มุ่งเต็มใจ เมื่อได้พุทธภูมิแล้วจักช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย มุ่งเต็มใจ, 18 มกราคม 2011.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
  2. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    ขอกราบอณุโมทนา กับ เอ็งจริงๆ ช่างมีปณิธานดีแล้ว
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ยินดีครับ:cool::cool::cool:
     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    http://palungjit.org/posts/5234904
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  6. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]

    ที่มาครับ
    http://palungjit.org/threads/พระเสร...ับน้ำท่วม-หน้า139.280939/page-139#post5260518

    ขออนุญาตแบ่งปันครับ:cool:
     
  7. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
  8. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468


    ไปทอดกฐินวัดบึงพลารามเพื่อสร้างพระบรมสารีริกธาตุเจดีย์ และพระธาตุหลวงปู่ต้น พร้อมยกยอดเจดีย์ และฉัตร หล่อพระประธานเจดีย์ และระบบไฟฟ้า ฯลฯ หลวงปู่ท่อนท่านเป็นประธานสงฆ์ ตักบาตรพระกรรมฐาน ถวายหนังสือธรรมะที่ผมร่วมสร้างกับคณะขวัญ ในงานด้วย (ถวายหลวงปู่ท่อน ท่านบอกว่าหนังสือสำหรับชาวบ้าน ถวายชาววัดได้ไหม ผมเลยนำออกมาถวายพระหลวงปู่ครูบาอาจารย์ (ระดับ หลวงปู่ทองพูน หลวงปู่อุทัย วัดภูย่าอู่ หลวงปู่หนูหยาด ท่านเจ้าคณะอำเภอ (เมื่อถวาย เห็นเหล่าหลวงปู่ท่านพิจารณาหนังสือพลิกไปมา คล้ายหลวงปู่ท่อนท่านพิจารณา แล้วช่วงนั้นได้ยินหลวงปู่ท่อน ท่านกล่าวว่า ..ผลจากการสร้างพระพุทธรูปมามาก เป็นตัวอย่างที่ดี ๆ ๆ.... ) ครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆท่าน) พระเณรติดตามหลวงปู่ จนหมด (กันไว้10ฉบับที่ศาลา ไว้ถวายพระอันดับพร้อมเครื่องกฐิน) เอาบุญมาฝากครับ ตอนเย็นพลบค่ำ ผมโชคดีได้ปีนขึ้นไปบนยอดเจดีย์ประดับฉัตร ที่พึ่งติดตั้งและเจริญพระพุทธมนตร์ และเวียนเทียนข้างบนนั้นเลยครับ ช่างยังไม่ทันเก็บนั่งร้านครับครับ
     
