นำเงินที่คนทำบุญมาในช่วงบวช แบ่งให้พ่อแม่ไปใช้เป็นบาปมัีย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย upanya, 17 สิงหาคม 2013.

  1. wichai68

    wichai68 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +154
    จริงครับที่พระรับเงินไม่ได้ แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปคืออย่างไรครับผมจะลองอธิบายให้ถ้าผิดพลาดประการใด
    ได้โปรดอย่าถือโทษ ขออดโทษซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วยเทอญ
    ยุคสมัยนี้คนแข่งกันทำบุญครับเชื่อว่าอยากมีเงินทองใช้ไม่ยากจนในชาติหน้าเพื่อตนเองแลผู้อื่น
    และเงินเป็นสิ่งที่สะดวกไม่ต้องมานั่งนึกว่าเราอยากได้อะไรแล้วจึงถวาย ถ้าเรามีเงินเราก็สามารถ
    ซื้อของที่เราต้องการได้ตามใจชอบครับ อาหารที่เราอย่กกินเราก็เชื่อว่าเราถวายไปตอนตายไปเราก็
    จะได้กินตามที่เราถวายไปครับ พระรับเงินไม่ได้แต่จะถวายให้ได้อานิสงฆ์มากๆอย่างไรครับ
    ในตอนแรกๆก็อาจจะรับเงินเพื่อประโยชน์ของวัดและสงฆ์ แต่ในยุคปัจจุบันปัจจัยก็รับมาตามธรรมเนียม
    แต่วัดมีเงินถวายเพียงพอต่อการบำรุงอยู่แล้วมากมายจึงกลายมาเป็นการสะสมเพื่อส่วนตนครับ
    เช่น ไว้ทำบุญ ไว้ซื้อสิ่งของที่ต้องการ เช่น แผ่นซีดีธรรมะ มุ้งที่พังแล้ว ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าหนังสือ
    เล่าเรียนที่ไม่มี หรือไม่เพียงพอ ซึ่งพระจะเอ่ยขอไม่ได้ ว่าจะขอสิ่งนั้นสิ่งนี้ ต้องเป็นของที่ถวายเท่านั้น
    เงินจึงเป็นตัวแปรคาบเกี่ยวระหว่างความจำเป็นกับการมีทรัพย์สมบัติเป็นของตนเองซึ่งเป็นอัตรายต่อพระสงฆ์
    ครับ เช่น การมีทรัพย์สินมากทำให้เป็นที่หมายตาของโจรที่ไม่เว้นแม้แต่ในวัด การไม่ละทิ้งซึ่งสิ่งที่เป็นกิเลส
    ซึ่งจะทำให้ติดอยู่กับโลก ทั่งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละรูปที่จะหักห้ามใจไม่รับ หรือรับไว้เพื่อปฏิบัติกิจให้ลุล่วง
    หรือเพื่อเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ขอบคุณครับ
     
  2. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุๆๆ ถ้าทุกๆท่านทำตามพระวินัยได้สมบูรณ์บริบูรณ์แบบเหมือนสมัยก่อนๆตอนที่พระอริยสงฆ์ยังสามารถแหาะเหินเดินอากาศได้ เชื่อว่าศาสนาขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วต้องอยู่(เลย5000ปีอย่างแน่นอน ) แต่นี้ท่านกำหนดศาสนาของท่านไว้แค่5000ปี มันก็ต้องเป็นไปตามยุคตามสมัย ถ้านักบวชท่านใดรักษาพระธรรมวินัยแบบแคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้วด้วยความเคารพพระธรรมวินัย ก็ขอกราบโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสาธุ สาธุ สาธุ ในฐานะพุทธศาสนิกชนผู้สงเคราะห์พระศาสนาย่อมยินดีปรีดาอย่างที่สุดๆ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  3. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ส่วนตัวผมเห็นด้วยและสนับสนุนผู้ที่ตั้งใจที่จะรักษาพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วอย่างแคร่งครัด อย่างสุดหัวใจ แต่ก็ไม่ต่อต้านสภาวะความเปลื่ยนแปลงของยุคสมัยที่เป็นไป ยุคสมัยเปลื่ยนการดำเดินชีวิตของโลกเปลื่ยน ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลย ท่านที่รักษาพระธรรมวินัย(เท่าชีวิต)ย่อมเป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นที่พึ่งของโลก กราบโมทนาอย่างสูง สาธุ สาธุ สาธุ อานุโมทามิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  4. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ขอเพิ่มเติมค่ะ

    อนาบัติ - ๑. เงินทองตกอยู่ภายในวัดก็ดี ภายในที่อยู่ก็ดี, ภิกษุหยิกยกเอาเองก็ดีใช้ให้หยิบยกก็ดี, แล้วเก็บไว้ด้วยตั้งใจว่า เป็นของผู้ใด, ผู้นั้นจักนำไปดังนี้ ๒. ภิกษุวิกลจริต ๓. ภิกษุอาทิกัมมิกะ ไม่ต้องอาบัติแล

