เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ...คิดว่าวันนี้อาจจะมีอะไรมาเล่าสักหน่อย ดันไม่มีสติในฝัน จับได้แค่ก่อนตื่นนอน ว่าเห็นตาสองข้างของตัวเองชัดมาก เห็นแม้กระทั่งขนตาแต่ละเส้น แล้วเหมือนกับว่ามันขาดความชุ่มชื้น ต้องเอาอะไรสักอย่างคล้ายโลชั่นทาๆ...ไว้ค่อยๆ คิดว่ามันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ แต่ก่อนนอนได้ตั้งจิตไว้ที่เหนือหว่างคิ้วถามว่า มีความเกี่ยวข้องยังไงกับ อ.โนวา อนาลัย และพี่นักเขียน...ที่ตั้งคำถามแบบนี้เพราะ ย้อนกลับไปอ่านที่พี่นักเขียนโพสต์ไว้เกี่ยวกับ ตัวเลข และเวลา สะดุดที่เลข 17 และ 7
    ...เนื่องสมัครเป็นมาชิกเวปมาตั้งนาน ผ่านไปปีกว่าไม่ค่อยได้กลับมา เหมือนกับว่ามีอะไรสักอย่างทำให้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ที่อ.โนวา อนาลัย บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีคำว่า "บังเอิญ" เนื่องจากเราเป็นคนสร้างสิ่งนั้นๆเอง และที่สะดุดกับตัวเลขทั้งสองตัวนั้นเพราะ ...ณ.เกิดวันที่ 17 ตามจันทรคติ คือเดือน7 ตามสากลคือพฤษภาคม...ปีชวด... คิดว่าคงพบคำตอบเร็วๆนี้แน่นอน...เนื่องด้วยเมื่อวานเกิดความสงสัยเลยไปค้นหา ปรากฏว่าปีที่ ณ.เกิด เป็นปีที่มีเดือนอธิกวารถึงสองครั้ง ในเดือน7และเดือน8 (ซึ่งหมายถึงตามจันทรคติจะมีการเพิ่มวันในเดือนที่เป็นอธิกวารนั้น ซึ่งไม่ค่อยจะเกิดซ้อนกันสองเดือน http://www2.se-ed.net/banpinyaa/rose-doc/Moonphase.html) และในปีนั้นยังเป็นปีอธิกวารสุรทินคือเดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน มันจะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่านะ...ขอให้ ณ.ได้คำตอบโดยเร็วด้วยเถอะ..(deejai)
     
  2. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ...เห็นคุณจิตต์ปภัสสรโพสต์ภาพดวงไฟ เลยนึกขึ้นได้ว่าเด็กๆ เคยเจอที่เค้าเรียงว่าไฟพะเนียง คนสมัยก่อนเชื่อว่าไฟนี้จะนำพาไปพบขุมทรัพย์ หรือว่าเป็นไฟที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของสมบัติโบราณใต้ดินนี่แหละจำไม่ค่อยได้ เจอตอนสมัยเด็กๆค่ะ...(อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อนนะ มีแต่เรื่องอดีตมาเล่าให้ฟัง)
    ...ตอนนู้น นานมาแล้ว...ที่บ้านแม่ใหญ่ยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ต้องใช้ตะเกียง ต้องอาบน้ำตามบ่อน้ำหรือตามคลอง เย็นวันนั้นเพราะติดเล่นกับเพื่อนเลยมาถึงบ้านที่หลังน้องค่ะ โดนไล่ไปอาบน้ำคนเดียวที่บ่อน้ำในหัวมุมบ้าน เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ค่ะ ตอนนั้นมืดแล้วประมาณ 1 ทุ่ม ถือตะเกียงโปะ เดินไปอาบน้ำ ตักน้ำอาบไปพรางก็มองดูดาวไปพราง ดูโน้นดูนี่ไปเรื่อย สักพักก็เห็นดวงไฟ ถ้าจำไม่ผิดสีเหลืองนวลเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว ลอยขึ้นมาที่หัวมุมบ่อน้ำด้านติดรั่ว ในตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไร ดูโน้นดูนี่ไปเรื่อย แต่ก็ยังมองดูดวงไฟนั้นอยู่ มันลอยขั้นสูงประมาณเมตรนึ่ง แล้วลอยต่ำลง สูงจากพื้นประมาณ 12 นิ้วได้ แล้วลอยเลาะรั้วไปเรื่อยๆ ไปทางหน้าบ้านตอนนั้นอาบน้ำเสร็จพอดีเลยเดินตามไป เพราะทางกลับเข้าตัวบ้านเป็นเส้นขนานกับรั้ว ในใจนึกแต่ว่าไฟอะไรสวยดี พอถึงหน้าบ้าน ก็พอดีกับดวงไฟ หายเข้าไปในกอไผ่รวกหัวมุมบ้าน ก็ไม่ได้คิดอะไรเหมือนเดิม...จนเช้าถึงได้บอกว่าเมื่อคืนเห็นไฟลอยได้ ถึงได้รู้ว่าเค้าเรียกว่าไฟพะเนียง... แล้วผู้ใหญ่ยังบอกอีกว่าถ้าตามไปจะได้สมบัติ...อิอิ ก็เชื่อมั่งไม่เชื่อมั่งแหละค่ะ
    ...พูดถึงความเชื่อ ณ.คิดไม่ค่อยเหมือนคนในครอบครัวนัก จนหลายครั้งทะเลาะกันบ่อยๆ อย่างเช่นเรื่องมิติ เรื่องโลกอื่น ณ.เชื่อว่ามีมาแต่ไหนแต่ไร คิดว่าก่อนจะอ่านหนังสือได้อีกมั้ง แต่คนในบ้านโดยเฉพาะพ่อบอกว่าไม่มีหรอก มนุษย์มีแค่ในโลกนี่แหละ ณ.ก็จะโต้กลับว่าโลกอื่น ระบบการหายใจ อาหาร และการใช้ชีวิต เค้าอาจไม่เหมือนกับเราก็ได้ ...สรุปไม่มีใครยอมใครสักที...แต่ทุกวันนี้ไม่ทะเลาะแล้วค่ะเป็นลูกที่ดีขึ้นของพ่อกับแม่..อิอิ (ยอตัวเอง) : bat:
    ...ที่กระทู้มนุษย์ต่างดาวที่บอกว่าเป็นดาววิ่งๆกันน่ะ ณ.ก็เคยเห็น แต่ไม่คิดอะไร คิดว่าเป็นดาวเทียมมั้งมันถึงได้วิ่งวน บางทีก็วิ่งตามกันได้เป็นพรวนซะขนาดนั้น อ้อ...พูดถึงดาว สมัยเด็กเคยเห็นรูปดาวเรียงกันเป็นรูปตุ๊กตาหมี ที่อยู่บนนมตราหมีเลย จะว่าฝันคงไม่ใช่อะ ขยี้ตาหลายครั้งก็ยังเหมือนเดิม แต่ไม่ได้บอกใครนะ ก็เห็นแบบนี้อยู่คนเดียวอะ...แต่ก็ดีสนุกค่ะ :d
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2007
  3. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออิสระแห่งความปราถนาซ้ำอีกรอบ อ่านคราวนี้เข้าใจกว่ารอบแรก เรียกว่าสว่างในจิตเลย พยายามหาคำถาม ก็มักจะเจอคำตอบในตัวแล้ว จบเล่มนี้ก็จะกลับไปทบทวน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ อีกรอบ รับปากกับอาจารย์นักเขียนไว้แล้ว พอดียังสนุกกับการอ่านอิสระแห่งความปราถนาอยู่ ใกล้จบแล้วเหลืออีกสามบทครับ
    อ่านประสบการณ์ การฝันของหนู mamboo นางฟ้าปีกสวย แล้วก็รู้สึกสนุกไปด้วย ถ้าหนู mamboo ได้อ่าน ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ หนู mamboo จะเข้าใจว่าสติสัมปชัญญะในความฝัน มีหลายระดับทั้งที่เป็นทั้งกายภาพ จินตภาพ และจิตวิญญาณ วันพรุ่งนี้จะเอาคำสอนของอาจารย์อนาลัยมาลงให้อ่านคร่าวๆครับ เผื่อหนู mamboo จะได้ไปเที่ยวนอกจักรวาลได้
    ตอนนี้อากาศกรุงเทพฯกำลังหนาวเย็นแบบอาบน้ำเย็นแล้วสั่นนิดๆ เนี่ยถ้าไปเที่ยวบ้านอาจารย์นักเขียน มีหวังนั่งห่มแต่ผ้าห่มแน่ๆ
    ช่วงนี้ใกล้สิ้นปี แต่ละคนคงงานยุ่งน่าดู ขนาดน้องนกยังไม่มีเวลาเปิดเว็บดูเลยนะเนี่ย ส่วนของผมพนักงานก็ทำกันถึงเที่ยงคืนทุกวัน วันอาทิตย์ก็ยังมาทำงานกัน เศรษฐกิจเมืองไทยใครว่าไม่ดีผมเถียงหัวชนฝาเลย
     
