หลงทาง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 3 พฤษภาคม 2013.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องแปลกใจในการเจริญภาวนา...
    อันนี้เป็นข้อสงสัยส่วนตัวของผม...
    เรื่องมีอยู่ว่า...

    หลวงพ่อซึ่งท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้แนะนำอบรมสั่งสอนศิษย์เพื่อให้ได้เห็นธรรม...
    เมื่อท่านมรณะภาพไป ลูกศิษย์ท่านขึ้นมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน
    เมื่อเป็นเจ้าอาวาสแล้ว เรื่องการเจริญภาวนาก็น้อยลง มีเรื่องนั่งเทศน์เสียเยอะ ติดกิจนิมนต์ต่างประเทศ จนแทบไม่มีเวลาอยู่วัด จนพระลูกวัดต่างก็ไม่สนใจประพฤติปฏิบัติธรรม...

    หากผมจะเปรียบเทียบธรรม ที่ปรากฎแก่จิตของตน เป็นเครื่องรู้เครื่องเห็นให้เกิดความหลุดพ้น ธรรมอันประเสริฐนี้เปรียบดั่งเพชรเม็ดงาม ซึ่งหากฝังอยู่ใต้แผ่นดินที่วัดนั้นแล้วเป็นจำนวนมาก ผมเชื่อว่า ผู้ที่ขุดได้เพชรนั้นแล้ว จะไม่พอใจเพียงเพชรเม็ดเดียว จะต้องขุดต่อ และการขุดต่อจะมีกำลังใจมากขึ้นเพราะได้พิสูจน์เห็นแล้วเป็นเพชรจริงๆมีค่ามากมายมหาศาล....ต่อให้ไม่มีจอบ ไม่มีแบ็คโฮล์ เหลือแค่ช้อนก็จะขุดหาเพชรเหล่านั้น...

    ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ที่ได้เห็นธรรมอันปรากฎแก่จิต จนเป็นเหตุให้ละความยึดมั่นถือมั่นได้แล้วนั้น ขึ้นชื่อว่าจะละความเพียร ไม่ประพฤติปฏิบัติธรรมต่อไปนั้น ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คงจะมีแต่ว่าพากันเร่งรัดความเพียรให้ยิ่งๆขึ้นไป เพื่อให้ได้พบสภาวะธรรมอื่นๆอีก ลักษณะอาการอย่างนี้ผมเห็นในพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น เป็นต้น...

    ผมดูตัวผมเอง เวลานั้นที่เจริญภาวนา ถึงเวลามันจะต้องตายคาทางจงกรม ผมก็ยอมตายตรงนั้นจริงๆ พอมันเห็นว่าพร้อมจะตายจริงๆ กิเลศมันกลัว มันก็เปลี่ยนมาให้พิการเสีย ดูว่าจะยอมไหม ที่ว่าเสียสละอวัยวะรักษาชีวิต ยอมเสียทั้งอวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาธรรมนั้น...เอาเข้าจริงผมไม่รู้ว่ามีใครจะยอมบ้างนะ...เห็นส่วนมากมีแต่บอกกับตัวเองว่า ไม่เป็นไรวะ..วันหน้ายังมีเวลานี่หว่า...เฮ้ย..อย่าเลยน่า นั่นมัน อัตตกิลมถานุโยค เป็นส่วนสุดไม่ควรทำ...(ผมนะ..ถุย..น้ำหน้าอย่างนี้ ฝึกมาแค่เนี๊ยะ..มันยังไกลจากอัตตกิลมถานุโยคอีกหลายล้านปีแสง...)
    ผมทำมานี่ถึงเวลาต้องวัดใจ ผมยอมหัวเข่าแตก จะพิการก็ยอม..หมอนรองกระดูกร้าว เพราะเดินจงกรมกันหนัก ผมยอมทำทุกอย่าง ถึงได้เห็นธรรมที่ปรากฎขึ้น แม้เพียงครั้งเดียว ก็ทำให้สิ้นสงสัย ... และหลังจากนั้นมาผมก็ยังคงฝึกต่อไป ฝึกเหมือนเดิม เพราะผมมั่นใจแล้วว่า การเจริญสติเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การทำความเพียรให้ยิ่งยวดนั้น จำเป็นต่อการเจริญภาวนา...

    ที่ปรารถเรื่องนี้เพราะว่า ผมเคยเจอศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านนึงฝึกสติ ทำไม่ถูก .. ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปแนะนำ เพราะเห็นว่า ไม่ได้สนใจจะถาม ก็ไม่ตอบ ไม่สอน สอนไปเดี๋ยวจะหาว่า เสือก หรือเปล่า...ต่อเมื่อท่านผู้นั้น สนใจจะฝึกจริงๆ จึงได้แนะนำไปว่าตรงจุดไหนที่ผิด ให้แก้ไขใหม่ เมื่อแก้ไขไปแล้ว วันรุ่งขึ้น ท่านนี้กลับมาขอบคุณหลายครั้ง เพราะได้รู้แล้วว่า ความก้าวหน้าของการเจริญสติมันเป็นเช่นนี้เอง...

    ผมเองเสียดายว่า หลวงพ่อเจ้าอาวาส มัวแต่ไปไต้หวันบ้าง อเมริกาบ้าง แต่ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินเจ็ทไปนะ...ท่านไม่เสียดายธรรมะที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสมสั่งสอนมาหรือ...แล้วท่านไม่แนะนำแม้ศิษย์ใกล้ชิด เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องเลยหรือ....ท่านพอใจกับเพชรเพียงเม็ดเดียวจริงๆหรือ??? หรือว่า ที่ท่านขุดเจอมันยังไม่ใช่เพชร....
     