    องค์แห่งอาบัิติ - ๑. ของนั้นเป็นทองและเงินที่เป็นนิสสัคคิยวัตถุ ๒. เฉพาะเป็นของตัว ๓. รับเองหรือให้เขารับหรือเขาเก็บไว้ให้ ยินดีเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง พร้อมด้วยองค์ ๓ ดังนี้ จึงเป็นนิสสัคยปาจิตตีย์ (บุพพสิกขาวรรณนา)


    ศีลระดับวินัยที่ได้บัญญัติวางไว้แล้วอย่างครบถ้วนสำหรับเป็นแบบแผนแห่งความเป็นอยู่ หรือเป็นระบบชีวิตด้านนอกทั้งหมดของชุมชนหมู่หนึ่งๆในทางพระพุทธศาสนา มีแบบอย่างที่เด่นชัดคือ วินัยของสงฆ์ ผู้ที่ได้ศึกษาและสังเกตจะเห็นว่า วินัยบัญญัติของสงฆ์มิใช่ศีลในความหมายแคบๆ อย่างที่มักเข้าใจกันง่าย ๆ แต่ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ทั่วไปที่เรียกว่าชีวิตด้านนอกของภิกษุสงฆ์ทุกแง่.. ด้วยเหตุนี้ในทางพระพุทธศาสนา วินัยจึงเป็นพื้นฐานที่รองรับไว้ซึ่งระบบชีวิตทั้งหมดที่เป็นแบบของพระพุทธศาสนา และเป็นที่อำนวยโอกาสให้การปฏิบัติตามหลักการของพระพุทธศาสนาดำเนินไปได้ด้วยดี วินัยของภิกษุสงฆ์เป็นเครื่องช่วยให้สงฆ์ เป็นแหล่งที่บุคคลผู้เป็นสมาชิกคือภิกษุสามารถเจริญงอกงาม ได้รับประโยชน์ที่พึงได้จากพระพุทธศาสนา เมื่อวินัยยังอยู่ สงฆ์ก็ยังอยู่ เมื่อสงฆ์ยังอยู่ ประโยชน์ที่บุคคลพึงได้จากระบบชีวิตแบบพุทธก็ยังคงอยู่.. (คัดมาจากหนังสือ.."พุทธธรรม" หน้า ๔๓๔-๔๕๑ ที่เขียนโดย พระธรรมปิฏก(ป. อ. ปยุตโต)

    เนื้อแท้อันตรธาน (พระไตรปิฏกบาลี สยามรัฐ ๑๖/๓๑๑/๖๗๒)

    ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว:กลองศึกของกษัตริย์พวกทสารหะ เรียกว่า อานกะ มีอยู่. เมื่อกลองศึกนี้มีแผลแตก หรือลิ, พวกกษัตริย์ ทสารหะได้หาเนื้อไม้ อื่นมาทำเป็นลิ่ม เสริมลงในรอยแตกของกลองนั้น(ทุกคราวไป). ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้งหลายคราวเช่นนั้น นานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้ของตัวกลองหมดสิ้นไป เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น;

    ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น: ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย, สุตตันตะ(ตัวสูตรส่วนที่ลึกซึ้ง) เหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึกซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมา กล่าวอยู่; เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญ ว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วน สุตันตะ เหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เหล่านั้น มากล่าวอยู่; เธอจักสำคัญไปว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.

    ภิกษุทั้งหลาย ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั้น ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วย เรื่อง สุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
     
  5. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เสียดายจัง น่าจะมีพระสงฆ์มาช่วยกันตอบมาให้ความรู้บ้าง นี่ให้ญาติโยมกินข้าวเย็นมานั่งตอบแทนถูกบ้างผิดบ้าง555555
     
  6. wichai68

    wichai68 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +154
    ถ้าเรื่องพระธรรมวินัยก็พระที่ท่านศึกษาทางปริยัติ น่านะช่วยไขข้อข้องใจได้ครับ เพราะจะอ้างอิงจาก
    พระไตรปิฎกครับ แต่ถ้าใครอยากรู้ก่อนผมแนะนำให้หาข้อมูลจาก google โดยพิมพ์ว่า
    "พระรับเงิน" site:pantip.com คุณได้คำตอบจากผู้ที่ใช้เวลาศึกษาและเขียนหนังสือธรรมะ
    มากมายครับ สาธุในความดีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
     