  4. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    สนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ mead ครับ ฝุ่นละออง ก็มีจิตวิญญาณ มีพลังงาน
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็เป็นพลังงาน ไม่ได้เป็นรูปร่างอย่างที่ตาเนื้ิอเราเห็น แต่เราสามารถเห็นท่านได้ด้วยจินตนาการ ซึ่งแต่ละคนก็จะจินตนาการไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กัับความเชื่อ ความรู้ของเราครับ
     
  5. จิตต์ปภัสสร

    จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +4,545
    เห็นคุณจิตต์ปภัสสรโพสต์ภาพดวงไฟ เลยนึกขึ้นได้ว่าเด็กๆ เคยเจอที่เค้าเรียงว่าไฟพะเนียง คนสมัยก่อนเชื่อว่าไฟนี้จะนำพาไปพบขุมทรัพย์ หรือว่าเป็นไฟที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของสมบัติโบราณใต้ดินนี่แหละจำไม่ค่อยได้ เจอตอนสมัยเด็กๆค่ะ...(อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อนนะ มีแต่เรื่องอดีตมาเล่าให้ฟัง)

    ยินดีที่ได้คุณ ณ เป็นเพื่อนร่วมชั้น เรื่องเล่าในสมัยก่อนส่วนมากจะเป็น
    ความจริง เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าถ้าไปอยู่ในช่วงเวลาเหล่านั้นหรือเจอเหตุการณ์ที่เขาเล่าว่าแล้วเราจะทำอย่างไร ปัจจุบันก็ได้คำตอบแล้วค่ะ
    อาทิเช่น ไปพะเนียง เป็นไฟที่นำพาไปพบขุมทรัพย์ (ทรัพย์ของแผ่นดิน) ผู้ที่ทำหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์(ปู่โสม)ก็จะแสดงให้เห็น รอเวลาผู้ที่ควรจะนำทรัพย์เหล่านี้ออกมาทำประโยชน์ให้ชาติและแผ่นดินในทุกยุคทุกสมัย มิใช่ของผู้หนึ่งผู้ใด เป็นการทดสอบกิเลสของผู้ที่พบเห็น ถ้าลองคิดดูให้ดี ทองคำ เพชร พลอย น้ำมัน เป็นทรัพย์ของแผ่นดิน ต้องใช้อย่างหวงแหนและให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

    ** ที่ผู้ใหญ่บอกว่าในเวลากลางคืนมีใครมาขานเรียกชื่ออย่าขานตอบ เช่น คนที่มีชื่อ มั่น คง เป็นชื่อที่มงคล อย่าขานตอบเพราะจะไม่มีชีวิตอยู่

    **ในปัจจุบันก็ยังใช้ได้ ในยามที่ค่ำมืดแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องออกนอก
    บ้านแล้ว เสียแต่ว่าจะมีธุระสำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องพักผ่อนแล้ว

    ขอบคุณคับน้า Mead ที่แสดงความคิดเห็น

    (good)
     
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ตามมากินไก่งวง ของพี่นักเขียนคับ
    เกือบพลาดไปแล้ว
    หงับๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2007
  7. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    โห...บอร์ดครึกครื้นดีจัง ^^ ชอบค่ะ ชอบๆๆ ^^
    ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำนะคะ แล้วก็ขอสมัครเป็นสมาชิกบอร์ดอย่างเป็นทางการวันนี้เลยนะคะ ^^ เหอๆๆๆ แล้วจะไปอ่าน หนังสือของพี่นักเขียนให้จบหมดเลย ตอนนี้มี 4 เล่มค่ะ..แต่ปิดไว้ ไม่ยอมเปิดอ่านเสียที T_T สงสัยต้องรีบๆอ่านแล้วแหละ..
    ถ้าฝันอีกคราวหน้า อยากไปเที่ยวชมอารยธรรมโบราณ แล้วก็ไปชมการก่อสร้าง Galaxy ที่นอกโลกด้วยค่ะ ^^ จะฝึกฝนอย่างที่พี่นักเขียน และ อ.โนวา อนาลัย และเพื่อนๆทุกคนแนะนำนะคะ รู้สึกว่า มันมีอะไรน่าค้นหาอีกเยอะเลย.. ตอนนี้อยากฝันมากๆ แต่ 2 วันมานี้ไม่ฝันเยย T_T ถ้าฝันแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ... ทานข้าวให้อร่อยนะคะทุกๆคน หนูไปทานข้าวแล้วค่ะ...หิวๆๆๆ (กินกระเพราค่ะ เหอๆๆ^^~)
     
  8. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอต้อนรับ เด็กโชว์พาว ครับ เห็นหลายวันแล้วหละไม่ได้ลงมาทักทาย
    ขอช่วยอาจารย์นักเขียนขยายความนะ
    ใช่ครับตัวตนเราไม่ได้มีตัวตนเดียวในปัจจุบันชาติครับ บางตัวตนเราอาจซ้อนมิติในภูมิโลกมนุษย์อยู่ หรืออยู่ในดาวอื่นจักรวาลอื่นอื่นก็ได้ครับ
    เดี๋ยวขอค้น อ้างอิงที่อาจารย์อนาลัยท่านสอนไว้มาให้อ่านคร่าวๆนะครับ
    ถ้ายังไม่เอามาลงให้ทวงถามได้นะครับ
     