  9. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    พระศรีมหาโพธิ์

    ด้วยเหตุที่ ไม้อัสสัตถะ เป็นต้นไม้ตรัสรู้ของพระโคดมพุทธเจ้า ต่อมาชาวพุทธจึงนิยมเรียกว่า โพธิรุกขะ โพธิพฤกษ์ หรือต้นโพธิ์ เรียกเต็มๆ ว่า พระศรีมหาโพธิ์
    ภายหลังทรงบรรลุธรรมแล้ว ก็เสด็จออกยาตราไปทั่วอินเดียและเนปาล อันมีชื่อเรียกในสมัยนั้นว่า ชมพูทวีป เพื่อแนะนำสอนสั่งผู้คนทุกชนชั้น นับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร อันเป็นวรรณะทั้งสี่ที่จำแนกแบ่งชนชั้นไว้ในสมัยนั้น
    ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา ในบั้นปลายพระชนชีพของพระโคดมพุทธเจ้า ไม้อัสสัตถะต้นนี้ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย นอกจากที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนที่พระโคดมพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จเข้าสู่มหาปรินิพพาน (สวรรคต) ณ ป่าไม้สาละ นอกเมืองกุสินารา โดยพระอานนท์ซึ่งดำรงตำแหน่งพระพุทธอุปัฏฐาก (ผู้ดูแล-ผู้ติดตาม) ของพระโคดมพุทธเจ้า ได้ทูลถามดังนี้
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก่อนหน้านี้ พระภิกษุผู้จำพรรษาในทิศต่างๆ ย่อมชวนกันมาเพื่อเข้าพระตถาคต พวกข้าพระองค์ย่อมมีโอกาสได้พบและใกล้ชิดวิสาสะกับท่านเหล่านั้น แต่ต่อไป ถ้าพระตถาคตเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว ก็คงไม่มีใครมาเฝ้าพระตถาคตเจ้าอีก พวกข้าพระองค์ก็คงไม่ได้พบและไม่ได้วิสาสะกับท่านเหล่านั้นอีกแล้ว
    พระโคดมพุทธเจ้าได้ตรัสตอบต่อพระอานนท์ ดังนี้
    ดูก่อนอานนท์ สถานที่ ที่พระตถาคต ประสูติ 1 ตรัสรู้ 1 แสดงพระปฐมเทศนา 1 เสด็จดับขันธ ปรินิพพาน 1 ทั้ง 4 แห่งนี้ เป็นสถานที่ควรเห็นของกุลบุตรพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธา หากว่าภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา มีศรัทธามาบูชายังสถานที่เหล่านี้ บริษัทเหล่านั้น หากตายไปก็จักไปสู่สุคติ มีสรวงสวรรค์เป็นเบื้องหน้า
    ต่อจากนั้นมาอีก 220 ปี ถึงยุคที่ พระเจ้าอโศกมหาราช แห่งราชวงศ์เมารยะ ทรงเรืองอำนาจขึ้นในแคว้นมคธ ซึ่งตำบลคยาสีสะนั้นก็อยู่ในแคว้นมคธด้วย พระเจ้าอโศกทรงหันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทรงสืบทราบว่า "สถานที่ตรัสรู้ของพระบรมศาสดาคือตำบลคยาสีสะ" จึงเสด็จมานมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ พร้อมทั้งโปรดให้ปักเสาศิลาไว้เป็นที่หมาย ทั้งยังทรงโปรดให้ตัดกิ่งของพระศรีมหาไปปลูกไว้ในเกาะลังกา พระศรีมหาโพธิ์ที่ทรงส่งไปปลูกไว้นั้นยังคงดำรงชีพอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้
    ในท้ายรัชกาล เกิดเรื่องเศร้าขึ้นกับพระศรีมหาโพธิ์ เนื่องเพราะพระเจ้าอโศกทรงมุ่งมั่นในการพระศาสนายิ่งนัก แต่ในสายตาของพระนางติษยรักษิต พระอัครมเหสี กลับเห็นว่าเป็นการย่อหย่อนในการบริหารกิจการบ้านเมือง พระนางจึงร่วมกับพระราชนัดดาพระนามว่า สัมปทิ ทำการปฏิวัติยึดอำนาจ จับกุมคุมขังพระเจ้าอโศกไว้ ร้ายที่สุดก็คือ ทรงส่งคนไปทำลายพระศรีมหาโพธิ์ โดยใช้น้ำกรดรดราดลงไปที่รากพระศรีมหาโพธิ์ พระเจ้าอโศกทรงทราบก็ถึงกับตรอมพระทัยสิ้นพระชนม์ไปในปี พ.ศ.255 ภายหลังพระศรีมหาโพธิ์ถูกทำลายไปเพียง 3 เดือนเท่านั้น
    รวมอายุพระศรีมหาโพธิ์ที่พระโคดมพุทธเจ้าทรงประทับตรัสรู้ เพียง 352 ปี
    ทีนี้ท่านว่าเกิดปาฏิหาริย์ เมื่อมีหน่อพระศรีมหาโพธิ์งอกออกมาจากบริเวณต้นเดิมที่ล้มลงไป ชาวพุทธยุคต่อมาจึงพยายามดูแลพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้อย่างดี พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 2 ดำรงคงมั่นมาจนถึง พ.ศ.1163 ก็พบกับการทำลายของพระเจ้าศศางกะ ราชาแห่งแคว้นเบงกอล ซึ่งเป็นฮินดูหัวรุนแรง ได้นำทัพเข้าทำลายล้างพระศรีมหาโพธิ์ ทั้งตัดทั้งตอนทั้งขุดถอนรากและโคนออกจนหมดสิ้น มิหนำใจได้สุมไฟโดยใช้น้ำมันเป็นเชื้อ พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 2 มีอายุรวม 890 ปี โดยประมาณ
    ก่อนที่พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 2 จะถูกทำลายนั้น ในปี พ.ศ.695 พระเจ้าหุวิสกะ แห่งราชวงศ์กุษาณ ทรงปรารภว่า พระศรีมหาโพธิ์นั้นเป็นต้นไม้ เคยถูกศัตรูต่างศาสนาทำลายมาแล้ว และต่อไปก็ไม่แน่ว่าต้นที่สองนี้จะไม่ถูกทำลาย ซึ่งถ้าหากพระศรีมหาโพธิ์ถูกทำลายอีก ต่อไปก็คงไม่มีใครจดจำสถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ จึงทรงโปรดให้สร้างพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาในบริเวณเดียวกับพระศรีมหาโพธิ์ ทั้งยังโปรดให้จำหลักคือแกะสลักพระพุทธรูปจากศิลาเป็นพระประธานประดิษฐานไว้ในองค์พระเจดีย์ด้วย นับว่าพระเจ้าหุวิสกะทรงมีสายพระเนตรยาวไกลมาก ก็สรุปว่า พระเจดีย์พุทธคยาสร้างขึ้นมาก่อนหน้าพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 2 จะถูกทำลายเพียง 200 ปี