  7. Deep Blue

    Deep Blue เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +887
    ที่ชื่อว่า ทอง ตรัสหมายทองคำ.
    ที่ชื่อว่า เงิน ได้แก่กหาปณะ มาสกที่ทำด้วยโลหะ มาสกที่ทำด้วยไม้ มาสกที่ทำด้วย-
    *ครั่ง ซึ่งใช้เป็นมาตราสำหรับแลกเปลี่ยนซื้อขายกันได้.
    บทว่า รับ คือรับเอง เป็นนิสสัคคีย์.
    บทว่า ให้รับ คือให้คนอื่นรับแทน เป็นนิสสัคคีย์.
    บทว่า หรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้ ความว่า หรือยินดี ทอง เงินที่เขาเก็บ
    ไว้ให้ด้วยบอกว่า ของนี้จงเป็นของพระคุณเจ้า ดังนี้เป็นต้น, เป็นนิสสัคคีย์ทองเงินที่เป็นนิสสัคคีย์
    ต้องเสียสละในท่ามกลางสงฆ์.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุพึงเสียสละรูปิยะนั้น อย่างนี้:-
    วิธีเสียสละรูปิยะ
    ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่า
    นั่งกระหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
    ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้ารับรูปิยะไว้แล้ว. ของนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ, ข้าพเจ้า
    สละรูปิยะนี้แก่สงฆ์.
    ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ, ถ้าคนผู้ทำการวัด
    หรืออุบาสก เดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า ท่านจงรู้ของสิ่งนี้, ถ้าเขาถามว่า
    จะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่าบอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา. ควรบอกแต่ของ
    ที่เป็นกัปปิยะ เช่น เนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย, ถ้าเขานำรูปิยะนั้นไปแลกของที่เป็นกัปปิยะ
    มาถวาย เว้นภิกษุผู้รับรูปิยะ, ภิกษุนอกนั้นฉันได้ทุกรูป, ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี; ถ้าไม่ได้,
    พึงบอกเขาว่า โปรดช่วยทิ้งของนี้, ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี; ถ้าเขาไม่ทิ้งให้, พึงสมมติภิกษุ
    ผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ.
     
  8. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ข้อนี้ต้องปรับตามสมัย หากไม่มีปัจจัย ศาสนาคงอยู่ในป่า คนฟังธรรมก็ไปฟังในป่าในเขา ศาสนาจะวัฒนาสถาพรครบถ้วน5000ปี คงยาก
    พระพุทธองค์ทรงให้ละได้
     
  9. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ผมกลับคิดว่า สิ่งของที่พระภิกษุสงฆ์ได้รับการถวายมาจากญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา ไม่ว่าสิ่งของปัจจัยนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ข้าวของ เครื่องใช้ ภัตตาหาร เงิน ต้องตกอยู่ในธรณีสงฆ์เท่านั้น

    ส่วนปัจจัยต่าง ๆ ของพระ ถ้านำไปทนุบำรุงบิดามารดา เพราะท่านแก่เฒ่าไม่มีที่พึ่ง ไร้คนดูแล ขาดแคลนเครื่องใช้ ยารักษาโรค ก็สามารถนำไปให้ได้

    หรือจะนำไปบริจาคช่วยเหลือสงเคราะห์ให้ผู้ยากไร้ ขัดสน หรือ ขอทาน ก็ถือว่าเป็น ทาน อย่างหนึ่ง

    แต่ประเภท เอาเงินไปซื้อที่ดิน ปลูกบ้านหลังใหญ่โต ซื้อรถเก๋งให้ขับ
    ซื้อแก้วแหวนทองของมีค่า แบบนี้เรียกว่า เกินพอดี เป็นบาป 100 เปอร์เซ็นต์

    ผิดถูกอย่างไร รอผู้ชี้แนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2013
  10. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่งในศรัทธาและความเคารพในพระธรรมวินัยเช่นนี้..

    การทำบุญด้วยการถวายเงินแก่ภิกษุเป็นบุญที่ไม่มีปัญญาประกอบ และไม่รักษาพระภิกษุไว้ในคติที่ดีเพราะทำไปด้วย"ความไม่รู้" ครั้นทำแล้ว ย่อมได้"นาบุญที่เลว"ไปเสียเพราะการล่วงพระวินัยบัญญัติ...

    หากญาติโยมทราบการทำบุญที่ถูกย่อมยังรักษาพระศาสนาไว้ได้ด้วยดี แม้ภิกษุย่อมไม่ต้องอาบัติเพราะล่วงวินัย การทำบุญกับภิกษุผู้เป็น"นาบุญอันเลิศ"ย่อมปรากฏแก่ตนได้..

    เมื่อจะเอื้อเฟื้อพระภิกษุ เมื่อจะให้เงินพึงไปที่วัด มอบเงินให้ไวยยาวัจกร คือฆราวาสที่ดูแลกิจในวัด..หากไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น การหาสิ่งควรแก้ภิกษุบริโภคถวายแทนเงินก็เป็นบุญที่นำความบริบูรณ์มาสู่ตนได้..

    การช่วยพระล่วงวินัย ย่อมนำความเสื่อมมาสู่พระศาสนาด้วยเป็นช่องทางหากินของอปฺปิยบุคคลที่ปลอมตนนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์เข้ามา แล้วประพฤติตนด้วยอาการอปปิยต่างๆ เป็นเหตุให้ผู้ยังไม่เื่ลื่อมใสก็ไม่เื่ลื่อมใส ผู้เลื่อมใสอยู่ย่อมเสื่อมความเลื่อมใสลงไป ดังที่ปรากฏทั่วไปในเวลานี้ จะโทษใครได้เล่าหากไม่ใช่ตนเองที่ไม่ขวนขวายที่จะช่วยกันรักษาสิ่งที่ถูกต้องเหมาะึควร..
     

แชร์หน้านี้

Loading...