  9. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    สวัสดีอีกรอบค่ะ อยากทราบว่า...
    1. อยากกลับไปอดีต มีวิธีทำอย่างไรบ้างคะ
    2. อยากไปอนาคต มีวิธีทำอย่างไรบ้างคะ
    คือว่าตอนฝันอ่ะ แค่นึกให้ไปสถานที่ในปัจจุบัน เช่น นึกให้ไปที่ขอนแก่น ก็ทำยากแล้วค่ะ(พลังไม่ค่อยมี) แต่บางครั้งก็ทำได้ ก็เลยอยากทราบว่า ถ้านึกอยากไปอดีตต้องคิดถึงอะไร แล้วมีวิธีอย่างไรบ้างคะ
     
  10. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ว้าว ไก่งวงของพี่นักเขียนน่ากินมากกกกกกกก
    ถ้านกจะกินซักครึ่งตัวก็คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ อิอิ
    คิดถึงพี่นักเขียนจังเลยค่ะ (kiss)
     
  11. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ความฝันของพี่JINTAWADEEสุดยอดเลยค่ะ
    ตัวเราต่างมิติได้มาพบกัน เกี่ยวเนื่องกันตามรอยต่อของเวลา (good)
     
  12. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ลองทำตามที่พี่ ณ. บอกแล้ว รู้สึกพุงป่อง ๆ อิ่ม ๆ ไปเลยค่ะ
    ต้องขอบคุณทั้งพี่ ณ.และพี่JINTAWADEE ที่ให้กำลังใจในการลดน้ำหนัก
    นี่ก็ครบเดือนนึงแล้วที่ลดน้ำหนัก ข่าวดี คือ ลดน้ำหนักได้2โล เย้ ๆ ถึงจะลดน้อยไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ลดเลยเนอะ
    และจากsit-upวันละ20ที เมื่อวานเพิ่งเพิ่มเป็น30ทีแล้ว สู้ ๆ (deejai)
     
  13. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    คำถามของคุณzipperน่าคิดดีเหมือนกันนะ ว่าถ้าอีกคนนอนแล้วฝัน กับอีกคนยังไม่นอน จะไปเจอกันในฝันได้ไหม
    แต่ถ้านกคิดต่อตามความเข้าใจก็ว่าน่าจะได้นะ เหมือนตัวตนเราไม่ว่าหลับหรือตื่นก็เป็นไปได้ในหลายทิศทาง
    คนนี้ยังไม่นอนก็จริง แต่ก็อาจจะแยกตัวตนของตัวเองไปอยู่ในฝันแล้วก็ได้
     
  14. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    เป็นความรู้ใหม่จากพี่จิตต์และพี่ ณ. นะเนี่ยเรื่องไฟพะเนียง (good)
     
  15. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ยินดีด้วยจ้าที่ได้ศึกษาความรู้ของอาจารย์อนาลัย
    วิธีของอาจารย์ได้ผลดีเยี่ยมที่สุดแล้วล่ะ การฝึกสติให้คมชัดยิ่งฝันอะไรก็จะรู้และจำได้แม่นยำ
    คราวหน้าฝันว่าได้ไปเที่ยวไหนก็มาเล่าให้ฟังด้วยนะจ๊ะ จะได้พาพวกเราห้องวิทย์ไปเที่ยวด้วย
     
  16. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    พี่เม้าส์อ่ะ กินแล้วนอนระวังจะมีห่วงยางนะ อิอิ
     
  17. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ช่วงนี้ไม่มีเรื่องบู๊ ๆ ในฝันมาเล่าให้ฟังเลย เหงากันไหมอ่ะ อิอิ
    วันนี้บริษัทในเครือ มีอาจารย์ธนามาบรรยายเกี่ยวกับเรื่องฮวงจุ้ย ดวง ธุรกิจปีหน้านี่แหล่ะ
    แต่นกไม่ได้ไปหรอก พี่ที่บริษัทเค้าไปมา กลับมาก็เอาเอกสารมาให้ดู
    ก็มีเรื่องปีที่ชง วิธีแก้ อะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่อ่านแล้วก็ไม่ค่อยสนใจอะไรมากหรอก
    เพราะเชื่ออาจารย์อนาลัยที่สุด จะคิดจะเชื่อจะทำอะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา
    ถ้าถามว่าอาจารย์คนนี้แม่นไหมก็คงแม่นนะ นกไม่รู้หรอกเพราะไม่เคยดู
    รู้แต่ว่าบริษัทในเครือจะให้อาจารย์คอยดูฮวงจุ้ย โหงวเฮ้งของคนที่จะมาทำงาน
    ก็เป็นศาสตร์ที่น่าสนใจ แต่ตอนนี้สนใจน้อยลงกว่าแต่ก่อนแล้วล่ะ
     
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ประสบการณ์ยามฝันกับการนำมาใช้ประโยชน์ยามตื่น

    พี่นักเขียนได้รับคำถามจากคุณน้องขจรวรรณมานานหลายสัปดาห์หรืออาจจะกว่านั้น ซึ่งถามว่า ตามที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า:
    เราสามารถเปลี่ียนแปลงอดีต และ แก้ไขอนาคตได้จากปัจจุบันนั้น
    ทำได้อย่างไร?

    พี่นักเขียนได้ยกตัวอย่างง่ายๆเกี่ยวกับสองพี่น้องที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเดียวกัน แต่ประสพความสำเร็จในชิีวิตไม่ทัดเทียมกัน ด้วยความเชื่อและทัศนคติที่ทั้งสองคนมีต่อพ่อแม่ของเขาต่างขั้วกัน ซึ่งพี่นักเขียนได้สรุปว่า การแก้ไขอดีตของพี่ซึ่งประสพความล้มเหลวในชีวิต ทำได้ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อและทัศนคติในแง่ลบที่เขามีต่อพ่อแม่ของเขา ให้กลายเป็นความเชื่อและทัศนคติในแง่บวก ซึ่งจะทำให้เขามีโอกาสที่จะประสพความสำเร็จได้เช่นเดียวกับน้อง ซึ่งมีความเชื่อและทัศนคติในแง่บวกเสมอ

    แต่นอกเหนือไปจากคำตอบที่เกี่ยวพันกับภาวะทางกายและทางจิตใจแล้ว พี่นักเขียนหมายใจไว้ว่าจะตอบคำถามนี้ในแง่ของจิตวิญญาณ ซึ่งเกี่ยวพันกับภาวะที่เราอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งเป็นสาระหลักที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึง แต่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากหากไม่ได้เผชิญกับความเป็นไปได้เหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะหากปราศจากประสบการณ์ของพวกเราชาวห้องวิทย์ฯ คำตอบของพี่นักเขียนจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้สาระ เพราะมันจะกลายเป็นเพียงสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือเป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตนของพี่นักเขียนเพียงคนเดียว ซึ่งทำให้ทั้งสาระจากหนังสือ คำตอบและประสบการณ์ของพี่นักเขียนกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เห็นได้ หรือ ทำได้ ซึ่งก็คงจะเป็นคำตอบที่เปล่าประโยชน์

