หลวงปู่หลุย พบเนื้อคู่ในอดีต ถึงกับซวดเซลงแทบจะล้มลงทั้งยืน

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย มองทุกมุม, 1 กรกฎาคม 2013.

  1. มองทุกมุม

    มองทุกมุม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2013
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +1,822
    หลวงปู่หลุย พบเนื้อคู่ในอดีต ถึงกับซวดเซลงแทบจะล้มลงทั้งยืน​



    ขอนำเอาชีวประวัดิ พระเดชพระคุณ หลวงปู่หลุย จันทสาโร จากหนังสือ จันทสาโรบูชา

    โดยคุณหญิงสุรีย์พันธุ์ มณีวัต ตอนหลวงปู่พบเนื้อคู่ในอดีต ถึงกับซวดเซลงแทบจะล้มลง

    ทั้งยืน มาให้ผู้สนใจในธรรมได้อ่าน ถือว่าเพื่อประดับสติปัญญา เพื่อนำมาประกอบกับเรื่อง

    ที่กำลังพิจารณาในกระทู้นี้กันนะ

    อดีตที่ฝังรอยมาจากบุพชาติ

    หลังจากที่เสร็จงานพิธีบรรจุอัฐิธาตุท่านพระอาจารย์บุญในเจดีย์ที่ก่อขึ้นมา ณ บริเวณวัดพระบาทบัวบกแล้ว หลวงปู่ก็ออกธุดงค์วิเวกมาทาง จ.เลย และเพชรบูรณ์ ทางสายนั้น ขณะนั้นยังเป็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด มีภูเขาใหญ่น้อยเรียงรายกันเป็นดุจทะเลภูเขา เวลาเย็นเห็นแสงพระอาทิตย์ส่องผ่านไปให้สีสันต่าง ๆ กัน เหมือนคลื่นภูเขาเหล่านั้นกำลังตีฟองคะนองอยู่ในอากาศ อากาศวิเวก ชวนให้ภาวนา ท่านเล่าว่า การเดินแบบนั้นได้ประสบรสแห่งความวิเวกอย่างดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้แทบจะหาความสงบสงัดวิเวกทำนองนั้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะได้มีรถยนต์เป็นยานพาหนะจะไปไหนมาไหนก็รวดเร็ว การสงบจิตติดตามไปมิได้วังเวงวิเวกเช่นการเดินด้วยเท้าดังครั้งก่อน

    ท่านแวะมาที่หล่มสัก ด้วยโยมมารดาของท่านมีพื้นเพภูมิลำเนาอยู่ที่นั้นจึงยังมีบ้านญาติบ้านพี่บ้านน้อง คนคุ้นเคยอยู่มาก ท่านมาถึงได้ทราบว่า บ้านญาติคนหนึ่งมีงานศพ นิมนต์พระไปสวดมนต์ ท่านก็ได้รับนิมนต์ไปในงานสวดมนต์นั้นด้วย

    หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ท่านไม่เคยคิดเลยว่า การแวะไปเยี่ยมญาติและสวดมนต์ในครั้งนั้น จะทำให้ท่านถึงกับซวดเซลงแทบจะล้มลงทั้งยืน

    ล้ม...ล้มอย่างไม่มีสติสตังเลยทีเดียว

    ท่านเล่าให้เฉพาะผู้ใกล้ชิดฟังว่า วันนั้นท่านกำลังสวดมนต์เพลินอยู่ ระหว่างหยุดพักการสวด เจ้าบ้านก็นำน้ำปานะมาถวายพระแก้คอแห้ง บังเอิญตาท่านชำเลืองมองไปในหมู่แขกที่กำลังนั่งฟังสวดมนต์อยู่เพียงตาสบตา ท่านก็รู้สึกแปล๊บเข้าไปในหัวใจ

    เหมือนสายฟ้าฟาด แทบจะไม่เป็นสติสมประดี

    ท่านกล่าวว่า เพียงตาพบแว้บเดียว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ท่านก็เซแทบจะล้ม เผอิญขณะนั้นท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้รับนิมนต์ไปด้วย ท่านคงสังเกตถึงอาการหรือว่าท่านอาจจะกำหนดจิตทราบเหตุการณ์ก็ได้ ท่านจึงเข้ามาประคองไว้ เพราะมิฉะนั้นหลวงปู่คงจะล้มลงจริง ๆ