    ทัพพระเจ้าศศางกะถูกทัพพระเจ้าปูรณวรมันแห่งแคว้นมคธตีแตก พระเจ้าศศางกะสิ้นพระชนม์ในสนามรบ ณ พุทธคยา (แต่ชาวพุทธเขียนประวัติบอกว่า ทรงกระอักเลือดตายต่อหน้าพระศรีมหาโพธิ์) จากนั้นพระเจ้าปูรณวรมัน ได้ทรงทำการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ขึ้นมาใหม่ นับเป็นต้นที่ 3
    ประวัติศาสตร์ระบุว่า พระเจ้าศศางกะทรงทำลายได้เพียงพระศรีมหาโพธิ์เท่านั้น ส่วนพระเจดีย์รวมทั้งพระประธานภายในเจดีย์นั้นมิทันทำลาย นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่บอกว่าทรงกระอักเลือดตายต่อหน้าพระศรีมหาโพธิ์ ก็สรุปว่าพระเจดีย์พุทธคยารอดพ้นจากการทำลายในครั้งนั้น
    พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 3 เจริญงอกงามตามลำดับ ถึง พ.ศ.1750 เกิดวิกฤตการณ์กับพระพุทธศาสนาในอินเดีย เมื่อกองทัพมุสลิมเตอร์ก นำโดย บักติยาร์ ขัลยี นำทัพเข้าตีภาคตะวันออกของอินเดีย แคว้นมคธหรือพิหารอันเป็นที่ประดิษฐานของพระเจดีย์พุทธคยารวมทั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา ตกเป็นเป้าหมายแห่งการกวาดล้าง พระเถรเณรชีถูกเข่นฆ่าเป็นว่าเล่น ประชาชนถูกบังคับให้เข้าสุนัต (ขลิบอวัยวะเพศ) เพื่อเข้ารีตอิสลาม บริเวณพระเจดีย์พุทธคยาถูกทำลาย เว้นแต่พระพุทธเมตตาภายในพระมหาเจดีย์มีคนใช้ไม้และปูนไปอุดไว้ พลางตาให้เป็นว่าเป็นพระเจดีย์ตัน จึงรอดตัว ส่วนพระศรีมหาโพธิ์นั้นไม่ใช่สิ่งก่อสร้างอันขัดกับหลักศาสนาอิสลาม ก็เลยรอดตายไปอีก
    ประวัติศาสตร์โลกบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า มุสลิมเป็นผู้ทำลาย จนพระพุทธศาสนาสูญสิ้นจากอินเดียในปี พ.ศ.1750
    พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 3 ดำรงยืนยงมาจนถึง พ.ศ.2421 เมื่อ นายพล อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม อธิบดีกรมโบราณคดีแห่งอินเดียในสมัยที่อังกฤษครองอินเดีย เดินทางมาตรวจงานโบราณคดีที่พุทธคยา ก็พบว่าพระศรีมหาโพธิ์นั้นแก่ชรามาก และล้มลงไปทางทิศตะวันตกของพระเจดีย์ ทีนี้ชาวบานแถบนั้นซึ่งกลายเป็นฮินดูไปสิ้นแล้ว จึงถือโอกาสตัดเอาต้นพระศรีมหาโพธิ์ไปทำฟืนบ้าง ป้อนให้โคกินบ้าง ก็เป็นอันอวสานพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 3 ในปี พ.ศ.2421 นั่นเอง สิริอายุทั้งสิ้น 1258 ปี
    อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม หาหน่อไม้โพธิ์ในบริเวณเดียวนั้นได้จำนวน 2 ต้น ต้นแรกสูง 6 นิ้ว ต้นที่ 2 สูง 4 นิ้ว ท่านดำเนินการขุดรากถอนโคนพระศรีมหาโพธิ์ต้นเก่าออก แล้วปลูกหน่อสูง 6 นิ้วทดแทน ส่วนต้นสูง 4 นิ้วนั้นนำไปปลูกทางทิศเหนือ ปัจจุบันพระศรีมหาโพธิ์ทั้งสองต้นก็ยังดำรงคงมั่นอยู่คู่กันในพุทธคยา ถ้านับเวลาจาก พ.ศ.2421 ถึง พ.ศ.2553 ซึ่งผู้เขียนเขียนบทความนี้ พระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 4 นี้ มีอายุล่วงแล้ว 132 ปี
    ส่วนพระเจดีย์พุทธคยานั้น เมื่ออังกฤษยึดครองอินเดียได้ในปี พ.ศ.2401 จึงเริ่มงานขุดค้นบันลือโลกที่ชื่อว่า โบราณคดี โดยอังกฤษได้จัดตั้งกรมโบราณคดีอินเดีย (Indian Archaeological Survey) ขึ้นในปี พ.ศ.2406 มี เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ชาวอังกฤษ ดำรงตำแหน่งอธิบดีคนแรก และคันนิ่งแฮมนี่เอง เป็นผู้ค้นพบพระพุทธศาสนาซึ่งถูกฝังแผ่นดินมานานถึง 656 ปี ให้เฉิดฉายอีกครั้งหนึ่ง
    การเข้าขุดค้นและบูรณะพระเจดีย์พุทธคยาของท่านคันนิ่งแฮมนั้น เป็นระยะเดียวกันกับพระเจ้ามินดุงแห่งพม่า ทรงมีพระราชศรัทธาเจรจากับรัฐบาลแห่งรัฐพิหาร อินเดีย ขอทำการบูรณะพระเจดีย์พุทธคยา รัฐบาลรัฐพิหารอนุญาต แต่ท่านว่านายช่างชาวพม่าขาดความรู้ทางด้านโบราณคดี น่าที่จะอนุรักษ์กลับกลายเป็นทำลายไปเสีย งานบูรณะของพม่าจึงชะงัก เพราะขัดแย้งกับคณะกรรมการฝ่ายอินเดีย แต่ทางพม่าก็อ้างว่า เพราะไม่จ่ายค่าต๋งต่างหากที่ทำให้แขกไม่พอใจ ก็ฟังหูไว้หู
    และนั่นเองจึงเปิดโอกาสให้ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม พร้อมด้วยคณะ คือ นายเจ ดีเบคลาร์ เข้าทำการขุดค้นและบูรณะบริเวณพุทธคยาอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ งานเริ่มในปี พ.ศ.2423 เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2427 กินเวลาทั้งสิ้น 4 ปีเต็ม บริเวณพุทธคยาจึงมีสภาพดังที่เห็นในปัจจุบัน