    มาวันนี้ พวกเราชาวห้องวิทย์ฯ ได้มีประสบการณ์หลากหลายมาแลกเปลี่ยนและเล่าสู่กันฟัง ผู้อ่านหลายท่านที่ e-mail มาเป็นการส่วนตัว บ้างก็มีประสบการณ์คล้ายคลึงกับพวกเราที่่ post ในห้องวิทย์ฯ แต่หลายท่านไม่กล้านำมา post เพราะเกรงว่าจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ลบ พี่นักเขียนเองก็ผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาไม่น้อยและตระหนักดีว่า ประสบการณ์ทางจิตมากมายที่เราแต่ละคนประสพล้วนเป็นประสบการณ์ที่เราต่างก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ทั้งยามหลับ ยามฝันและยามตื่น เพราะความคมชัด ความประทับใจ ความลุ่มลึกทั้งหลายที่เราสัมผัส ทำให้เราตระหนักได้ในความเป็นจริงเหล่านั้นจนทำให้เรายอมรับมัน

    แต่สังคมและการศึกษาไม่เคยสนับสนุนสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มันทำให้เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้อย่างซ่อนเร้นไม่มากก็น้อย ยิ่งเรามีการศึกษาสูงเท่าไร เราก็จะยิ่งรู้สึกเสี่ยงต่อการแสดงออกซึ่งประสบการณ์เหล่านี้เป็นเงาตามตัว เพราะโอกาสที่เราจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ลบจากคนจำนวนมากที่นอกจากจะขาดประสบการณ์แล้ว ยังขาดความเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ ต่อให้มันเกิดขึ้นกับตนเอง ก็ย่อมจะรู้เห็นไม่ได้ เสมือนการไม่รู้จักต้นต้อยติ่ง ต่อให้เดินผ่านและพบเห็นต้นต้อยติ่งที่ออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งในพงหญ้าวันละหลายหน ก็ย่อมจะมองไม่เห็น หรือเห็นก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไร และวินิจฉัยว่ามันเป็นเพียงวัชพืชที่ไร้ค่า ซึ่งตามธรรมชาติแล้วแม้ต้อยติ่งจะถูกจัดว่าเป็นวัชพืชแต่เมล็ดของมันซึ่งอมน้ำได้เป็นพิเศษก็มีคุณค่าในการรักษาบาดแผลบนผิวหนังได้ เป็นต้น

    มาถึงวันนี้ ห้องวิทย์ฯกลายเป็นสถานนัดพบของพวกเรา ซึ่งเราสามารถแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เหล่านี้ได้อย่างเปิดเผย โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ให้เกิดปัญญาความรู้แตกฉาน เข้าใจในประสบการณ์ของเรา และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ทางจิตเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์?ต่อชีวิตยามตื่นของเรา

    คุณ zipper ได้ช่วยตอบคำถามให้ คุณ mamboo และแนะนำให้ฝันอย่างมีสติ ซึ่งพี่นักเขียนเชื่อว่า เราทุกคนฝึกฝนได้หากเรามีความเชื่อว่า การฝันอย่างมีสติไม่ใช่สิ่งที่เกินความสามารถของเรา

    ประสบการณ์ของคุณ ณ ที่เล่าว่า นอนหลับ ฝัน และไปตื่นขึ้นในโลกของความฝัน ซึ่งตัวตนของเราที่กำลังนอนหลับตระหนักดีว่ามันไม่ใช่โลกยามตื่นที่เรารู้จัก เป็นประสบการณ์ที่เรารู้เห็นและเผชิญได้เสมอๆ หากเราจะนำเอาสติสัมปชัญญะติดตัวไปด้วยเสมือนพกกล้องถ่ายรูป กล้อง VDO หรือสมุดจดบันทึกไปด้วย เพื่อบันทึกประสบการณ์เหล่านี้ เพียงแต่เราตั้งจิตก่อนนอนว่า เราต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ในความฝัน และต้องการจดจำ เราก็ได้ตั้งจิตที่จะนำเอาสติสัมปชัญญะติดตัวไปด้วยแล้ว แต่การที่เราจะจดจำได้ดีเพียงใดนั้น ทำได้ด้วยการฝึกฝนบ่อยๆ ซึ่งเราก็มีโอกาสที่จะฝึกได้ทุกคืน

    สาระเกี่ยวกับการไปตื่นขึ้นในโลกของความฝัน โดยที่เราตระหนักว่ามันไม่ใช่โลกยามตื่นที่เรารู้จัก เป็นสาระที่เกี่ยวพันกับความตาย และภาวะที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่่าวว่า การดำเนินชีวิตและความตายเป็นสิ่งที่ปราศจากรอยต่อ ซึ่งพี่นักเขียนจะยังไม่นำมาคุยในวันนี้นะคะ เพราะเรากำลังสนทนากันเรื่อง ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ แต่ก็ขอให้พวกเราระลึกถึงภาวะเหล่านี้ในมุมมองที่กว้างขึ้นอีกนิดว่า จิตวิญญาณของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกอื่น ตัวตนอื่น ชีวิตอื่นๆอยู่เสมอในความฝัน และตระหนักในธรรมชาติความเป็นจริงข้อที่ท่่่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้เสมอๆว่า

    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด
    จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ
    พร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้น


    ประสบการณ์ของคุณ mamboo ที่ว่าสามารถทำสิ่งต่างๆได้ในความฝันอย่างอิสระ เช่น เหาะเหินหรือเดินทางได้ด้วยเพียงแค่คิด-ก็ถึงแล้ว ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวย้ำเสมอๆว่า เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงที่เราทั้งหลายเรียกมันว่า โลกแห่งความฝัน แต่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว โลกแห่งความฝันคือโลกแห่งความเป็นจริงที่ไร้เครื่องพราง อันเป็นโลกที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งหมายถึงว่า เป็นโลกที่จิตวิญญาณสามารถแสดงออกและกระทำการได้ตามธรรมชาติที่มันควรจะเป็น ซึ่งเราทำและรู้เห็นการกระทำทั้งหมดได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายใน

    ประสบการณ์ในโลกของความฝันส่งผลกระทบต่อโลกยามตื่นของเรา เพราะโลกแห่งความฝันเป็นโลกทางจินตภาพที่เป็นเสมือนแบบพิมพ์เขียวที่เราสร้างขึ้น ก่อนหน้าที่มันจะมาสู่ประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ-ยามตื่น

    การเปลี่ียนแปลงอดีต และ แก้ไขอนาคตเป็นสิ่งที่ทำได้ในความฝัน เพราะเราสามารถเดินทางผ่านกาลเวลากลับไปสู่อดึตหรือก้าวล่วงไปสู่อนาคตได้เสมอในความฝัน เรากลับไปเชื่อมสัมพันธภาพที่ขาดสะบั้น กลับไปให้อภัยศัตรูของเรา กลับไปปลอบขวัญคนรักที่อยู่ห่างไกล กลับไปยกโทษผู้ที่เราผูกโกรธได้ในความฝัน