    ฝ่ายหญิงที่นั่งอยู่ทางด้านโน้นก็เป็นลมไปเช่นกัน คงจะเป็นอำนาจความเกี่ยวข้องแต่บุพชาติมา ที่มาบังคับให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น


    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม

    ท่านบอกว่าในหัวอกเหมือนจะมีอะไร แต่ภายหลังได้พิจารณากลับมา และเมื่อท่านพระอาจารย์สิงห์ได้อธิบายให้ท่านทราบในภายหลังว่า การครั้งนี้เป็นนิมิต เนื่องจากบุพเพสันนิวาสท่านและสุภาพสตรีผู้นั้นเคยเป็นเนื้อคู่เกี่ยวข้องกันต่อมาช้านาน เคยบำเพ็ญบารมีคู่กันมาโดยเฉพาะเมื่อภายหลัง หลวงปู่ได้สารภาพถึงความในใจที่ตั้งปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพระอาจารย์สิงห์ก็อธิบายว่า เธอผู้นั้นก็คงได้ปรารถนา บำเพ็ญบารมีคู่กันมาเช่นกัน

    ท่านก็เลยเล่าว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่อีกองค์หนึ่งก็เช่นกัน ระหว่างที่มากรุงเทพฯเดินบิณฑบาตอยู่แถววัดสระปทุม ได้พบสตรีคนหนึ่ง นั่งรถสามล้อผ่านไป (สมัยนั้นในกรุงเทพฯมีรถสามล้อเป็นยานพาหนะด้วย-----ผู้เขียน) ท่านบอก เพียงตาสบตาเท่านั้น ความรู้สึกมันปล๊าบไปทั้งตัว แทบจะวิ่งตามเขาไป คราวนั้นพระเถระผู้ใหญ่ต้องให้สติและขังท่านไว้ในโบสถ์ พิจารณาดับความรู้สึกกันอยู่นาน ด้วยการเจริญอสุภะจึงสำเร็จ คราวนั้นหลวงปู่องค์นั้นท่านก็เล่าว่า ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ เขาจะไปที่ไหน อย่างไร ก็ไม่ทราบ แต่ใจมันวิ่งเตลิดตามเขาไป พิจารณาแล้วก็ได้ความเช่นกัน ว่าเป็นคู่ที่เคยมีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติก่อน อำนาจกรรมนั้นจึงมาประจักษ์ แต่หากว่าบุญบารมียังมีในเพศพรหมจรรย์ ท่านจึงปลอดภัยไปจากกรรมนี้ได้

    สำหรับกรณีของหลวงปู่ก็เช่นกัน แต่ของท่านนั้น เนื่องจากเป็นการปรารถนาพุทธภูมิเคียงคู่กันมา จึงมีอำนาจรุนแรงมาก และเนื่องจากว่า ฝ่ายหญิงมิได้พบกันแล้วก็ห่างกันไปแบบในกรณีของหลวงปู่องค์นั้น ต้องพบประจันหน้ากันอีกหลายครั้ง เนื่องด้วยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้คุ้นเคยกันประหนึ่งญาติ และมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาหลายชั้น ตั้งแต่ครั้งบิดามารดา ต้องพบเห็นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นการพบกันแล้วก็ผ่านจากไป เช่นนั้นอาจจะเป็นกรณีที่ง่ายหน่อย แต่การนี้หลังจากพบครั้งแรกแล้วนั้น ก็ยังต้องเห็นกันอีก กรณีจึงแตกต่างจากพระเถระครูบาอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานองค์อื่น ในชาตินี้ นอกจากที่ว่า ชั้นบิดามารดารู้จักคุ้นเคยกันประหนึ่งญาติพี่น้อง อาจจะเคยเห็นกันในสมัยวัยเด็ก แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายหญิงได้ถูกส่งตัวเข้ามารับการศึกษาในพระนครเสียตั้งแต่ยังเด็ก ได้รับการศึกษาชั้นสูง จึงแทบมิได้พบหน้ากันอีก เมื่อมาพบฝ่ายหญิงนั้น ท่านอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งเป็นกุลสตรีแสนสวย เป็นรอยแห่งอดีตที่มาพบพานกัน

    ความจริงท่านไม่เคยเล่าถึงรูปลักษณ์ของ “รอยอดีต” ของท่าน แต่บังเอิญผู้เขียนเกิดทราบขึ้นมาเอง

