การลาพุทธภูมิ(หลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง)

การลาพุทธภูมิ
ถาม
1.เราจะรู้ได้หรือไม่อย่างไรว่า เราเคยปรารถนาพุทธภูมิมาบ้างหรือไม่และมากน้อยเพียงใด ???
2.จะสังเกตดูจากนิสัยใจคอ ความประพฤติ ข้อวัตรปฏิบัติ ปฏิปทาต่างๆของเราเอง จะได้หรือไม่ เพียงไร???
3.ถ้าเราต้องการลาพุทธภูมิ(เผื่อไว้เลยถ้าเราเคยปรารถนาไว้ในอดีตชาติ ไม่ว่ามากน้อยเพียงใด)จะทำได้หรือไม่ และต้องทำ กล่าวอธิษฐานอย่างไรบ้าง???
4.การลาพุทธภูมิ ต้องลาสักกี่ครั้งจึงจะใช้ได้หรือสัมฤทธิ์ผล เพื่อให้เราได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้เลย???

ตอบ
1.-2.พึงสังเกตุได้ว่า สายพุทธภูมิชอบทำงานใหญ่ เป็นโต้โผหลักชักชวนวิ่งเต้นหาผู้นั้นผู้นี้ พวกพ้องให้มาร่วมงานทำบุญทำกุศลด้วย ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สนุกไปกับงานบุญ โดยไม่ค่อยได้คิดถึงตัวเองเท่าไหร่ ใจคอกว้างขวาง มีเมตตากรุณา ชอบช่วยเหลือคนอื่น สั่งสอนแนะนำผู้อื่น มีศีลธรรมประจำใจ ยึดถือเพียงความดีงามและความถูกต้องเป็นเกณฑ์เสมอ รู้จักการให้อภัย ใช้อุเบกขาเป็น ให้โอกาสผู้อื่น หน้าตาอิ่มบุญ ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี พูดจามีหลักมีฐาน ผู้คนก็ชอบฟังและเชื่อถือด้วย มีความเป็นผู้นำอยู่เสมอในทุกกาละเทศะ

3.-4.ผู้มีลักษณะแบบดังกล่าว ส่วนใหญ่ปรารถนาพุทธภูมิมาแล้วหลายร้อยพนหมื่นภพชาติ บางคนเป็นแสนชาติ เป็นกัปเป็นอสงไขยก็มี ดังนั้น ถ้าจะลาพุทธภูมิก็ต้องลากันมากครั้งบ่อยครั้งพอสมควรแก่เหตุด้วย มิฉะนั้นก็ยังกลับคืนเข้านิพพานไม่ได้ เพราะติดสงสาร เป็นห่วงลูกหลาน บริวาร ญาติมิตร พ่อแม่ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ซึ่งจะต้องช่วยนำพาเอาไปด้วย สายพุทธภูมิจะต้องลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี30ทัศให้ครบถ้วน(เกิด-ตายบ่อย)เพื่อขึ้นไปรอการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะให้ลงมาเกิดเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อๆไป ซึ่งมีคิวรออีกยาวเหยียดมากๆเลย
----- ผู้มีความปรารถนาจะเข้านิพพานชาตินี้ก็ต้องลาพุทธภูมิเสียก่อน ลากันบ่อยๆ บางคนเป็นสิบเป็นร้อยพันครั้ง จนกว่าจิตเดิมที่ปรารถนาพุทธภูมิไว้คลายตัวลงไป จึงจะเข้าสู่พระนิพพานได้

