ความรู้ในการตัดกิเลส คือ "ความรู้ยิ่ง"

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 22 สิงหาคม 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,176
    ถาม : ตอนที่เข้าถึงมรรคเบื้องแรก กับการที่ได้ฌานสี่แล้วน้อมใจเข้าอาสวักขยญาณ เป็นคนละแบบกันใช่ไหมครับ ?

    ตอบ : คนละแบบกัน คนที่เข้าถึงมรรคเบื้องต้นนั้น ความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างสุดจิตสุดใจจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ จะไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ลักษณะนั้นเขาเองใคร่ครวญเรื่องศีลนิดเดียวเท่านั้น สภาพจิตยึดมั่นในพระรัตนตรัย ไม่มีถอยหลังอยู่แล้ว แค่ชำระศีลของตนเองให้บริสุทธิ์เพื่อให้เข้าถึงผล

    ส่วนบุคคลที่ปฏิบัติเพื่ออาสวักขยญาณ เป็นสภาพจิตเพื่อดำเนินไปเพื่อตัดกิเลสในแต่ละลำดับขั้น ก็แปลว่ากำลังทำอยู่ แต่ทำแล้วจะได้ระดับไหน จะเป็นโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล แล้วแต่สติ สมาธิและปัญญาในช่วงนั้น

    ถาม : ผมเข้าใจว่าอาสวักขยญาณเป็นอภิญญา ?

    ตอบ : ยิ่งกว่าอภิญญาอีก เป็นอภิญญาแท้ๆ แต่คนเขาไม่พูดกัน

    ถาม : มรรคผลเทียบเท่ากับอภิญญาหรือครับ ?

    ตอบ : ถ้าอภิญญาทั่วๆ ไปก็เป็น โลกียะ เรื่องของพระอริยเจ้าเป็น โลกุตตระ แต่คราวนี้ว่าพระอริยเจ้าท่านไม่ได้กล่าวถึง แต่อาตมาอยากจะบอกว่า นั่นแหละอภิญญาจริงๆ อภิ = ยิ่งกว่า อัญญา = ความรู้ จะมีอะไรรู้เหนือกว่าการตัดกิเลส รู้ยิ่งต้องรู้ตัดกิเลส แต่คนเขาไปเน้นเรื่องอภิญญาโลกีย์มาก ไปยึดติดว่าอภิญญาต้องเป็นอย่างนั้น แต่ที่บอกว่า โลกุตรภิญญา..ใช่เลย

    ถาม : ถ้าเป็นปฐมฌานเขาไม่เรียกอภิญญาหรือครับ ?

    ตอบ : ถ้าเป็นของพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปเขาเรียก ผลสมาบัติ คือเข้าถึงผลระดับนั้นๆ

    ถาม : เรียกว่าอภิญญาหรือเปล่า ?

    ตอบ : ถ้าจะเรียกอภิญญาก็เรียกแบบของเรา คือ โลกุตรอภิญญา คราวนี้กำลังที่ตัดกิเลสตั้งแต่ระดับอนาคามีขึ้นไปจนถึงอรหันต์ ถ้าไม่ได้ฌาน ๔ คล่องตัว ก็ไม่ได้รับประทาน ถ้าได้ฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ แล้วมาตัดกิเลสระดับพระโสดาบัน หรือสกทาคามี ถือว่าใช้ของหนักมาเล่นของเบา เอาเครื่องมือหนักมาทำงานเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าถึงระดับของอนาคามีหรืออรหันต์นี่ ดีไม่ดีแทบจะไม่พอใช้งาน

    ถาม : ทำไมคนที่ได้สมาบัติถึงไม่เอาตรงนี้มาใช้ตัดกิเลส ?

    ตอบ : บางคนกำลังใจเขาไม่ไปด้วยซ้ำ ยังติดอยู่แค่นั้นเลย เข้าไม่ถึงความเป็นพระโสดาบันก็มี

    ดูอย่างพวกโยคีสมัยพุทธกาล ส่วนใหญ่ก็สมาบัติ ๘ ทั้งนั้นแหละ แต่ติดอยู่แค่นั้น พระพุทธเจ้า ท่านถึงเทศน์สูตรแรกคือ พรหมชาลสูตร ชาละ คือตาข่าย ตาข่ายดักพรหม ติดแค่พรหม ไปได้ไม่เกินนั้น คือเขาขาดตัวปัญญาในช่วงท้าย ในขณะเดียวกันก็คิดว่าการทรมานกายอย่างเดียวสามารถเข้าถึง โมกษะ คือความหลุดพ้นได้

    ตรงนี้แหละที่ พระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา ถ้าจะพูดถึง ตบะ ก็คือความอดทนในการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ตบะคือการทรมานตัวเอง


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๖


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3787&page=4




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...