    วันนั้นเป็นเวลาที่มีการสนทนาธรรมกัน และหลวงปู่กำลังเทศนาอธิบายถึงแรงกรรม โดยเฉพาะกรรมเกี่ยวกับบุพเพสันนิวาส ที่พระเณรจะต้องประสบและจะต้องมีกำลังใจอย่างมากที่จะเอาชนะให้ได้ในที่สุด สุดท้ายวันนั้นท่านได้ยกกรณีของท่านขึ้นมาว่า องค์ท่านเองยังแทบเป็นลม ฝ่ายท่านนั้นพระเถระต้องเข้าประคองฝ่ายหญิงเป็นลม ญาติผู้ใหญ่และมารดาต้องเข้าประคอง ขณะฟังไม่ทราบว่าเพราะอะไร ผู้เขียนรู้สึกสว่างวาบขึ้นในใจ เข้าใจนึกถึงชื่อเธอขึ้นมา กราบเรียนท่านโดยเอ่ยชื่อเธอ...ว่าใช่ไหมสุภาพสตรีท่านนั้น

    หลวงปู่ค่อนข้างจะตกใจที่ทำไมศิษย์เกิดรู้จักขึ้นมาได้ แต่ท่านก็อึ้งและยอมรับว่าเข้าใจถูกแล้ว ฉะนั้นการพรรณนารูปร่างลักษณะของเธอ ซึ่งผู้เขียนเผอิญรู้จัก และมีความเคารพนับถือ...นับถือในอัจฉริยะของเธอ จึงเป็นการบรรยายจากผู้เขียนฝ่ายเดียว หลวงปู่ท่านมิได้เล่ารายละเอียดเหล่านั้น ผู้เขียนเพียงแต่ช่วยวาดภาพให้ท่านผู้อ่านได้นึกถึงเรื่องและเข้าใจตามไปด้วยเท่านั้น ว่าเป็นการยากลำบากและต้องการพลังใจอันเด็ดเดี่ยวเพียงใด ที่หลวงปู่ท่านจะสามารถตัดกระแสความผูกพันจากรอยอดีต โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่บารมีมาสำหรับการปรารถนาพุทธภูมิ

    “รอยอดีต” ของท่านเป็นกุลสตรีที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี จบการศึกษาชั้นมัธยมบริบูรณ์จากโรงเรียนสตรีที่มีชื่อทางภาษาต่างประเทศ นาน ๆ เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน ก็กลับไปแบบหญิงสาวสมัยใหม่ รูปสวย นัยน์ตาโตงาม มีคนหลายคนที่เล่าว่า เวลาที่เห็นเธอกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น เสมือนหนึ่งเห็นเทพธิดาล่องลอยอยู่ในฟ้า ขี่ม้าเก่ง แต่งตัวสวย แบบสาวชาวกรุงแท้ ผมสวย หน้าสวย

    ความจริงแล้ว เจ้าแม่นางกวยมารดาของท่านนั้น ก็เป็นผู้ที่มีชื่ออยู่มากในเรื่องแต่งตัวงาม ผมของท่านจะจับหย่ง ใช้ขี้ผึ้งจับจอนให้งดงาม เป็นที่เลื่องลือกันทั้งหมู่บ้าน และมีชาวบ้าน มีเพื่อนบ้านใกล้เคียง ผู้ที่เป็นหญิงสาวมักจะมาขอเรียนการทำผมที่ทำไมจึงจะสวยได้อย่างเจ้าแม่นางกวย กลายเป็นที่พูดกันว่า ท่านเป็นประหนึ่งผู้ทำผมให้กับหญิงสาวทั้งหมู่บ้าน แต่นั้นก็เป็นแบบผมในสมัยของท่าน

    กุลสตรีท่านนี้ เป็นแบบสาวสมัยใหม่ ผมงามแบบผมท่าน ขี่ม้าเก่ง และไม่ได้แต่งตัวแบบหญิงสาวชนบท สวมกางเกงขี่ม้าใส่รองเท้าท็อปบู๊ต ต่อมาภายหลัง หลังจากที่ต้องจากกันแล้ว เมื่อเธอกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร เธอก็ได้มามีชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ที่รักหนังสือทั้งหลาย เข้าใจว่า ผู้ที่มีอายุประมาณ ๕๐ ปีขึ้นไปนั้นจะต้องเคยได้ยินชื่อของเธอมามาก

    หลวงปู่จึงเล่าภายหลังว่า ท่านรู้สึกเหมือนกับว่า หัวอกแทบจะระเบิด อกกลัดเป็นหนอง แต่ใจหนึ่งก็คิดมุ่งมั่นว่า จะต้องบำเพ็ญเพศพรหมจรรย์ต่อไป