    แต่ทั้งหมดนี้จะเป็นไปได้ และจะเกิดขึ้นได้ในความฝันก็ต่อเมื่อเรามีจิตปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้มันเป็นไป เช่น มีจิตปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้อภัยศัตรู หรือยกโทษให้ผู้ที่เราผูกโกรธยามตื่น และนำความปรารถนาเหล่านี้ก้าวล่วงไปสู่โลกแห่งความฝัน เราจะพบว่าเราสามารถอ้าแขนรับ โอบกอด ลูบหลังหรือยกโทษให้กับศัตรูของเราได้อย่างเหลือเชื่อในความฝัน ความรู้สึกและทัศนคติของเราจะผันแปรไปเมื่อเราตื่นขึ้นและจดจำความฝันเหล่านี้ได้ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเราจะเหนี่ยวนำให้อดีตและอนาคตผันแปรไปในทิศทางที่เราปรารถนาราวกับว่า การให้อภัยและการยกโทษทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริงในโลกยามตื่น

    สิ่งเหล่านี้อาจจะฟังดูไร้สาระสำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อว่า มันเป็นไปได้
    สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในความฝันที่ทำให้ตระหนักว่า เราสร้างประสบการณ์และทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปได้-เพียงแค่คิด-ในความฝัน จะตระหนักถึงพลังอำนาจที่ท่านอาจารย์อนาลัยเรียกว่า พลังอำนาจแห่งปัจจุบันได้อย่างฉับพลัน เพราะในโลกของความฝัน เรามีและใช้อำนาจแห่งปัจจุบันได้อย่างเป็นปัจจุบันทันด่วนคือ แค่คิด-ก็เป็นไป-อย่างฉับพลัน

    แต่ในโลกยามตื่น จิตวิญญาณของเรากลับมาอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของช่องว่างระยะทางและกาลเวลาอีกครั้ง ซึ่งหมายความว่าความคิดของเราจะกลายเป็นความเป็นจริงได้นัี้น ต้องใช้เวลาและใช้สถานที่ แต่ธรรมชาติของจิตวิญญาณก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่มันควรจะเป็นคือ จิตวิญญาณสร้างโลกแห่งความเป็นจริงและประสบการณ์ทั้งหลาย ตลอดจนรูปกายและสุขภาพของเรา จากความคิด ความเชื่อ จากอารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    ต่อคำถามของคุณ เด็กโชว์พาว ที่ว่า
    .....ถ้าอย่างงั้นมีความเป็นไปได้มั้ยที่เวลาเรามองขึ้นไปบนฟ้าเห็นดาวมากมายยามค่ำคืน อาจจะมีตัวเราอีกคนนึงหรืออีกหลายๆคนอาศัยอยู่บนดาวดวงนั้น...

    ตัวตนของเรามีมากมายหลายตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริง-บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้-เป็นอนันต์ เราจะเรียกโลกเหล่านั้นว่า จักรวาลคู่ขนาน โลกอื่น ชาติภพอื่น มิติอื่น ก็คงไม่ผิด แต่หากเราจำกัดว่าโลกเหล่านั้นคือดาวดวงอื่นๆ พี่นักเขียนเข้าใจว่าเรานำโลกเหล่านั้นมาจำกัดไว้ในภาวะทางกายภาพของจักรวาลทางกายภาพเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นการจำกัดความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์ของมัน

    พี่นักเขียนเข้าใจว่า เรามีตัวตนของเราอยู่ในดวงดาวมากมายหลายดวงทั้งในจักรวาลทางกายภาพที่เรามองเห็นได้ในท้องฟ้ายามค่ำคืน และทั้งในดวงดาวอื่นๆอีกมากมายหลายดวงในจักรวาลทางจินตภาพที่เรามองเห็นไม่ได้ในยามตื่นทั้งกลางวันกลางคืน แต่เรารู้เห็นได้ สัมผัสได้ หรือรู้สึกได้ในความคิดคำนึง ในภาวะที่เราฝันกลางวัน ในภาวะที่เรามีจิตสงบเป็นสมาธิ เราสามารถเห็นหน้าของบุคคลจำนวนมากที่เราไม่รู้จักในชีวิตจริงแว้บขึ้นมา ซึ่งบุคลิกภาพเหล่านั้นต่างก็คือตัวตนของเราในโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่น มิติอื่น ชาติภพอื่นๆ และเราก็รู้เห็นๆตัวตนอื่นๆของเราได้เสมอทุกคืนในโลกของความฝัน

    คุณ Jintawadee ได้เล่าถึงประสบการณ์และความเข้าใจถึงการเผชิญกับตัวตนอื่นๆที่คุณ Jintawadee ตระหนักว่า คือตัวตนของตนเองในอดีตและอนาคต ความเข้าใจในประสบการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่พี่นักเขียนเชื่อว่า เราทุกคนสัมผัสได้ รู้เห็นและเข้าใจได้ ด้วยการมีใจกว้างและมีมุมมองที่กว้าง คือเปิดรับความเป็นไปได้โดยปราศจากการวินิจฉัยและจำกัดล่วงหน้าว่า สิ่งใดเป็นไปได้และสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ เมื่อรู้ เมื่อเห็น จะเข้าใจและตระหนักได้ว่าธรรมชาติความเป็นจริงเหล่านี้คืออะไร? เสมือนผู้ที่เปิดใจกว้างว่า วัชพืชเช่นต้นต้องติ่ง หรือ ความฝันที่ดูเสมือนจะรกรุงรังไร้ประโยชน์ อาจแฝงไปด้วยคุณค่า

    คุณ axzon47 กล่าวถึงประสบการณ์ในความฝันที่เสมือนได้ดูสารคดี
    ประสบการณ์นี้คล้ายคลึงกับผู้อ่านอีกรายที่เขียน e-mail มาเล่าให้พี่นักเขียนฟัง โดยใช้คำกล่าวเหมือนกันว่า เหมือนฟังการบรรยายสารคดี และสิ่งที่รับรู้นั้นมึความหมายลึกซึ้ง

    พี่นักเขียนเองก็เผชิญกับประสบการณ์ที่หากจะขอยืมคำอธิบายของ คุณ axzon47 มาใช้ก็คงต้องใช้คำเดียวกันว่า เหมือนการดูรายการสารคดี เพราะสาระที่ได้รับจากความฝันและนำมาเขียนเป็นหนังสือชุด 10 เล่มนี้ เป็นสาระที่มีเนื้อหาอัดแน่น ไม่ต่างจากสารคดี และเมื่ออยู่ในความฝันก็ตระหนักถึงความจริงของข้อมูล ไม่ต่างไปจากที่เรามักรู้สึกต่อสารคดี

    ประสบการณ์ของ คุณ axon47 ทำให้พี่นักเขียนอยากจะทำความเข้าใจกับพวกเราเพิ่มเติมว่า
    ท่านอาจารย์อนาลัย เป็นบุคลิกภาพในความฝันที่หากจะเรียกว่าเป็น presenter สารคดีในความฝันของพี่นักเขียนก็คงไม่ผิด