  2. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ผู้อาวุโส ช้วยแก้ให้หน่อยสิ
    ในครั้งหนึ่ง พระท่านผู้มีอภิญญา ท่านบอกให้ผมไปปฎิบัติให้รู้เห็น เป็นเวลา3คืน

    คื่นสุดท้ายเกิด อากาศวิปริด ในขนะนั้น ก็เกิดการหลงขึ้น ไม่อยากให้อากาศที่ปันป่วนนั้นไปรบกวน
    การปฎิบัติของคนอื่น พอผมออกจากทางจงกรมแค่นั้นแหละ ท่าน อากาศกลับมาสงบ ซะงั้น

    ผมนี้ถ้าจะบ้า อยากให้ผู้อาวุโสแก้ให้หน่อย เผื่อได้รู้เห็นกับเขามั่ง ไอ้อาการเห็นผิดๆ หลงๆ อย่างนี้

    หลังจากนั้น พระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้ชวนให้ไป ปฎิบัติอีก แต่ผมก็นานๆ ไป ทุกวันนี้ก็ ไม่มีอะไร มีแต่มืดสิบด้าน

    ก็อย่างว่า คนขี้เกลียด จะเอาอะไรกับผม มันก็ต้องมืดต่อไป
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    [/COLOR][/SIZE]

    ทำมาถึงตรงนี้ถึงได้รู้ว่า ... กฎของกรรมนั่นเองที่บังคับให้เราต้องทำเช่นนี้ ความจริงผมถูกกำหนดมาแต่ต้นแล้วว่าให้ต้องมาเปลี่ยนแปลงชะตากรรมตัวเองในลักษณะนี้... ตอนนี้ถึงได้รู้แล้วว่า ผมไม่มีทางพ้นกฎของกรรมได้เลย ตราบใดที่ยังเข้าไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน...ความหลงผิดคิดจะสู้เพื่อให้เป็นผู้ลิขิตกรรมได้ด้วยตัวเอง มันช่างเหมือนที่เขาเขียนให้เฮ้งเจียตีลังกาไปไกลแสนไกล แต่ก็ยังไม่พ้นนิ้วทั้ง 5 ของพระยูไล...นิ้วทั้ง 5 ของพระยูไลจะแทนด้วยธรรมะข้อใด???? ช่วยกันเดาที....

    เพราะชะตากรรมที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วนั้น คือชะตากรรมที่กฎของกรรมกำหนดไว้ให้เราต้องไปเปลี่ยนแปลงใหม่ แม้ว่าทางโหราศาสตร์จะทำนายไม่ได้แล้ว แต่เมื่อล่วงรู้กฎของกรรมแล้ว ก็จะรู้ได้ว่า หลังชะตากรรมใหม่จะต้องเจอเข้ากับอะไรบ้าง...ใครอยากลองเปลี่ยนแปลงชะตากรรมดูบ้างก็ได้ มาลองบ้าด้วยกันไหม...แล้วดูว่าผลจากนั้นที่เกิดขึ้นกับชะตากรรมใหม่...จะเป็นยังไง..ไม่ใช่รับได้หรือไม่ มันต้องรับของมันไปต่างหาก...แต่นั่นแหละนะ ถ้าไม่บ้าอยากรู้ มันก็คงไม่ได้ลอง แล้วไม่ได้รู้เหมือนอย่างทุกวันนี้...


    ส่วนเรื่องหากินกับความฝันก็คือ..การฝันเอาว่าได้ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เราหลงรักอยู่ ตรงนี้แม้ไม่ผิดศีล แต่สำหรับพระอนาคามีไปแล้วจะไม่มีตรงนี้อีก...ส่วนตัวผมเห็นว่า แม้ผู้ฝึกสติ ในหมวดมหาสติปัฎฐาน 4 นั้น ก็รู้เท่าทัน ไม่ละเมิดแม้ในฝัน แต่เนื่องจากศีล 5 ที่กำหนดนั้น ถือเอากายเป็นสำคัญ ดังนั้น หากินกับความฝันจึงไม่นับว่าผิดศีล เป็นวิธีการเลี่ยงแบบแถกๆไป..ผู้ชายบางคนก็ถือเอาการช่วยตัวเองว่าไม่ผิดศีลเช่นกัน เพราะยังไม่ได้บวชพระจึงไม่ผิดอีก...นี่เป็นความหมายทั่วๆไปที่เข้าใจกันน่ะครับ...(เล่าตรงไปฤป่าวเนี่ย)[/COLOR][/SIZE][/QUOTE]


    ใจดิฉันหล่นแป้วไปแล้วจริงๆ เคยมุ่งมั่นจะขออีก ๗ ชาติเป็นอย่างมาก ส่วนพระนิพพานเป็นของสูง แต่ก็ยังแอบหวัง...
    ตอนนี้เหมือนหมาเห่าเครื่องบินเลยค่ะ ร้อง หงิงๆ แล้วเนี่ย (cry)..

    ฟังดูเหมือนหุ่นเชิดเลย ไม่สิ เหมือน .. เหมือนตัวละครในหนังชุดเลย ..
    แต่เราก็ต้องเล่นให้จบบทใช่ไหมคะ งั้นไม่ต้องนับแล้วค่ะ ของท่าน ๑๔ อสงไขย กำไรอีกเกือบแสนกัป ดิฉันไม่ใช่หน่อพุทธภูมิ แต่.... จะรอดก่อนนี้ไหม .. ถ้าไม่ กว่าจะพ้นคิวของท่าน และระหว่างที่รอคิวท่านอื่นอีก เง้ออออ .. ไม่อยากคิดค่ะ เดี๋ยวเป็นบ้า :':)':)'(


    ส่วนเรื่องความฝัน เข้าใจแล้วค่ะ เป็นแบบนี้เอง แหมม.. แค่ตั้งไข่ ก็มาลองกันแล้ว แต่ก็ได้รู้ว่ากำลังใจตัวเองเป็นไง สติปัฏฐาน ๔ ก็ยังเป็นทางเอกอยู่นั่นเอง