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เข้าใจในความรู้สึกของหลวงปู่ผู้เป็นศิษย์ใหม่ได้ดี ท่านจึงจัดการพาตัวหลวงปู่รีบจากหล่มสักมาโดยเร็วที่สุดหลวงปู่กล่าวว่า ไม่ใช่เป็น การพาตัว มาอย่างธรรมดา แต่เป็น การควบคุมนักโทษ ผู้นี้ให้หนีออกมาจากมารที่รบกวนหัวใจแต่โดยเร็ว หลวงปู่กล่าวว่า เป็นการเคราะห์ดีอย่างยิ่งที่บังเอิญเจ้าภาพที่หล่มสักนั้นได้นิมนต์ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ไปร่วมในงานศพในครั้งนั้นด้วย หากไม่มีพระเถระช่วยให้สติปรับปรุงแถมยังคอยควบคุมตัว ท่านว่า ไม่ทราบว่าจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้หรือไม่ ท่านได้เห็นจริงในตอนนั้นว่า มาตุคามเป็นภัยแก่ตนอย่างยิ่ง เมื่อพระอานนท์กราบทูลถามสมเด็จพระพุทธองค์ว่า ควรปฏิบัติต่อมาตุคามเช่นใด พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “ไม่ควรมอง ถ้าจำเป็นจะต้องมอง ก็ไม่ควรพูดด้วย ถ้าจำเป็นจะต้องพูดด้วย ก็ให้ตั้งสติ” ท่านตรัสบอกขั้นตอนปฏิบัติต่อมาตุคามเป็นลำดับ ๆ ไป แต่นี่หลวงปู่เพียงโดนขั้นแรก มอง ก็ถูกเปรี้ยงเสียแล้ว ถ้าเป็นนักมวยก็ขึ้นเวทียังไม่ทันจะเริ่มต่อย ก็ถูกน็อค

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม นี้เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของท่านพระอาจารย์มั่นต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็น ที่ พระญาณวิศิษฏ์ ท่านได้เห็นพระรุ่นน้องแสดงกิริยาดูน่ากลัวว่าจะพ่ายแพ้อำนาจของกิเลส ถ้าเป็นนักสู้ ก็เป็นนักสู้ที่ยินยอมจะให้เขายกกรีธาพาเข้าสู่ที่ประหารชีวิตแต่โดยดี ไม่พยายามฝืนต่อสู้แต่อย่างใด

    ท่านจึงควบคุมนักโทษ "ซึ่งเป็นนักโทษหัวใจ" ผู้นั้น รีบหนีออกจากหล่มสักโดยเร็ว ออกมาจากสถานที่เกิดเหตุคือเมืองหล่มสักโดยเร็วที่สุด เที่ยววิเวกลงมาตามป่าตามเขา และเร่งทำตบะความเพียรอย่างหนัก

    ท่านพระอาจารย์สิงห์สนับสนุนให้หลวงปู่อดนอน อดอาหาร เพื่อผ่อนคลายความนึกคิดถึงมาตุคาม ให้เร่งภาวนาพุทโธ...พุทโธถี่ยิบ และนั่งข่มขันธ์ แต่ความกลับกลายเป็นโทษ เคราะห์ดีท่านไม่ตามนิมิต ซึ่งแทนที่จะยอมสิโรราบตามเคราะห์กรรมที่มีอยู่เช่นนั้น เพราะเคยมีกรรมต่อกันมาเช่นนั้น ทำให้พอเห็นก็มืออ่อนเท้าอ่อน ยอมตายง่าย ๆ ท่านกลับเข้าหาครู เชื่อครู เล่านิมิตถวาย ท่านพระอาจารย์สิงห์ท่านได้โอกาส จึงได้อบรมกระหน่ำเฆี่ยนตีทันควัน

    ท่านกล่าวว่า ตัวท่านผ่านเหตุการณ์อันน่าสยดสยองมาได้แล้ว


    สรุปคือว่าประวัติครูบาอาจารย์ที่ท่านสามารถผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้นั้นมีอยู่ สุดท้ายท่านก็

    ข้ามพ้น กิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมไปได้ บรรลุธรรมที่ไม่ต้องเวียนมาเสพกามอีก

    ต่อไป ส่วนผู้ที่ไม่สามารถผ่านไปได้ ...ก็ถือว่าเป็นกำลังใจของแต่ละบุคคล...ก็น่าจะเป็นข้อยุติเรื่องนี้

