โกง แต่ใส่บาตรทุกวัน

ผมพบกับบุคคลคนหนึ่ง ดูภายนอกแล้วเป็นคนใจบุญสุนทาน ใส่บาตรทุกวัน แต่ผมมาทราบภายหลังว่า แกยืมเงินใครแกจะโกงทุกคน แม้กระทั่งรถสิบล้อที่แกมีหลายคันไว้รับจ้างถมดิน คือจะวางดาวน์แล้วโกงและจะไม่ผ่อนต่อ จะเอารถหนีไฟแนนซ์ไปจอดที่ต่างจังหวัด ทะเบียนรถหลักฐานต่าง ๆ ก็จะปลอมทุกอย่าง

แม้กับผมแกก็จะมาทำดีแล้วขอยืมเงิน แล้วแกก็โกง ไม่ยอมจ่าย แล้วผมก็รู้ความลับในใจของแกว่า ที่แกใส่บาตรทุกวัน ก็เพียงเพื่อจะได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับไฟแนนซ์และคนที่แกยืมเงินแล้วโกง เวรกรรมจะได้ระงับลงไป ไม่มีกรรมเวรต่อกัน ไม่ีมีบาปกันต่อกัน ไม่ต้องตกนรก คือยืมเงินแล้วก็โกง ใช้หนี้ด้วยการ ทำบุญกรวดน้ำให้


ท่านสมาชิกที่เคารพ ท่านคิดว่า เวรกรรมจะระงับกันได้ ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ แค่นั้นจริง ๆ หรือ

ขณะนี้บั้นปลายชีวิตของบุคคลนี้ จากที่มีรถ BMW ขับ มีรถสิบล้อหลายคัน มีเงินทองใช้ฟุ่มเฟือย ทุกวันนี้ แกมีสภาพย่ำแย่ เหมือนคนจนตรอก หน้าตาหมองไม่มีราศี

 

ก็ยังอุตส่าห์คิดทำดีได้บ้าง ก็ยังดีอยู่สำหรับตัวเอง เรื่องแก้บาปกรรมเวรภัยนั้น ไม่อาจเป็นได้ ท่านเจ้าคุณคงทราบดีเพราะเป็นผู้แสดงธรรมดีๆมาหลายครั้ง..

เวลาจิตคิดทำชั่ว เจตนานั้นยังผลให้เกิดขึ้นแล้ว รอปัจจัยพร้อมมาส่งให้ได้รับเท่านั้นเวลาจิตคิดดีทำบุญ เจตนาก็ยังผลให้ตั้งขึ้นเช่นกัน ต่างเจตนาต่างกรรม ผลย่อมต่างกัน ไม่ปะปนกัน

ทีนี้อะไรจะมาส่งให้ได้รับก่อนหลัง นี่เป็นเรื่องที่ไม่ใช่วิสัยของใครจะทราบได้ยกเว้นพระพุทธองค์ที่จะตรัสบอกได้

เราถูกเขาโกง ส่วนหนึ่งมาด้วยเจตนาบาปที่ตนเคยล่วงมาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือฟลุคแน่...ท่านเจ้าคุณคงทราบอยู่

เขายังได้ดีมีสุข เพราะบุญเก่ายังมีกำลังให้ผลอยู่ เราไม่ควรจับเอาบาปใหม่กับผลบุญเก่าของเขามาโยงกันเพราะไม่ถูก บาปส่วนบาป บุญส่วนบุญ ทำแล้วมีผลตามมาทันทีเสมอ เพียงแต่ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชา เลือกให้ผลนั้นนี้มาส่งให้ตนหรือใครได้รับ ด้วยว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่ใช่ใครหรือของใคร..

เพียงเขามีBMW ไม่ได้หมายความว่าเขามีความสุขหรอก เพราะเงินที่ได้มานั้นผิดศีลธรรม ที่เขาจะใช้สอยได้ด้วยความเย็นใจนั้นคงยากเต็มที เพราะบาปกรรมที่ทำไว้ ย่อมยังตนให้เดือดร้อนใจเสมอ..

คนบางคนมีวัตถุแสดงฐานะมาก แต่"จิตใจ"แทบบ้าหรือนอนไม่หลับ ก็มีให้รู้เห็นกันอยู่ เยอะแยะนะครับ..