    สาธุค่ะ

     
  4. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    จากชั้นพรหมลงสู่โลกมนุษย์ หลังจากได้ทบทวนฌานในสิ่งที่ได้ไปพบมาแล้ว
    จนแน่ใจ อันนี้สำคัญมากเพราะพญามารจะสามารถเนรมิต สิ่งต่างฯ หลอกเราได้
    เมื่อสิ่งนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เราก็แจ้งความประสงค์ของ ดวงเทพฯ
    ที่มาจากชั้นพรหม ว่าจะมาเลือกเกิดกับคุณ มาลี คุณมาลีนั้นถือว่าห่างจากวัดวามาก ก็เหมือนชาวพุทธ ตามทะเบียนบ้านทั่วไป ที่ชอบทอดผ้าป่า กฐิณ
    แต่ไม่เคยคิดจะสวดมนต์ภาวนาเลย แต่ท่านอย่าพึ่งท้อใจครับ อ่านไปให้จบเรื่องก่อน เมื่อคุณมาลีได้ฟังเราพูดบอกเช่นนั้น ก็ยิ้มเฉยฯ แต่พอ ๑เดือนผ่านไปเธอมาสารภาพกับเราว่า ที่เราได้บอกเธอใว้คราวก่อน เธอคิดในใจว่า ผู้เขียนนี่บ้าไปหรือเปล่า จะตั้งท้องมาเกิดได้อย่างไร ยาคุมก็ทานอยู่ประจำไม่เคยขาด  หนึ่งเดือนครบพอดี อาการเริ่มของคนแพ้ท้องออก  มาให้เห็นตามที่ได้บอกใว้
    ๑ เดือนผ่านไปคราวนี้เริ่มแพ้ท้องหนัก เริ่มเหม็นกลิ่นมนุษย์ ทานเนื้อสัตว์ไม่ได้
    นมวัว ก็ไม่ได้  เลย ผู้เขียนแน๊ะนำให้ทานผัก และรักษาศีล สวดมนต์ภาวนา
    เธอเริ่มอ่านหนังสือสวดมนต์จบเล่ม และงดทานเนื้อสัตว์ หันมาทานแต่ผัก
    พอครบ ตั้งท้องได้หกเดือน ก็มีหมอดูลายเท้า ชื่อ พิสมัย ที่มีชื่อเสียงในอดีตผ่านมาทางบ้าน หมอดูลายเท้าคนนี้เคยถูกเชิญเข้าไปดู ลายเท้าให้ พันเอก
    ณรงค์ กิติขจร สมัยนั้น มีทั้งพ่อเป็นนายกและพ่อตาเป็นจอมพลคุมกองทัพทหาร หมอดู หลังจากดูลายเท้า พันเอกแล้วก็บอกท่านว่า จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่
    หมอเลยถูกทหารคนสนิทหิ้วปีกสองข้างออกจากบ้านแทบไม่ทัน โชคดีที่ไม่ได้ถูกเชิญให้รัปทานอาหารค่ำ มี่หวังได้ทานยำใหญ่ พอไม่นานก็เกิด
    ๑๔ ตุลาคม   ๕๕   ย้อนกลับมาเข้าเรื่องที่หมอดูลายเท้า พอดีแวะมาพัก
    ที่บ้านเลย ถือโอกาส ดูลายเท้าให้คุณมาลี หมอดูบอกว่า จะได้บุตรชาย
    และจะต้องผ่าออก  ผู้เขียนเลยบอกว่าคุณมาลีจะได้บุตรหญิง และจะคลอดเอง  
    เมื่อถึงกำหนด คุณมาลีก็คลอดเองโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด บุตรมาเป็น บุตรหญิง ดังที่ดวงเทพท่านประสงค์ใว้ (สาเหตุที่หมอดูลายเท้าท่านทายผิดหมดเพราะดวงเทพฯท่านบังใว้ไม่ให้รู้ )แต่เติม และตั้งชื่อว่า บาบาร่า  มีชื่อเล่นว่า ลัดฟ้า พอเด็กเริ่มเติบโต
    ขึ้นมาหน่อย ก็เริ่มแพ้นมวัวอีก  แพ้อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิด อีกตามเคย
    แต่ที่แปลก เมื่อ หนูลัดฟ้า อายุได้สองขวบ พอถึงวันพระสิบห้าค่ำ หนูลัดฟ้า
    จะไปยืนแอบหลบ ทานข้าวเปล่าที่เอามาปั้นเองเป็นรูปไข่ เพียงสองสามก้อน
    แล้วจะไม่ยอมทานอะไรอีกเลย ตลอดทั้งวัน หนูลัดฟ้าทำอย่างนี้จนถึง ๗ ขวบ
    พอเข้าโรงเรียนได้ ขอเก่าฌานที่เคยได้จากอดีตชาติเริ่มออกมา ปรากฏ
    ให้เห็นชัด หนูลัดฟ้าถอดจิตคล่อง  และเริ่ม รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น วันหนึ่ง
    หนูฟ้าได้นั่งรถไปกับคุณแม่ อยู่แล่นบนถนนใหญ่ ตามรถบรรทุกอยู่ที่บรรทุกของมาจนเต็ม คันรถ หนูฟ้าเอ่ยบอกว่าแม่ฯ ให้ขับรถช้าฯลงหน่อยประเดี๋ยวของจากรถบรรทุกจะล่วงลงมาบนถนน ให้แม่เปลี่ยนเลน ขับมาทางขวามือแทน
    เมื่อย้ายเลน เสร็จ ของที่ถูกมัดอย่างแน่นหนา ก็ล่วงกระเด็นลงมากระจัดกระจาย
    อยู่เต็มท้องถนน ทันที เวลาไปเรียน หนูฟ้า เริ่มอ่านหนังสือได้โดยที่ไม่มีหนังสือ
    คืออยากจะอ่านหนังสือหน้าไหน ก็ใช้มือเปิดกับอากาศเปล่าฯตัวหนังสือก็จะลอยมาให้เธอเห็น  พอถึงคราวทำข้อสอบ พออ่านโจทย์จบ คำตอบก็ลอยมาให้เห็น เลยมาถาม ลุงผู้เขียนว่าอย่างนี้เรียกว่าโกงหรือเปล่าจ้ะลุง ลุงก็ตอบว่า
    ไม่หรอกจ้ะมันเป็นของเก่าที่ติดมาจากอดึตชาติ หนูลัดฟ้าเลยดูเหมือนจะได้เปรียบกว่าคนทั่วไป  พอหนูลัดฟ้าอายุได้สิบสี่ปี  เธอเริ่มได้ยินเสียเปรต
    และอมนุษย์ต่างฯ  เริ่มมีหู ทิพย์ และตาทิพย์ เริ่มเห็นแสงออร่า และรัศมีของ
    คนที่ปฏิบัติธรรม และเริ่มสัมผัสวิญญาณที่มารอขอส่วนบุญไม่เว้นแต่ละวัน
    พักก่อน ตอน  ๒   จิบน้ำชา แล้วจะมาเขียนต่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      84
    • 57 flower.JPG
      57 flower.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      127
    • 60 flower.JPG
      60 flower.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      72
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2013
  5. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ปล. คำตอบไม่แรงไปหรอกค่ะ ถามซื่อๆ ตอบซื่อๆ เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่รู้ และเข้ามาศึกษาค่ะ สาธุ
     
  6. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ท่าน คมสันต์ จิบน้ำชาเวลานี้ ส่วนดิฉันคงต้องจิบกาแฟไปพลางๆ แต่คงรอได้ไม่นาน เดี๋ยวต้องตื่นเช้าไปวัดทำสังฆทาน ..
    เอาไว้ตอนค่ำๆคงกลับมาอ่านต่อนะคะ น่าอิจฉาน้องลัดฟ้า อยากได้ข้อสอบแบบที่รู้คำเฉลยแบบนี้บ้างจัง ..