    จากพื้นฐานการศึกษา ศาสนาและความเชื่อของพี่นักเขียนซึ่งเติบโตมาในครอบครัวชาวพุทธ เรียนโรงเรียน Catholic ทำให้พี่นักเขียนรู้เห็น presenter สารคดีในความฝันเป็นบุคลิกภาพที่เป็น Guru เป็นผู้สูงอายุ เป็นผู้รู้ ซึ่งพี่นักเขียนเองก็ยังจะต้องใช้เวลายาวนานที่จะศึกษาและเข้าใจประสบการณ์ของตนเองต่อไปอีกมาก หากพี่นักเขียนได้เขียนหนังสือชุดนี้สำเร็จไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว พี่นักเขียนคงจะตึความหมายตามความเชื่อส่วนบุคคลไปในทิศทางที่แตกต่างจากวันนี้มากมาย ซึ่งอาจจะทำให้พี่นักเขียนบอกกับพวกเราว่า บุคลิกภาพของท่านอาจารย์อนาลัย คือ ชายชรา นักบวช ฯลฯ ตามความเชื่อที่พี่นักเขียนมีในขณะนั้นว่า จิตวิญญาณของผู้รู้น่าจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เป็นต้น

    แต่เมื่อพี่นักเขียนใช้เวลาจดบันทึกความฝันยาวนานหลายปีกว่าจะมารวบรวมเขียนเป็นหนังสือ พี่นักเขียนก็ได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจประสบการณ์ของตนเองเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้พี่นักเขียนอธิบายถึงที่มาของท่านอาจารย์อนาลัยว่า คือองค์ความรู้ ปราศจากร่างกายตัวตน ปราศจากศาสนา

    ส่วนชื่อ โนวา อนาลัย ก็ไม่ได้หมายถึงบุคคลหรือหมายถึงใคร หากแต่เป็นชื่อของหมวดความรู้ที่จะเหนี่ยวนำให้เราค้นพบอิสระแห่งความปรารถนาได้ โนวา แปลว่า ความใหม่ อนาลัย แปลว่า การเป็นอิสระจากความปรารถนา โนวา อนาลัย แปลว่า เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา

    บุคลิกภาพที่ปรากฏในความฝันของพี่นักเขียน ย่อมเกิดจากความเชื่อส่วนบุคคลของพี่นักเขียนไม่มากก็น้อย แต่สาระสำคัญที่พี่นักเขียนนำมาถ่ายทอดในหนังสือ 10 เล่มนี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลใดๆ แม้พี่นักเขียนจะเรียก presenter สารคดีในความฝันว่าท่านอาจารย์อนาลัย เพราะพี่นักเขียนรู้สึกเคารพรักในสาระและข้อมูลที่ได้รับถ่ายทอดมา พี่นักเขียนก็หวังว่า พวกเราจะพิจารณาและทำความเข้าใจในที่มาของของข้อมูลส่วนหนึ่ง และพิจารณาสาระของข้อมูลทั้งหมดอีกส่วนหนึ่งด้วย

    คุณ axzon47 ได้สาระของข้อมูลที่ลุ่มลึกจากความฝันเช่นเดียวกับพี่นักเขียน ซึ่งหากคุณ axzon47 รวบรวมสาระทั้งหมดที่ได้จากความฝันในลักษณะที่ว่าเหมือนได้ดูรายการสารคดีมาเขียนเป็นหนังสือ โดยรวบรวมจากความฝันที่จดบันทึกไว้ยาวนาน 7 ปีเหมือนพี่นักเขียน พี่นักเขียนเชื่อว่า พวกเราคงจะได้หนังสืออีกชุดหนึ่ง ที่มีหลายเล่มไม่น้อยไปกว่าชุดที่พี่นักเขียนได้เขียนไว้

    สำหรับพี่นักเขียนแล้ว เรียกตัวเองว่าเป็นล่ามและเลขา เพราะรู้สึกว่าข้อมูลความรู้เหล่านี้ไม่ใช่ของตนเอง หากจะนำมาเขียนหนังสือแล้วใส่ชื่อของตนเองก็รู้สึกเสมือนว่าไม่ถูกต้อง เพราะตนเองสัมผัสกับบุคลิกภาพของ presenter สารคดีชุดนี้เป็นเวลายาวนานหลายปี ทำให้รู้สึกถึงการมีตัวตน มีความรัก ความผูกพันธ์กับ presenter จนไม่อาจจะกล่าวได้ว่า สาระทั้งหมดนี้คือสาระจากความรู้ความคิดของตนเอง พี่นักเขียนมักบอกกับเพื่อนสนิทว่า เวลาฝันพี่นักเขียนเก่งและฉลาดกว่าตอนตื่นแยะ หากจะถามอะไรพี่นักเขียนละก็ไปถามในฝันได้เรื่องกว่ามาก เพราะหากพี่นักเขียนตอบคำถามหรือล่วงรู้ไม่ได้ ยังมีบุคลิกภาพของผู้รู้ในความฝันช่วยตอบคำถามและเปิดเผยสิ่งที่ไม่รู้ให้อีก

    แม้จะฟังดูเสมือน joke ที่ล้อกันเล่นเสมอๆ แต่พี่นักเขียนก็ยอมรับ-ว่ามันเป็นความจริงสำหรับพี่นักเขียน และน่าจะเป็นความจริงสำหรับพวกเราหลายคนที่มีประสบการณ์คล้ายคุณ axzon47 แต่คุณ axzon47 อาจต่างกับพี่นักเขียนคือเก่งและฉลาดทั้งตอนตื่น-ตอนฝันเท่าเทียมกัน

    คุณ mamboo นางฟ้าปีกหักถามว่า จะลบฉากของความฝันได้อย่างไร?
    การเดินทาง การเหาะเหินเดินอากาศ ในความฝันเป็นไปได้ด้วยความคิด การลบและการสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกของความฝันก็เป็นไปได้ด้วยความคิดเช่นเดียวกัน แต่เราจะต้องเริ่มต้นด้วยความรู้ที่ว่า

    เราทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง หรือสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของตนเอง เมื่อคุณ axzon47 แนะนำให้เบิกบานและอยู่กับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ดี โลกที่เราสร้างขึ้นก็ย่อมเป็นโลกที่เป็นไปตามความเชื่อในแง่บวก


    คำถามของคุณ mamboo ที่ว่า
    1. อยากกลับไปอดีต มีวิธีทำอย่างไรบ้างคะ
    2. อยากไปอนาคต มีวิธีทำอย่างไรบ้างคะ
    คือว่าตอนฝันอ่ะ แค่นึกให้ไปสถานที่ในปัจจุบัน เช่น นึกให้ไปที่ขอนแก่น ก็ทำยากแล้วค่ะ(พลังไม่ค่อยมี) แต่บางครั้งก็ทำได้ ก็เลยอยากทราบว่า ถ้านึกอยากไปอดีตต้องคิดถึงอะไร แล้วมีวิธีอย่างไรบ้างคะ