    ส่วนตัวข้าพเจ้าแล้วไม่อยากให้นำเรื่องนี้ มากล่าวเป็นเหตุให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ผู้หนึ่งผู้ใดอีกเลย

    ผู้สนใจอ่านฉบับเต็ม...http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-louis/lp-louis-hist-04-01.htm
     
  2. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุ สาธุ สาธุ ทองแท้ย้อมไม่กลัวไฟ ขอกราบแทบบาทพ่อแม่ครูอาจารย์
     
  3. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ขอกราบอนุโมทนาด้วยค่ะ ได้ความรู้มาประดับสติปัญญาจริง ๆ
     
  4. อริยะ ชน

    อริยะ ชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,042
    กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
     
  5. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    ผมเองก็โดนบุพเพสันนิวาสเล่นงานอยู่เช่นกัน
     
  6. avatar7

    avatar7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    313
    ค่าพลัง:
    +116
    อนิจจัง ความไคร่ ใครได้พบ
    ก็ประสบ ความทุกข์ อยู่แน่นอก
    สาธุ สาธุ สาธุ
    อยากอยู่อย่างสันโดดจัง จะทำได้ใหมหนอออออ
     
  7. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    Tell me where is fancy bred,
    Or in the heart, or in the head?
    How begot, how nourished?
    Reply, reply.
    It is engender'd in the eyes,
    With gazing fed; and fancy dies
    In the cradle where it lies.
    Let us all ring fancy's knell
    I'll begin it,--Ding, dong, bell
    พระราชนิพนธ์แปลความว่า

    ความเอยความรัก เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
    เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
    แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
    ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย


    ตอบเอยตอบถ้อย เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
    ตาประสบตารักสมัครไซร้ เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน
    แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัคร เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ,
    ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย
     
  8. CITYNAVYMAN

    CITYNAVYMAN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +97
    ท่านกล่าวว่า ตัวท่านผ่านเหตุการณ์อันน่าสยดสยองมาได้แล้ว


    สรุปคือว่าประวัติครูบาอาจารย์ที่ท่านสามารถผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้นั้นมีอยู่ สุดท้ายท่านก็

    ข้ามพ้น กิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรมไปได้ บรรลุธรรมที่ไม่ต้องเวียนมาเสพกามอีก

    ต่อไป ส่วนผู้ที่ไม่สามารถผ่านไปได้ ...ก็ถือว่าเป็นกำลังใจของแต่ละบุคคล...ก็น่าจะเป็นข้อยุติเรื่องนี้

    ส่วนตัวข้าพเจ้าแล้วไม่อยากให้นำเรื่องนี้ มากล่าวเป็นเหตุให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ผู้หนึ่งผู้ใดอีกเลย

    ผู้สนใจอ่านฉบับเต็ม...http://www.dharma-gateway.com/monk/m...hist-04-01.htm

    ผมได้อ่านประวัติฉบับเต็มของหลวงปู่หลุย จันทสาโร แล้ว มีความซาบซึ้งในเมตตาขององค์ท่านมาก ทำให้คิดขึ้นได้ว่าเรามีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ อยู่ในประเทศไทย ได้นับถือพุทธศาสนา มีพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่ทรงคุณธรรมเลิศ และมีพระอริยเจ้าอีกมากมายให้เราได้กราบไหว้บูชา นับว่าเป็นโชคดีที่สุดแล้ว ขอนุโมทนาสาธุ ด้วยครับ
     
  9. Greenpleace

    Greenpleace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2012
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +8,768
    ครับ แม้เจ้าชายสิทธัตถะ ก็ทรงอภิเศก กับพระนางพิมพา ซึ่งเกื้อกลูกันมามายมาย

    หลายภพหลายชาติ จนชาติสุดท้าย

    แล้วพระองค์ทรงออกบวช และตรัสรู้ สัมมาสัมโพธิ์ญาณ ครับ

    ซึ่งพระนางพิมพาเองก็ออกบาชเป็นภิกษุณีภายหลัง และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    เพราะกรรมหรือบุพเพของแต่ละบุคคลนั้น ไม่เหมือนกันครับ สำหรับคนที่มีครอบครัว หรือ แต่งงานแล้ว

    ก็อย่าได้ท้อ หรือ คิดว่าปฏิบัติธรรม ไม่ถึงระดับที่เราตั้งความปรารถนา ให้ตั้งสติรู้แล้วทำไปตามสภาพนะครับ

    โมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...