    ดูแลธาตุขันธ์ด้วยนะคะ ท่าน คมสันต์ สาธุค่ะ
     
  7. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ขอบคุณครับที่เป็นห่วงเราเองนอนสามถึงห้า ชม บางวันขยันหน่อย
    ก็นอนเพียงชม เดียว เคยสามวันสามคืนไม่นอนเลย จิตมันตื่นสว่างไสวมาก
    นอกจากรักษาคนป่วยหน้าไมด์และหลังไมด์ แล้วก็คอยตอบปัญหาข้อธรรม
    แก่ผู้สงสัย นอกเหนือจากงานราชการแล้ว 
    มีเวลาก็ออนมาช่วยพาคิด
    ภาระกิจมีมากทั้งหลากหลาย
    รับราชการหน้าที่จรหนีไป
    รักษาคนไข้ได้ไม่เว้นวัน

    ทั้งหน้าไมด์หลังไมด์ได้พิเศษ
    ทั้งบนเฟสต์ก็ตามมาให้รักษา
    ทั้งพระหนุ่มพระแก่แม้คนชรา
    ก็ตามมาอยากหายไข้มากมายคน

    เช้ายามว่างแผ่พลังขึ้นสู่เว็บ (เว็บพลังจิต)
    หลายคนเจ็บเฝ้ารอหมอรักษา
    เราจึงเป็นหมอทางเลือกเช่นนี้มา
    ได้บุญญาพลังแสงส่งแรงใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04037.JPG
      DSC04037.JPG
      ขนาดไฟล์:
      579.2 KB
      เปิดดู:
      95
    • DSC04720.JPG
      DSC04720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      547.5 KB
      เปิดดู:
      109
    • P7040805.JPG
      P7040805.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,013.6 KB
      เปิดดู:
      77
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2013
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกๆท่าน
    อนุโมทนาในข้อธรรมที่มีประโยชน์นะคะ
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ถ้าตั้งความเห็นไว้ตรงแล้ว แม้การปฏิบัติย่อมมีผิดพลาดคลาดเคลื่อนบ้าง ก็มาแก้กันที่วิธีการปฏิบัติกัน นี้เป็นส่วนหนึ่ง...
    แต่หากตั้งความเห็นไว้ไม่ตรงเสียแล้ว ต้องมาแก้ที่ความเห็นเสียก่อน...

    เรื่องอภิญญานั้น โดยมากเป็นเรื่องของตัณหา เรื่องฑิฐิ ที่ยังมีความอยากวิเศษ อยากเด่น อยากดัง อยากให้คนมาเคารพนบนอบ อยากให้คนมาชื่นชม สรรเสริญ ที่ด่านี่ด่าตัวเองนะครับ เพราะผมเป็นเช่นนี้มาก่อนจริงๆ...
    เมื่อผมมาพิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ผมยังไม่เห็นพระองค์ทรงตรัสสอนสาวกองค์ใดว่า ขอเธอจงไปทำอภิญญาให้เกิด ขอให้เธอทำวิชชาสามให้เกิด...

    ผมเห็นแต่พระองค์ท่านตรัสเทศน์เรื่องทุกข์ และหนทางกำจัดทุกข์ พระองค์ทรงตรัสให้กรรมฐาน 5 พิจารณาที่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง นี่เพราะสิ่ง5อย่างนี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตา สัมผัสได้ด้วยมือ มิต้องอาศัยทิพยจักขุญาณ เป็นพื้นฐานเบื้องต้น...เมื่อนั้นผมเห็นว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่ง 3 สิ่งนี้เกื้อกูลกัน...ครั้นเมื่อพระสาวกปฏิบัติตามแล้ว ย่อมมีผลให้บังเกิดดวงตาเห็นธรรม จากนั้น อภิญญาก็ดี วิชชาสามก็ดี หรือปฏิสัมปทัปปัตโต ก็ดี ย่อมเกิดเอามาในภายหลัง...ซึ่งจะเห็นว่าบางท่านก็ไม่เกิดแม้แต่วิชชา 3 ก็มี และแม้ไม่มีอภิญญาเลย ผมเองก็เคารพกราบไหว้ท่านอย่างสุดหัวใจ ไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนท่านเลย พระผู้นั้นคือ พระสารีบุตร แม้ท่านจะมองไม่เห็นยักษ์ที่ยกกระบองมาตีหัวท่าน พระโมคคัลลานะ เห็นอยู่ พระสารีบุตรไม่ได้ทำอะไรอย่างไร ยักษ์ตนนั้นต้องธรณีสูบลงไปทันที ด้วยคุณธรรมของพระอรหันต์เป็นเครื่องคุ้มครององค์ท่านเอง....

    ผมเข้าใจว่าพระสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าสำเร็จธรรมแล้ว อภิญญา หรือ ปฏิสัมภิทาญาณนั้นจะตามมา ตามแต่บุญกุศลของแต่ละท่านที่จะทำมาเอง...
    เรื่องการปฏิบัติแล้วได้อภิญญาใน 3 วันนั้น...ใครจะเชื่อก็ต้องแล้วแต่ท่านผู้นั้นแล้วแหละครับ ส่วนตัวกระผมเอง วัดจากกำลังใจของตัวเอง กิเลสสิ่งยั่วยุในสมัยนี้แล้ว ผมเองไม่เชื่อตัวเองว่าจะทำได้ ...
    ส่วนที่ได้จริงๆที่ผมเห็นด้วยเช่นเดียวกันคือ ผมก็เห็นความมืดมาก เห็นมาเหมือนกัน และเห็นความเกียจคร้านมาก อันนี้เห็นมาเหมือนกัน ซึ่งตรงนี้ผมเห็นว่าถ้าจะมาถูกทางแล้ว เพราะผู้เห็นความมืดย่อมแสวงหาทางสว่าง ผู้เห็นความเกียจคร้านย่อมหาทางกำจัดเสีย...

