล้วกัน หากคุณสนใจก็อัดเทปไว้จะได้รู้โดยละเอียดถึงนรกขุมต่างๆสวรรค์ ๖ ชั้น พรหม ๒๐ ชั้น และพระนิพพานด้วยดีไหมล่ะ?”

“ดีซีครับหลวงพ่อ” ข้าพเจ้าตอบรับด้วยความดีใจ ในขณะที่ข้าพเจ้าถามเรื่องนรก สวรรค์นี้ หนังสือไตรภูมิ ยังมิได้ออกอากาศที่สถานีวิทยุ ๐๔ และทันทีที่หลวงพ่อพูดออกอากาศ ข้าพเจ้าก็ให้พันจ่าอากาศเอกกริช บำรุงพงษ์ บันทึกเทปไว้ฟัง และต่อมาพลอากาศโท ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ จึงได้มาขอเทปจากสถานีวิทยุ ๐๔ ไปถอดแล้วจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มให้ศิษย์รุ่นหลังๆได้อ่านกันมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็แอบภาคภูมิใจอยู่ลึกๆเพราะด้วยคำถาม นรก สวรรค์ ของข้าพเจ้าข้อนี้เอง ได้มีส่วนช่วยผลักดันให้หลวงพ่อต้องพูดถึงเรื่องไตรภูมิ

ดังนั้นท่านผู้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนรกสวรรค์ พรหมและพระนิพพานก็จงรีบหาหนังสือไตรภูมิ ของหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร อ่านเสีย แล้วจงใช้วิจารณญาณของท่านพิจารณาด้วยตนเองต่อไปเถิด

คัดจากหนังสือ สู่แสงธรรม ของ พล.อ.ต.มนูญ ชมภูทีป

 

ได้รับพระของขวัญแล้วครับ ขอบคุณพี่หนุ่มครับ

 

สอบถามราคาด้วยครับ

 

สอบถามราคาด้วยครับ

 

สอบถามราคาด้วยครับ

 

ขอร่วมทำบุญสร้างศาลาด้วยครับ

 

สวัสดี คุณหนุ่ม
ได้รับพระที่ระลึกร่วมทำบุญศาลาพระอาจารย์ชาญณรงค์เรียบร้อยแล้วเย็นวันนี้(9ตค.56)
อนุโมทนากับคุณหนุ่มด้วยครับ
มรรคเวทย์

 

รบกวนขอทราบราคาด้วยครับ

 

ขออนุโมทนากับบุญกุศลสำคัญในครั้งนี้ด้วยครับ ผมไปธุระหลายวันจนยังไม่ได้จัดส่งของที่ระลึกให้ ต้องขอโทษด้วย แต่บ่ายๆวันนี้จะจัดการให้ครับ
บางท่าน..แม้จะยังลำบากในการสู้ชีวิตจวบจนทุกวันนี้ แต่ก็มีจิตศรัทธาแน่วแน่ ยังกล้าตัดใจแบ่งทรัพย์ที่หามาได้ยากเพื่อร่วมทำบุญนี้ ขอให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองสมดังเจตนาทุกประการครับ

 

ตอบกลับให้ทราบแล้ว ขอบคุณครับ

 

พี่หนุ่มครับ มีพระของหลวงพ่อกวยเนื้อผง ราคาเบาๆให้บูชาไหมครับ?