    ที่มา : http://www.alittlebuddha.com/P.M.Narin in India 2009/P.M.Narin in India 2009 04.html




    ภาพสถานที่อื่นในอินเดีย เชิญชมได้ที่ alittlebuddha.com Homepage of Wat Thai Las Vegas U.S.A.
    alittlebuddha.com Homepage of Wat Thai Las Vegas U.S.A.



    http://palungjit.org/threads/พระศรีมหาโพธิ์.260547/
     
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]


    http://palungjit.org/posts/5243129
     
  11. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    http://palungjit.org/threads/ร่วมสร...พื่อบรรเทาภัยพิบัติของผู้ปฏิบัติภาวนา.311956/
     
  12. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
     
  13. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    มีเรื่องที่ผมเป็นห่วงอยู่อย่างหนึ่งและค่อนข้างสวนกระแส ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ คือเรื่องพระมีเครื่องบินเพื่อใช้โปรดญาติโยม ผมเห็นว่าในโลกยุคโลกาภิวัฒน์(ผมหมายตามตัวอักษรวัฒนา ไม่เอาอภิวัตน์) การเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีโอกาสมากขึ้นในการโปรดญาติโยมในโลกที่แคบลงด้วยการคมนาคมและการสื่อสารโทรคมนาคม
    การที่พระสงฆ์จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกอาศัยฤทธิ์การประดิษฐ์ของมนุษย์ปัจจุบันในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นกระจายไปทั่วโลกเป็นเรื่องที่ควรจะทำได้ตามขอบเขตของพระธรรมวินัย โดยเฉพาะเมื่อญาติโยมมีกำลังศรัทธาเพียงพอ พระภิกษุสงฆ์จะได้มีโอกาสความเป็นไปได้มากขึ้น ในการอนุเคราะห์ญาติโยม ตามสมควรแห่งธรรม
    หากทำความเข้าใจแก่ญาติโยมที่เข้าใจผิดให้ดี โลกวัชชะข้อนี้ก็หายไปได้ เป็นโอกาสให้ครูบาอาจารย์ในคณะสงฆ์ มีโอกาสสะดวกในการเผยแผ่ธรรมะได้สะดวกมากขึ้นต่อไป