    สำหรับความมืดนั้น ผมเห็นจุดเริ่มต้นมาจาก ความบกพร่องในศีล ตรงนี้ลองพิจารณาตัวเองดูนะครับ...
    ส่วนขี้ที่สกปรกกว่าขี้ทั้งปวง คือ ขี้เกียจนี้ ถ้าจะแก้เองโดยอาศัยอิทธิบาท 4 ไม่ได้แล้วนั้น ก็ต้องไปหาครูบาอาจารย์ที่ท่าน ดุๆสักหน่อย ให้บังคับควบคุม หรือกระทืบซ้ำไปซ้ำมา ด่าว่าให้กิเลสมันเข็ดขยาด ก็พอจะบรรเทาอาการนี้ไปได้ครับ...
     
  10. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ขอบพระคุณผู้อาวุโสนะครับ ที่ชี้ทางให้

    อันที่จริงท่านไม่ได้ให้ฝึกเอาอภิญญา นะครับ ท่านให้ฝึกเพื่อให้รู้เหตุแห่งกรรม ที่ผมโดนอยู่ตอนนั้น

    แต่สุดท้ายตัวผมเองนั้นแหละ ที่ไม่ได้อยากรู้

    ส่วนอิทธิบาท ๔ ผมก็พยายามอยู่ครับ แต่มันได้ไม่ครบ ๔ขา มันเลยตั้งไม่ได้ชักที ต้องโมษตัวผมเองแหละ

    ที่ตั้ง ความคิดไม่ถูก คิดแล้วก็ตัวเรานี้แหละ ทีไม่ตั้งใจเอง

    ต้องขอขอบคุณผู้อาวุโส อีกครังทีกรุณา ช้วยชี้แนะ ครับ
     
  11. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... พออ่านแล้วทำให้คิดได้แบบนี้คะ ตามประสบการณ์ ขี้หมูขี้หมาของคนวาสนาน้อยอย่างกาลีนะนะคะ .. คิดได้แบบนี้คะ

    ... ถึงแม้เราสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาตนเองไปได้แล้วมันก็ต้องเจอกับกรรมใหม่ที่อาจจะดีกว่า หรือ แย่กว่าเดิม ใครที่คิดเช่นนี้ " คงต้องทำใจยอมรับสภาพไม่ว่าดี หรือ ร้าย " เพราะโอกาสมันมีไม่มาก หากใช้บ่อยมันอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยดีได้สูงเหมือนกันนะคะ ... ใครอยากบ้าลองทำก็ต้อง " ไม่เสียใจภายหลัง จงทำใจปลงกับมัน " เพราะสุดท้ายที่เราลงทุนลงแรงไปจนเหนื่อยยากมันอาจวกกลับมาจุดที่เราเดินเลี่ยงออกมาก็ได้ มันอาจเป็นแค่การยืดเวลาออกไปแค่นั้นเอง ... โอกาสที่ได้ไม่คุ้มเสียมันสูงจริง ๆ
     
  12. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    ไหนๆ ท่านผู้อาวุโส ก็ตังกระทู้หลงทาง กระผมก็อยากฟังเรื่อง ของสมเด็จโต บางครับ

    ท่านผู้อาวุโส ท่านเคย เฉียด หรือใกล้ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพรมรังษี บางมั๊ย ท่าน

    เผื่อคนที่ยัง หลงๆ อยู่ อย่างผม พอจะถึงบางอ้อ กับเขา บ้างเรื่องพระพิมพ์ อันเรื่องชื่อหรือเรื่องเกียวกับสมเด็จท่านก็ได้ อยากฟัง

    ตามประสาคนมันยังหลงๆ อยู่ ครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สมัยสมเด็จโตท่านยังมีชีวิตอยู่น่ะ ผมยังไปต้มน้ำ ชงชาให้ท่านฉันอยู่เลย เวลาจะทำพระก็ยังให้ท่านคมสันต์ไปเผาเปลือกหอยแครง เอามาป่นเป็นผง กรอง ออกมา..พูดแล้วจะหาว่าคุย...ว่าจริงๆแล้ว คุยโม้หมดเลยน่ะครับ...555+ เรื่องแบบนี้ขอย้ายไปเล่าไว้ใน นิทาน ข้างๆคูๆ ดีกว่าครับ...ลงกระทู้นี้แล้ว จากที่เพี้ยน อาจจะกลายเป็นติงต๊อง น้ำลายฟูมปากเข้าไปซะอีก...ไปเล่าในเรื่องของนิทานนี่ไม่มีใครว่าอะไร เพราะขืนว่าเรา ก็ต้องไปว่า อีสป ด้วย มีอย่างที่ไหน เอากระต่ายมาวิ่งแล้วแพ้เต่า ชิมิ...
     
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004

    ยุคที่สมเด็จโตท่านยังอยู่ ตัวกาพ๊มเองก็ยังเป็นเด็กวัด ไว้จุกน่ารักแก้มยุ้ย วิ่งเล่นไปมาอยู่เลย

    ต้องคอยบริการหลวงปู่สมเด็จโต ...ต้มน้ำชงชาให้สมเด็จท่านได้ชาฉันร้อนๆ
    แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเมื่อท่านอยากฉันชาร้อนๆ แล้วเวลาก่อนฉันชาทำไมต้องเป่าให้มันเย็นด้วย
    หากไม่ต้มน้ำร้อนก็ไม่ต้องเป่า.. สบายดีออก

    ..ยามนั้นเลยได้แต่ชะแง้แลมองว่าผู้ใหญ่เขาทำอะไรกันไม่ค่อยประสาเท่าไร

    ++++ข้อความข้างบนก็โม้มั่วๆไปงั้น...เห็นเขาว่ามาเลยดำน้ำตามก้นเขาไป อยากนำก่อนทำไมล่ะเอาเฮ้!+++

    ตานี้เรื่องจริงเลย ..เมื่อ 4 ปีก่อนได้พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ พิมพ์หลวงวิจารย์ หลังลายกาบหมากเนื้อขาวยังกับกระดูก ไร้ร่องรอยจากการเคยถูกนำไปใช้มาก่อน
    จะเรียกว่ามาในสภาพใหม่ป้ายแดงแจ๋เลยก็ว่าได้
    ได้รับมาโดยสนิทเสน่หาจากเพื่อนคนหนึ่ง เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ในลักษณะให้ฟรีเป็นของกำนัลแบบงงๆ ซะงั้น

    เพราะปกติไอ้หมอนี้ มันเหนียวเขี้ยวรากดินเลยเรื่องพระเครื่อง ของฟรีอย่าได้หมายเชียว...แต่งานนั้นมันมาแปลก!?!

