วิบัติ ๓ อย่าง(ศีลวิบัติ ๑ จิตตวิบัติ ๑ ทิฐิวิบัติ ๑)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย thepkere, 15 พฤษภาคม 2013.

แท็ก: แก้ไข
  1. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    [​IMG]
    อยสูตร
    [๕๕๗]
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิบัติ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
    ศีลวิบัติ ๑
    จิตตวิบัติ ๑
    ทิฐิวิบัติ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ศีลวิบัติเป็นไฉนบุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้ฆ่าสัตว์
    ลักทรัพย์
    ประพฤติผิดในกาม
    พูดเท็จ
    พูดส่อเสียด
    พูดคำหยาบ
    พูดเพ้อเจ้อ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ศีลวิบัติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็จิตตวิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นคนมักโลภ มีจิตพยาบาท
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า จิตตวิบัติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลายก็ทิฐิวิบัติเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล
    การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
    มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์พวกที่ผุดเกิดไม่มี สมณพราหมณ์ ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ
    ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตาม ไม่มีในโลก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ทิฐิวิบัติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลวิบัติเป็นเหตุสัตว์ทั้งหลาย เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    หรือว่าเพราะ จิตตวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลาย เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    หรือว่าเพราะ ทิฐิวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลาย เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิบัติ ๓ อย่างนี้แล

    ---------------------------------------------------------------
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
    ศีลสัมปทา ๑
    จิตตสัมปทา ๑
    ทิฏฐิสัมปทา ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ศีลสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์
    เว้นขาดจากลักการทรัพย์
    เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม
    เว้นขาดจากการพูดเท็จ
    เว้นขาดจากคำส่อเสียด
    เว้นขาดจากคำหยาบ
    เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ศีลสัมปทา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็จิตตสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้ไม่มักโลภ ไม่มีจิตพยาบาท
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า จิตตสัมปทา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทิฐิสัมปทาเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นสัมมาทิฐิ มีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาแล้วมีผล การเซ่นสรวง
    มีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมี โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์พวกที่
    ผุดเกิดขึ้นมี สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญา
    อันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตาม มีอยู่ในโลก

    ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า ทิฐิสัมปทา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะศีลสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง สุคติโลกสวรรค์
    หรือว่าเพราะ จิตตสัมปทาเป็นเหตุสัตว์ทั้งหลาย เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง สุคติโลกสวรรค์
    หรือว่าเพราะทิฐิสัมปทาเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลาย เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง สุคติโลกสวรรค์
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๓ อย่างนี้แล ฯ


    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๐
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
    หน้าที่ ๒๕๕/๒๙๐
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • w031.jpg
      w031.jpg
      ขนาดไฟล์:
      399.1 KB
      เปิดดู:
      344
  2. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    (เก็บตกคำสอนจาก ตถาคต)

    ถ้าลมเจือด้วยผงคลีพัดมาแต่ทิศตะวันออก พึงปิดหน้าต่างด้านตะวันออก
    ถ้าพัดมาแต่ทิศตะวันตก พึงปิดหน้าต่างด้านตะวันตก
    ถ้าพัดมาแต่ทิศเหนือ พึงปิดหน้าต่างด้านเหนือ
    ถ้าพัดมาแต่ทิศใต้ พึงปิดหน้าต่างด้านใต้


    ถ้าฤดูหนาวพึงเปิดหน้าต่างกลางวัน กลางคืนพึงปิด
    ถ้าฤดูร้อน พึงปิดหน้าต่างกลางวัน กลางคืนพึงเปิด
    .


    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๔
    พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
    หน้าที่ ๖๗/๓๐๔
     

แชร์หน้านี้

Loading...