 

นับวันคนประเภทนี้จะมีมากขึ้นไปตามยุคสมัยนิยม"โกงก็ได้แต่แบ่งให้ฉันบ้าง"อันแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำแห่งจิตใจผู้คนเสื่อมถอยจากศีลธรรมยอมรับเรื่องโกงเป็นเรื่องปกติวิสัยที่ใครๆ(ที่มีโอกาสแบบนั้น)สมควรทำกันแต่ผมฟังแล้วอนาถใจมากๆ แล้วมันจะไปได้บุญแค่ไหนหรือครับท่านในเมื่อทรัพย์ที่ได้มานั้นมันจากการโกงหรือได้มาโดยไม่ชอบธรรมไม่สุจริต ผมขอยกคำตอบจากที่ได้อ่านมาจาก"สมเด็จพระพุทธาจารย์โต"ตอบข้อสงสัยของยายแฟงเจ้าของซ่องคณิกา ผู้นำเงินที่ได้มาจากการขายบริการหญิงโสเภณีมาสร้างเป็น"วัดใหม่ยายแฟงหรือวัดคณิกาผล"แล้วตัวนางจึงได้ถามท่านว่าตัวนางจะได้ผลบุญแค่ไหน ท่านตอบว่า"ได้เพียงสลึงเฟื้อง" ผมคิดว่าคนที่ทำแบบนี้ก็ได้เพียงความสบายใจชั่วขณะเท่านั้น และคนโกงทุกชนิดแม้รวยล้นฟ้าผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมีความสุขหละแต่ถ้าบอกว่าร้อนรุ่มและมีนรกเป็นปลายทางสุดท้ายละก้ออันนี้ผมเชื่อแน่นอน

 

บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป แยกส่วนกัน ไม่สามารถบวกลบกลบหนี้กันโดยตรงได้
ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน การทำบุญเพื่อหวังจะหนีหนี้ ก็เป็นการทำโดยไม่ได้บริสุทธิ์ใจ สิ่งที่เป็นประธานหลักของกิจทั้งปวง ก็เป็นสิ่งที่เป็นอกุศล

สำหรับบุคคลผู้นั้น ยังมีอะไรรอเขาอยู่มากกว่านั้นอีก ตอนตายจากร่างกายนี้ไปครับ

 

บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป คนละส่วนกัน เขาทำกรรมอะไรไว้ เขาก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น

 

คนประเภทนี้นอกจากโกงแล้ว ยังโง่อีกด้วย

ที่ว่าโง่ก็เพราะคิดไปเองว่าการใส่บาตรจะทำให้บาปที่ตนเองทำลดลงได้
นับว่าเป็นความเขลาสุดประมาณ

ใจตนเองยังไม่เลิกทุจริต ไฉนเลยจะบรรเทาโทษของตัวเองได้
เสมือนหนึ่งคนพายเรือรั่ว น้ำเข้าเรือรูใหญ่
จะพายยังงัยก็ต้องจมสักวันอยู่ดี

 

เงินที่ได้มาจากการโกงเขา ก็เป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ นำไปทำบุญก็ไม่ได้บุญหรืออาจจะได้น้อย หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่าการทำบุญให้ได้อานิสงค์ ก็ต้องมีความบริสุทธิ์ 3 ส่วนคือ1. ผู้ให้มีใจที่อยากให้ด้วยความเต็มใจ
2.วัตถุทานบริสุทธิ์ไม่ได้ไปลักขโมยใครเขามา
3.ผู้รับบริสุทธิ์ คือตั้งอยู่ในศีลในธรรม
ก็จะได้อานิสงค์ฉับพลันทันที อย่างเช่น การสร้างวิหาร เราใช้แรงกายในการก่อสร้าง เพราะแรงของเราไม่ได้ ไปเอาของคนอื่นมาทำ บางคนอาจจะทำบุญด้วยเงิน บางทีเงินของเราอาจจะไม่บริสุทธิ์ 100 % อย่างเราทำงาน กินเงินเดือน บางคนมาสาย กลับก่อน ลาบ่อย เงินของเราก็จะไม่บริสุทธิ์เต็ม 100% อานิสงค์ที่ได้จึงแตกต่างกันไป บางคนทำบุญน้อยได้บุญเยอะ บางคนทำบุญเยอะได้บุญน้อย ก็เกิดจากปัจจัยที่กล่าวมานี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ที่บางคนอาจคาดไม่ถึง