    รับมาจากมือเพื่อนครั้งแรกปรากฏว่ามีอาการ ขนหัวลุกทั้งหัว ขนแขนซู๋ซ่าทันที ดึงสมาธิดิ่งลงขั้นปิติในทันทีทันใด...อิย๊ะ ไม่ธรรมดาเด๊ะนี่

    สืบสาวราวเรื่องมาแบบพิศดารหน่อยจากผู้ชำนาญทางจิตตรวจสอบ
    ปรากฏกว่า.." พระสมเด็จองค์นี้ท่านสมเด็จปู่โต ท่านกดพิมพ์ด้วยมือของท่านเองเลย แล้วอธิฐานจิตเพื่อให้นำส่งมาถึงเราอีกทีในภพนี้...."ธรรมดา กระจอกซะที่ไหนล่ะเรา (เขาว่ามา ก็ตามๆเขาไป)
    วุ๊ย..ยังกะพวกขี้โม้รายสัปดาห์ อิจฉากันขึ้นมามั่งหรือยัง?
    และถ้ายัง..เราให้สิทธินี้แก่คุณได้ทันทีเลยนะครับ แฮ่ๆ

    ======

    แต่ช้าก่อน.. ท่านระมิงค์อาวุโสผู้ทรงคุณ
    เรื่อง เผาเปลือกหอยแล้วนำมาตำนั้น กระผมขอยกมือคัดค้านไม่เห็นด้วย
    ไม่เชื่อว่าจะนำเอาเศษซากจากสัตว์เดรัจฉานมาผสมแน่นอน
    ปฐวีธาตุอันเลิศคุณบนพื้นโลกเราที่ให้คุณสมบัติวิเศษ ที่ผงเนื้อสีขาวมีเยอะไป
    ไฉนเลยจะมาเอาเศษซากสัตว์มาผสมปนกับผงวิเศษ เช่นผงมงคลวิเศษ
    ทั้ง๕ ..เช่น ผงพุทธคุณ อิจธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห มหาราช ให้เสียยี่ห้อทำไม!

    ที่เคยเจอในตำราบางเล่ม ผงขาวๆที่นำมาผสม ในพระตระกูลสมเด็จยืนยันว่าไม่ใช่สร้างจากเนื้อผงปูนเปลือกหอยแน่นอน

    แต่มีผงพิเศษอยู่อย่างที่เรียกกันว่า ผงศิลาธิคุณ มันอยู่ในป่าลึก มีเจ้าป่าเจ้าเขา เทวดารักษาดูแล หลบในเนินดินมีกระพุ้งเป็นโพรงอยู่ภายในหลุบดิน ดินที่ว่าจะมีลักษณะเนื้อขาวเนียนละเอียดจับตัวกันเหนียวๆเป็นก้อนๆ ไม่ปะปนกับดินอื่นๆในแถบนั้น

    หากนำออกมาจากหลุมได้ไม่นาน ก็จะเริ่มแข็งตัวเรื่อยๆจนแทบเป็นหิน เวลาใช้ผสมผงพระต้องตำโขลกด้วยสากเหล็กจึงจะแตกออกให้ ตำไปเรื่อยๆแล้วนำมาร่อนให้เป็นผงละเอียดตามต้องการ

    ....เอาน่าครับเชื่อผมเหอะ...ผมเองก็เคยเจอผงประเภทนี้มาแล้วในถ้ำ
    มีทั้งแบบสีดำ สีม่วง อมแดง สีเหลืองขมิ้น สีขาวอมเหลืองนิดๆ และอีกประเภทคือเล่นมีครบซะ 7 สีเลย

    ....เชื่อว่าธาตุเหล่านี้เป็นอาหารของธาตุตระกูลแร่เหล็กไหล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สืบสาวราวเรื่องมาแบบพิศดารหน่อยจากผู้ชำนาญทางจิตตรวจสอบ
    ปรากฏกว่า.." พระสมเด็จองค์นี้ท่านสมเด็จปู่โต ท่านกดพิมพ์ด้วยมือของท่านเองเลย แล้วอธิฐานจิตเพื่อให้นำส่งมาถึงเราอีกทีในภพนี้...."ธรรมดา กระจอกซะที่ไหนล่ะเรา (เขาว่ามา ก็ตามๆเขาไป)
    วุ๊ย..ยังกะพวกขี้โม้รายสัปดาห์ อิจฉากันขึ้นมามั่งหรือยัง?
    และถ้ายัง..เราให้สิทธินี้แก่คุณได้ทันทีเลยนะครับ แฮ่ๆ


    กระผมวิ่งไปเอาน้ำแข็งมาโปะตาเรียบร้อยแล้วขอรับ...ตามแนวทางที่ครูบาอาจารย์แนะนำมา เวลาเกิดอิจฉา ตาร้อน...
    ผมก็อธิษฐานขอด้วยความโลภอยากได้...จนแล้วจนรอด ก็ได้มาเพียงเศษชิ้นส่วน ขนาด 1/3 เอามาแกะเป็นพิมพ์พระ พอจะได้โม้กับเขาได้บ้างว่ามีเหมือนกันนะ แม้จะนิดเดียว...