    พี่นักเขียนขอแนะนำว่า อันดับแรกคือต้องกำจัดความเชื่อที่ว่าทำยากแล้วค่ะ(พลังไม่ค่อยมี)ออกไปเสียก่อน
    ในความฝันที่เราปราศจากแรง ปราศจากความสามารถ จะเปิดประตูก็เปิดไม่ได้ จะชกก็ไม่มีแรง จะก้าวขาก็ก้าวไม่ออก? หรือจะหยิบจับสิ่งใดก็หยิบจับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพราะภาวะของตัวตนในความฝันกับตัวตนหรือสิ่งอื่นๆในความฝันแตกต่างกัน จะแตกต่างกันก็เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น เพราะภาวะทั้งหมดในความฝันหนึ่งๆเป็นภาวะที่สัมพันธ์กันในโลกของความฝันโลกนั้น ซึ่งหมายความว่า:

    หากจิตวิญญาณของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันมีภาวะเป็นกายภาพ สรรพสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏร่วมโลกในความฝันโลกนั้นย่อมมีภาวะเป็นกายภาพเช่่นเดียวกันกับตัวตนนั้นๆของเรา-ในความฝัน

    หากจิตวิญญาณของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันมีภาวะเป็นจินตภาพ สรรพสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏร่วมโลกในความฝันโลกนั้นย่อมมีภาวะเป็นจินตภาพเช่่นเดียวกันกับตัวตนนั้นๆของเรา-ในความฝัน

    หากจิตวิญญาณของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันมีภาวะเป็นจิตวิญญาณ คือปราศจากรูปกายใดๆ สรรพสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏร่วมโลกในความฝันโลกนั้นย่อมมีภาวะเป็นจิตวิญญาณเช่่นเดียวกันกับตัวตนนั้นๆของเรา-ในความฝัน

    แม้ยามตื่น จิตวิญญาณของเราก็มีวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงอันมีภาวะเป็นกายภาพ สรรพสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏร่วมโลกในยามตื่นโลกนี้ ย่อมมีภาวะเป็นกายภาพเช่่นเดียวกันกับตัวตนนั้นๆของเรา-ในยามตื่น

    การไปสู่อดีตหรืออนาคตไม่ได้ต่างไปจากการไปสู่ปัจจุบันอื่นๆ หากเราเชื่อและเข้าใจได้ว่า อดีต-ปัจจุบันและอนาคตมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ทุกกาลเวลาย่อมเป็นจุดที่เราเข้าถึงได้ด้วยความนึกคิด

    แม้ ณ วินาทีนี้ หากเราเพียงแต่นึกคิดถึงอดีตหรือจินตนาการถึงอนาคต และหากเราปล่อยให้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราคล้อยตาม เราจะซึมซาบไปกับกาลเวลาเหล่านั้น เราจะก้าวล่วงไปสู่อดีตและอนาคตได้อย่างฉับพลัน เพียงแต่ว่าเราเชื่อว่ามันเป็นเป็นเพียงแค่ความนึกคิด มันปราศจากความเป็นจริง เพราะเราอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา

    ในความฝัน-การก้าวล่วงไปสู่อดีตและอนาคตปราศจากเครื่องพราง หากเรานึกคิดถึงอดีตหรือจินตนาการถึงอนาคต เราจะไปปรากฏในกาลเวลานั้นๆอย่างฉับพลัน

    ใครที่เคยย้ายบ้านบ่อยๆตลอดชีวิตเหมือนพี่นักเขียน อาจมีความฝันคล้ายๆกันว่า เรายังดำเนินชีวิตต่อไปในบ้านหลังเดิม แม้ว่าบ้านหลังนั้นจะถูกรื้อทิ้งไปหลายสิบปีแล้วก็ตาม บางคนอาจมีความฝันเห็นตนเองดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านหลังแปลกที่เราไม่รู้จัก แต่ตัวตนในความฝันก็ยอมรับอย่างสนิทใจว่ามันคือบ้านของเรา

    เราเรียกบ้านในความฝันเหล่านั้นว่าอะไร ?
    มันคือบ้านในอดีต ?
    บ้านในอนาคต ?
    หรือบ้านในชาติภพอื่น?
    มันแทบจะปราศจากความหมายต่อจิตวิญญาณหรือตัวตนภายในผู้ที่อยู่ในความฝัน ผู้รู้และตระหนักดีถึงธรรมชาติที่แท้จริงอันปราศจากเครื่องพรางว่า อดีต-ปัจจุบันและอนาคตมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    ดังนั้นแม้ว่าเราจะก้าวล่วงไปสู่อดีตและอนาคตได้เสมอๆในความฝัน ตัวตนภายในหรือจิตวิญญาณในความฝันของเราก็ไม่ได้รับรู้กาลเวลาเหล่านั้นเช่นเดียวกับตนตนภายนอก หรือตัวตนยามตื่นของเรา ซึ่งหมายความว่า หากเราตั้งจิตขอก้าวล่วงไปสู่อดีตหรืออนาคตแล้ว เราเผชิญกับประสบการณ์ในความฝันหนึ่งๆ แม้ตื่นขึ้นเราจะรู้สึกเสมือนว่าไม่ได้ย้อนหรือล่วงหน้าไปในกาลเวลา แต่ประสบการณ์ทั้งหลายที่เราเผชิญย่อมเป็นไปในกาลเวลาอื่นๆเสมอ เพราะกาลเวลาปัจจุบันนั้นๆ ตัวตนของเราเป็นตัวตนที่ดูเสมือนจะไม่ได้กำลังทำอะไรอื่นเลย-นอกจากกำลังนอนหลับ

    หากเราพิจารณาที่ประสบการณ์ พิจารณาที่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด เราจะค้นพบว่า ตัวตนในความฝันตลอดจนประสบการณ์ทั้งหมดที่เราเผชิญในความฝัน ได้นำพาเราก้าวล่วงไปสู่อดืตและอนาคตเสมอๆ แต่เรามักจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญของความฝันประเภทนี้เพราะเรามักจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่า เราฝันไร้สาระ เพราะมันมักจะไม่เกี่ยวพันกับปัจจุบันของเราเลย