---- การลาพุทธภูมิ ทำได้ทุกๆวันอยู่แล้ว เน้นที่ความสะดวก รวดเร็ว เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนไม่ค่อยมีเวลา ต้องทำมาหากิน แข่งขันกันมาก ให้ความพิเศษที่ดวงจิตที่ปรารถนาเปลี่ยนแปลงเป็นสำคัญ ไม่มีดอกไม้ธูปเทียนก็ได้ ใช้แค่ยกมือกราบไหว้พระ อธิษฐานจิตต่อหน้าพระในห้องพระ หรือที่ไหนก็ได้ ลาไปบ่อยๆแล้วเราจะรู้ได้เองว่าควรเลิกลาหรือยัง? เมื่อไร?
---ถ้าใครมีเวลา มีอุปกรณ์ต่างๆพร้อมก็ทำแบบหลวงพ่อฯวัดท่าซุงก็ได้ หรือนำมาผสมผสานกันก็ได้ ดีทั้งนั้น ใช้ได้ทั้งนั้นครับ.......

วิธีลาพระพุทธภูมิ(แบบของหลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง)..... ..

1.ต้องมีดอกไม้ ธูป เทียน และพานรอง

2.ตั้งคือ ตั้งนะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ลูกขอกราบขมาต่อพระรัตนตรัย ขอได้โปรดยกโทษให้กับลูก ณ กาละบัดเดี๋ยวนี้เถิด
แม้ครั้งที่ 2 ลูกขอกราบขมาต่อพระรัตนตรัย ขอได้โปรดยกโทษให้กับลูก ณ กาละบัดเดี๋ยวนี้เถิด
แม้ครั้งที่ 3 ลูกขอกราบขมาต่อพระรัตนตรัย ขอได้โปรดยกโทษให้กับลูก ณ กาละบัดเดี๋ยวนี้เถิด

3.ตั้งนะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3จบ)

ลูกขอกราบลาจากพระพุทธภูมิ เพื่อเป็นพระอรหันตสาวกในชาตินี้
แม้ครั้งที่ 2 ลูกขอกราบลาจากพระพุทธภูมิ เพื่อเป็นพระอรหันตสาวกในชาตินี้
แม้ครั้งที่ 3 ลูกขอกราบลาจากพระพุทธภูมิ เพื่อเป็นพระอรหันตสาวกในชาตินี้ .......


คำอธิษฐาน ประมาณนี้ หรือ ปรับเองเองตามใจชอบ
นะโมฯ ๓ จบ
**** ข้าพเจ้า .....ชื่อ นามสกุล.......... ขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษี ฯ พรหม เทวดา เป็นสักขีพยาน ข้าพเจ้าจึงขอขมาลาโทษต่อพระพุทธเจ้าในสมัยพระองค์ใดๆ ก็ดี ที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานขอเป็นพระพุทธเจ้าตามพระองค์นั้นหรืออธิษฐานติดตามผู้ใดมาก็ดี ขอขมาต่อ เทพยดา พรหมเทวา ทั้งปวง ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
***** ข้าพเจ้าจึงขอลาจากพระพุทธภูมิมาเป็นสาวกภูมิของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
กุศลใดที่เคยบำเพ็ญมาเพื่อพุทธภูมิ ขอรวบรวมมาเป็นกำลังของสาวกภูมิเพื่อเข้าพระนิพพานในแผ่นดินพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันในชาตินี้เถิด

(เสริมกำลังใจ ในการลาพุทธภูมิ อธิษฐานบ่อย และหมั่นปฏิบัติด้วยความเพียร ตามแนวทางครูบาอาจารย์ที่นับถือ ก็จะคืบหน้า และยอบรับกฏของกรรมที่พึงบังเกิดต่อไป (กรรมเก่าส่งผล รวม)

ที่มาᴹ

 

กรรมเก่าส่งผล รวม เป็นอย่างไรอ่าครับ?

 

คือ สัญญา คือ แรง อธิษฐานเดิมที่ตั้งใจ มักจัดสรร ให้เราไปอยู่ในภาวะที่ต้องเจอกับคนที่เนื่องกันมา ต้องช่วยเค้า สงสารสงเคราะห์กันไป ทำให้จิตเราเอนเอียงไปทางพุทธภูมิ ลาไม่ขาดเสียที