    เรื่องแบบนี้เป็นบุญวาสนาที่เคยผูกพันต่อกันมาช้านาน ผมเองกับสมเด็จโต ไม่เคยมีบุญวาสนาต่อกันมาอย่างยาวนาน ส่วนตัวผมก็เคารพรักท่านมาก แต่ความผูกพันเวลาเจริญกรรมฐาน จะเป็น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, หลวงพ่อทวด, หลวงพ่อปาน(วัดบางนมโค) เสียเป็นส่วนมาก ...
    อีกองค์นึงที่เคยมาสอนกรรมฐานผม หลังจากที่ฝึกผิดจนครูบาอาจารย์มรณะภาพไปหลายรูปแล้วเนี่ย ท่านเหมือนพระโบราณรูปร่างสูงใหญ่ หน้าออกทรงสี่เหลี่ยม ผิวออกดำแดง ผมเทาปนขาว เวลาพูดสอนปากท่านจะไม่ขยับ พอถามชื่อท่าน ก็โดนสวนมาทันทีว่า ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม..แล้วท่านก็หายตัวไป...อันนี้เลยไม่มีอะไรจะมาโม้ให้ฟัง มีแต่นึกเห็นใจตัวเองเล็กน้อยว่า เวลาจะถามอะไรครูบาอาจารย์แล้วมักจะโดนด่าก่อนประจำ คนอื่นถามไม่เป็นไร ผมถามเป็นโดนด่า...วาสนาของเรานี่มันดีจริงๆ...ท่านใดรู้จักพระรูปนี้ก็ช่วยถามชื่อท่านให้ทีนะครับ หน้าตาท่านจะคล้ายๆ หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม แต่ก็ไม่ใช่หลวงพ่อเงินแหงมๆ...
     
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    โอ้เรื่องนี้มันมีแนว...ตามประสาเด็กแนว บ้าของกระผม

    มีเรื่องมาเล่าเพื่อประกอบการพิจารณา เรื่องพระแก่ร่างสูงใหญ่ในฝันหรือจะเรียกโก้ๆว่าในนิมิตยามหลับก็ดูดีขึ้นไม่เบา เพราะฝันถึงบ่อยๆนี่แหละ หลากหลายรูปแบบ

    เรื่องแปลกมันตรงดันมีคนมาทักบอกเราถูก เรื่องฝันของเรากับพระหลวงปู่ท่านนี้นี่ซิ...ก็มันฝันของเราทำไมคนอื่นดันทะลึ่งมารู้..น่าฉงน

    -ครั้งแรก จากแม่ม่าย ที่ตายแล้วฟื้นได้ญาณพิเศษหลังจากที่ตายไปได้เกือบ2 วัน ไปดูดวงทางจิต ดันบอกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเรามันมืดไปหมด เจอแต่หลวงปู่ลึกลับ...ที่คุณฝันถึงท่านบ่อยๆ คุณรู้อยู่หรอกน่าว่าใคร ท่านฝากการบอกการประพติปฏบัติธรรมแบบเดิม ให้ปรับแก้ไขใหม่เป็นแบบนี้ๆ.... ให้เหมาะแก่จริตซะ บอกให้เสร็จสรรพ อิย๊ะ

    ภายหลังเรียนถามพระอาจารย์อีกครั้งเรื่องการประพฤติธรรมปรับจริตใหม่ที่ได้รับฝากมา จากหลวงปู่ลึกลับ ท่านก็ยืนยันว่าได้เวลาที่เราสมควรจะเปลี่ยนตามนั้นจริง เชื่อหลวงปู่ท่านนั้นเถอะ


    - เหตุการณ์ต่อมาอีก... เอาพระเครื่องไปให้ตำรวจนอกราชการ ตรวจสอบพลังพระเครื่อง
    หลวงปู่ท่านนี้ ก็ไปเข้านิมิตสมาธิจิต ของตำรวจท่านนั้นอีก
    " ผมไม่ทราบพลังพระเครื่องที่คุณนำมาให้ผมตรวจสอบเลยนะ สัมผัสไม่ได้เลย เห็นแต่พระหลวงปู่ ร่างสูงใหญ่ผิวดำ ท่านฝากมาบอกคุณว่า กินแกลบได้ไม๊?
    ถ้ากินแกลบไม่ได้ อย่าเพิ่งลาออกจากงานตอนนี้ ถ้าไม่อยากลำบาก...เดี๋ยวเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี..รออีกไม่กี่เดือน


    กลับมาบ้าน พี่สาวที่เพิ่งได้ญาณสัมผัสหลวงปู่โต ได้ไม่นาน..
    ก็โทรบอกอีกว่า หลวงปู่โตฝากให้บอกน้องชาย ว่าอย่าเพิ่งลาออกจากงานตอนนี้นะ./ เฮ้ย เหมือนกันเลย

    เอ..มันใช่มั๊ยหนอ?..นี่ตั้งเกือบ10 ปีแล้ว ยังไม่เห็นมีแนวโน้มจะดีขึ้นเลย
    อ๊ะงั้น ทนๆไปอีกหน่อยก็ได้วะ

    แต่จากนั้นไม่กี่เดือน เหตุการณ์ต่าง ก็เป็นไปตามที่หลวงปู่ทั้งสองฝากมาบอกตรงเป๊ะเลย!

    เป็นไงครับเป็นไง..คนบ้าๆบอแบบผม ก็ยังมีหลวงปู่ หลวงตาอีกมิติที่ท่าน
    ยังรักเอ็นดู ปนสมเพท เวทนาอยู่ไม่น้อยนะเอ้อ
    ..ไม่ธรรมดานะ อย่าให้โม้ โม้แล้วมันหยุดยาก ประเดี๋ยวจะมีคนจะหมั่นไส้ผมมากกว่านี้... ขอบอก
    เอาสิ เอากับเขา..
    ++++++++
    แล้วแต่ดุลพินิจ ของท่านชมผู้ฟังที่อยู่ทางบ้าน และท่านอาวุโสระมิงค์นะครับ
    (กระทู้ตัวเองไม่อยู่ ไปหาวุ่นวายเล่นแต่กระทู้ชาวบ้าน มันเป็นยังไงนิสัยตัวเองนี่ช่างกระไร)

    ..หยุดก่อน วันนี้ขี้เกียจเล่าแล้ว.. วันหน้าดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  17. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    ท่านเหมือนพระโบราณรูปร่างสูงใหญ่ หน้าออกทรงสี่เหลี่ยม ผิวออกดำแดง ผมเทาปนขาว เวลาพูดสอนปากท่านจะไม่ขยับ พอถามชื่อท่าน ก็โดนสวนมาทันทีว่า ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม..แล้วท่านก็หายตัวไป...