 

อวิชชาครอบงำจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร การใส่บาตรที่คิดว่าจะได้บุญนั้นก็ไม่ถูกต้อง เพราะนำเงินที่ไม่บริสุทธิ์ไปซื้อสิ่งของอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่บริสุทธิ์ หากใส่บาตรพระที่ไม่บริสุทธิ์ด้วยแล้วเป็นอันว่าไม่ได้บุญใดใด ยกเว้นว่าบังเอิญไปใส่บาตรพระที่บริสุทธิ์ ก็อาจได้บุญเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นเอง ที่สำคัญจิตที่เสแสร้งหวังเอาบุญมาชดเชยบาปที่ทำไป แต่ไม่ได้คิดว่าผู้ที่ถูกโกงไปนั้นจะแช่งชักเขาขนาดไหน ช่างเป็นความโง่ที่เกิดจากอวิชชาโดยแท้

 

แต่เราว่า คนแบบนี้ในสังคมเยอะนะ คนมองภายนอกก็มักจะยอมรับด้วย
เราเจอะมาเยอะ โดนไปเยอะ จนเราเข็ด ถ้าเจอะกับคนที่มักจะอวดตัวว่า เป็นคนชอบศาสนา ทำบุญเยอะๆ (คือแนะนำตัวด้วยวิธีนี้)


อย่างเราเคยโดนคนประเภทนี้โกง ปรากฎว่า ไม่มีใครเชื่อ ด้วยความที่เราป่วย (จริงๆมันเป็นวิบากเราเองที่พูดจาไม่มีน้ำหนัก พอรู้เลยทำใจได้ และส่วนนึง ชาติโน้น เราคงไปเอาเขามาด้วย )

เขาเคยพูดว่า จะสวดมนต์เยอะๆ จะได้หนีกรรมได้ห่างๆ (ประมาณนี้อะ)

มีหลายเคสมาก บางทีก็ทำแท้งแล้วไปเข้าวัด/สวดมนต์แต่คอรัปชั่น ฯลฯ

ที่เราเจอะ จะหนักไปทางสวดมนต์ เยอะๆ ไม่ค่อยทำทาน จะเน้นว่า อภัยทานบุญมากกว่า (เข้าใจว่า ไม่ค่อยอยากลงทุนเท่าไหร่)

 

การอุทิศบุญกุศลแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับคนที่ยังไม่ตาย
เพราะไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

 

โกงไปเป็นล้าน เจ้าของเงินเดือดร้อนมากมาย ทำสังฆทานกระป๋องเดียวหวังจะล้างบาป มันจะสมน้ำสมเนื้อกันหรือ?

 

สำคัญผิดน่ะครับจับถูกผิดไม่เป็น มันเป็นวิธีของเขาที่กึ่งผิดกึ่งถูกผมเคยเจอคนอย่างนี้นะ วันข้างหน้าจะลำบากครับ ขัดสน ไม่มีใครใกล้หรอก
เขาแค่ทำบุญเหมือนขออโหสิกรรมน่ะครับ
การทำคนอื่นลำบากแบบตบหัวแล้วคอยลูบหลังนี้ใช้ได้ผลตลอดไหมละครับ?
(ยิ่งถ้านั่นเป็นจำนวนเงินที่คุณจู่ๆต้องใช้แต่เขาหายไปเลย)
นับวันจะมีแต่คนเข้าคิวมาทวง(ด้วยไม้หน้าสามฯลฯ)มากกว่าคนยอมปล่อย จริงไหม
นี่วันข้างหน้าอาจลำพองกว่านี้เป็นมิจฉาทิฐิอีกตะหาก

 

ก็แปลว่าตอนนี้บาปกำลังส่งผล
ถึงช่วงบุญส่งผลก็ส่งผลนั่นแหละ ไม่มีอะไรหายไปไหนหรอก

 

ท่านบอกว่าอานิสงส์เต็มจ้ะ
ต่อให้ไม่บริสุทธิ์ทั้งสามส่วนก็มีอานิสงส์