    การตระหนักได้ในธรรมชาติของความเป็นจริงที่ว่า อดีต-ปัจจุบันและอนาคตมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน จะทำให้เราแยกแยะ และตระหนักได้ว่า ประสบการณ์ในความฝันใดคือประสบการณ์ที่เรียกว่าเป็นอดีต หรือ เป็นอนาคต แต่ส่ิงที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตยามตื่นของเรา คือการตระหนักได้ว่า ปัจจุบันของเราส่งผลกระทบต่ออดีตและอนาคตเสมอ ดังนั้นอำนาจทั้งหมดของเรา จึงอยู่ที่ปัจจุบัน ตัวตนที่ดูเสมือนจะไร้พลังอำนาจ-ที่นอนหลับและฝันของเรา จึงเป็นตัวตนที่มีพลังอำนาจแห่งปัจจุบัน ผู้สามารถกำหนดจิตที่จะก้าวไปสู่อดีตและอนาคตได้เสมอ และสามารถกระทำการในอดีตและอนาคตได้ดังปรารถนาเสมอ-ในความฝัน (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2007
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ...สวัสดีค่ะพี่นักเขียน...ไม่รู้ว่าเมื่อเช้ามืดพี่มาสอน ณ.วาดรูปหรือเปล่าค่ะ...
    ...ฝันว่าอยู่ในห้องเรียนสมัยมัธยม มีเพื่อนที่คุ้นเคยหลายคนในความรู้สึก แต่ไม่คุ้นหน้า เหมือนเป็นวันเปิดเทอมค่ะ ทุกคนกำลังรออาจารย์มาสอน หลายคนขะมักขะเม้นในการอ่านหนังสือ ณ.รู้สึกว่าวิชาที่จะเรียนเป็นแนววิชาการ...พวกเรากำลังรอ...แล้วก็รอ... ณ.รู้สึกว่า อาจารย์คงไม่มาแล้วมั้ง ณ.หันซ้ายหันขวาแล้วมองที่โต๊ะเรียนที่ตัวเองนั่งอยู่ รู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีหนังสือ ไม่มีตำราเหมือนคนอื่นๆ ณ.ไม่ได้จัดตารางเรียนมาเลยในความรู้สึก เลยถามเพื่อนใกล้ๆว่ามีตารางเรียนไหม? เพื่อนชี้ให้ดูที่ข้างซ้ายกระดานดำ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาจารย์เข้ามาจากประตูที่อยู่ด้านขวา เป็นอาจารย์ผู้หญิงค่ะ ที่เน้นตรงนี้เพราะเรียนวิชาศิลปะตั้งแต่ประถมยันมัธยมไม่มีอาจารย์สอนที่เป็นผู้หญิงเลย พอมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้การบ้านเลย อาจารย์วาดรูปปลาสองตัวบนกระดานดำ แล้วให้นักเรียนวาดตาม เพื่อนที่นั่งข้างๆ ณ.บอกว่า... สบายเลยล่ะซิ ณ.ชอบวาดรูปอยู่แล้ว...คนอื่นก็วาดรูปกันไป แต่ณ.ยังหากระดาษวาดรูปไม่ได้ ค้นดูใต้โต๊ะ มีไม้ มีรูปโปสเตอร์ม้วนๆอยู่2แผ่น แล้วอาจารย์เดินเข้ามาใกล้ ณ.ก็ถามว่าใช้กระดาษเก่าๆ ได้ไหม? อาจารย์ยิ้มแล้วบอกว่าได้ คือณ.จะเอาด้านหลังโปสเตอร์วาดค่ะ แต่ปรากฏว่าโปสเตอร์ทั้งสองแผ่นมันเลอะกาวติดกันอยู่แกะไม่ออก ณ.หันไปมองคนอื่น หลายคนวาดนำหน้าไปแล้ว บางคนกำลังทาสี ณ.ก็ถามว่าต้องทาสีด้วยเหรอ เพื่อนบอกว่า...ใช่ ทุกคนใช้กระดาษสมุดมาวาด ณ.ก็มองดูสมุดของตัวเอง สมุดเก่าๆ โทรมๆ ที่อยู่บนโต๊ะ ก็เลยจะเอามั่ง กำลังจะเริ่มวาด... แล้วก็ต้องตื่นเพราะในความรู้สึกว่าต้องตื่นไปทำงานแล้ว...
    ...อาจารย์ที่ณ.เห็น เป็นผู้หญิงรูปร่างกระทัดรัด ไม่สูงไม่น่าเกิน165 cm ไม่ผอม ท้วมนิดๆแต่ไม่อ้วน ใบหน้ากลม ยิ่งตัดผมบอบสั้นยิ่งกลมค่ะ น่ารัก ดูเป็นคนแข็งแรง กระฉับกระเฉง ลักษณะออกแนวคล้ายทอมบอย ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตพับแขน อายุจากที่เห็นประมาณ 30 กว่าๆเท่านั้น น่าจะอ่อนกว่าอายุจริงเยอะ..อิอิ...เสียดายเห็นหน้าไม่ชัด...(deejai)
     
  20. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอบคุณอาจารย์นักเขียนอย่างสูงครับกำลังค้นข้อมูลช่วยอาจารย์ขยายความให้กับเพื่อนๆพอดีอาจารย์ตอบให้แล้ว ทำให้พวกเรากระจ่างขึ้นอีก
    เมื่อคืนในกรุงเทพฯอุณหภูมิเฉลี่ย 16 องศาเซลเซียส ก็ค่อนข้างเย็นสำหรับคนกรุงเทพ ช่วงนี้เหมาะสำหรับการฝึกฝัน ฝึกการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณ
    ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ บทที่ 10 การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อด้วยการเข้าภวังค์และการฝัน
    ย่อหน้าที่ 3
    เงื่อนงำอื่นๆทางกายภาพที่แสดงออกซึ่งการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณได้แก่การที่อุณหภูมิของร่างกายลดลง ทั้งนี้อุณหภูมิของห้องจะต้องอยู่ระหว่าง 23.2-24.4 องศาเซลเซียส สีของห้องสำคัญต่อการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณ สีเย็นเป็นสีที่ดี่ที่สุด สีร้อนไม่สนับสนุนการเปลี่ยนวิถีของจิตวิญญาณเพราะเป็นสีที่ใกล้เคียงกับสภาวะโลกทางกายภาพมาก ตามสภาพอากาศในประเทศของเธอ-เดือนธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณเป็นไปได้ง่ายที่สุด อากาศร้อนและความชื้นสูงทำให้การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณเป็นไปได้ยาก
    อาจารย์ครับแสดงว่าเวลาเราฝันที่สติสัมปชัญญะเราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง อุณหภูมิห้องที่เราเข้าภวังค์หรือนอนหลับจะต้องอยู่ระหว่าง 23.2-24.4 ในช่วงนี้เท่านั้นใช่หรือไม่ครับ
    และช่วงนี้ในโลกแห่งความเป็นจริงของผมในฝันชัดเจนมากก็ตั้งแต่อากาศเย็นนี่แหละครับ (ที่ห้องนอนผมไม่ติดเครื่องปรับอากาศเพราะบ้านอยู่ชานเมืองที่ยังมีอากาศเย็นสดชื่นทั้งวัน) ทุกวันจะจดบันทึกไว้ แต่หลายวันมานี่จำไม่ค่อยได้เลยครับเพราะจะมีเสียงปลุกเป็นรถขายกับข้าวจำพวกอาหารสดครับ (ในกรุงเทพฯจะมีรถขายผักขายอาหารออกไปตามหมู่บ้านต่างๆทั่วกรุงเลยครับ)พอประมาณตีสี่ เรียกว่ากำลังฝันเลยครับ ก็จะมีเสียงว่า "กับข้าวมาแล้วครับกับข้าว " ทุกวันและเสียงก็ดังพอดูครับ ไม่รู้ว่าสาเหตุนี้หรือเปล่า?ครับทำให้การจำความฝันจำไม่ได้ ขนาดว่านอนต่อเพื่อทบทวนก็มึนเลยครับจำอะไรไม่ได้ ทำให้รู้สึกว่าเราท่องเที่ยวไปอย่างไร้สาระ ทำอย่างไรดีครับถึงจะเปลี่ยนความเชื่อตรงนี้ได้?
     

แชร์หน้านี้

Loading...