    ต้องขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ..อ่านแล้วทำไมนึกถึงท่านหลวงปู่เจี๊ยะ..ก็ไม่รู้นิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    หน้าหลวงปู่เจี๊ยะ จะออกไปทางสามเหลี่ยม และผิวออกขาวเหลือง...
    องค์ที่เจอท่านจะกรามใหญ่ จึงดูเหมือนหน้าเป็นสี่เหลี่ยม แบบพระโบราณ
    ท่าทางก็ดุเอาจริงเอาจัง สอนสั้นๆ แต่ได้ใจความ พอถอยออกจากสมาธิแล้วมาลองทำดูก็จริงดังท่านว่า ผมทำผิดมาตลอดจริงๆ...เวลานั้นจึงได้บอกพระพี่ชาย กับพระที่บวชมาด้วยกันอีก 2 รูป ให้ทำตามที่ได้รับคำแนะนำมา ทุกคนก็ยืนยันว่า..เออ...จริงๆด้วย..ที่ผ่านมาทำผิด ขาดสติในขณะนั้นจริงๆ ..พอทำตามที่ท่านแนะนำแล้ว สติก็ต่อเนื่อง ดำเนินไปไม่ขาดสาย...

    แต่จะว่าไปแม้แต่หลวงพ่อพิทักษ์ ที่สอนสติให้ผมนั้น ผมก็ยังไม่รู้ว่าท่านมาจากไหน ฝึกที่ไหนกับใครมาบ้างเลย รู้แค่ชื่อ ถามมากกว่านั้นก็โดนแบบเดียวกัน...พระป่านี่จะออกแนวนี้กันหมดหรือไงไม่ทราบ...ถามอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติก็โดน...ถามเรื่องการปฏิบัติก็บอกว่าทำไปเถอะ ไม่ต้องถาม ทำถึงก็รู้เอง...ฝึกกันไปจนกระดูกหัวเข่าแตก ถ่ายเป็นเลือดสดๆ จนหมอนรองกระดูกแตก ท่านก็ไม่ได้สนใจถามสักคำ...แต่เผลอคิดชั่วแว่บเดียว โดนด่าซะ...:'(
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    กลับมาบ้าน พี่สาวที่เพิ่งได้ญาณสัมผัสหลวงปู่โต ได้ไม่นาน..
    ก็โทรบอกอีกว่า หลวงปู่โตฝากให้บอกน้องชาย ว่าอย่าเพิ่งลาออกจากงานตอนนี้นะ./ เฮ้ย เหมือนกันเลย
    เอ..มันใช่มั๊ยหนอ?..นี่ตั้งเกือบ10 ปีแล้ว ยังไม่เห็นมีแนวโน้มจะดีขึ้นเลย
    อ๊ะงั้น ทนๆไปอีกหน่อยก็ได้วะ
    แต่จากนั้นไม่กี่เดือน เหตุการณ์ต่าง ก็เป็นไปตามที่หลวงปู่ทั้งสองฝากมาบอกตรงเป๊ะเลย!

    เป็นไงครับเป็นไง..คนบ้าๆบอแบบผม ก็ยังมีหลวงปู่ หลวงตาอีกมิติที่ท่าน
    ยังรักเอ็นดู ปนสมเพท เวทนาอยู่ไม่น้อยนะเอ้อ
    ..ไม่ธรรมดานะ อย่าให้โม้ โม้แล้วมันหยุดยาก ประเดี๋ยวจะมีคนจะหมั่นไส้ผมมากกว่านี้... ขอบอก
    เอาสิ เอากับเขา..


    หลวงปู่ท่านบอกว่าทนไปเหอะ..อีก 20 ปี..หลังจากนั้นก็จะชินไปเอง...:'(
    555+
    ที่จริงถ้าฝึกเอาจริงเอาจัง คือ ต้องเรียกว่า มีความจริงใจในการปฏิบัติ...
    สัก 3 เดือน แต่ศีลนี่ต้อง แน่นหนานะครับ...
    จากนั้นผ่อนอารมณ์ลงมานิดหนึ่ง นี่ไปหาหลวงปู่โต เองเลยก็ได้นี่ครับ...
    จะไปรอพึ่งจมูกคนอื่นหายใจไปทำไมกัน..
    ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน...มันต้องล่าเอง หาเอง...

    ผมพอจะมีปัญญาไปหาครูบาอาจารย์ได้บ้างเหมือนกัน เว้นแต่องค์ที่ท่านมาสอนกรรมฐานในฝัน เรียกว่า ในฝันดีกว่า เด๋วใครจะคิดว่าเก่ง เพราะจริงๆแล้ว ยังมั่นใจว่า ผู้ปรารถนานรกภูมิอย่างผมนี่ ยังไปไหนไม่พ้นนรกแน่ๆ...องค์ที่ท่านมาสอนนี่ ผมหาท่านไม่เจอ...ต้องอาศัยท่านผู้รู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านเจอช่วยๆกันแนะนำ...เพราะผมก็รู้จักครูบาอาจารย์ไม่ค่อยเยอะสักเท่าไร...ไม่แน่นะ..ในนี้อาจมีใครรู้จักท่านก็ได้...
     
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    สายพระลึกลับนี้ไม่ใช่สายหลวงปู่มั่นแน่นอนครับ

    สายนี้ชอบจับพวกบ้าๆ ห้าวซ่าๆ บ้าบิ่นพวกไม่ยอมคน

    มีวิถีจิตเป็นของตัวเอง มีตบะจริตไม่เหมือนชาวบ้าน แข็งๆ
    ชนแหลกจนคนเอือมระอากันเป็นแถบ ว่างั้น

    ทำอะไรทำจริง ผิดคือผิด ถูกคือถูก..คำไหนคำนั้น
    แต่ยอมสละชีวิตแลกได้เพื่อความถูกต้อง กึ่งๆจะโอ่หน่อยๆ

    แต่รักษาคุณธรรม สัจจะ รักเกียรติศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใด และมีเมตตาแบบลึกๆ
    นี่แหละ! พวกบ้าพลังว่างั้น
    สังเกตุดูสายศิษย์นี่ หลวงปู่ลึกลับ ท่านชอบนักเชียว

    ไอ้ประเภท สุภาพ เงียบๆ เรียบร้อย อ่อนโยนน่ารัก สนิมสร้อยนี่
    ท่านหลวงปู่ลึกลับ "ท่านไม่นิยม ท่านว่ามันน่ารำคาญ
    "

    ภาษาอีสานพูดว่า " เพิ่นบ่มัก"

    นี่แหละสายเขาล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...