    ส่วนข้อกล่าวโจทย์ข้ออื่นผมไม่มีข้อมูลเพียงพอ จึงยังขออนุญาตไม่กล่าวถึงในที่นี้ครับ ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยอีกครั้งครับ
     
  14. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]

    บัณฑิตผู้มีกายวาจาสำรวม มีใจสงบสันติ มีปัญญาพินิจอยู่
    เมื่อเห็นสังขารเช่นความคิด ย่อมเห็นทุกข์ได้
    เห็นทุกข์ ย่อมเห็นเมตตาได้
    เห็นเมตตา ย่อมเห็นกำลังใจบารมี10ได้
    เมื่อเห็นบารมี10 ย่อมเห็นพระพุทธการกธรรมได้
    เมื่อเห็นพระพุทธการกธรรม ย่อมเห็นชัยบัลลังก์ได้

    พุทโธ โพเธยยัง
    มุตโต โมเจยยัง
    ติณโณ ตาเรยยัง
    พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ปัจจโย โหตุ
    เมื่อได้พุทธภูมิแล้วจักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิด้วย

    สาธุทุกบุญกุศลโดยดีงามของทุกท่าน
    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาโดยดีงามด้วยครับ
     
  15. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
     
  16. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]

    រយៈពេលសន្សំបារមីរបស់ព្រះសម្មាសម្ពុទ្ធ

    បញ្ញាធិក = 7+9+4 = 20 អសង្ខ័យមហាកប្ប
    និង 1 សែន មហាកប្ប ។
    សទ្ធាធិក = 14+18+8 = 40 អសង្ខ័យមហាកប្ប
    និង 1 សែន មហាកប្ប ។
    វីរិយធិក = 28+36+16 = 80 អសង្ខ័យមហាកប្ប
    និង 1 សែន មហាកប្ប ។
     
  17. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
  18. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]

    (พระพุทธองค์ทรงตรัสถึง “ผู้อดกลั้นไม่ได้โต้ตอบเป็นความชนะของบัณฑิต)

    ๐ พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ พราหมณ์อสุรินทกะทราบว่าเพื่อนรัก ไปบวชในสำนักพระพุทธเจ้า เขารู้สึกโกรธแค้นพระองค์มาก ได้รีบไปเฝ้าถึงที่ประทับ เมื่อพบพระพุทธเจ้าแล้ว เขาก็ระดมคำด่าอันหยาบคาย ใส่พระองค์จนนับไม่ทัน พระพุทธเจ้าทรงนิ่งให้เขาด่าข้างเดียว เขาด่าจนพอใจแล้วจึงคิดว่า พระพุทธเจ้ายอมแพ้ขาแล้วจึงพูดว่า

    ๐ “พระสมณะ! เราชนะท่านแล้ว พระสมณะ! เราชนะท่านแล้ว”

    ๐ พระพุทธองค์ตรัสตอบด้วยพระเมตตาว่า

    “ – คนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าชนะท่าเดียว
    - แต่ความอดกลั้นไม่ได้ตอบโต้ เป็นความชนะของบัณฑิต
    - ผู้ใดโกรธตอบคนผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นคนเลวกว่าผู้โกรธก่อน
    - ผู้ไม่โกรธตอบคนที่โกรธแล้ว ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก
    - ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบอยู่ได้ ย่อมเกิดคุณทั้งสองฝ่าย”

    สุดท้าย พราหมณ์อสุรินทกะเกิดความเลื่อมใส ทูลขอบวช ครั้นบวชแล้วไม่นาน ปลีกตนไปบำเพ็ญเพียร ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์.

    (อสุรินทกสูตร ๑๕/๒๒๖)

    เรื่องความโกรธนี้ ความคิดของชาวบ้าน มักจะสวนทางกับชาววัด ชาวบ้านถือว่าใครด่าเรา แล้วเราได้ด่าตอบจึงถือว่าสาสมกัน ยิ่งด่าจนอีกฝ่ายเงียบหมดคำด่า ถือว่าเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด
    แต่ทางพระหาได้ถืออย่างนั้นไม่ เมื่อมีใครด่าเรา ถ้าเรานิ่งเฉยได้ สงบได้ทั้งกายวาจาและใจ ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยม เพราะถือว่าชนะกิเลส คือความโกรธของตนเองได้
    พระพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านใช้วิธีนี้และก็ได้ผลดีมาตลอด ควรที่จะดำเนินตาม...
     
  19. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
  20. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ปัญญาบารมี ความรู้เพื่อการดับทุกข์

    [​IMG]
    ปัญญาบารมี ความรู้เพื่อการดับทุกข์
    “ดูก่อนสุเมธดาบส ท่านพึงบำเพ็ญปัญญาบารมี ภิกษุผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตร เดินบิณฑบาตตามลำดับตรอก ไม่เลือกว่าเป็นบ้านเศรษฐีหรือคนยากไร้ ขอเพียงได้อาหารพอยังชีพก็พอ ฉันใด ตัวท่านจงอ่อนน้อมเข้าหาครูทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นล่าง พึงเข้าไปหาบัณฑิต ไต่ถามปัญหา จะได้เป็นพระพุทธเจ้า”

    ครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี ฝึกตัวไม่ให้ไปยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่เกาะเกี่ยวในเบญจกามคุณทั้งห้า สลัดให้หลุดจากการครองเรือน หันมาทำใจให้เกาะเกี่ยวอยู่ในกระแสของพระนิพพานอย่างเดียว ครั้นตรวจตราต่อไปก็พบว่า อวิชชา คือ ความไม่รู้ครอบงำสรรพสัตว์ ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากภพสามไปได้ ดังนั้น จะต้องแสวงหาความรู้ ๓ อย่าง คือ สุตมยปัญญา คือความรู้จากการได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงต่างๆ จินตมยปัญญา ความรู้จากการไตร่ตรองทดลองและพิสูจน์ด้วยตนเอง และภาวนามยปัญญา ความรู้แจ้งอันเกิดจากการทำสมาธิ อยู่ในขั้นวิปัสสนามีความสว่างภายใน นำไปสู่การเห็นและรู้แจ้งตามความเป็นจริง แล้วทำลายอวิชชาให้หมดสิ้นไป

    แสวงหาปัญญาทางมาสู่ความรู้แจ้ง
    บางภพชาติท่านเกิดในยุคสมัยที่หาผู้คนจะรู้ธรรมสักบทก็ไม่มี แต่รู้ว่าหนุ่มจัณฑาลเป็นคนมีปัญญา ก็อ่อนน้อมถ่อนตนเข้าไปเรียนวิชา ด้วยตระหนักว่า “มหาสมุทรซึ่งเป็นที่ไหลมารวมกันของน้ำจากทุกสารทิศ จะต้องมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าพื้นที่ตรงต้นน้ำทั้งหลายฉันใด ผู้ที่ต้องการจะรับการถ่ายทอดคุณความดีจากคนอื่น ก็จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนก่อนฉันนั้น” หรือบางชาติแค่คำว่า เทวธรรมคืออะไร ก็ไม่มีใครูรู้ มีเพียงยักษ์ตนเดียวเท่านั้นที่มีอายุยืน เคยได้ยินได้ฟังมาจากผู้รู้ในอดีต ถ้าอยากรู้ต้องกระโดดเข้าปากให้ยักษ์กินเป็นค่าตอบแทน พระโพธิสัตว์ก็ยินยอมโดยไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงก่อนตายให้ได้ฟังคำว่า เทวธรรมคืออะไร ท่านค่อยๆ เริ่มสั่งสมปัญญาที่จะนำพาให้หลุดพ้นจากทุกข์ บางชาติท่านเกิดมาพร้อมด้วยสหชาตปัญญาที่เฉียบแหลมมาก ก็ใช้ปัญญาสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป


    เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตกาล พระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อเสนกะ เมื่อโตขึ้นเรียนจบศิลปะทุกชนิดจากเมืองตักศิลาแล้ว จึงได้เป็นเสนกบัณฑิต ทำหน้าที่เป็นอำมาตย์ที่ปรึกษาของพระราชา เสนกบัณฑิตเป็นผู้แสดงธรรมได้ลุ่มลึก ไพเราะ และสมบูรณ์ด้วยภูมิปัญญาที่หาใครเทียบไม่ได้ ที่สำคัญท่านเป็นรักษาศีลประพฤติธรรมเป็นปกติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...